Group Blog
 
All Blogs
 
Chapter 3 : 511 Kinderheim

Mein Lieber Dr.Tenma.
Sehen Sie mich!
Sehen Sie mich!
Das Monstum in meinem Selbst ist so gross geworden!

(ถึง) ดร.เทมมะที่รัก (My love Dr.Tenma)
ดูผมสิ! (Look at me!)
ดูผมสิ! (Look at me!)
อสูรกายในตัวผม (The monster in myself)
เติบใหญ่ขนาดนี้แล้ว (became so large)

...การเดินทางของเทมมะเพื่อค้นหาโยฮันดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เนื้อเรื่องเริ่มเล่าถึงวิธีการที่โยฮันยืมมือคนอื่นให้ฆ่าคน สิ่งที่โยฮันทำคือ พยายามชี้ให้เห็นถึงความเลวของมนุษย์โดยอาศัยปมในจิตใจของแต่ละคน...เช่นในเล่มนี้ ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งมีอดีตคือ เคยเดินกับแม่ในไร่ทานตะวันบ่อยๆได้พบกับโยฮัน และฆ่าคู่สามีภรรยาที่ดูแลโยฮัน เพียงเพราะสามีภรรยาคู่นั้นทำลายแปลงทานตะวันทำที่จอดรถ เรื่องไร้สาระที่สุดแต่เป็นเรื่องที่มีอดีตฝังใจและมีความสำคัญกับใครบางคน ... บางสิ่งที่ใครคนหนึ่งยึดถือว่าสำคัญสำหรับเค้า เช่น ทานตะวันเป็นสิ่งสำคัญของชายคนนี้ แต่คนอื่นกลับไม่เห็นค่า

...โยฮันสนับสนุนให้ชายคนนี้รู้สึกว่า สิ่งที่สามีภรรยาทำเป็นสิ่งผิด ไม่ถูกต้อง เมื่อตัดสินว่าคนอื่น“เลว” ทำให้ผู้ชายคนนี้สูญเสียการมอง “ค่าของมนุษย์” หรือ “ค่าของชีวิต” เมื่อผู้ชายคนนี้ไม่เห็นค่าของชีวิตในตัวสามีภรรยาคู่นั้นอีกแล้ว จึงสามารถฆ่าได้อย่างไร้อารมณ์ “ว่างเปล่า” ขยายความให้ชัดขึ้นก็คือ คุณเคยฆ่ายุง หรือ มด มั้ยล่ะครับ คุณตบยุงได้โดย “ว่างเปล่า” นั่นเพราะคุณไม่เห็นค่าของชีวิตมันนั่นเอง แล้วถ้าสิ่งนั้นเกิดกับ “คน” บ้าง เมื่อเราเห็นการกระทำของใครซักคนที่รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง เช่น ผู้ร้ายฆ่าข่มขืน นักการเมืองโกงกิน เราอาจจะไม่รู้สึกถึงค่าของคนเหล่านั้น และฆ่าได้อย่างไร้สาระที่สุด อย่าคิดนะครับว่านี่เป็นเพียงแนวคิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง คุณคิดว่า บุช รู้สึกถึง “ค่า” ของคนในอิรักที่ตายรึเปล่า... โอ๊ะโอ พูดแค่นี้พอแล้วดีกว่าครับ เดี๋ยวกระทู้นี้จะไม่รอด :P

...อีกอย่างหนึ่งที่ผู้ชายคนนี้รู้สึกคือ ฆ่าแล้วทุกอย่างก็จบ เมื่อไม่เหลืออะไร อดีตก็จะลบไปได้ และไม่มีใครขวางเราอีก ...คุณเคยรู้สึกมั้ย เพื่อนแกล้ง ครูโหดๆ เจ้านายเลวๆ ...ถ้าไม่มีคนนั้น ถ้าคนนั้นตาย ก็คงดี ไม่มีใครทำให้เราเจ็บปวดได้อีก ... นั่นคืออสูรกายในตัวเราอยากให้ใครซักคนตาย ไม่เห็นค่าของชีวิตเค้าชั่วขณะ สิ่งเหล่านี้ปรากฏทั้งชีวิตจริง หนัง และการ์ตูนหลายๆเรื่อง เช่น เด็ก(ญี่ปุ่น)ที่ถูกเพื่อนแกล้งทุกวัน และเด็กคนนั้นก็แค้นอยากให้เพื่อนคนนั้นตายในการ์ตูนหลายเรื่อง

