Lilypie - Personal pictureLilypie Fourth Birthday tickersLilypie - Personal pictureLilypie Second Birthday tickersDaisypath Anniversary tickers

Group Blog
 
All blogs
 

หนู 4 ขวบแล้ว

ห่างหายไปนาน เมื่อวันที่ 10 กันยา เคที่ มีอายุครบ 4 ขวบแล้วค่ะ แต่วันเกิด

คุณเธอดันต้องทำงานเพราะติดงานถ่ายโฆษณา ก็เลยเลื่อนมาจัดงานให้คุณ

เธอเป็นวันที่ 11 แทน งานก็ไม่ได้มีใคร ทำอาหารกินกันเองในครอบครัว

เคที่ได้เป่าเค้กก้ดีใจมากแล้ว ติ๊กได้พาเคที่ไป งาน bbb ที่ศูนย์สิริกิต

ได้ของเล่นมาเยอะเลย เป็นทั้งของขวัญวันเกิดและรางวัลให้กับเคที่ที่ทำ

งานผ่านไปด้วยดี




เคที่ เลือกชุด บัลเล่ต์ ชุดนี้เองเลย




ช่วงนี้ฝนตกอากาศเปลี่ยเคที่ก็เป็นภูมิแพ้ ส่วนติ๊กก็เป็นภูมิแพ้ พึ่งจะฟื้นจากหวัดกัน




แค่นี้เคที่ก็มีความสุขแล้วค่ะ ขอให้หนูมีแต่คนรักใครมีแต่ความสุขและมี

สุขภาพที่แข็งแรงนะลูกรักแม่รักหนูกับน้องเฟลินะ




 

Create Date : 12 กันยายน 2554    
Last Update : 12 กันยายน 2554 12:42:48 น.
Counter : 2169 Pageviews.  

ได้ไปทานบุฟเฟต์สุดหรู @ Golden Tulip Sovereign Hotel Bangkok (formerly Radisson Bangkok)

เมื่อวันที่ 2 เมษา 2554 ครอบครัวของเราได้มีโอกาสไปทานบุฟเฟต์สุดหรู

(สำหรับเรา)ที่ รร โกลเด้น ทิวลิป ตรงข้างๆ รพ พระราม 9 เนื่องจากเคที่ได้


รางวัลจากการประกวด เบบี้ คอนเทสต์ 2011 ได้รางวัลขวัญใจภาคกลางเรา

จึงได้วัลเชอร์มา ก่อนจะไปก็จับเคที่แต่งตัวให้เหมาะสมซะหน่อย แม่ลูก

แต่งตัวหวานแหวว






นั่งรถแท็กซี่ใช้เวลา 50 นาทีก็มาถึง




พอมาถึงอาหารเยอะแยะไปหมดมีหลากหลายให้เลือก







อาหารของที่นี่ราคา น่าจะตกคนละ 1200 บาท




อาหารอร่อยทุกอย่างเลย ต้องขอบคุณสาวน้อยที่ทำให้ครอบครัวของเรา ได้มาทานอาหารอร่อยๆที่นี่




สถานที่ก็จัดสวยงามแถมมองเห็นวิวสวยๆข้างนอกด้วย




เสียดายเราทานอาหารได้ไม่เยอะเท่าไหร่ ได้แต่เก็บภาพเอาไว้ดู เป็นคนที่พอทานได้นิดหน่อยก็แทบจะอ๊วกแล้ว เลยไปทานบุฟเฟต์ไม่ค่อยจะคุ้มกับเค้าหรอก



เคที่ก็ชอบของหวานเป็นที่สุด






พอทานเสร็จก้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ไว้หน่อย



ดอกไม้ ประดับสวยจัง




สำหรับคนรวยๆอาหารราคาแบบนี้คงธรมดา แต่สำหรับเราไม่ธรรมดาเลยที่ได้มาทานอาหารที่นี่

เก็บไว้เป็นความประทับใจ

ดีใจที่มีลูกสาวที่น่ารักไปไหนก็มีแต่คนชื่นชอบและหนูก็ไหว้สวัสดีและยิ้มแย้มกับทุกคน ทำให้เป็นที่เอ็นดูของทุกคน ก่อนกลับเคที่ยังได้ลูกอมจากเชฟด้วย





ก่อนกลับหนูยังบ๊ายๆพี่ทุกคน บอกว่าแล้วหนูจะมาใหม่นะคะ เราได้แต่คิด เราจะได้มาอีกเหรอ




 

Create Date : 06 เมษายน 2554    
Last Update : 6 เมษายน 2554 9:09:25 น.
Counter : 2538 Pageviews.  

