|
Chapter 9 : A Nameless Monster
... การจะฆ่าโยฮันนั้น เทมมะต้องเลือกทางเดินที่จะทำให้ตัวเองกลับกลายเป็น Monster ให้ได้ แต่จาก Chapter 8 จวบจน Chapter 9 เส้นทางของพระเอกคนนี้กลับห้อมล้อมด้วยบรรยากาศแห่งความอบอุ่น เอื้ออารีย์ ไม่ใช่แค่คนรอบข้างเค้าเท่านั้นที่หยิบยื่นความอบอุ่นให้ (ป้าในร้านอาหารที่เอาอาหารมาให้) แต่เป็นตัวเทมมะเองด้วย ที่คอยดูแลให้คนที่เค้าพบเจอ มุ่งหน้าไปสู่ทางแห่งแสงสว่าง (หมอสาวชาวเวียดนามที่ต้องเปิดคลินิกทั้งที่ไม่จบหมอ) ... ยิ่งไปกว่านั้นการพยายามลอบสังหารโยฮันครั้งแรกก็ถูกขัดจังหวะด้วยเรื่องราวของชายชราผู้ทำผิดต่อป่า ความรู้สึกผิดและสิ่งที่สูญเสียไปหลังจากคนดีๆคนหนึ่งต้องทำการพรากชีวิตผู้อื่นได้ถูกตอกย้ำมากขึ้น
... ในเรื่องของริชาร์ดผมเน้นถึงสิ่งที่เรียกว่า ความรู้สึกผิด เมื่อฆ่าใคร ทีนี้หากคิดขยายออกไปในเรื่อง สิ่งที่สูญเสียไป เมื่อฆ่าใครบ้าง ...คุณหลายคน(รวมทั้งผมด้วย)คงอดไม่ได้ที่จะเชียร์ให้ผู้ร้ายในเรื่องต่างๆโดนฆ่า แต่คุณลองนึกดูดีๆ ถ้าฉันต้องฆ่าใครขึ้นมาจริงๆ ฉันจะมองหน้าคนรอบข้างฉันยังไง เพื่อนที่รู้จักกัน คนที่ฉันรัก พี่น้อง พ่อแม่ ลูกหลาน ...ทั้งลูกของริชาร์ดและป่าของชายชราก็คือ เพื่อนและบุคคลอันเป็นที่รักของทั้งคู่ คุณจะมองหน้าเพื่อนหรือคนที่คุณรักยังไงถ้าคุณฆ่าใคร อย่างจงใจ ...ลองนึกถึงข่าวฆาตกรเลือดเย็นทั้งหลาย คุณอยากคบนายแพทย์/นักศึกษา XXX ที่วางแผนฆ่าเมีย/แฟนตัวเองรึเปล่า หรือแม้เค้าจะทำไปเพราะบันดาลโทสะ คุณจะอยู่ใกล้ๆฆาตกรที่บันดาลโทสะก็ฆ่าคนรึเปล่า (ฆาตกรในผับอะไรพวกนั้น เหอะๆๆ) ...เป็นการสูญเสียการยอมรับจากคนรอบข้าง (ป่าของชายชรา) และแม้นคนรอบข้างคุณจะให้อภัย แต่คุณก็อาจสูญเสียการยอมรับในตัวเอง(self respect) (ไปเจอหน้าลูกของริชาร์ด) ความรู้สึกถึง ตัวตนของตัวเองในความคิดคนอื่น และ ตัวตนของตัวเองที่ตัวเองคิดว่าจะอยู่ในหัวคนอื่น จะเปลี่ยนไป
... สิ่งทั้งหลายที่เทมมะต้องพบเจอเหล่านี้เหมือนกับจะพยายามฉุดรั้งพระเอกของเราไม่ให้เปลี่ยนไปเป็น Monster ประโยคจากลาของหมอสาวชาวเวียดนาม ไม่ใช่การเรียกร้องให้ตัวเทมมะกลับมาหาเธอในภายหลัง หากแต่เป็นความห่วงใยอยากให้จิตใจเทมมะออกมาจากหนทางที่มืดมิด... คุณจะกลับมาใช่มั้ย ดร.เทมมะ
... การทำความเข้าใจถึงจิตใจเทมมะ และการพยายามเข้าใจถึงความรู้สึกที่จะตามมาเมื่อคุณต้องฆ่าใครนั้น คงทำให้เราเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมการเหนี่ยวไกยิงโยฮันในเล่ม 9 นี้ถึงยากเย็นนัก และคงอธิบายได้เป็นอย่างดีว่า ทำไมทั้งนีน่าและเทมมะต่างไม่อยากให้อีกฝ่ายเป็นคนฆ่าโยฮัน แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ความคิดที่ว่า ชั้นจะฆ่าเองเพราะชั้นมีความแค้นกับหมอนั่น เหมือนกับการ์ตูนเรื่องอื่นๆ แต่เป็นความรู้สึกที่จะยอมแบกรับสิ่งที่จะตามมาทั้งหมดและตัวเองนั่นแหละจะเป็น Monster ซะเอง
