|
ถ่ายแบบให้กับabsorba ลงหนังสือบันทึกคุณแม่
เมื่อเดือน กพ ได้มีโอกาสได้ร่วมงานกับพี่ทีมงานบันทึกคุณแม่เพื่อถ่ายแบบให้กับเสื้อผ้าabsorba เป็นอีกหนึ่งผลงานความภูมิใจ เก็บไว้ให้ลูกดูตอนโต ผลงานออก เดือน เมษายน 53 ก็คือเดือนนี้พอดีเลย แอบซื้อเก็บมาไว้ตั้ง3 เล่มแถมทางหนังสือบันทึกคุณแม่ยังส่งซีดีและหนังสือมาให้เก็บไว้อีกต่างหาก ลำพังตัวเองคงไม่ได้มีรูปลูกสวยๆเก็บไว้แบบนี้แน่เลย
มาดูกันค่ะว่าหนูน้อยเคที่จะ เป็นยังไงในเสื้อผ้าแบรนดังๆ เมื่อก่อนติกไม่เคยซื้อเสื้อผ้าแพงๆให้ลูกใส่เลยค่ะ เพราะคิดว่าไม่จำเป็นแต่ตอนหลังๆเริ่มรู้จักว่าเค้ามีลดราคาบางทีก็เกือบถึง 70% และผ้าก็ดีมีคุณภาพแถมใส่ออกงานได้ และก็ขายต่อได้ราคาด้วยเลยเริ่มซื้อให้ลูกใส่บ้าง
แถมพอมีหนูเฟลิซิตี้ก็ทำให้ตัดสินใจซื้อเสื้อผ้าได้ง่ายขึ้นเพราะได้ใช้ถึง 2 ต่อแถมก็โชคดีบางทีไปถ่ายแบบก็จะได้เสื้อผ้าของแบรนด์นั้นๆติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วย
เคที่จะชอบถ่ายรูปมากเห็นกล้องเป็นไม่ได้ ตอนแรกตั้งใจจะให้เข้าเรียนปีนี้แต่คิดว่าลูกยังเล็กรอปีหน้าดีกว่าแถมใจยังไม่อยากห่างลูกเพราะเดี๋ยวพอเค้าไปเรียนเราก็จะมีเวลาอยู่กับเค้าน้อยลง แถมก็ไม่อยากให้ไปติดหวัด้วยอะเคที่เป็นหวัดง่ายมากภูมิต้านทานไม่ค่อยดี เกิดมาตัวก็โตกว่าน้องเฟลิแต่ดูท่าจะไม่แข็งแรงเท่าหนูเฟลิเลยเพราะเฟลิไม่เป็นหวัดบ่อยถึงเป็นก็หายเร็วแต่เคที่จะเป็นบ่อยมาก
ช่วงนี้เคที่จะชอบรำท่ามวยไทยเพราะอยู่กับคุณตาบ่อยเกินไปคุณตาพาดูมวยไทยเคที่ก็จะหัดรำท่ามวยไทยกับเค้า
ช่วงนี้กำลังมีความเป็นตัวของตัวเองเคที่จะชอบทำเลียนแบบเป็นผู้ใหญ่อย่างเค้าจะเลียนแบบตัวเองเป็นช่างแต่งหน้า เคที่ ; น้องขาพี่จะแต่งหน้าให้นะ ติ๊ก : พี่มีเครื่องสำอางเหรอคะ เคที่ ; มีสิพี่ไปเอามาก่อนะน้องขารออยู่ตรงนี้นะ ติ๊ก ; พยักหน้า เค้าก็จะแกล้งแต่งหน้าเราทำทุกอย่างเหมือนช่างแต่งหน้าแดะ คือทาตาทาปาก ปัดแก้ม และก็เค้าจะเรียกคุณแม่ขาทุกคำ ทั้งๆที่ไม่ได้สอนให้พูดเราเรียกตัวเองว่าแม่เฉยๆแต่ลูกได้คำว่าคุณแม่มาจากช่างแต่งหน้าแน่เลยเพราะพี่ๆเค้าจะเรียกกันเพราะมาก
เคที่จะไปๆมาๆระหว่างบ้านตายายกับบ้านตัวเองบางทีเค้าจะทำนิสัยไม่เหมือนกันคือจะเอาแต่ใจกับตายาย แต่พอมาอยู่กับติ๊กก็จะเป็นผู้ใหญ่คือพูดรู้เรื่องทุกอย่างทำตามที่บอก เพราะติ๊กจะไม่ค่อยตามใจเค้า อย่างพวกขนมกรอบติ๊กไม่ซื้อให้กินเลย แต่อยู่กับตายายจะได้กิน
เพราะคิดว่าเป็นสิ่งไม่ดี สิ่งไหนไม่ดีก็จะไม่ให้โดยเด็ดขาดแต่ตากับยายจะทนฟังเสียงร้องไห้ของหลานไม่ได้ก็จะตามใจ อย่างของเล่นติ๊กก็ไม่เคยซื้อของแพงให้เพราะเคที่ไม่ค่อยรักษาของและขี้เบื่อ เลยซื้อแต่ตามตลาดนัดให้อันละไม่เกิน 100 บาท เพราะส่วนมากเค้าชอบให้ติกเล่านิทานให้ฟังและชอบให้เล่นกับเค้า บางทีเค้าจะสั่งให้เราเป็นนั่นเป็นนี่ตามใจเค้าต้องการ อย่างเค้าอยากเป็นช่างทำผมเค้าก็จะเอาหวีเอากิ๊บมาติดผมติ๊ก ติ๊กก็แกล้งเป็นเด็กไปกับเค้าเลย
บางทีก็รู้สึกว่าเราโดนคาดหวังมากไปกับการเป็นแม่และเป็นภรรยา เพราะเราพยายามทำดีที่สุดเพื่อลูก จนบางทีก้ไม่ได้ทำสิ่งที่ตัวเองชอบอย่าง ชอบอ่านหนังสือ ก็ต้องเอาเวลาลูกหลับมาอ่านไม่ค่อยได้ดูหนังที่ตัวเองชอบ แต่ก็พยายามไม่เอาตัวเองไปเปรียบกับเพื่อนรุ่นเดียวกันเพราะเค้ายังไม่ได้แต่งงานและมีลูกเหมือนเรา การใช้ชีวิตก็จะแตกต่างกัน เค้าอยู่ในวัยทำงานพอวันหยุดก็นัดกันไปเที่ยวแต่เรามีแต่ลูกกับลูก