ประกวดแม่และเด็ก2011

เมื่อวันเสาร์ที่ 12 กุมภาพันธุ์ 2011 ได้พาเคที่ไปเข้าร่วมประกวด baby contest

ที่ได้ส่งรูปไปเข้าร่วมแล้วผ่านเข้ารอบ เคที่ได้เบอร์ c19 เราไปกันสองคนแม่ลูกตามเคย ไปก็เกือบสายเพราะรถติด วันนี้เคที่รู้สึกมีความสุขเป็นพิเศษเพราะติ๊กได้ให้เคที่ใส่ชุดเป็นเจ้าหญิง

พอไปถึงงานก็มีของมามอบให้เยอะแยะไปหมด เป็นกิฟเซ็ตต่างถือกันแทบไม่ไหว งานนี้ยังดีที่เคที่เจอเพื่อนที่รู้จักนั่นคือน้องเจสซี่ที่อายุใกล้เคียงกันเลยเล่นกันอย่างสนุกสนาน



ในงานเด็กๆแต่งตัวกันน่ารักมากๆเลย แถมมีการร้องเพลงและมีเพลงให้เด็กๆได้เต้นเคที่ชอบเต้นอยู่แล้ว เลยสนุกใหญ่





ติ๊กดีใจที่ได้พาลูกมาร่วมงานเพราะเป็นปีสุดท้ายแล้ว เคที่อายุเกิน ปีหน้าได้พาเฟลิมาประกวดบ้าง





และพอถึงเวลาขึ้นเวที เคที่ก็กล้าพูดชัดเจน พี่ถามว่าเคที่มีแฟนรึยังคะ เคที่ตอบว่ายังค่ะ พอพี่ถามว่ามีคนมาจีบสนมั้ยหนูตอบสนค่ะ ทำเอาคนหัวเราะเลย แล้วกรรมการถามว่าทำอะไรได้บ้างหนูบอดเต้นได้ร้องเพลงได้ค่ะ แล้วก้เต้นให้กรรมการดูแบบไม่อาย


พอถึงเวลาประกาศรางวัล ติ๊กไม่อยากจะเชื่อว่าเคที่จะได้รางวัล ขวัญใจภาคกลาง แต่ก็ดีใจมากๆเพราะเด็กๆน่ารักทุกคน




แต่งชุดเจ้าหญิงน้อย




หนู c 19




เป็นถ้วยรางวัลแรกในชีวิตของหนูเคที่เลย



เป็นความประทับใจสำหรับผู้หยิงคนนึง แม่บอกเคที่ว่าแม่ภูมิใจในตัวเคที่ที่สุดเลย เคที่ก็บอกแม่ว่าหนูก็ภูมิใจในตัวแม่มากเลยวันนั้นทั้งวันแม่ได้แต่ยิ้มภูมิใจในความสามารถของหนู





 

Create Date : 04 มีนาคม 2554    
Last Update : 4 มีนาคม 2554 13:06:09 น.
Counter : 2773 Pageviews.  

วันสนุกๆอีก 1 วัน

ได้พาเคที่ไปถ่ายแบบอีกแล้ว คราวนี้ถ่ายของอองฟองและได้คู่กับหนุ่มน้อยชิโช่อีกแล้ว สถานที่ถ่ายทำอยู่ในซอยประชาชื่น 37 เป็นสตูดิโอถ่ายภาพ วันนี้งานสนุกดีและถ่ายไม่ยากเคที่เล่นกับชิโช่เพลินไปเลย




ชุดนี้เป็นคอลเล็คชั่นแนวไปเที่ยวทะเล





ได้เห็นลูกแต่งตัวน่ารักๆก็อดอมยิ้มไม่ได้ แถมเวลาแต่งหน้าคุณเธอดูหน้าจะสวยเกินวัยไปนิด





ชุดเหมือนเด็กญี่ปุ่นเลย





หลายคนคงอาจจะเบื่ออีนังนี่มีแต่รูปลูกไปถ่ายแบบคืออยากจะเก็บบันทึกไว้ให้เค้านะคะว่าพาไปทำอะไรบ้างตอนโตอาจจะไม่โอกาสแบบนี้