...ถัดมาอีกไม่กี่หน้า หลังจากที่โยฮันปล่อยอาวุธตัวเองเสร็จแล้ว ก็ถึงคราวที่เทมมะจะปล่อยอาวุธของเค้าบ้าง ผู้เขียนให้เทมมะต้องไปรักษาอาชญากรที่เพิ่งฆ่าคนมา แต่ถูกยิงและกำลังจะตาย สิ่งที่เทมมะทำคือ ปฏิเสธไม่รักษา จนกระทั่งผู้ร้ายพูดว่า “ฉันยังไม่อยากตาย” เทมมะก็พูดว่า “กลัวตายรึไง ก่อนตายทุกคนรู้สึกแบบนี้... การฆ่าคนมันโหดร้ายแค่ไหน เข้าใจแล้วรึยัง” จะเห็นได้ว่า เทมมะพยายามชี้ให้เห็นถึง “ค่าของชีวิต” เมื่อคนนึงเห็นค่าของชีวิตแล้ว เทมมะก็เชื่อว่า คนนั้นจะไม่ทำผิดอีก เป็นอาวุธของเทมมะที่ตรงกันข้ามกับโยฮันอย่างเห็นได้ชัด และแน่นอนการตัดสินใจช่วยชีวิตของเทมมะก็เป็นไปเพราะเค้าก็ไม่อาจทิ้งค่าของชีวิตที่อยู่ต่อหน้าเค้าได้นั่นเอง

...ดีเทอร์ หนึ่งในขุนพลของเทมมะก็ปรากฏตัวขึ้นในเล่มนี้พร้อมกันเรื่องราวของ 511 Kinderheim ( 511 Children home) สิ่งที่ดีเทอร์ถูกปลูกฝังจากอดีตผู้ดูแล 511 คือ โลกมืดมิด โลกโหดร้าย แต่สิ่งที่เทมมะเพาะเมล็ดในใจดีเทอร์คือ พรุ่งนี้ยังมีหวัง โลกสดใส เมื่อคนเรามีหวังและมองโลกอย่างสดใส เราก็พร้อมที่จะก้าวออกมาจากความมืดมิด และทำสิ่งดีๆให้เกิดขึ้นได้ นี่ก็เป็นแนวคิดที่ตรงข้ามกับโยฮันโดยสิ้นเชิง โยฮันให้ “ลบ” อดีตทิ้งแล้วเริ่มใหม่ แต่เทมมะให้เริ่มใหม่ด้วยการสร้างความหวังสำหรับวันพรุ่งนี้ สัญลักษณ์ของความฝันและ ความหวังในตัวดีเทอร์ที่เทมมะเป็นคนให้คือ “ลูกบอล” ที่จะโผล่ให้เห็นคู่กับดีเทอร์ไปตลอดเนื้อเรื่องที่เหลือ เมล็ดพันธุ์เล็กๆนี้แหละที่จะเติบโตในดีเทอร์ต่อไปเป็นขุนพลของเทมมะที่คอยแพร่แนวคิดนี้ให้กับตัวละครที่สิ้นหวังตัวอื่นที่อาจถูกอาวุธของโยฮันครอบงำ

...ความแตกต่างของสถานเลี้ยงเด็กที่โยฮันกับนีน่าเติบโตมาก็บ่งให้เห็นชัดเจนในเล่มนี้ การเลี้ยงดูที่ต่างกัน การปลูกฝังที่ต่างกัน การศึกษาที่ต่างกัน สิ่งที่โยฮันเจอ,คิด,รู้สึก ผมจะพูดเจาะลึกภายหลัง