... ความเป็น Monster เกี่ยวกับเรื่องความโลภ เงิน และธุรกิจนั้นถูกนำเสนอให้เห็นในเล่ม 9 นี้ (อดีตของชูวาล์ดที่เป็นนักธุรกิจเลือดเย็น) ซึ่งแม้จะมีเพียงแค่ 1 หน้ากระดาษแต่ถ้าเราคิดให้ดีแล้วนี่ถือเป็น Monster ที่พบเห็นได้ในชีวิตจริงและใกล้ตัวมากที่สุดในชีวิตคนเราทั่วไปคงไม่ได้ฆ่าชีวิตคนโดยตรงมากนัก แต่ไม่น้อยเลยที่เราพบกับการฆ่าชีวิตคนโดยอ้อมผ่านธุรกิจและการเงิน มีกี่ชีวิตที่ล้มละลาย มีกี่ชีวิตที่เป็นหนี้ มีกี่ชีวิตที่ถูกโกง ถูกปล่อยกู้ด้วยดอกเบี้ยสูงๆ เมื่อคุณกำลังย่ำยีชีวิตเหล่านั้นด้วยธุรกิจ ปล่อยให้เค้าเหล่านั้นตายอย่างช้าๆ คุณก็มองค่าชีวิตของเค้าลดลงเช่นกัน
... แผนของโยฮันในตอนแรกเค้าอาจจะอยากแค่ฆ่าชูวาล์ดและเข้าไปก่อกวนวงการธุรกิจเล่น แต่แผนได้เปลี่ยนไปและเหี้ยมโหดกว่าเดิม (ฆ่าคนสำคัญทั้งหมด) การเผาหนังสือนั้นสื่อได้ถึงการทำลายยิ่งกว่าชีวิตแต่เป็นสัญลักษณ์ของหลายๆสิ่งในตัว มนุษยชาติ ...ผมไม่ค่อยแม่นประวัติศาสตร์นัก แต่เหมือนจะเคยได้ยินมาว่า ห้องสมุดในยุคกรีกหรือโรมันหรืออียิปต์ซักอย่างเนี่ยแหละ ที่ชื่อว่า Alexandria Library ถูกเผาทำลายไป (อยู่ทางเหนือของอียิปต์ แต่ถูกเผาหลายครั้ง ทั้งยุคโรมันและยุคอาหรับบุก หาข้อมูลเพิ่มได้ link ตอนท้ายนะครับ และขอบคุณคุณ d.s. สำหรับข้อมูล) เป็นที่น่าเสียดายในประวัติศาสตร์มนุษยชาติยิ่งนัก ...
... ในสมัยนี้อาจจะนึกภาพไม่ออก เพราะหนังสือเรื่องนึงพิมพ์เป็นแสนเป็นล้านเล่มกระจายทั่วโลก แต่ถ้านึกถึงหนังสือสมัยก่อนที่มีอยู่ที่นั่นที่เดียว เป็นองค์ความรู้ที่รวบรวมมาจากที่ต่างๆ (ซึ่งผู้แต่งก็ใช้วิธีให้โยฮันเผาหนังสือเก่าหายากที่ไม่เหลือแล้ว) เป็นสัญลักษณ์แห่งมรดกที่สั่งสมมาจากอดีตและเปี่ยมไปด้วยความหวังที่จะก้าวไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง(แสงสว่าง)ในอนาคต ...อะไรล่ะที่เราจะส่งต่อไปยังลูกหลานรุ่นถัดไปได้ถ้าไม่ใช่องค์ความรู้ (ลองสมมุติว่าทำลายงานวิจัยทั้งการแพทย์ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ วิศวกรรม ทั้งหลายในปัจจุบันสิ เราต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่กว่าจะวิจัยรื้อฟื้นคืนมาได้ และไม่แน่ว่าได้องค์ความรู้ที่เหมือนเดิมซะด้วย) และนั่นเองคือสิ่งที่โยฮันจงใจจะกลั่นแกล้ง... องค์ความรู้ที่สะท้อนถึงอนาคตของมนุษยชาติเหล่านั้น
... การกระทำของโยฮันทั้งหมดใน 9 เล่มที่ผ่านมา ผู้แต่งเฉลยให้คนอ่านเข้าใจว่าทำไมโยฮันถึงทำเรื่องราวทั้งหมดโดยไร้ความรู้สึกได้ขนาดนั้น ด้วยการสื่อผ่านคำถามเพียงคำถามเดียวเท่านั้น ...สิ่งที่พวกคุณทุกคนคงจะเคยผ่านกันมาแล้ว... หรือพูดได้ว่า คุณก็เคยเป็นโยฮันที่ไม่เห็นคุณค่าของชีวิตและทำไปอย่างไร้ความรู้สึกกันมาแล้ว... คุณเคยแหย่ขบวนมดเล่นมั้ย? ...สนุก? สงสาร? ไม่หรอกครับ บางทีคุณก็ไม่ได้รู้สึกทั้งสองอย่าง คุณแค่อยากรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น มันจะทำไงถ้าคุณไปขวางทางของมัน ถ้ามันถูกจับไปไว้ตรงนู้นนี้ โดนคุณเอาสารนู่นนี่ไปใส่มัน ...แต่นั่นคือ ชีวิต ของมัน... บางสิ่งที่เราไม่ให้ความสำคัญและไม่รู้สึกใส่ใจถึงมัน
... เนื้อเรื่องเล็กๆของคาร์ลในเล่มนี้ นอกจากจะเผยให้เห็นความสัมพันธ์ที่จะโยงไปยังแม่ของโยฮันแล้ว ยังสื่อให้เข้าใจได้ถึงความเหงาของผู้ที่ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ที่แท้จริง และความรู้สึกขาดอะไรบางอย่างนี้จะถูกเติมเต็มได้ด้วยการรับรู้ถึงความรักที่อบอุ่นจากผู้เป็นพ่อแม่ สิ่งนี้เป็นจุดสำคัญในภายหลังที่จะทำให้เราเข้าใจในตัวโยฮันมากขึ้น
