Group Blog All Blog
|
ข้อเท็จจริงหลายอย่างที่เกิดขึ้น ข้อเท็จจริงหลายอย่างที่เกิดขึ้น บางเรื่องบางราวที่เกิดขึ้นใช่ว่าจะมาจากเพียงเหตุเดียว แต่อาจก่อตัวมาเนิ่นนานและมาจากหลายกระแส ซึ่งบางทีไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่แท้จริง รู้แต่เพียงว่ามันเกิดผลตามมาแล้ว ส่วนเหตุนั้นไม่แน่ชัดว่า คืออะไรกันแน่ หลังจากที่ผู้คนหายตระหนกตกใจกับข่าวการสิ้นไปของจ้าวทัศน์พระมหาอุปราชที่เสวยยาพิษปลิดชีพองค์เองนั้น ไม่มีเว้นแม้แต่ผู้ใดที่จะไม่พูดถึง เป็นเรื่องที่พูดกันทั้งบ้านทั้งเมือง เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ใครไม่รู้เชยแหลกที่ตกข่าวสำคัญนี้ไปได้อย่างไรกัน ผู้คนต่างพากันซุบซิบพูดจากันไปในหลายประเด็น แล้วแต่กระแสข่าวที่ตกมาถึงจะเป็นกลุ่มก้อนใด หรือมีเอี่ยวในด้านใด กลุ่มเดิมที่คุยกันหลายครั้งแล้ว แต่ละครั้งเปิดประเด็นใหม่ให้ถกเถียงกันอยู่เรื่อย แล้ววันนี้จะมีประเด็นใดให้ขบคิดกันต่อ หรือยังเป็นข่าวเก่าแต่มาอภิปรายเพิ่มเติม “ข้ามีข่าวใหม่เพิ่มเติม” คนแรกที่เคยเปิดประเด็น ได้เปิดประเด็นใหม่อีกแล้ว ทุกคนรีบมาเข้าวงอย่างเดิม พร้อมรับฟังข่าวใหม่จากนักข่าวมืออาชีพของหมู่บ้านนี้ “ข่าวจากวงใน ใช่มั้ย” มีคนแซว เพราะคนนี้นับว่าเป็นแหล่งข่าวตัวยง ที่ว่าคุ้นเคยกับวงใน อีกคนรีบบอก “เออ พูดเข้าไป เดี๋ยวมันฉุน เลยอดฟังข่าวกันเลย” “มีบางกระแสบอกว่า ไม่ใช่ที่ท่านจะก่อกบฏหรอก แต่มีพวกจะก่อกบฏจริง มันคิดหวังโค่นล้มองค์ท่านน่ะซิ” คนแรกคนนี้มีข่าวล่ามาเร็วให้คนในหมู่บ้านนี้ได้รู้เรื่องตลอด เปิดประเด็นใหม่อีกแล้ว ตอนนี้มีนักข่าวอีกคน ที่น่าจะเป็นพวกของสมุหพระกลาโหมรีบพูดตัดบท เพื่อเบี่ยงเบนประเด็น “ข้าว่านะ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก คงจะจริงอย่างที่เขาพูดกันก่อนหน้านั้นนั่นแหละ ว่าองค์ท่านคิดก่อกบฏจริง พอใคร ๆ เขารู้เข้า คงกลัวความผิดจะต้องโทษโดนอาญาถึงแก่ชีวิตอย่างอเนจอนาถใจ ซ้ำร้ายพวกใกล้ชิดพลอยโดนฟ้าโดนฝนซวยไปด้วย เลยยอมเสียก่อนจะต้องโทษโดนอาญา” คนนี้ทำเป็นพูดเสียงเบา ๆ เพราะเรื่องเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดจาโจ๋งครึ้มกันได้เสียเมื่อไหร่ และอยากให้ทุกคนฟังตนพูดมากกว่า เพราะการพูดเสียงเบายิ่งทำให้คนอื่นสนใจมากขึ้น เสียงถอนหายใจของอีกคน พร้อมเสียงเหมือนบ่นพึมพำแทนการพูดจาตอบโต้ว่า “ทำไมต้องคิดก่อกบฏด้วยนะ ในเมื่อองค์ท่านเป็นถึงพระมหาอุปราช ยังไง ๆ เสียก็ได้ครองราชย์อยู่แล้ว องค์เจ้าเหนือหัวพร้อมใจยกให้ ข้าล่ะคนหนึ่งไม่เข้าใจจริง ๆ หรือว่าไม่ใช่อย่างที่พวกเราคิดกัน” หันหน้ามามองหน้าเพื่อน ๆ เชิงขอความคิดเห็น ถึงจะเป็นเสียงบ่นพึมพำในลำคอ แต่ทว่าทุกคนต่างเงี่ยหูฟังกัน จึงได้ยินทุกถ้อยกระบวนความ อีกคนโพล่งขึ้นมาทันทีว่า “เออหรือจะจริงวะที่บางคนบอกว่า ไม่ใช่องค์ท่านหรอกที่คิดก่อกบฏน่ะ แต่เป็นไอ้พวกใส่ไฟท่านต่างหาก จริงมั้ย” คนนี้พยายามดึงเกมให้มาเข้าเรื่องที่คนแรกเปิดประเด็น อาจแอบรู้มาว่า คนที่พยายามเบี่ยงเบนนั้น เป็นคนละฝ่ายกับจ้าวทัศน์ คราวนี้ทุกคนหน้าเหวอ “เออแล้วมันเป็นยังไงกันนิ ตกลงแล้วมันเป็นยังไงกันแน่ ถ้าไม่ได้ก่อกบฏแล้วจะกินยาพิษหนีความผิดทำไมกันล่ะ งงว่ะ ข้าง๊งงง” คนพูดทำเสียงสูงพร้อมสีหน้าประกอบว่างงจริง ๆ ในวงแตกความคิดเป็นสองฝ่ายแล้ว การคุยน่าจะออกรสออกชาติมากขึ้น อีกคนที่นั่งเงียบมานานพูดขึ้นมาว่า “ได้ตำแหน่งเป็นถึงพระมหาอุปราช รองจากองค์เจ้าเหนือหัวเพียงหนึ่งแต่เหนือกว่าคนทั่วหล้า จะถอดใจง่าย ๆ เพราะมีกลุ่มต่อต้าน ไม่น่าเป็นไปได้นิ” “เป็นไปได้ไหมที่บางคนพูดว่า ไม่ได้กินเองน่ะสิ แต่มีคนแอบเอายาพิษไปวางเพื่อหวังฆ่าองค์ท่าน ด้วยองค์ท่านกับองค์เจ้าเหนือหัวรู้กันแล้วจะวางแผนตลบหลังน่ะซิ ไอ้พวกนี้มันกลัวเลยจัดการซะเลย เพราะไม่มีใครรู้หรอกว่า ไปคุยอะไรกันเป็นความลับ ไม่มีแม้แต่ผู้หนึ่งผู้ใดจะรู้เรื่องเลย” คนนี้ทำท่ารู้จริง เพราะอ้างเสมอว่าคุ้นเคยกับวงใน แล้วชอบคาบข่าวมาบอกพรรคพวก “จากข่าวลือที่ลอยมาตามลม ไม่รู้ใครปล่อยข่าวนี้ออกมา” พอเปิดประเด็นใหม่ พร้อมมีเหตุผลที่น่าเชื่อถือ สมาชิกหูผึ่งไปตามกัน “อ๋อ พ่อลูกเจรจาความก่อนหน้านั้นรึ อย่างนี้เท่ากับวางแผนล่อเสือออกจากถ้ำน่ะสิ หรือเป็นแผนโยนหินถามทางนะ ว่าในท้องพระโรงนั้นมีพวกใดกันบ้าง” “ถ้าเป็นจริงอย่างนั้นนะ ไอ้พวกนั้นมันเหมือนวัวสันหลังหวะ ที่พร้อมจะทำลายคู่ศัตรูเพราะกลัวจะถูกเปิดโปง เลยชิงดักหน้าซะก่อน” “ตกลงเลยยังไม่รู้ว่า อะไรเป็นอะไร ใช่ไหม” คนนี้อยากรู้ความจริง ที่ใคร ๆ ก็อยากรู้กันทั้งนั้น “ใช่ ใครจะไปรู้เรื่องจริง ๆ ล่ะ มีแต่คาดเดากันทั้งนั้น ตั้งแต่จ้าวทัศน์คิดจะก่อกบฏ จ้าวทัศน์ฆ่าองค์เอง แล้วตอนนี้กลายเป็นมีกบฏอีกกลุ่มหนึ่ง แล้วกบฏกลุ่มนี้วางยาจ้าวทัศน์ ใช่ไหม สรุปตอนนี้รู้แค่นี้ใช่มั้ย” คนนี้พยายามจะสรุปประเด็นทั้งหมด เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ถึงจะยังสรุปเรื่องราวทั้งหมดไม่ได้ แต่มันคือประเด็นที่อยากพูดเอามันกัน “เออ ยังงั้นแหละ ยังไม่รู้แน่ชัด ว่าอะไรเป็นอะไร ทางการพยายามสืบกันอยู่ เดี๋ยววงในคงมีข่าวใหม่ที่แน่ชัดมาบอกอีกทีน่ะแหละ อดใจรอแล้วกัน” เรื่องลับ ๆ แบบนี้ชาวบ้านชอบเม้าท์กันนัก ไม่มีใครรู้ความจริงแท้สักคน เรื่องในรั้วในวังล่ะชอบพูดเองคิดเอง แล้วต้องแอบตั้งวงสนทนากระซิบกระซาบไม่ให้คนนอกมาได้ยิน ยิ่งถ้าเป็นพวกขุนน้ำขุนนางที่อยู่ฝ่ายนั้นยิ่งห้ามเด็ดขาดที่จะไปพูดด้วยให้ได้ยิน พูดไปพูดมาไม่เข้าหู อาจหัวหลุดจากบ่าไม่รู้ตัว แถมโดนฆ่าล้างโคตรเสียอีก ไม่ใช่เฉพาะชาวบ้านร้านถิ่นหรอกที่เม้าท์กระจายเรื่องนี้ ไม่เว้นแม้ใครสักคน สามนายทหารใหญ่จากกรมทหารรักษาพระองค์หาเวลามาพูดคุยกันเรื่องข่าวของจ้าวทัศน์พระมหาอุปราชเจ้านายสายตรงกันอีกหลายครั้งหลายครา ตามประสาคนที่สงสัยในการจากไปอย่างปัจจุบันทันด่วน เรื่องร้ายแรงเช่นนี้ส่งผลกระทบต่อพวกเขาแน่นอน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เช่นเดียวกับขุนนางอำมาตย์ กลายเป็นเรื่องที่พูดกันไปทั้งบ้านทั้งเมือง แต่ส่วนใหญ่เป็นการพูดคุยวงในเฉพาะกลุ่มเพื่อนสนิท คงไม่มีใครพูดโต้ง ๆ ประกาศลั่นสนั่นกรุง มีแต่แอบซุบซิบเสียงเบา ๆ กัน ขืนพูดผิดหู คนละฝ่าย อาจโดนตื้บตายเสียก่อน เรื่องที่ไม่มีใครรู้ข้อเท็จจริง ต่างพากันขุดคุ้ยว่า สาเหตุมาจากเรื่องใดกันแน่ ต่างคาดเดากันไปต่าง ๆ นานาและเชื่อแน่ว่า คงไม่มีใครกล้าสรุปสาเหตุที่แท้จริงได้ เวลาพลบค่ำในเรือนของจมื่นศรีทั้งสามพูดคุยกันในเรื่องเดิม เรื่องที่ใคร ๆ ต่างพากันพูดคุย จมื่นศรีเปิดประเด็นขึ้นมาก่อนว่า “จำเรื่องที่พวกญี่ปุ่นมันก่อกวนได้ไหม” หลวงพิชัยหัวเราะเสียงต่ำ ๆ “ใคร ๆ จำได้กันทั้งนั้น พวกมันคงคิดว่ามันแน่มากและไม่ได้ยำเกรงในพระราชอำนาจ” หลวงเดชรีบเสริมต่อ “หรือพวกมันคิดจะยึดครองกรุงราฐมัณฑ์เป็นของพวกมัน เช่นเดียวกับพวกต่างชาติอีกหลายกลุ่มก้อน บ้านเรายิ่งใหญ่แลอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก ใคร ๆ ก็อยากได้ครอบครอง” จมื่นศรีรีบพูดต่อในสิ่งที่ตนรู้มา “แล้วจ้าวทัศน์ในฐานะพระมหาอุปราช ได้คิดวางแผนการปราบพวกญี่ปุ่นกลุ่มออกพระนายไวยที่มีทีท่าจะก่อกบฏ” ถึงตอนนี้สีหน้าของจมื่นศรีเคร่งเครียดยิ่งขึ้น “มันเป็นขุนนางคนโปรดขององค์เจ้าเหนือหัวนรสิงห์ เพ็ดทูลอย่างไร พระองค์ย่อมเชื่อว่าเป็นจริง ยิ่งกว่านั้น เชื่อกันว่า มันนั่นแหละคือหัวหน้าก่อการกบฏตัวจริง หวังจะเป็นเจ้าเหนือหัว แต่โบ้ยความผิดว่าจ้าวทัศน์ของเราจะก่อการกบฏแทน” “เอาล่ะซิ ยุ่งกันใหญ่ ตกลงใครเป็นฝ่ายก่อกบฏกันแน่ ตอนแรกรู้แต่ว่า พวกของสมุหพระกลาโหม ไม่ชอบจ้าวทัศน์ พาลเกลียดเสียด้วยซ้ำ นี่มามีเรื่องโยงไปถึงออกพระนายไวยกับจ้าวธรรมาอีก ตกลงใครคือศัตรูตัวเอ้นะ” หลวงเดชเริ่มบ่นพึมพำ หลวงพิชัยได้ทีบอกต่อ “มันเป็นจังหวะเดียวกับที่พระโอรสของเจ้าเหนือหัวนรลักษณ์ที่เป็นเจ้าล้านช้างจะยกทัพเข้ามายังกรุงราฐมัณฑ์ ใคร ๆ เลยพูดว่าเป็นเพราะจ้าวทัศน์ชักนำศึกนี้เข้ามาด้วยองค์เอง” หลวงเดชบ่นต่อ “มันเลยยุ่งไปกันใหญ่ ทั้งก่อกบฏ และศึกแย่งชิงบัลลังก์คืน ไม่รู้ว่าออกพระนายไวยไปเพ็ดทูลเช่นไร จากขาวเป็นดำ จากดำเป็นขาว แทนที่มันจะโดนตัดหัวขั้วแห้งกลับกลายเป็นจ้าวท่านผิดไปได้เสียนี่” คราวนี้ทั้งสามมาเปิดประเด็นเรื่องออกพระนายไวยกันอย่างจริงจังอีกครั้ง หลวงพิชัยหาทางสรุปความเป็นไปได้ “หรือมันนั่นแหละที่แอบวางยาพิษ โดยให้นางสนมพวกมันจัดการ เพราะมันเข้านอกออกในได้อย่างง่ายดาย” พร้อมกับทำสีหน้าครุ่นคิดอย่างจริงจัง “นางสนมคนไหนที่สนิทสนมกับมันมากเป็นพิเศษจนถึงขั้นกล้าทำเรื่องอุบาทว์ชาติชั่วได้เช่นนี้ ตายไปตกนรกหมกไหม้แน่นอน แม้นชาตินี้เหาคงกินหัวมันจนหมดสิ้นแล้วเป็นแน่” ผรุสวาทอย่างโกรธแค้นด้วยน้ำเสียงเกลียดชังคนวางยา “บางทีนางสนมคนนั้น อาจไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วย ก็เป็นได้ อาจเป็นพนักงานทำอาหาร หรือใครก็ได้ ที่ใช้ทีเผลอหรือตั้งใจจะสับเปลี่ยนสำรับ” หลวงเดชเอ่ยบ้าง เหมือนกำลังคาดคะเนถึงความเป็นไปได้ แล้วเอ่ยต่อไปว่า “มันได้ตำแหน่งจมื่นมาไม่นาน พอ ๆ กับพี่ท่าน บังเอิญจับพลัดจับผลูได้ไปอยู่ตำหนักองค์เจ้าเหนือหัว นิสัยช่างพูด ใส่ไฟ ตลบตะแลงตอแหลของมันทำให้มันได้ดิบได้ดี แต่มันทำเรื่องอัปรีย์ได้ถึงเช่นนี้ มันสมควรจะได้ตำแหน่งออกพระหรือไม่ คงอีกไม่นานได้เลื่อนเป็นคุณพระ” น้ำเสียงขุ่นขึ้นมาอย่างเคียดแค้น “มันไปเอาตำแหน่งที่ใหญ่โตจากทางสมุหพระกลาโหม เพียงแต่ยังทำงานในพระราชวังเท่านั้น เพราะกรมทหารรักษาพระองค์สูงสุดได้แค่จมื่นแบบพี่ท่านเท่านั้น อยากใหญ่โตขึ้นต้องไปสังกัดทหารรักษาพระนครโน่น” หลวงเดชอธิบายต่อ “มันอาจหวังตำแหน่งใหญ่โต