|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ถุงลมโป่งพอง Emphysema
โรคของปอดมีหลายโรค
ถุงลมโป่งพอง EMPHYSEMA หรือ ถุงลมโป่งพอง (อาจจะใช้ชื่อภาษาไทยผิด ท่านผู้รู้กรุณาบอกด้วย จะขอบคุณอย่างยิ่ง)
อาการของผู้ที่ป่วยด้วยถุงลมโป่งพองที่จะบรรยาย (แบบชาวบ้าน) ได้ง่ายที่สุดก็คือ หายใจไม่ออก
หายใจไม่ออกในที่นี้รวมทั้งการหายใจ เข้าได้นิดเดียวเลยต้องหายใจถี่ๆและเร็วๆ ถ้าจะพูดแบบการแพทย์ก็คือหายใจไม่เข้า (SHORTNESS OF BREATH) มากกว่า แถมด้วยเวลาที่หายใจไม่เข้านี้ยังมีเสียงวี้ดๆ แล้วก็ยังมีไอแค้กๆสั้นๆผสมด้วย การไอไม่ใช่ไอเปล่าๆแต่บางครั้งยังมีเสมหะออกมาปน ถ้าเกิดไปผสมกับตอนเป็นหวัด เข้าด้วย การไอก็จะมีเสมหะเหนียวๆ และถ้าติดเชื้อก็ไอแรงๆเท่าไหร่เสมหะก็ไม่ออก เพราะมันเหนียวมาก พยายามไอต่อไป บางครั้งก็มีเลือดจางๆออกมาปน
การไอและหายใจไม่ออกแบบนี้แสนจะทรมาน เมื่อแรกเริ่มเดิมทีตอนเริ่มเป็นใหม่ๆ ก็จะหายใจขัดๆเป็นห้วงสั้นๆ นิดหน่อย แต่พอเป็นนานๆเข้าก็จะเริ่มหายใจยากขึ้นๆ หน้าตาและผิวหนังจะเหี่ยวๆ บางคนหน้าเขียวเพราะหายใจไม่ออก น้ำหูน้ำตาไหลพราก ดูแล้วน่าสงสารจริงๆ
อาการต่อไปเมื่อมีอาการหายใจไม่ออกและไอบ่อยๆอย่างนี้ ลองสังเกตดูนะครับ เวลานอนหงายจะยิ่งหายใจไม่ออกมากยิ่งขึ้น ถ้าลองดูการขยายตัวของหน้าอกเวลาหายใจ จะรู้สึกว่าการขยายตัวไม่เท่ากัน สั้นๆยาวๆอย่างไรก็ไม่รู้ และหัวใจก็มักจะเต้นแรงผิดปกติเหนื่อยง่ายบางครั้งก็มีไข้อ่อนๆประกอบด้วย
นอนก็นอนไม่หลับ และก็แน่นอนดูเหมือนคนไม่มีแรงอยู่ตลอดเวลา สมองก็ดูเหมือนจะลอยๆเบลอๆแบบคนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มีอาการเบื่ออาหารตลอดเวลา หลายคนมีอาการท้องผูกเป็นประจำด้วย
ตอนต้นก็จะมีอาการน้อยๆเหมือนไม่เป็นอะไร แต่ต่อไปเวลานานเข้าเป็นมากขึ้นๆ ทำงานทำการก็มักจะไม่ไหว ออกแรงบ้างนิดหน่อยก็ทำท่าจะเป็นลม
อาการต่างๆของถุงลมโป่งพองนี้จะร้ายแรงมากยิ่งขึ้น ถ้าผู้ป่วยมีอาการป่วยของหอบหืด หรือเป็นวัณโรคมาก่อน
เอาละครับ ยิ่งพูดถึงอาการต่างๆและอาการแทรกซ้อนของถุงลมโป่งพองมากขึ้น หลายคนอาจจะเกิดอาการหัวใจวายเสียก่อนก็ได้ เพราะดูเหมือนอาการตอนแรกดูจะน้อยๆ แต่พอเวลาผ่านไปก็ดูกลับร้ายแรงและทรมานร่างกายมากเหลือเกิน
ก็เลยต้องขอรีบบอกถึงการรักษาเสียก่อนจะดีไหมครับ ค่อนข้างจะเป็นข่าวไม่ดีครับ คือในวงการแพทย์เกี่ยวกับโรคปอด (ของอเมริกา) ได้ประชุมกันแล้วลงความเห็นว่า ไม่มียารักษา