... ขณะที่เทมมะพยายามเดินไปสู่ทางที่มืดมิด โยฮันก็ได้พบกับความมืดมิดที่มืดมิดยิ่งกว่า ความทรงจำที่เลือนหายไปของตัวละครไร้ความรู้สึกถึงค่าของชีวิตตัวนี้ ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาพร้อมกับรอยแผลในอดีตเมื่อได้อ่านนิทานภาพ ความมืดมิดที่มืดมิดยิ่งกว่า คุณทุกคนคงแอบรู้กันหมดแล้ว(อ่านจบกันหมดแล้วนี่) ว่ามันก็คืออดีตที่โยฮัน(สงสัยว่า)ถูกแม่ของตัวเองทอดทิ้ง นี่คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญกลางเนื้อเรื่อง ซึ่งประเด็นนี้จะขอเก็บไว้พูดละเอียดอีกทีนึงนะครับ (พูดหมดตอนนี้ เดี๋ยวช่วงหลังผมไม่มีไรจะโม้ดิ) ....และจะมีฉากไหนบรรยายถึงรอยแผลและความเจ็บปวดของอสูรกายคนนี้ ได้น่าเศร้าและหดหู่ไปกว่าเสียงกรีดร้องพร้อมกับภาพการหลั่งน้ำตาที่บาดลึกไปถึงจิตใจ
ปล. ขออนุญาตเก็บปีศาจไร้ชื่อไว้หลังสุดนะครับ แนวคิดของผมหลังอ่านรอบ 3 ไป 9 เล่ม กับแนวคิดที่ได้เมื่อปีที่แล้ว(อ่านรอบ2) ยังไม่ตรงกันเลย ขอวิเคราะห์ให้จบก่อน 18 เล่มดีกว่า เผื่อได้อะไรใหม่ๆ ไม่อยากจะมั่วตอนนี้น่ะครับ
ปล.2 ข้อมูลห้องสมุดอเลกซานเดรีย หาเพิ่มได้ทั่วไปใน google เช่น... //www.milligazette.com/Archives/01122002/0112200252.htm
Create Date : 19 เมษายน 2548 | | |
Last Update : 20 เมษายน 2548 16:10:51 น. |
Counter : 2193 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
Chapter 8 : My Nameless Hero
... เมื่อสองผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาอาชญากรเผชิญหน้ากัน สงครามเล็กๆก็อุบัติขึ้น ... การเชือดเฉือนคมกันครั้งนี้ เกิดขึ้นในสมรภูมิที่ถูกจัดวางอย่างตั้งใจ ไม่ใช่ที่บ้าน ไม่ใช่ห้องทำงาน แต่เป็น ห้องสืบสวน สถานที่ที่ทั้งคู่ต่างใช้เป็นที่เจาะลึกเข้าไปเค้นความจริงในใจของเหล่าอาชญากรมายาวนาน ลุงค์เก้เปิดฉากรุกก่อนด้วยวิธีการรบที่เค้าถนัด นั่นคือการจี้คำถามลำดับเรื่องราวที่ได้รับการวิเคราะห์อนุมานมาอย่างแม่นยำลึกซึ้ง ไล่ต้อน ดร. กิลเลน(รูดี้) จนจนมุม จากนั้นกิลเลนก็ออกอาวุธของเค้าสวนกลับไป ด้วยการเจาะลงไปถึงแรงกระตุ้นและปมในจิตใจของลุงค์เก้
... ความหยิ่ง ความดื้อ ของผู้ที่มั่นใจในตัวเอง ผู้ที่ไม่เคยมีคำว่าผิดพลาดอยู่ในสารานุกรมประจำตัว ผู้ซึ่งละทิ้งและถูกทอดทิ้ง ไม่เหลืออะไรนอกจากการไล่ตามสิ่งที่จะยึดเหนี่ยวให้ ตัวตน ของเค้ายังคงอยู่ ... ตัวละครตัวนี้ แม้จะถูกจี้ใจดำจากกิลเลน แม้เค้าจะมีโอกาสที่จะหันหลังกลับมาสู่เส้นทางที่ดี (ลูกสาวโทรมาให้พบหน้าหลาน แต่ไม่ไปตามนัด) แต่เค้าก็ยังคงเลือกทางเดินที่มืดมิดต่อไปเช่นเคย ...และแล้ว...คำพูดสุดท้ายของตัวละครตัวนี้ในเล่มนี้ ก็เอ่ยออกมาด้วยภาพเหงาๆของเงามืดสลัว ...คำพูดที่ดูจะเป็นการบอกตัวเองซะมากกว่า... มองดูผมสิ มองดูผมสิ อสูรกายในตัวผม ได้เติบใหญ่ขนาดนี้แล้ว
