เมื่อลูกไปเรียนมัธยมในประเทศนิวซีแลนด์ ตอน 3 (NCEA และ การเทียบวุฒิ)
ระบบการศึกษาของนิวซีแลนด์ National Certificate of Educational Achievement (NCEA)
ลูกเข้าเรียนในชั้น year 10 คือ ม 3 ซึ่งในชั้นนี้ ลูกสามารถเข้าระบบ NCEA ได้แล้ว แต่ไม่บังคับ ความที่แม่ยังไม่เข้าใจในระบบมากนัก จึงแจ้งครูไปว่า จะขอลงเรียนธรรมดาไปก่อน ยังไม่ต้องการให้ลูกสอบ NCEA จะให้เริ่มตาม Step เลย คือ NCEA Level 1 ใน Year 11 NCEA level 2 ใน Year 12 NCEA Level 3 ใน Year 13
NCEA คืออะไร
NCEA หรือ National CErtificate of Educational Achievement เป็นระบบในการวัดผลความรู้ในระบบการศึกษาของประเทศนิวซีแลนด์ โดย Pathways ของการเรียนระดับมัธยมนั้น เริ่มจาก year 9-10 นักเรียนจะต้องเรียนวิชาพื้นฐานทั้งหมด เช่น เลข อังกฤษ วิทยาศาสตร์ สังคม พละศึกษา เป็นต้น และเริ่มมีวิชาเลือกให้เรียนเช่น เรียนทำอาหาร เรียนตัดเย็บ เรียนภาษาต่างประเทศ เช่นฝรั่งเศส สเปน เรียนงานช่างไม้ เป็นต้น
นักเรียนชั้น Year 10 สามารถเลือกวิชาบางวิชาในระดับ NCEA Level 1 ด้วย (โดยจะตัดสินใจสอบวัดผล NCEA หรือไม่ก็ได้) Year 11 เป็นปีที่เริ่มสอบวิชาในระดับ NCEA LEVEL 1 นักเรียนต้องลงวิชาบังคับ 3 วิชา คือ คณิต, อังกฤษ, วิทย์ และ เลือกวิชาตามที่ชอบอีก 2-3 วิชา ในระดับ NCEA Level 1 (สำหรับนักเรียนบางคน เลือกลงวิชา NCEA level 1 บางตัวตั้งแต่ year 10 และสอบได้แล้ว ก็สามารถลงวิชาในระดับ NCEA level 2 ได้เลย)
Year 12 ในชั้นปีนี้ มีวิชาบังคับเพียงวิชาภาษาอังกฤษ แต่ปกติ วิชา คณิตศาสตร์ก็นับเป็นวิชาที่ควรจะลงเรียนด้วย และ เลือกลงวิชาใน NCEA level 2 อีก 4 วิชา
Year 13 ในชั้นปีนี้ เป็นวิชาเลือกทั้งหมด 5 วิชา ในระดับ NCEA level 3
การเก็บหน่วยกิต NCEA LEVEL 1 จะต้องเก็บได้อย่างต่ำ 80 หน่วยกิต โดย 10 หน่วยกิตเป็น Literacy credits คือเครดิตจากวิชาภาษาอังกฤษ (5 in Writing และ 5 in Reading) และ 10 หน่วยกิตเป็น Numeracy Credits คือเครดิตจากวิชาคณิต
NCEA LEVEL 2 จะต้องเก็บได้อย่างต่ำ 80 หน่วยกิต โดย 60 หน่วยกิต ต้องเป็นวิชาของ NCEA Level 2 ขึ้นไป
NCEA LEVEL 3 จะต้องเก็บได้อย่างต่ำ 80 หน่วยกิต โดย 60 หน่วยกิต ต้องเป็นวิชาของ NCEA Level 3 ขึ้นไป
สำหรับผู้ปกครองไทย หรือ นักเรียนไทย ลายคนจะงง กับระบบ NCEA เป็นอย่างมาก นักเรียนไทยส่วนใหญ่ รอจนจบ ชั้น ม 3 ในประเทศไทย แล้วเดินทางไปเรียน year 11 ในนิวซีแลนด์ โดยไปเข้าเรียนในเทอม 2 (เพราะโรงเรียนในนิวซีแลนด์เปิดเทอมราวๆต้นกุมภาพันธ์) และ มักจะเรียนจนจบแค่ year 12 หรือ ชั้น ม 5 แล้วเดินทางกลับมาเข้ามหาวิทยาลัยในประเทศไทย โดยทำการเทียบวุฒิ เพราะ กระทราวงศึกษาระบุว่า นักเรียนที่จบ NCEA level 2 สามารถเทียบวุฒิได้แล้ว จะหานักเรียนที่เรียนจนจบ year 13 ได้ยาก นอกจากต้องการเข้าเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยในนิวซีแลนด์ ซึ่งต้องเรียนจบ NCEA Level 3