ด้วยการโอนไปสังกัดกับสมุหพระกลาโหม มันหวังก้าวทางลัด” จมื่นศรีอธิบายเพิ่มว่า “ใช่อย่างที่น้องเดชพูดนั่นแหละ พวกเราเป็นได้แค่จมื่นนับว่าสูงสุดแล้ว ตำแหน่งพวกเรามีแค่นายมหาดเล็กสำรอง นายมหาดเล็กวิเศษ นายรองหุ้มแพร นายหุ้มแพร นายจ่า หลวง และจมื่น ส่วนสังกัดทหารรักษาพระนคร หรือโอนไปอยู่กับสมุหพระกลาโหมจะได้ตำแหน่งสูงกว่า ได้เป็นพัน หมื่น ขุน หลวง พระ พระยา ใหญ่โตกว่าพวกเรามากนัก นี่แหละที่องค์ท่านจ้าวทัศน์คิดจะสลับสับเปลี่ยนหรือกำหนดกฎเกณฑ์ ยศ ตำแหน่งใหม่เสียให้คานอำนาจซึ่งกันและกัน” “นั่นย่อมแสดงว่า ออกพระนายไวยเป็นสมุนหรือพรรคพวกของสมุหพระกลาโหมฤา” หลวงเดชเอ่ยตอบอย่างคาดคะเน หลวงพิชัยเอ่ยต่อ อย่างคนที่พยายามปะติดปะต่อให้เป็นเรื่องราวที่น่าจะเป็นไปได้ “ฤาว่าองค์เจ้าเหนือหัวจะรู้ระแคะระคายว่า สิ่งที่ออกพระนายไวยเพ็ดทูลไม่จริง จึงเจรจาความกันตามลำพังกับจ้าวทัศน์ โดยมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดรู้ความ อาจจะกำลังหาทางดัดหลังและกำจัดกบฎออกพระนายไวยให้สิ้นซาก แล้วออกพระนายไวยอาจจะรู้แกว เลยคิดตัดบทแก้ปัญหาเสียด้วยวิธีที่รุนแรงเช่นนี้” จมื่นศรีช่วยกันคาดคะเน “ถ้าอย่างนั้น คงเป็นมันนั่นแหละที่ออกพูดไปทั่วว่ามันได้ยินจ้าวทัศน์รายงานว่า จะขอคนออก แล้วองค์เจ้าเหนือหัวกริ้ว เพราะเท่าที่รู้ไม่มีแม้แต่ผู้หนึ่งผู้ใดได้เข้าใกล้พอจะได้ยินเสียด้วยซ้ำ ไอ้นี่มันชาติชั่วจริง ๆ วางแผนสลับซับซ้อน โบ้ยความผิดไปซึ่ง ๆ หน้า” เสียงที่พูดเน้นหนักด้วยความโกรธกริ้วและเกลียดชัง จึงใช้คำพูดที่ดุเด็ดเผ็ดร้อนผิดวิสัยดั้งเดิม แล้วพูดต่อ “น่าจะเป็นมันจริง ๆ นั่นแหละ อย่างน้อยที่มันเที่ยวพูดไปทั่วว่า มันได้ยินจ้าวทัศน์รายงานว่า จะขอคนออก แล้วองค์เจ้าเหนือหัวกริ้ว เพราะที่จริง ไม่มีแม้แต่ผู้หนึ่งผู้ใดได้เข้าใกล้พอจะได้ยินเสียด้วยซ้ำ แสดงว่า มันโกหก แต่คนทั่วไปไม่รู้ข้อเท็จจริงนี้ เลยหลงเชื่อมันไปเต็มเปาเข้าให้แล้ว” หลวงพิชัย “ตั้งแต่มันชิดใกล้องค์เจ้าเหนือหัว คงใช้อำนาจบาตรใหญ่หวังสูงเกินศักดิ์คิดจะช่วงชิงบัลลังก์เสียเอง แทนที่มันจะทำงานรับใช้สมุหพระกลาโหม มันเองคิดเหิมเกริมเสียเองก็เป็นไปได้นะ เท่าที่รู้ มันสร้างอิทธิพลในหมู่ขุนนางอำมาตย์ให้เกลียดชังและต่อต้านจ้าวทัศน์ พร้อมทั้งลักลอบนำพวกญี่ปุ่นเข้ามาได้เป็นหลายร้อยนายทีเดียว มาเป็นกองกำลังที่จะก่อกบฏ” หลวงเดชเสริมต่อทันทีว่า “น่าจะเกือบ 500 