...ต่อมา..เทมมะก็ไปพบกับเนื้อเรื่องย่อยอีกครั้ง “เพทรา กับ ชูมัน” ลูกของเพทราลืม “ค่า” ของแม่ไป เทมมะและชูมันเป็นคนทำให้กลับคืนมา ผ่านความรู้สึกของชูมันที่เห็นค่าของเพทรา เมื่อรัก เมื่อเห็นค่า แล้วจะมีพลังปกป้อง คีย์เวิร์ดสำคัญคือ “การมอง” ...เมื่อเรามองเราจะเห็นค่า ... คำว่ามองนี้ หมายถึงการดูเค้าอย่างจริงจัง เกิดอะไรกับเค้า ให้ความสำคัญกับเค้า ดูแลเค้า ... คำพูดเล็กๆที่มีผลกับเนื้อเรื่องหลักคือ ชูมันพูดหลังจากรู้ว่าเทมมะจะไปฆ่าโยฮันว่า ถ้ามีดีเทอร์อยู่เทมมะจะไม่ออกนอกลู่นอกทาง การพยายามให้เทมมะ “ไม่ยิงปืน” “ไม่ฆ่าคน” จะมีอีกตลอดเรื่อง จุดนี้ผมจะทิ้งไว้ก่อนว่าหมายความว่าอย่างไร

...สุดท้ายในเล่มคือเรื่องราวของสารวัตรลุงค์เก้ จริงๆลุงค์เก้โผล่ออกมาให้เห็นตั้งแต่เล่มแรกๆ แต่เล่มนี้คือการเผยให้เรารู้จักลุงค์เก้อย่างจริงจัง และบอกปมในจิตใจที่จะเป็นแรงผลักดันการกระทำต่างๆที่เหลือ เค้าคือหนึ่งในผู้ไม่มีพลังในการมอง เห็นงานสำคัญกว่าคำว่า “ชีวิต” “ค่าของมนุษย์” ไม่ใช่สิ่งที่ลุงค์เก้รู้สึก เพียงแต่ตัวละครนี้ไม่ได้ฆ่าใคร เค้าตามคนร้ายเพียงเพราะมันเป็นงาน ต้องการหาคนร้ายโดยไร้ความรู้สึก “ว่างเปล่า” เช่นเดียวกันการฆ่าของโยฮัน และสุดท้ายเมื่อเมียและลูกทิ้งไป และงานที่ทำยังถูกปลด เมื่อเค้าไม่เหลืออะไรแล้ว สิ่งที่เหลือคือ “ไล่ล่าเทมมะ” นี่คือปมในจิตใจลุงค์เก้ ชีวิตที่ไม่เหลืออะไร สิ่งที่ยึดเหนี่ยวให้ยังคงเป็นตัวตนของตัวเอง (อัตลักษณ์) คือการไล่ล่าเทมมะ ...อีกเช่นเคย ผมก็ยังคงทิ้งการอธิบาย “อัตลักษณ์” ความเป็นตัวตน ไว้ทีหลัง

...และสิ่งที่โยฮันทิ้งไว้บนกำแพง “ดูผมสิ อสูรกายในตัวผมเติบใหญ่แล้ว” คือความรู้สึกว่าโยฮันกำลังเล่นสนุกจริงหรือ?


Create Date : 27 มีนาคม 2548
Last Update : 30 มีนาคม 2548 1:08:39 น. 3 comments
Counter : 804 Pageviews.

 


โดย: bright IP: 61.91.72.74 วันที่: 25 เมษายน 2548 เวลา:12:02:07 น.  

 
สู้ๆ


โดย: rena IP: 58.10.195.126 วันที่: 15 กรกฎาคม 2548 เวลา:14:20:32 น.  

 
สุดยอด วิเคราะห์ได้เจาะลึกมากๆ


โดย: Goy IP: 58.10.45.139 วันที่: 10 มีนาคม 2549 เวลา:20:43:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ว้างกลางหาว
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ก็แค่... อยากคิดอยากเขียนกะเค้ามั่ง

Friends' blogs
[Add ว้างกลางหาว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.