ไม่เคยคิดเลยว่าการถูกทอดทิ้งจะเจ็บปวดขนาดนี้ ใช่ ทุกสิ่งน่ะเจ็บปวดเสมอแหละ... อะไรอยู่เบื้องหลังการนำเสนอเนื้อเรื่องของลอตเต้ ที่มาของสองประโยคนี้กันแน่? (ลอตเต้ เพื่อนของคาร์ล รู้สึกถูกทอดทิ้ง ไม่ได้รับการใส่ใจ หลังจากคาร์ลพบพ่อเค้าแล้ว) ... ในการ์ตูนเรื่องนี้ มีการพูดถึงการถูกทอดทิ้งในหลายๆรูปแบบ เด็กกำพร้าที่ไม่มีพ่อแม่, ลุงค์เก้ที่ถูกลูกและเมียทิ้งไป (ในทางกลับกันลูกเมียลุงค์เก้ก็ถูกทิ้งเพราะสามีสนแต่งาน), อีวาที่ถูกคนรักทิ้งไป แต่จะมีซักกี่คนล่ะครับที่ รับรู้ จริงๆว่ามันแย่แค่ไหน
เราๆท่านๆส่วนใหญ่ที่อ่านการ์ตูนกันอยู่คงอายุน้อยๆไม่ได้ถูกลูกเมียทิ้ง แม้ถูกคนรักทิ้งก็คงไม่ได้นิสัยแย่เหมือนอีวา และส่วนใหญ่คงเป็นคนที่มีพ่อแม่ปกติ (ขอโทษสำหรับผู้ที่กำพร้าที่ผ่านมาอ่านตรงนี้นะครับ ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีนะครับ) เวลาเราอ่านเนื้อเรื่องตอนอื่นๆ เราอาจจะรู้สึก ผ่านๆ กับการถูกทอดทิ้งเหล่านั้น ไม่ อินว่างั้นเถอะ เราๆท่านๆอาจจะ เดา ได้ว่าคนที่กำพร้าจะเหงาและน่าเศร้าเพียงใด แต่ถ้าพูดถึงการ เข้าใจรับรู้ ความรู้สึกเค้าจริงๆนั้น ผมเชื่อว่าคงห่างไกลนัก ...แต่เนื้อเรื่องของลอตเต้นี้ เป็นเรื่องที่เราสามารถพบได้ในช่วงชีวิตวัยรุ่นของทุกคน ...คุณรู้สึกอย่างไรเวลาเพื่อนๆไม่สนใจ... ต้องนั่งกินข้าวคนเดียว... เพื่อนไม่เก็บชีทให้ ...มีอะไรไม่บอกกัน...หรือคนที่คุณชอบยุ่งกับสิ่งอื่นแล้วไม่ใส่ใจคุณ ... ถ้าคุณลองคิดถึงสิ่งเหล่านี้แล้วรู้สึกได้ว่า การถูกทอดทิ้งนั้นมันแย่เพียงใด นั่นล่ะครับ คุณอาจจะเริ่ม อิน และเข้าใจความโดดเดี่ยวของคาร์ลหรือโยฮันมากขึ้นอีกขั้นหนึ่งแล้วก็ได้
อะไรสะท้อนอยู่ในแววตาของเด็กน้อย.... ในเล่มนี้ เราได้เห็นจุดประสงค์ที่แท้จริงของโยฮัน ในการเล่นกับเหล่าเด็กๆใน Chapter 6 และยังได้เห็นวิธีที่โยฮันล้างสมองเด็กเหล่านี้ด้วย เมื่อทำให้มันเป็นเกมส์ให้มันสนุก เมื่อมองแต่คำว่าชนะ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเอาโลกอันมืดมิดของผู้ใหญ่ทุกวันนี้ไปใส่ในแววตาของเด็กให้เห็นว่าโลกมันเลวร้าย เมื่อนั้นคุณค่าของชีวิตในแววตาของเด็กน้อยก็ถูกบดบังไป ...แต่เมื่อฝั่งโยฮันมีขุนพลเป็นเด็กน้อยมองโลกและชีวิตมืดมิดไร้ค่าไร้ความหมาย... ฝั่งเทมมะก็มีดีเทอร์ที่มาพร้อมกับความหวัง ที่ยอมรับโลกอันมืดมิดของผู้ใหญ่นี้แต่พร้อมจะหวังในสิ่งที่ดีขึ้น ...ว่าแต่ว่า เด็กทุกวันนี้มีอะไรในแววตาเค้าบ้างนะ... ในทีวี หนังสือพิมพ์ สิ่งแวดล้อมในครอบครัวหรือโรงเรียน มีแต่สิ่งเลวร้ายรึเปล่า? ..ที่สำคัญยิ่งกว่า เมื่อเด็กเหล่านั้นพบเห็นโลกอันมืดมิดของผู้ใหญ่ เค้ามีใครสักคนมาคอยสอนรึเปล่านะ ว่าแม้มันไม่ดีแต่เราก็หวังและทำให้มันดีขึ้นได้
... แม้ในแววตาเด็กน้อยเหล่านี้จะมีความมืดมิดสะท้อนอยู่ ...อย่างน้อย...ขอให้มีแสงสว่างเล็กๆสะท้อนที่มุมของแววตาเหล่านั้นบ้างก็ยังดี...
เนื้อเรื่องของเทมมะและโยฮันในเล่มนี้ ขอยกยอดไปกล่าวถึงรวมกับ Chapter 9 นะครับ อะไรอยู่ในใจเทมมะที่ตัดสินใจจะฆ่าโยฮัน อะไรอยู่ในใจโยฮันเมื่อได้อ่านนิทานภาพ ....และอะไรคือ...
...ผมได้เห็นความมืดที่มืดมิดยิ่งกว่า...
.........................................................