ชีวิตคนเราไม่แน่นอนได้ทำอะไรให้ลูกก็ดีทั้งนั้นเวลาผ่านไปเร็วได้เก็บบันทึกไว้ให้เค้าได้ดูก็คงจะดีใจ



ผมเคที่ก็ยังไม่ได้ตัดเลย กลัวตัดแล้วสีบล็อนหายไปอะเสียดายเพราะเหมือนว่าผมตอนเกิดจะสีอ่อนกว่าตอนนี้ แต่ที่แน่ๆตอนเกิดผมก็ไม่หยิกนะทำไมตอนนี้หยิกก็ไม่รู้




เคที่ชอบถ่ายรูปกับชิโช่เพราะอาจจะถ่ายแบบด้วยกันจนเคยชินแถมเป็นเพื่อนเล่นกันบ่อยๆทำให้รู้สึกสนุก




เคที่ชอบทำผมซะจนพออยู่บ้านก็ชอบเล่นเป็นช่างทำผมช่างแต่งหน้า เล่นหน้าแม่ซะเละไปหมดแถม ก็ทั้งหวัทั้งม้วนผมแม่ซะยุ่งไปหมด เคที่จะจำรายละเอียดทุกอย่างได้หมดเลยว่าเค้าทำยังไงบ้าง




ครั้งนีเป็นครั้งแรกเลยที่เคที่ได้ใส่ชุดว่ายยน้ำถ่ายแบบ




อยู่บ้านเรา 2 คนก็ชอบเล่นกันเป็นเด็กๆ





อีกหน่อยลูกเข้า รร เค้าก็จะต้องรู้จักการเข้าสังคมแต่กับเคที่จะไม่ห่วงเพราะเคที่ปรับตัวเข้ากับคนได้เก่งมากประมาณว่าถ้าเห็นคนเล่นกันอยู่ก็จะทำเนียนขอเล่นด้วยซะอย่างนั้นเล่นเอาวงเค้ากระจายกันเลย




ส่วนตัวเคที่เค้าพร้อมจะไป รร ตั้งนานแล้วแต่ติ๊กหวงเค้าไว้เองเพราะติดลูก




กลัวนั่นนี่สารพัดกลัวลูกติดหวัดเพื่อนกลัวลูกไปแกล้งคนอื่น



เคที่ชอบพูดเหมือนผู้ใหญ่ ชอบทำตัวเป็นผู้ใหญ่ จนบางทีติ๊กก็ลือว่าลูกแค่ 3 ขวบ ติ๊กจะชอบบอกเค้าว่าเคที่โตแล้วทำเองได้แล้วและเค้าก็เลยชอบพูดว่าเค้าโตแล้ว




ขอบคุณที่แวะมาค่ะ




 

Create Date : 29 ธันวาคม 2553    
Last Update : 30 ธันวาคม 2553 19:44:58 น.
Counter : 2012 Pageviews.  

เขาใหญ่ @ ต้นศิลป์รีสอร์ท 15-16 ธค 53

เนื่องจากเคที่ได้งานถ่ายแบบกับบริษัทดิสคิด เป็นเสื้อผ้าส่งออกนอกเป็นคอลเลคชั่นหน้าหนาว ทีมงานจัดสถานที่ให้ไปถ่ายแบบที่เขาใหญ่ เราไม่เคยไปเที่ยวเขาใหญ่มาก่อนน่าตลกจังเป็นคนโคราชแท้ๆแต่ไม่เคยแวะเลย

ทางทีมงานนัดให้ไปถึง ต้นศิลป์รีสอร์ท เวลา 11 โมง งานนี้มีเพื่อนที่เคยถ่ายแบบด้วยกันไปทำให้เด็กๆสนุกกันมาก เพราะต่างก็รู้จักกันมาก่อน

สถานที่พอมาถึงก็สวยงามเพราะวิวภูเขาแต่เสียดายช่วงเราไปอากาศยังไม่หนาวเย็นเท่าไหร่ทำให้เด็กๆต้องใส่ชุดหน้าหนาว กลายเป็นร้อน





ห้องพัก เราถ่ายกัน 2 วัน

ทางเดินขึ้นเดินลงค่อนข้างลาดชันเดินค่อนข้างเมื่อยเหมือนกันหรือเพราะเราแก่แล้วหว่า