บางครั้ง นักเรียนไทยไม่เข้าใจ กฎเกณฑ์การเทียบวุฒิ คิดว่า การลงวิชา level 2 ในชั้น year 12 เมื่อเรียบนจบก็ถือว่าจบแล้ว เอาไปเทียบวุฒิได้ โดยไม่เข้าใจละเอียดว่าต้องได้กี่หน่วยกิต ต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง เมื่อเสียเงิน เสียเวลาไปเรียนจนจบ year 12 ตรงดิ่งไปที่กระทราวงศึกษา กลับพบว่า ไม่สามารถเทียบวุฒิได้ ต้องกลับไปเรียนต่ออีก 1 ปี หรือ หาทางสอบแบบอื่นๆไป
ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง เกณฑ์การเทียบความรู้วุฒิจากประเทศนิวซีแลนด์ (เพิ่มเติมครั้งที่ 3)
ดังนั้น จึงมีความสำคัญมาก ที่จะทำความเข้าใจ ในเรื่องของเกณฑ์การเทียบวุฒิ นอกจากนี้ ลูกๆและคุณพ่อคุณแม่ควรตัดสินใจตั้งแต่แรกเลยว่า ลูกต้องการเรียนอะไรต่อไปในระดับมหาวิทยาลัย ต้องการไปเข้ามหาวิทยาลัยในต่างประเทศ ในนิวซีแลนด์ หรือ ในประเทศไทย ซึ่งจะมีผลต่อการเลือกวิชาเรียน โดยเฉพาะเกณฑ์การเข้ามหาวิทยาลัยในนิวซีแลนด์มีกำหนดไว้ชัดเจน ว่าต้องสอบผ่าน NCEA level 3 ในวิชาที่เป็น University Approved Subjects เนื่องจากการเรียนมัธยมในนิวซีแลนด์นั้น ไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะการไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยอย่างเดียว แต่ยังมีวิชาที่เหมาะกับการนำไปประกอบอาชีพ หรือ มุ่งไปเรียนทางด้านอาชีวะ Polytechnic หรือ อื่นๆอีก ซึ่งวิชาเหล่านี้จะไม่อยู่ใน University Pathways นำคะแนนมานับสำหรับการพิจารณาเข้ามหาวิทยาลัยในนิวซีแลนด์ไม่ได้ เป็นต้น รายละเอียดปลีกย่อย ดูเหมือนวุ่นวานย แต่ถ้าเราค่อยๆนั่งทำความเข้าใจแล้ว จะทำให้เราไปถูกทาง ไม่เสียเวลาเปล่าค่ะ
ในกรณีของลูกนั้น เราตั้งใจไว้ว่า ต้องการให้ลูกเรียนแบบเต็มที่ จนจบ year 13 ไม่ต้องการรีบร้อน ไม่อยากลัดขั้นตอน เพราะ สุดยอดของชีวิตการเป็นนักเรียนระดับมัธยมของนิวซีแลนด์ อยู่ที่ year 13 นี่เอง เป็นชั้นปีที่เด็กๆได้แสดงออกทั้งในด้านการเป็นผู้นำ ความรับผิดชอบ ความสนุกสนาน การก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ กิจกรรมต่างๆที่ลูกทำในช่วงชั้น year 13 มีทั้งสนุกสนาน มีทั้งสาระ จนแม่อดดีใจไปกับลูกไม่ได้ ที่ได้รับโอกาสดีๆในชีวิตขนาดนี้ สำหรับครอบครัวที่สามารถรับค่าใช้จ่ายอีก 1 ปี ได้ เราก็อยากแนะนำเลยว่า ยอมลงทุนต่ออีกนิดเถิด ประสบการณ์ดีๆแบบนี้ หาซื้ออีกครั้งไม่ได้อีกแล้ว มันจะติดตัวลูกเราตลอดไป แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ไม่เป็นไร เพราะถึงแม้เด็กๆจะมาเรียนในต่างประเทศเพียง 2 ปี (กรณ๊จบ ม 3 มาต่อ year 11-12) ไม่ว่ายังไงก็ได้ภาษา ถึงแม้จะพูดไม่ได้สำเนียง หรือ คล่องแคล่วเต็มร้อย แต่ก็ยังได้ เพราะเค้าได้ใช้ภาษาอังกฤษทั้งวัน ทุกวัน ได้ประสบการณ์ดีๆในระบบโรงเรียนนิวซีแลนด์ ที่เรียกได้ว่าเป็นระบบที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และยังกลับไปเข้ามหาวิทาลัยหลักสูตรอินเตอร์ในไทยได้อีกด้วย (หากตั้งใจเรียนและเก็บหน่วยกิตได้ตามกำหนด และ ไปสอบ SAT, IELTS, และ การสอบวัดระดับความรู้อื่นๆ ตามที่มหาวิทยลัยกำหนด)

Create Date : 14 ธันวาคม 2558 | | |
Last Update : 17 ธันวาคม 2558 0:29:55 น. |
Counter : 3147 Pageviews. |
| |
|
|
|