ปล. ขอให้มีความสุขในวันสงกรานต์ปีใหม่นี้นะครับ เที่ยวให้สนุกนะครับ ขอบคุณที่ติดตาม ... ตอนหน้า ก็ยังคงออกช้าหน่อยนะครับ ต้องสะสางงานอีกพักนึงเลย
(special thanx to คุณ Watch my back ที่มาลงแดงใน blog เลยนะเนี่ย เลยต้องปั่นต้นฉบับมาลงให้ ไงล่ะ เอายาวๆให้อ่านจนเข็ดไม่กล้าขออีกเลยมั้ยล่ะ ยาวๆ งี้ก็อย่าขี้เกียจอ่านละกัน หุหุ)
Create Date : 12 เมษายน 2548 | | |
Last Update : 12 เมษายน 2548 9:35:13 น. |
Counter : 667 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
Chapter 7 : Richard
... ริชาร์ด... นักสืบผู้มีอดีตอันขื่นขม ตัวละครที่มีอายุยืนเพียงแค่ช่วง 1 เล่มคนนี้ ทำเอาผมอึ้งและอินกับชะตากรรมของเค้ามาก ความเป็นดราม่าละครชีวิตเรียกอารมณ์และน้ำตาของผู้ชมในเล่มนี้ ถือว่าทำได้ 5 ดาวเลยทีเดียว (ทั้งฉากที่ริชาร์ดต้องตายลง, ฉากพ่อพบกับลูก, ความเศร้าของ ดร. ไรค์ไวน์) ผมเชื่อว่า หนังบางเรื่องสร้างขึ้นเพื่อเสนอแนวคิด ขณะที่หนังบางเรื่องสิ่งที่อยากจะสื่อคือ อารมณ์ ..และเล่มนี้ ผมรู้สึกว่าผู้แต่งใช้เวลานานเป็นพิเศษในการเล่าเบื้องหลังของตัวละครที่มีอายุสั้นๆคนนี้ และนั่นทำให้ผู้อ่านรู้สึกร่วมไปกับอารมณ์ความสูญเสียได้อย่างลึกซึ้ง หรือในฉากท้ายเล่มที่สื่ออารมณ์ได้ดีเยี่ยมก็คือฉากที่เทมมะได้พบกับโยฮัน สายตาของเทมมะ ก่อนเจอ,ขณะเจอ และ หลังเจอ แสดงอารมณ์ตัวละคร,สภาพจิตใจและความคิดตัวละครโดยไม่ต้องใช้คำพูดมากมาย... เทคนิคการเล่าเรื่อง สร้างเบื้องหลังตัวละคร มุมกล้อง ฉาก อารมณ์ บท การตัดต่อ ถือเป็นจุดเด่นที่หาที่เปรียบได้ยากของ อ. Urasawa เลยทีเดียว เรียกว่าหนังบางเรื่องยังทำได้ไม่ดีเท่าภาพนิ่งของการ์ตูนจากนักเขียนท่านนี้เลยทีเดียว ...
...ในเล่มนี้ โยฮันทำให้สองพ่อลูกได้สวมกอดกันอย่างอบอุ่น และได้รับความไว้ใจอย่างที่สุดจากมหาเศรษฐีชูวาล์ด เรื่องราวความรักของ พ่อ-ลูก และความผิดในที่ติดฝังแน่นอยู่ในใจ ได้สื่อผ่านทั้งด้าน ชูวาล์ด และด้านชีวิตริชาร์ด ... เป็นความรักที่ทั้งคู่สามารถทนและทิ้งได้ทุกอย่าง เพื่อให้ได้สิ่งที่สูญเสียไปกลับคืนมา ยิ่งไปกว่านั้น จุดที่อารมณ์ของตัวละครถึงขีดสุดก็คือ เมื่อความผิดของคุณได้รับการ อภัย
... ประเด็นทางจิตวิทยาที่แอบไว้ 2-3 หน้ากระดาษ ก็มีให้เห็นประปราย ...ฉากที่เด็กรอบๆโยฮันเล่นกัน ที่พูดถึงการครองโลก การทำลายล้างในใจมนุษย์ สะท้อนให้เห็นบางส่วนของความคิดโยฮันในตอนท้ายเรื่อง ผมก็ขอแปะไว้พูดในท้ายสุดนะครับ (ประเด็นนี้ยังปรากฏใน 20th century boys ด้วยนะ หุหุ พอละเด๋ว spoil )
... การย่างก้าวของโยฮันในเล่มนี้ ก็เรียบ เงียบ เชียบ แต่เลือดเย็น การพยายามฆ่าคนรอบข้างของ ชูวาล์ด เพื่อให้เกิดความเหงาและเข้าไปควบคุมนั้น ใช้เวลาดำเนินการถึง 4 ปี นี่เป็นการพยายามสร้างตัวละครของโยฮันให้มีความเป็นมนุษย์ธรรมดาและเป็นไปได้ เนื้อเรื่องไม่ได้พยายามให้โยฮันเป็นผู้วิเศษ มีพลังจิต หรือเวอร์เกินกว่าจะเป็นจริงได้ จุดนี้สำคัญกับการสื่อถึงชีวิตและความเป็นอสูรกายในชีวิตจริงที่ผู้แต่งพยายามสื่อออกมา ...ความเลือดเย็นเห็นได้อีกในตอนที่โยฮันได้เหยียบย่ำจุดอ่อนในใจของริชาร์ดให้แหลกลงไป ในเรื่อง ริชาร์ดเคยฆ่าเด็กอายุ 17 ที่เป็นฆาตกรต่อเนื่องในระหว่างปฏิบัติหน้าที่เป็นตำรวจ แล้วเค้าก็หลอกตัวเองและคนอื่นๆมาตลอดว่า ทำไปเพราะเมา แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ ...โยฮันใช้คำพูดจี้ลงไปถึงความผิดนั้น ... คนที่ทำผิดเช่นนี้ ยังมีหน้าจะพบลูกได้อีกหรือ? ...แนวคิดที่ว่า เราไม่มีสิทธิจะไปตัดสินให้ใครตาย ไม่ใช่ประเด็นที่ผมอยากพูดถึง ความรู้สึกผิดที่ฝังลึกนั่นต่างหากที่ผมอยากจะชวนคุณคิดต่อร่วมกันกับผม