งานนี้สามีใจดีขับรถมาให้เพราะตัวเองก็จะได้ถือโอกาสเที่ยวด้วย




เคที่ทั้งตื่นเต้นและดีใจพอเห็นภูเขาชอบมากๆเลย แต่คนที่เห่อกว่าคือิชั้นอิอิ ระหว่างรอลูกแต่งหน้าทำผมก็แชะซะหน่อย






งานนี้เคที่ได้ใส่ชุดสวยๆอีกตามเคย อยากซื้อให้ลูกใส่บ้างแต่ว่าเค้าทำผลิตขายที่เมืองนอกนู่นแน่ะ แถมบ้านเราก็คงไม่หนาวถึงใจให้ได้ใส่ชุดอย่างนี้อะนะ

นั่งให้พี่แต่งหน้าอย่างตั้งใจกลัวไม่สวย







เริ่มด้วยชุดที่ 1



แต่ละชุดสวยๆทั้งนั้นแต่ถ้าได้ใส่ที่เมืองนอกจะดีมากเลยดูไฮโซมาก จากเด็กปอนปอนอย่างลูกเราได้ใส่ชุดสวยๆดูมีสกุลรุนชาติขึ้นมาเชียวอิอิ

ชุดที่ 2 สวยไม่แพ้กัน ทำผมอีกสไตล์





ถ่ายคู่กับเพื่อนสุดน่ารักชื่อน้องแคทเธีย อายุไล่เลี่ยกันเลย




บางช่วงก็สงสารลูกเหมือนกันเพราะอากาศร้อนแล้วชุดก็หนาแต่เราเชื่อว่าเคที่ต้องทำได้แถมทางทีมงานเค้าก็ใจดีไม่ได้เคี่ยวเข็ญอะไร ตามสบายเรื่อยๆแต่เราสิกลัวลูกไม่ทำก็ทำสารพัดไปหาจับหนอนมาหลอกให้ยิ้มบ้างละจนร้องไห้กันหลายกระบุงเลยกว่างานจะเสร็จ มีคนบอกพอเข้า 4 ขวบก็คงจะสั่งและทำตามมากกว่านี้ แต่ที่แน่ๆที่เคที่ชอบที่สุดคือการได้แต่งหน้าทำผมและได้แต่งชุดสวยๆแถมได้เจอเพื่อนๆพอพักก็จะเล่นกันตลอด







วิวสวยมาก ถ้าเป็นหน้าหนาวก็คงจะสวยมากที่สุดเลยคงจะเหมือนเมืองนอกว่าแล้วก็คิดถึงเมืองนอก เกิดมาก้ไม่ได้มีวาสนาได้ไปอยู่ ต้องอยู่เมืองไทย แอบเคยฝันอยากใช้ชีวิตที่เมืองนอกก็ไม่ได้อย่างใจฝัน แต่ไม่เคยฝันจะมีลูกน่ารักอย่างนี้แต่ได้ก็ดีไป




เห็นช่างแต่งหน้าฝีมือดีและช่างทำผมฝีมือดีก็แอบมองๆเค้าทำยังไงเผื่อจะเอาไปแต่งให้ลูกได้มั่งเห็นเค้าแต่งแป๊บๆสวยเลยดูเหมือนจะง่ายลองมาทำจริงๆยากอะ แถมแต่งหน้าก็ต้องมีมิติ พี่ๆชอบผมเคที่กันมากบอกว่าเหมือนเส้นไหมทำง่ายแถมผมเคที่ก็เป็นลอนอยู่แล้วเลยไม่ต้องม้วนเยอะก็เป็นลอน





เคที่ปากหวานชอบชมคนนั้นคนนี้สวย และก็ชอบที่จะแต่งหน้าเอง




แอบรู้สึกว่าตัวเองแปลกอยู่เหมือนกันที่เราจะเป็นคนเข้มงวดกับลูกไปหน่อยคือจะไม่ตามใจเลยแถมเวลาลูกร้องไห้ก้ไม่ค่อยโอ๋ปล่อยให้หายเองจนลูกบอกแม่โอ๋หนูหน่อย อยากจะกอดลูกและโอ๋ลูกแต่เพราะสมัยเราเด็กๆแม่ก็ไม่ค่อยโอ๋ทำให้เราเป็นคนค่อนข้างกระด้างจะโอ๋ลูกไม่เป็น