ที่ว่าไม่มียารักษานั้นก็เพราะมันไม่ใช่โรค แต่เกิดป่วยขึ้นเพราะอวัยวะสำคัญเกิดมีอาการเสื่อม อวัยวะสำคัญนั้นก็คือปอด พูดแบบชาวบ้านก็คือปอดเสื่อมนั่นเอง
นายแพทย์เฮนรี่ กอง ศาสตราจารย์ ผู้เชี่ยวชาญโรคปอดของศูนย์กลางการรักษาโรคปอด มหาวิทยาลัย UCLA ของแคลิฟอร์เนีย ประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านการหายใจอีกหลายแห่ง เช่น ศาสตราจารย์ฟรานซิสโก เปเรซ มหาวิทยาลัยเบย์เลอร์ แห่งฮิวส์ตัน เท็กซัส ศาสตราจารย์ โรเบิร์ต แซนด์ฮอส แห่งเดนเวอร์ โคโลราโด และศาสตราจารย์โรเบิร์ต ทีค แห่งมหาวิทยาลัยเบย์เลอร์อีกเหมือนกัน ลงความเห็นพ้องต้องกันว่า ไม่มียารักษาโรคนี้ และปอดเสื่อมหรือปอดพิการนั้นก็ไม่มีทางที่จะกลับฟื้นคืนดีได้
แต่ในขณะเดียวกัน บรรดาแพทย์และศาสตราจารย์เหล่านี้ก็ได้พยายามค้นคว้าหาสาเหตุและ ต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรคถุงลมโป่งพองนี้ ก็พบสาเหตุและผู้เริ่มป่วยหรือมีทีท่าว่าจะป่วย ก็มีทางป้องกันหรือแก้ไขให้ทุเลาลงได้
สาเหตุเท่าที่ค้นพบ
1. สูบบุหรี่มากเกินไป ความจริงพูดยากเรื่องสูบบุหรี่อย่างไรมาก อย่างไรน้อย แต่ถ้าจะใช้วิธีครอบจักรวาล ไม่ว่าจะสูบมากสูบน้อย แต่ถ้าสูบนานๆก็เป็นถุงลมโป่งพองได้ทั้งนั้น
2. อยู่ในสถานที่ซึ่งมีมลพิษมากๆ และมลพิษซึ่งทำให้ เกิดถุงลมโป่งพองได้ โดยตรงก็คือ มลพิษทางอากาศ ได้แก่ แก๊สต่างๆ เช่น แก๊สจากรถยนต์ (คาร์บอนมอนอกไซด์) ฝุ่นละอองจากโรงงานและจากถนนหนทาง รวมทั้งแก๊สพิษจากเคมี เช่น การทำเงิน ทำทอง ละลายเงิน ทอง เป็นต้น
3. เจ็บป่วยจากการที่ทำให้ถุงลมพิการได้ เช่น พวกที่ต้องออกแรงเป่าลม หรือเคยป่วยเป็นโรคหอบหืด หรือไอเรื้อรัง หรือเป็น ที.บี. หรือวัณโรค เป็นต้น
4. เกิดจากการที่ร่างกายขาดเอนไซม์ทริพซิน ข้อนี้อาจจะฟังดูยุ่งยากเพราะเป็นเรื่องวิชาการ ทางการแพทย์โดยตรง เอนไซม์ทริพซินนี้เป็นเอนไซม์ตัวหนึ่งซึ่งช่วยย่อยอาหารพวกโปรตีน อวัยวะที่สร้างเอนไซม์ตัวนี้คือ น้ำตัวตับอ่อน ซึ่งมีหน้าที่ผลิตน้ำย่อยตัวนี้ไปย่อยอาหารพวกเนื้อ และไขมันซึ่งจะเคลื่อนตัวจากกระเพาะมาที่ลำไส้เล็ก เพื่อรอรับการย่อยจากน้ำย่อยที่ตับอ่อนตัวนี้
อาจจะฟังดูยุ่งเหยิงพอควร แต่ผู้ที่ชอบกินเนื้อสัตว์ เช่น สเต๊กเนื้อ หรือชนิดเนื้อติดมันหรือชอบสเต็กแบบแรๆ (ไม่สุก) น่าจะลองพิจารณาดูว่าเวลากินเนื้อสัตว์มากๆ จะมีอาการแพ้จากการหายใจ คือหายใจลำบากหรือไม่