... ในเรื่องนี้คุณอ่านแล้วอาจเกิดคำถามว่า ทำไมริชาร์ดถึงต้องรู้สึกผิดและหลอกตัวเองขนาดนั้น คนที่เค้าฆ่าเป็นฆาตกรที่สมควรตายไม่ใช่รึ ...มีมั้ยครับที่คุณอ่านหนังสือพิมพ์ เห็นโจรเลวๆ ฆ่าข่มขืน แล้วก็สาปแช่ง พอตำรวจยิงพวกนั้นตาย หรือโดยรุมบาทา คุณก็เห็นด้วย (ผมก็เห็นด้วยอ่ะว่ากันตรงๆ) แต่สิ่งที่ผมไม่เคยคิดก็คือ สภาพจิตใจของคนดี ๆ ที่ฆ่าคนอื่นแม้คนเหล่านั้นจะเลวก็ตาม มีการ์ตูนและหนังไม่น้อยที่พยายามอธิบายจิตใจของผู้ฆ่าว่าเค้าต้องเจ็บปวดและรู้สึกผิดแค่ไหน (เช่น ทหารผ่านศึก หรือตำรวจก็ตาม) จริงๆแล้วผมก็ไม่เข้าใจหรอกครับ เพราะผมก็ไม่เคยฆ่าใคร ไม่รู้ว่าจะรู้สึกยังไง แต่พอลองคิดดู ขนาดสัตว์เลี้ยงของผมตายเพราะความผิดผมเอง ผมยังรู้สึกแย่และผิดจนทุกวันนี้ หรือเวลาทำให้ใครเสียใจกับบางเรื่อง ก็มีความรู้สึกผิดติดตัวไปนานแสนนาน แล้วถ้ามันเป็นชีวิตคนล่ะ?... และเรื่องของริชาร์ดนี่ ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่ผู้แต่งอาจจะอยากให้เราคิดโยงไปถึงจิตใจของเทมมะ ที่หลายคนเชียร์นักหนาว่าทำไมสุดท้ายไม่ฆ่าโยฮันซักที กะไอ้แค่ฆ่าคนเลว ฆาตกรเลวๆแบบนี้สมควรตายไม่ใช่หรอ
... คนเลวพวกนี้สมควรตาย แต่คนที่ฆ่าคนเหล่านี้ คือคนดีที่ต้องทนทุกข์รึเปล่าน๊า? ... เด็กๆผมก็คิดว่าเป็นแค่ข้ออ้างของครูนะครับ กับคำที่ว่า ครูตีพวกเธอ ครูก็เจ็บเหมือนกัน จนถึงวันที่ผมต้องตีน้องๆ หลานๆ ...ผมถึงได้รู้ว่า ... ผมไม่ได้อยากตีเลยครับ...
......................................................... ปล. หลังจากตอนนี้ ขอโทษด้วยถ้าผลิตตอนต่อไปช้าหน่อยนะครับ มีภารกิจต้องสะสาง ขอบคุณที่ติดตามครับ ปล.2 ... ใครที่เคยเม้นไว้ใน blog ตอนอื่นนะครับ... ตามไปตอบเล็กๆน้อยๆให้ทุกคนแล้วนะครับ ปล.3 ... ยังเหลือกี่ชีวิตที่ติดตามครับเนี่ย ^_^
Create Date : 01 เมษายน 2548 | | |
Last Update : 3 เมษายน 2548 22:37:20 น. |
Counter : 695 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
Chapter 6 : The secret woods
... ตัวละครนิสัยเสียตัวเดิม เดินโซซัดโซเซออกมาจากความมืดของห้องขัง มาสู่ที่โล่งที่มีแสงสว่างสาดส่องจนแสบตา ห้องขังที่เธอเป็นคนทำตัวเองให้ต้องเข้าไปอยู่- เมื่อเธอไม่เหลืออะไรอีกต่อไป ทั้งเกียรติ เงิน ฐานะทางสังคม ...สิ่งที่เธอรู้มาตลอดลึก ๆ ก็คือ เธอได้ทำบางสิ่งหล่นหายไป บางสิ่งที่เงินก็เอาคืนมาไม่ได้ (ในเรื่องอีวาเมาจนโดนจับเข้าคุก และกระเป๋าก็หายไป ข้างในมีรูปเทมมะอยู่ และเธอก็ตามหามัน) ฉากที่เธอพบกับโรแบร์โต้ นักฆ่ามือขวาของโยฮัน ผู้กำลังพยายามตามลบทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับโยฮัน แล้วเธอก็ถูกหลอกใช้ให้ไปฆ่าเทมมะที่ แต่แล้วก็หักหลังโรแบร์โต้ พยายามช่วยให้เทมมะรอด แม้ต้องแลกกับชีวิตของเธอเองก็ตาม (ถูกยิงที่ขาและไล่ให้ดีเทอร์ไปบอกเทมมะให้หนี โดยไม่ต้องมาช่วยเธอ)...ในฉากนั้น มุขเดิมๆที่เราเห็นจากการ์ตูนแทบทุกเรื่องก็คือ อีวาในใจลึกๆแล้ว อยากจะช่วยเทมมะจริงๆ ไม่อยากให้เทมมะตาย แต่เธอกลับอ้างว่า ไม่อยากให้ตายเพราะอยากให้เทมมะถูกจับมากกว่า ไม่ต่างอะไรกับเรื่องอื่นๆ ที่ตัวร้ายมาเป็นพวกพระเอกแล้วก็อ้างนู่นนี่ ว่าเพราะอยากกำจัดพระเอกเอง ...สิ่งที่(ผมว่า)แตกต่างก็คือ ในการ์ตูนเรื่องอื่น ตัวร้ายนั้นๆจะทำหน้าโกรธแบบเขินๆ ว่าไม่ได้อยากช่วยหรอกนะ(จ๊ะ) แต่เรื่องนี้ใบหน้าอันบูดเบี้ยวจริงจังของอีวาขณะสาปแช่งเทมมะ ทำให้รู้สึกได้ว่า สิ่งที่เห็นมันเป็นเพียงหน้ากากหรือเปลือกนอกเท่านั้น เป็นเปลือกที่ผุพังจนกลวงน่ารังเกียจ ขณะที่ภายในของเธอนั้น แม้เธอจะเคยนิสัยแย่มาก่อน แต่หลังจากสูญเสียทุกสิ่ง แล้วได้บทเรียนว่าอะไรคือสิ่งสำคัญ ภายในของเธอก็ได้เปลี่ยนไป ... ในขณะที่ลุงค์เก้ค่อยๆกลายเป็น monster สนุกกับการไล่ล่า ไม่สนชีวิตใคร แม้แต่ชีวิตตัวเอง(เกือบตายตอนล่าเทมมะ) ...อีวากลับเป็นตัวละครที่ค่อยๆออกจากความมืด ...สู่แสงสว่างสาดส่องจนแสบตา...