แต่ติ๊กก้ไม่เคยตีลูกนะเพียงแต่จะไม่เอาอะไรมาเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนให้เค้าอยากทำเพราะไม่อย่างนั้นก็ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนอยู่เรื่อยไปติ๊กจะบอกเค้าว่าเรามาเล่นมาเที่ยว และก็จะบอกเค้าว่าคนอื่นเค้าก็ทำเคที่ก็ต้องทำเหมือนเค้า
ติ๊กโชคดีอย่างตรงที่เวลาผ่านร้านขายของเล่นหรืออะไรเค้าก็ยังไม่เคยงอแงอยากได้อะไรเลย เวลาคนจะให้อะไรเคที่ก็ชอบบอกว่าหนูก้มีทั้งๆที่ไม่มีหรอกบางอย่างก็ยังไม่มีเหมือนจะขี้เกรงใจรึเปล่าไม่แน่ใจ




ติ๊กจะไม่เคยพอใจในสิ่งที่ตัวเองทำเลยว่าจะการเลี้ยงลูกหรือทำอะไรคิดว่าเรายังทำไม่ดีพออย่างตอนนี้เคที่พูดภาษาอังกฤษยังไม่ค่อยได้ก็ห่วงกลัวลูกพูดไม่ได้ แต่ก็คิดว่าเราคงไม่ส่งลูกเรียนอินเตอร์เพราะค่าใช้จ่ายสูงมากและก็ลูก 2 คนก็คงสู้ไม่ไหวในใจกลัวไปหมดแต่พอมานึกอีกทีครอบครัวเราต้องอยู่เมืองไทยตลอดภาษาไทยก็สำคัญกว่าอยู่แล้วแถมเรายังพูดได้แต่นี่ลูกเรามีสามีทั้งคน เค้าก็ต้องอยากพูดให้ได้ซักวันแหละตอนนี้ก็พยายามเคี่ยวเข็ญอยู่ซักวันต้องสำเร็จ อย่างน้อยๆก็คงให้เข้า รร ที่เป็นอิงลิชโปรแกรม



ถ้าไม่ได้จริงๆก็ส่งไปเรียนเมืองนอกซักปี บอกตัวเองว่าอย่ากังวลและกลัวเกินไปตอนนี้ก็พยายามที่สุดแล้ว




สามีจะให้สิทธิ์ติ๊กในการตัดสินใจเกี่ยวกับลูกๆไม่ว่าจะทำอะไรและติ๊กเป็นคนจัดการเกี่ยวกับธุระต่างๆในบ้านบางทีก็เหนื่อยเพราะสามีพูดไทยไม่ได้ทำให้ภาระทุกอย่างตกเป็นของเราคนเดียว รู้สึกเป็นความรับผิดชอบที่ใหญ่ แอบคิดว่าหวังว่าสิ่งที่เราเลือกจะเหมาะสมกับลูกและหวังว่า คงไม่เป็นการผลักดันเค้าเกินไป หวังว่าเค้าคงชอบ




สังคมที่เคที่อยู่ปัจจุบันมันช่างแตกต่างกับตอนที่สมัยติ๊กเป็นเด็กๆ ติ๊กเป็นแค่เด็กบ้านนอกคนนึงที่เล่นไปตามประสา เล่นดินเล่นทราย ไม่ค่อยมีของเล่นมากมายตุ๊กตาตัวแรกก็ได้เมื่อตอน 10 ขวบโน่นทำให้บางทีติ๊กเลี้ยงลูกก็เลยเปรียบเทียบกับตัวเองเมื่อยังเล็กทำให้ไม่ได้ค่อยซื้อของเล่นให้มากนักเพราะคิดว่าเมื่อก่อนเราก้ไม่มีแต่เราก็โตมาได้แต่บางอย่างก็คิดผิดเพราะในเมื่อเรามีเงินแล้วสามารถซื้อหาได้ ทำไมเราไม่ซื้อให้ลูกเพราะของเล่นบางอย่างมันก็เสริมพัฒนาการให้กับลูกได้ ติ๊กอาจจะใจแคบเกินไปก็ได้แม้แต่กับลูกตัวเอง ติ๊กชอบที่จะให้ลูกได้เล่นกับธรรมชาติแต่ติ๊กก็ทดแทนด้วยการที่ติ๊กเล่นกับลูกนะเล่นเป็นเหมือนวัยเดียวกันเลย ยอมให้เค้าสั่งให้เค้าออกคำสั่งกับเราได้ตอนที่เราเล่นกัน แต่ถ้าโตขึ้นติ๊กก็คงซื้อในสิ่งที่เค้าอยากได้จริงๆให้เค้าบ้างเพราะเค้าก็สามารถหาเงินได้เองเงินที่เค้าทำงานมาทุกบาทติ๊กเอาใส่บัญชีไว้ให้เค้า กว่าจะโตคงซื้อรถได้ซักคันแน่ๆมันเป็นเงินของเค้าที่พออายุ 18 เค้าจะเอาไปทำอะไรก็ได้