เราก็ยังโชคดีที่มีพอ่แม่ที่คอยช่วยเหลือตลอด อย่างบางทีสามีอยากมีเวลาไปเที่ยว 2 ต่อ 2 ก็เอาลูกไปฝากไว้กับพ่อแม่ ถ้าอยู่เมืองนอกเราคงไม่มีโอกาสอย่างนี้นับถือเพื่อนที่อยู่ไกลบ้านจิงๆที่สามารถเลี้ยงลูกด้วยตัวเองได้แม้อยู่ต่างแดนแถมบางคนมีลูกตั้งหลายคน
แต่ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหนก็เป็นสิ่งที่เราได้เลือกแล้ว และก็โชคดีที่มัลูกที่อารมณ์ดีตลอดและทำให้คนในบ้านมีความสุขและยิ้มได้ตลอดเวลา
ตั้งใจจะให้เคที่เรียนอนุบาลแถวบ้านแนวธรรมชาติไม่ต้องไปไกล รร ไม่จำเป็นต้องมีชื่อก็ได้เพราะลูกยังเล็กอยากให้เค้ารักธรรมชาติและเข้ากับเพื่อนๆได้ก้พอ ไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งได้เกรดดีๆเสมอไปจะไม่บังคับลูกถ้าลูกไม่ชอบ แต่ก็จะไม่ตามใจในสิ่งที่ผิด และจะพยายามสร้างภูมิคุ้มกันให้เค้า โดยต้องมีคนมองแปลกๆอยู่แล้วถ้าเรียนกับเด็กไทยคงจะโดนหาว่าจนบ้างฝรั่งขี้นกบ้าง อาจจะไม่มีคนคบบ้างก็จะพยายามให้ลูกเข้มแข็งเพราะเราย้ายมาเมืองไทยแล้ว ต้องใช้ชีวิตที่เมืองไทยคงไม่ไหวที่จะให้เรียนอินเตอร์แต่ก็อยากให้ลูกปรับตัว จะสอนลูกว่าเราไม่ได้พิเศษกว่าใครแต่เราก็ไม่ได้ต่ำต้อยไปกว่าใคร เพราะการที่เกิดมาเป็นลูกครึ่งก็จะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ยิ่งหน้าตาออกไปทางฝรั่งมากหน่อยแต่ต้องมาอยู่เมืองไทย และอยู่ในสังคมหมู่มากที่เป็นคนไทยก็กลัวว่าลูกจะไม่เป็นที่ต้อนรับ ติ๊กจึงต้องสอนลูกให้มีเกราะป้องกันตัวเอง
ยิ่งสมัยเด็กติ๊กจะเป็นพวกขี้อายโดนเพื่อนล้อก็ร้องไห้ ติ๊กย้ายมาเรียนในกทมตอน 9 ขวบ ก็จะโดนเด็ก กทม ล้อว่าเด็กบ้านนอกบ้าง ก็กลัวจะลูกจะโดนล้อเหมือนเราแต่หวังว่าคนสมัยนี้คงไม่ใจแคบเหมือนสมัยก่อน เพราะลูกครึ่งก็คนไม่อยากให้ลูกถูกมองเป็นตัวประหลาด (คิดมากไปรึเปล่าแต่ ถ้าลูกต้องเข้าเรียนจิงๆและแวดล้อมไปด้วยเด็กไทยมันก็ต้องน่าคิดบ้างแหละ)
ก็หวังว่าหนูน้อยคนนี้จะเป็นที่ต้อนรับของสังคมไทย เพราะหน้าฝรั่งแต่หนูหัวใจอีสานร้อยเปอร์เซ็น เพราะชอบฟังหมอลำมาก
ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาเยี่ยมหนูเคที่นะคะ
Create Date : 18 เมษายน 2553 |
Last Update : 18 เมษายน 2553 16:37:50 น. |
|
11 comments
|
Counter : 3164 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Hamugo วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:17:54:24 น. |
|
|
|
โดย: Rainny7 วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:19:52:16 น. |
|
|
|
โดย: หนูริวจัง วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:22:36:13 น. |
|
|
|
โดย: คุณนายขยัน วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:21:25:10 น. |
|
|
|
โดย: apple juice วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:22:13:21 น. |
|
|
|
โดย: curry (curry ) วันที่: 20 เมษายน 2553 เวลา:4:36:18 น. |
|
|
|
โดย: panglumm26 วันที่: 21 เมษายน 2553 เวลา:1:51:10 น. |
|
|
|
โดย: ❤❤ NamFon..(◕‿◕✿) (CeciLia_MaLee ) วันที่: 21 เมษายน 2553 เวลา:23:00:32 น. |
|
|
|
โดย: panglumm26 วันที่: 22 เมษายน 2553 เวลา:20:48:35 น. |
|
|
|
โดย: ปลา (scorpionfish ) วันที่: 26 เมษายน 2553 เวลา:21:11:55 น. |
|
|
|
| |
|
|