... ไออุ่นของแสงแดดตกกระทบลงบนอุ่นไอของโต๊ะกินข้าว ... แสงแดดถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์อีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่ความหมายของความสว่าง แต่เป็นที่ความอุ่นของมัน ... ประเด็นด้านมืดอีกด้านหนึ่งของมนุษย์ได้ถูกหยิบยกขึ้นมา ความโลภ (จะว่าไปการ์ตูนเรื่องนี้ก็แตะประเด็นนี้เพียงแค่ผิวๆเท่านั้น) ในเรื่องมีการพูดถึงการเล่นสนุกของโยฮันในเรื่องความโลภและทำให้เกิดความวุ่นวาย ฆ่าชิงกันเพื่ออำนาจและเงิน
... หลังจากเราเห็นคุณค่าของชีวิต และการอยากมีชีวิตอยู่แล้ว ...เนื้อเรื่องได้ให้แนวคิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตด้วยเช่นกัน อะไรคือสิ่งสำคัญในชีวิต อำนาจ? เงิน? ความสำเร็จ?... เราได้เห็นแนวคิดนี้ทั้งในช่วงของเทมมะ-อีวา และช่วงท้ายเล่มซึ่งเป็นการปูเรื่องเพื่อไปสู่จุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในเล่ม 9 (เรื่องของมหาเศรษฐีผู้มีอดีตที่เคยทิ้งลูกไป และลูกชายของเค้า) อะไรอยู่ในดวงตาของ คนที่มาถึงบั้นปลายของชีวิต ... อดีตที่ไม่อาจแก้คืน ...และอะไรเหลืออยู่ข้างกายบ้างเมื่อปีนขึ้นไปถึงยอดเขาที่เรียกว่าประสบความสำเร็จแล้ว ประเด็นพวกนี้ผมคงทิ้งไว้ให้ไปพลิกๆอ่านเอาเองนะครับ
... ในเล่มนี้จะว่าไปแล้ว เป็นครั้งแรกที่เราเห็นบทบาทความคิดและการแสดงออกของโยฮันอย่างชัดเจนมากขึ้น (ตอนอื่นๆมีแต่เดินแว่บไปมา ไม่ก็แค่คนเอ่ยถึง) เราได้เห็นความน่ากลัวของโยฮันในการเจาะไปที่จุดอ่อนในใจคน แล้วกุมหัวใจคนคนนั้นไว้ในกำมืออย่างเลือดเย็นไร้ความรู้สึก สัญลักษณ์ของจุดอ่อนนั้นน่าจะเป็นสัญลักษณ์ผ่านคำว่า the secret woods ที่ซึ่งโยฮันได้ก้าวเข้าไปในใจมหาเศรษฐีชูวาล์ด ผู้พร้อมที่จะหลอกตัวเองทุกเมื่อถ้าเกี่ยวข้องกับอดีต ... ผมไม่แน่ใจว่า สิ่งที่แสดงออกทั้งการหลั่งน้ำตา(เมื่อฟังเรื่องลูกที่พลัดพรากจากพ่อแม่) และการเล่นกับเด็กกำพร้า เป็นสิ่งที่ออกมาจากจิตใต้สำนึก(เพราะเค้าลืมอดีต) เลยทำให้มีสองบุคลิก หรือเป็นการแสดงกันแน่ ..หรือทั้งสองอย่าง??