นายทีเดียวกะจะโอบล้อมพระราชวังแล้วบังคับให้เกิดสิ่งที่มันต้องการ โชคดีนะที่จ้าวทัศน์รู้ทันพวกมันได้เสียก่อน เพียงแต่ยังปราบให้ราบคาบไม่ได้และยังสาวไม่ถึงต้นตอ ได้แต่คิดไปว่าพวกญี่ปุ่นเท่านั้น แท้ที่จริงอยู่ใต้การบงการของไอ้ออกพระนายไวยนี่เอง ถึงทำให้วุ่นวายได้ถึงเพียงนี้” “มันคิดเหิมเกริมจริง ๆ และปั้นน้ำเป็นตัว โกหกตอแหลไปทั่ว โบ้ยไปว่า จ้าวทัศน์คิดก่อกบฏ ปล่อยข่าวไปทั่วบ้านทั่วเมือง จนพวกชาวบ้านหลงเชื่อว่าเป็นจริง มันน่านัก” หลวงพิชัยทำเสียงฮึ่มเข้าให้ เหมือนอยากจะต่อยปากหรือเตะไอ้คนที่กำลังพูดถึงด้วยความเคียดแค้นยิ่งนัก ทั้งสามเจรจาเรื่องราวที่ต้องแอบพูดกับแบบเงียบ ๆ ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดกันอย่างเอิกเกริกหรือให้รู้ไปทั่วได้ คงคุยกันเฉพาะพวกของตนเท่านั้น เมื่อเจรจามากยิ่งขึ้น จึงได้เรื่องราวที่ต่างฝ่ายต่างรู้ แล้วมาปะติดปะต่อจนเกือบจะได้เรื่องราวทั้งหมด สรุปประมาณว่า ทั้งออกพระนายไวยและสมุหพระกลาโหมกำลังคิดก่อกบฏแน่นอน ในขณะเดียวกันมุ่งหวังทำร้ายจ้าวทัศน์ให้ถึงแก่ชีวิตด้วย “พวกมันคงไม่หยุดแต่เพียงเท่านี้แน่ คงรุกคืบต่อ แต่ด้วยวิธีใด คงไม่อาจรู้หรือคาดคะเนได้อย่างแม่นยำ แม้แต่องค์เจ้าเหนือหัว ยังมิอาจเอ่ยปากหรือให้ความคิดเห็นใด ๆ ในเรื่องนี้ ได้แต่นิ่งเงียบ องค์ท่านคงรู้ดีกว่าใคร ๆ แต่ด้วยมีนัยยะที่ลึกซึ้ง จึงมิอาจเปิดเผยข้อเท็จจริงที่เป็นอันตรายต่อองค์ท่านหรือต่อชาติ เพราะมันฉลาดนัก ที่โบ้ยว่า คำพูดขององค์ท่านที่ทำให้จ้าวทัศน์เสียพระทัยจนต้องปลิดชีพองค์เอง” “พวกเรากำลังคาดการณ์ทั้งหมดกันเอง จริงเท็จแค่ไหน ยังไม่รู้ แต่ต้องระวังตัวให้มากขึ้น อย่างน้อยมีสองคนที่น่าจะก่อกบฏคือออกพระนายไวยกับสมุหพระกลาโหม” จมื่นศรีกล่าวสรุป ก่อนจะแยกย้ายกลับเรือนของตน เรื่องซุบซิบแบบนี้ต่างฝ่ายต่างป้องปากแอบกระซิบพูดกันไม่เว้นแม้แต่ผู้ใดในกรุงราฐมัณฑ์ที่จะไม่พูดถึง ทั่วทั้งเมืองกลับพูดเรื่องเดียวกันแต่อาจต่างกันไปในสาระที่รับรู้มา บางเรื่องผ่านไปแล้วยากแก่การแก้ไข รอเรื่องใหม่ที่จะผ่านมาอย่าเกิดซ้ำอีก บางเรื่องเกิดแล้วปกปิดกะให้มิดชิด แต่คนรุ่นหลังขุดคุ้ยให้โผล่มาได้อีก |
BlogGang Popular Award#20
สมาชิกหมายเลข 4665919
Rss Feed ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?] ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
Friends Blog Link |