5. เกิดจากการที่อยู่ในสถานที่มลพิษเลวๆ และยังคงทำซ้ำๆต่อไป ปรากฏว่าผู้ที่ติดการดมยา เช่น ชอบดมทินเนอร์ ชอบดมน้ำมันเบนซิน หรืออยู่ในที่มีผู้ป่วยทางโรคปอด อยู่นานๆตอนแรกจะมีอาการกระทบกระเทือนการหายใจหรือระบบหายใจ ตอนต้นถุงลมจะไม่เสียหาย แต่เมื่อดมต่อไปหรือติดเชื้อบ่อยๆ เนื้อเยื่อในปอดจะเริ่มเสียหายและในไม่ช้า เนื้อที่เสียไปแล้วจะลามเสียมากขึ้น จนกลายเป็นโรคถุงลมโป่งพอง
กลุ่มที่ติดยาหรือติดดมยาเช่นนี้ ถ้ามีอาการทางโรคปอด หรือถุงลมพิการหรือถุงลมโป่งพองแล้ว จะมีอาการหนัก และไม่มีทางรักษาได้เลย
โดยเหตุที่ไม่มียารักษาและหลายรายรักษาไม่ได้ ก็จะต้องขอแนะนำการแก้ไขหรือป้องกันไว้ก่อน และในขณะเดียวกัน ในด้านการแพทย์แบบผสมผสานและการแพทย์ ทางเลือกก็มีการแก้ไขซึ่งน่าสนใจมากอีกเช่นกัน
คัดลอกจาก นสพ.ไทยรัฐ
Create Date : 01 เมษายน 2551 |
Last Update : 23 มิถุนายน 2553 22:04:32 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1085 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
ทับเที่ยง ตรัง Aberdeen United Kingdom
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
เติบโตมาในตระกูลคนจีนแต้จิ๋ว ที่บุพการีทั้ง 2 หอบเสื่อผืน หมอนใบ อาศัยกิน-นอนใต้ท้องเรือ รอนแรมจากจังหวัดทางภาคใต้ของจีนแผ่นดินใหญ่ ในตำบลเก็กเอี๊ยะ มณฑลกวางตุ้ง จังหวัดซัวเถา ทางฝ่ายอาปา ส่วนอาหมะมาจากตำบลโผว่เล้ง จังหวัดซัวเถา มณฑลกวางตุ้ง เช่นเดียวกัน ท่านทั้ง 2 มากันคนละรอบมาเจอกันที่เมืองไทย มาขึ้นฝั่งทางภาคตะวันออกของประเทศไทย คิดว่าคงเป็นจังหวัดชลบุรี่ หรือไม่ก็คงเป็นจังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง อันนี้ท่านเองก็เรียกชื่อจังหวัดไม่ถูกค่ะ
ญาติพี่น้องของบุพการี่ที่มาด้วยกัน ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปอยู่คนละจังหวัด ส่วนอาปาและอาหมะของเรา ลงมาปักหลักอยู่ที่ตำบลทับเที่ยง จังหวัดตรัง ไม่เคยย้ายไปไหนอีกเลย ตราบจนท่านทั้ง 2 สิ้นชีวิต เราภูมิใจที่สุดที่เกิดมาเป็นลูกของอาปาและอามะ เพราะท่านมีชีวิตอยู่แบบพอเพียง ไม่เคยเป็นหนี้ใคร หากเป็นหนี้ในการซื้อของมาขายก็จะรีบเอาไปใช้คืนในวันถัดมา รักท่านที่สุดเลย บ้านเปิดเป็นร้านโชวห่วยเล็กๆ ที่ท่านทั้ง 2 สามารถเลี้ยงดูเราทั้ง 10 คนจนเติบใหญ่มาจนทุกวันนี้
|
|
|
|
|
|
|
บล๊อคออกมาสวยก็ด้วยความมีน้ำใจของทุกท่านเหล่านี้ค่ะ
อักษรต้อนรับ.....คุณmonata
สีของตัวอักษร.....ป้ามด
นาฬิกากุ๊กกู้......คุณice coffee
รูปไอคอนเล็กๆ......คุณsunshire mummy
ภาพพิ้นหลังสวยๆ.......คุณไหม
ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยนะค่ะ