... ขณะที่อีวามีหน้ากากนางมารร้าย แต่ข้างในเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ ความรู้สึกผิด ...หน้ากากของโยฮันที่เป็นเทพบุตร แต่เบื้องหลังมีเพียงความว่างเปล่า เลือดเย็นไร้ตัวตนความรู้สึก ... ช่างเป็นฉากที่ชวนให้เสียวสันหลังจริงๆ ... และเมื่อนั้น...ระวังโยฮันจะก้าวเข้ามาใน the secret woods ของคุณแล้วกุมหัวใจคุณไว้ในมือล่ะครับ
Create Date : 29 มีนาคม 2548 | | |
Last Update : 30 มีนาคม 2548 1:06:33 น. |
Counter : 646 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
Chapter 5 : After the carnival
... รูดี้ นักจิตวิทยาอาชญากร เพื่อนเก่าของเทมมะสมัยเรียนหนังสือ ได้เข้ามามีบทบาทเป็นพันธมิตรกับเทมมะในที่สุด เขาเข้ามาพร้อมกับการขยายคำถามและขอบเขตของคำว่า อัตลักษณ์ หรือ ตัวตน ออกไปให้กว้างขึ้นไปอีกขั้น (เรื่องลอกข้อสอบแล้วเทมมะเห็น แล้วคิดว่าเทมมะดูถูกเค้ามาตลอด) เล่มที่แล้วการตั้งประเด็นอย่างตรงไปตรงมาของนายพลวูฟล์ ใครคือนายพลวูฟล์? อะไรจะพิสูจน์ได้ว่าเป็นฉัน? เป็นการตั้งคำถามถึงการคงอยู่ของคนคนหนึ่ง การแสดงออกและการทำให้คนอื่นรับรู้ถึงตัวตนคนคนนั้นอยู่ที่ไหน ตัวตนในเล่มที่แล้วมีอยู่สองประเภท 1. ตัวตนของเราที่แท้จริงตอนนี้ กับ 2. ตัวตนของเราในการรับรู้ของคนอื่น(ในหัวคนอื่น) แต่สิ่งที่รูดี้ประสบปัญหาที่ฝังอยู่ในใจ และส่งผลกระทบไปยังพฤติกรรมและความคิดของเค้าเอง ก็คือตัวตนที่ 3 ..ตัวตนของเราที่เราคิดว่าอยู่ในหัวของคนอื่น ... และเนื้อเรื่องย่อยเล็กๆในเล่มนี้ ก็มีประเด็นน่าคิดหลายอย่างทีเดียว เกี่ยวกับการเกิดตัวตนที่ 2 ผ่านข้อมูลและการ ตัดสิน และมีการหักล้าง(ต่อสู้)กันระหว่างตัวตนที่ 1 กับตัวตนที่ 2 ... การต่อสู้กันของตัวตนทั้ง 3 ผมจะพูดถึงอีกทีนึงนะครับ
... นอกจากนี้เรายังได้เห็นวิธีการและความเป็น Monster ของโยฮันมากขึ้นในการควบคุมส่วนมืดในใจคน ให้ทำการฆาตกรรมดังที่ตัวเองต้องการ ทั้งเรื่องของฆาตกรที่ให้ไปอยู่ในห้องใต้ดินในบ้านเหยื่อแล้วการกระตุ้นรอยแผลในอดีต และเรื่องของอดีตตำรวจที่เคยฆ่าพ่อแม่ของนีน่า
... ความรู้สึก ไม่อยากตาย แล้วทำให้ เห็นคุณค่าของชีวิต ในเล่มนี้ ก็ขยายคำถามต่อไปอีกว่า มีเหตุอันใดให้คนเราไม่อยากตาย การบีบคั้นฆาตกรในเล่ม 3 ของเทมมะ หยุดแค่ที่ว่า ผมไม่อยากตาย แต่การบีบคั้นอดีตตำรวจของนีน่า ให้เหตุผลต่อไปอีกว่า เค้าไม่อยากตายเพราะอะไร ... เมื่อคนเรามีสิ่งที่ตัวเองรัก สิ่งที่ตัวเองไม่อยากจากไป นั่นคือเราอยากจะมีชีวิตอยู่ และเห็นค่าของชีวิตในที่สุด
... ช่วงสุดท้ายของเล่มเป็นเรื่องการไล่ล่าเทมมะของลุงค์เก้ ความเป็นลุงค์เก้ในอดีตอาจจะเป็นตำรวจที่ไม่สนอะไรขอแค่จับฆาตกรได้ และตรงไปตรงมา ใครผิดก็ว่าไปตามผิด แต่ลุงค์เก้ในตอนนี้เป็นตัวตนที่มีเพียงการไล่ล่าเทมมะเท่านั้น สิ่งอื่นๆดูจะไม่มีค่าใดๆ เค้าเลือกทางเดินที่ปล่อยฆาตกรคนอื่นไป และยังใช้การข่มขู่นักข่าวอีกด้วย จะว่าไปแล้ววิธีการนี้ ก็คือการความคุมด้านมืดของคนอื่นให้เป็นไปตามที่เราต้องการเช่นเดียวกับโยฮันนั่นเอง เทมมะและนีน่าอาจจะมีเป้าหมายผิดศีลธรรม(การตามไล่ล่าฆ่าคน)แต่ทางเดินที่เค้าเดินคือทางที่มีแต่แสงสว่าง ในขณะที่ลุงค์เก้.. แม้เป้าหมายจะกำลังทำสิ่งที่ถูก(ไล่ล่าเทมมะเพื่อจับกุม โดยหลักฐานแล้ว เทมมะเป็นผู้ต้องสงสัยหลายคดี) แต่เค้าใช้เส้นทางที่ดำมืด ...แล้วการกระทำของคุณในชีวิตจริงล่ะ เป้าหมายหรือทางเดินที่สำคัญกว่ากัน?
... อย่าคิดว่าคำถามนี้ตอบได้ง่ายอย่างไร้เดียงสาล่ะครับ เมื่อคุณอ่านการ์ตูน คุณอาจตราหน้าว่าลุงค์เก้ผิด และเชียร์เทมมะพระเอกของเรา แต่ลองมานึกถึงชีวิตจริงกันเล่นๆบ้าง ... คุณว่า สส. รัฐมนตรี หรือแม้แต่นายก ถ้าเค้าเข้ามาเป็นแล้วทำประโยชน์ให้กับประเทศ แต่กว่าจะมาเป็นเค้าใช้เส้นทางไม่สะอาด คุณจะเชียร์มั้ย? ... แล้วไลท์ กับ แอล คุณเชียร์ใคร (555) ??? กับวิธีการของแอลที่บางครั้งก็โหดเหี้ยมเพียงเพื่อให้ได้ตัวไลท์ กับไลท์ที่ทำเพื่อโลกอันสงบสุขโดยวิธีการฆ่า
... หนังจีนเค้าว่าไว้... โลกนี้มีหลายสิ่งที่ยากจะแยกแยะถูกผิด ....
Create Date : 27 มีนาคม 2548 | | |
Last Update : 30 มีนาคม 2548 1:08:08 น. |
Counter : 630 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|