ว่ามาซะยาวดูรูปต่อดีกว่า




ในใจติ๊กจะไม่คาดหวังให้ลูกเป็นอะไรเพราะเมื่อสมัยเป็นเด้กโดนคาดหวังไว้ เราชอบเรียนภาษาแต่เหมือนต้องเรียนสายวิทย์ถึงจะมีโอกาสกว่าทำให้เราพลาดไม่ได้เรียนในสิ่งที่เราชอบ ตอนนี้ก็เเลยเรียนด้วยตัวเอง ติ๊กจะพยายามสอนให้ลูกรู้จักถ่อมตนแต่บางทีการถ่อมตนเกินไปก็ทำให้คนดูถูกเรา การมีเคที่ทำให้ติ๊กได้เรียนรู้หลายอย่างจากคนที่หลีกหนีสังคม สมัยเด็กติ๊กตั้งใจอยากเป็นบรรณารักษ์เพราะจะได้อยู่แต่กับหนังสือไม่ต้องพบผู้คนแต่พอมีลูกก็ทำให้เราปรับต้องรู้จักการอยู่ในสังคมให้ได้เพื่อลูก และตัวเองก็รู้สึกว่าเรามีตัวตนมากขึ้นรู้จักเอาใจใส่ตัวเองมากขึ้นอย่างน้อยโตขึ้นลูก2คนก็ต้องรักชั้นแน่ๆชั้นมีคนที่รักชั้นเพิ่มขึ้นแล้ว แอบดีใจ




รู้ว่าตัวเองมีจุดอ่อนมากมายที่ต้องปรับปรุงแต่ตั้งแต่มีลูก็เข้มแข็งขึ้นเยอะจากเป็นคนไม่ค่อยกล้าก็กล้าขึ้น รู้สึกว่าเราเป็นหัวหน้าครอบครัวเรื่องการเงินสามีจัดการแต่เรื่องการตัดสินใจต่างๆภายในบ้านอะไรที่ใหญ่ๆเราเป็นคนตัดสินใจทั้งนั้นเลย อย่างเรื่องเลือกบ้านเราต้องอยู่ไปตลอดชีวิตเราก็เป็นคนเลือกบางทีก็แอบเสียดายทำไมไม่เลือกตรงนั้นตรงนี้แต่พอมาคิดอีกทีตัดสินใจอะไรไปแล้วก็อย่าไปเสียดาย เดี๋ยวนี้ได้ฟังหลักธรรมของท่านพระพุทธทาสก็ยิ่งทำให้มีแนวทางในการดำเนินชีวิตมากขึ้น เราก็ยังดีที่มีมงคล 38 ประการที่เราศึกษาสมัยเด็กเป็นแนวทางให้กับชีวิตไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิตกพร้อมที่จะเผชิญกับมัน




ติ๊กเป็นคนที่คิดมากไปหน่อยบางทีคิดเยอะจนไม่กล้าพูดออกไปทั้งๆที่ในใจก็อยากพูดกลัวคนได้ยินไม่พอใจทำให้เป็นคนเก็บความรู้สึกมากเกินไปซึ่งไม่ดีเลยมันทำให้เราเป็นคนหดหู่ เป็นคนที่ไม่มีใครเข้าใจเราเพราะเราปกปิด แล้วทำให้เราไม่รักตัวเองเพราะคิดว่าไม่มีใครเข้าใจเรา และมันจะลงท้ายด้วยการคิดอะไรสั้นเกินไปเมื่อก่อนเป็นบ่อยมากแต่พอมีลูกเหมือนเค้ามาช่วยเราไว้ให้เรารู้สึกว่าอย่างน้อยเราก็ยังมีค่าสำหรับลูก




บางทีที่ติ๊กฟุ้งซ่านเยอะๆก้ชอบที่จะหาอะไรทำฆ่าเวลา ติ๊กชอบปักครอสติชมากรู้สึกเวลามันผ่านไปเร็วเพราะสิ่งนี้แต่เดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยมีเวลาให้ฆ่าเหมือนเมื่อก่อนเพราะลูก 2 คนต้องการเราและเราก็เป็นที่รู้ใจเค้ามากที่สุดเราก็ต้องดูแลเค้า จนกว่าเค้าจะดูแลตัวเองได้แต่ก็จะพยายามให้เคาพึ่งตัวเองเค้าจะได้อยู่ได้ด้วยตัวเอง ก็คงเหมือนแม่ๆคนอื่นๆที่เรากลายเป็นไม่สำคัญเมื่อเทียบกับลูกแล้วลูกย่อมมาก่อนเสมอ






ติ๊กเป็นคนไม่ค่อยมีความเป็นระบบระเบียบเมื่อเทียบกับสามี เค้าจะชอบให้บ้านดูเข้าที่เข้าทางแต่ติ๊กก็ชอบบอกว่าก็บ้านมีคนอยู่จะให้ของเป็นระเบียบเหมือนไม่มีคนอยู่ก็เป็นไปไม่ได้ ก็จะชอบเถียงกันแต่ไม่ถึงกับทะเลาะก็รู้ว่าอาจจะเป็นนิสัยไม่ดีก็ได้แต่ติ๊กไม่ชอบให้ชีวิตมีกฎเกณฑ์มากนักอยากให้เอาที่เราทำเราอยู่แล้วเราสบายใจ แต่สังคมภายนอกอาจจะไม่ใช่อย่างนั้นแต่เชื่อว่าลูกก็คงปรับตัวให้เข้ากับสังคมได้ ก็ไม่อยากเข้มงวดกับลูกมากแต่ก็ต้องไม่ใช่อยู่แบบรกเกิน คือสามีติ๊กเค้าอยากให้บ้านเนี๊ยบแบบ โรงแรมเดินไปไหนจับไม่มีฝุ่นเลยซึ่งมันคงยาก เมืองไทยไม่เหมือนเมืองนอกตรงที่บ้านเมืองเค้าเป็นแบบปิดแต่บ้านเราต้องรับเอาอากาศภายนอก






จะว่าไปติ๊กกลายเป็นคนที่แอนตี้วิธีที่พ่อแม่เลี้ยงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้อย่างแม่ติ๊กจะเป็นเจ้าระเบียบมากเพราะเมื่อก่อนทำงาน เป็นพนักงานทำความสะอาดดีเด่นเค้าจะสะอาดมาก อย่างล้างห้องน้ำต้องเอาแปรงสีฟันมาขัดทุกซอกของผนังห้องน้ำให้สะอาดหมดจด แถมทำ 2 รอบด้วยและอีกหลายๆอย่างที่ต้องเป็นระเบียบจนพอมีบ้านเป็นของตัวเองก็เลยเหมือนชั้นเป็นอิสระก็เลย เป็นตัวของตัวเอง

และเมื่อตอนเด็กแม่จะเข้มงวดมากตั้งแต่เกิดมาจนอายุ 20 ไม่เคยไปค้างคืนบ้านเพื่อนเลยแม่ไม่อนุญาติก็เลยคิดว่ามีลูกเราคงไม่เข้มงวดเกินไปแบบนั้น ติ๊กเป็นคนขี้กลัวไง กลัวแม่ตีกลัวแม่เสียใจกลัวทุกอย่างก้เลยไม่ออกนอกลู่นอกทางแต่ในใจกลับเสียดายที่เราไม่ได้ทำตัวเหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่ทำอะไรผิดพลาดบ้าง ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างก็คงดี




แต่เราก็ว่าดีที่แม่เข้มงวดก็ดีแต่มันมากเกินไปทำให้เรารู้สึกเราไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ด้วยตัวเอง

เราจะเอาวิธีการของแม่มาปรับใช้กับลูกในสิ่งที่ดีก็มีเยอะในสิ่งที่เข้มงวดเกินไปก็จะหย่อยยานลงมา จะแสดงออกถึงความรักกอดหอมไม่ว่าลูกจะอายุเท่าไหร่ครอบครัวเราไม่ค่อยกล้าแสดงออกว่ารักให้รู้เลยแม่ไม่ค่อยชมและไม่ค่อยกอดหอม ทำให้เรารู้สึกขาดอยู่เหมือนกันว่าทำไมแม่ไม่กอดหอมไม่ชมไม่บอกว่ารัก เราก็รู้ว่าท่านรักแต่ก็อยากให้แสดงออกเพราะเมื่อตอนวัยรุ่นให้คิดเองบางทีมันก็แอบสงสัยในความรัก ทำให้เราไม่กล้าที่จะรักใครเพราะกลัวไม่ได้ความรักตอบจนเจอสามีเค้าแสดงออกว่ารักเราไม่ปกปิดเหมือนพ่อแม่เค้าให้ในสิ่งที่เราขาด เราให้ความมั่นใจแก่เราว่าเค้าจะรักเราไม่ให้เราสงสัยในความรักอีกต่อไป





บางคนบอกอายุยังน้อยทำไมเลือกลูกกับผู้ชายที่อายุห่างกันมาก เรามองที่ความรักที่เข้ามีให้เราต้องการความรักที่มั่นคงไม่เปลี่ยนแปลงเราไม่อยากเสียใจ และต้องการที่ยึดเหนี่ยวเพราะถ้าลำพังเราคนเดียวบางทีก็รู้สึกไม่รู้จะอยู่ไปทำไมทำอะไรไม่สำเร็จซักอย่างเราขาดการเคารพตัวเองและรักตัวเองมากๆ จนมาเจอสามีเค้าทำให้เรามีค่าและเป็นที่ปรึกษาที่ดีเค้าให้อภัยเราเสมอในยามที่เราผิดพลาดไม่เคยซ้ำเติม

เราชอบอะไรที่เหมือนกันทุกอย่างชอบธรรมชาติชีวิตเรีบยง่าย ชอบอดีต ชอบหนังโบราณ ชอบของโบราณ เราก็เลยไม่รู้สึกแตกต่างแถมวัฒนธรรมบ้านเค้าไปไกลกว่าเราตั้งนาน อย่างเราตอนเด็กอยู่ที่บ้านนอกยังไม่มีโทรทัศน์ใช้เลยแต่สมัยเค้าก็มีโทรทัศน์ก่อนเราซะด้วยซ้ำอะไรหลายอย่าง ที่เราไม่เคยรู้ก็ได้รู้จากเค้าซึ่งทำให้เราคู่กันอย่างลงตัวที่บางเรื่องเรารู้เพราะเราเป็นคนไทยและบางเรื่องเค้ารู้เพราะเค้าเกิดก่อนเรา





สรุปขอแค่เราได้อยู่กับคนที่เค้าเข้าใจเราและอยู่ด้วยกันได้โดยที่ไม่ขัดแย้งกันก็ดีที่สุดแล้วเพราะสุดท้ายก็มีแค่เราที่จะต้องอยู่ด้วยกัน และดูแลครอบครัวน้อยๆนี้ไปด้วยกัน




และการที่อยู่กับสามีก็ทำให้เราปลงชีวิตขึ้นเยอะเลยเราไม่กลัวที่จะต้องแยกจากกันเพราะเรารู้ว่าอีกกี่ปีเค้าจะอยู่กับเราแต่เราจะทำเวลาที่เหลืออยู่ให้มีค่าที่สุดเราไม่ขอย้อนเวลาให้เค้ากลับไปเป็นหนุ่มเพราะถ้าเค้าเป็นหนุ่มเค้าคงไม่มองเราเพราะเค้ามีผู้หญิงตั้งมากมายที่หมายปองเค้าและเค้าก็เจ้าชู้มากด้วยในเวลานั้น อย่างนี้จึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับเรา2คน



เรารักเดียวใจเดียวนะไม่เคยคิดว่าจะรักคนอื่นได้นอกจากสามีจะไปมีคนอื่นเพราะเราพอใจในทุกสิ่งแล้วไม่ขออะไรมากไปกว่านี้ชีวิตคนไม่จำเป็นต้องเพรียบพร้อมเราควรจะยอมรับและทำใจได้ในสิ่งที่จะเกิดขึ้นและในสิ่งที่เราได้เลือกก็ดีใจที่เราได้เลือกทางเดินด้วยตนเอง




ขอให้ทุกคนเจอความรักที่แท้จริงและสมหวังกับความรักไม่ต้องค้นหาอีกต่อไปเหมือนเรานะ








 

Create Date : 21 ธันวาคม 2553    
Last Update : 26 ธันวาคม 2553 10:09:55 น.
Counter : 2005 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  

katie-thanika
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่อยากแบ่งปันเรื่องราวชีวิตตัวเองและครอบครัว

Friends' blogs
[Add katie-thanika's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.