All Blog
เศร้านี้สะท้านฟ้าสะเทือนดินยิ่งนัก



           
 
Seller Link: https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTU0MjQwMiI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjEyNjQ3NyI7fQ
 
 

            เมื่อแผนการไม่อาจเป็นไปตามที่คาดฝัน จะคิดการใดต่อไป เดินหน้าสู้ต่ออย่างเต็มกำลังหรือถอยหนีเพื่อตั้งหลัก หรือหันหลังไม่คิดจะต่อกรด้วย ปล่อยทุกอย่างไปตามที่ควรจะเป็น ให้เป็นไปตามลิขิตฟ้าชะตากำหนดแล้วกัน
เวลาผ่านไปเพียง 4 เดือนเศษ หลังจากที่จ้าวทัศน์ดำรงตำแหน่งพระมหาอุปราชแห่งกรุงราฐมัณฑ์ ด้วยรูปลักษณ์อันงามสง่า ผิวพรรณผุดผ่อง แถมด้วยสติปัญญาอันล้ำเลิศ เหมาะสมอย่างยิ่งด้วยประการทั้งปวงต่อตำแหน่งที่ได้รับ ได้เกิดเหตุที่ไม่คาดคิด สะท้านฟ้าสะเทือนดินได้ทั่วทุกหย่อมหญ้า อะไรกันนี่ มันเกิดขึ้นได้เยี่ยงไร
ผู้คนทั่วหล้าต่างชื่นชมยินดีแลโสมนัสยิ่งนักที่ได้รับทราบข่าวการแต่งตั้งพระมหาอุปราช พร้อมตั้งความหวังว่าจ้าวน้อยพระองค์นี้จะนำพาประเทศชาติสู่ความเจริญรุ่งเรืองด้วยพระปรีชาสามารถเหนือยิ่งกว่าพระโอรสองค์ใด
ด้วยพระปรีชาสามารถเด่นเหนือใคร ด้วยรูปลักษณ์อันงามสง่ามีราศรีจับ ด้วยท่วงท่ากิริยาพาทีเป็นมิตรต่อพสกนิกรและเหล่าข้าราชบริพารผู้ใกล้ชิด ไม่มีคำน้อยที่น่าเกลียด สบประมาทด่าทอหรือเหยียบย่ำให้เจ็บช้ำน้ำใจแม้แต่น้อย จึงมีแต่คนรักใคร่เอ็นดูและเชิดชูสรรเสริญกันถ้วนหน้า
ด้วยคุณสมบัตินานัปการนี้จึงเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงต่อการก้าวเป็นเจ้าเหนือหัวองค์ต่อไป
แต่ทว่าคงไม่ได้คิดเช่นเดียวกันนี้กับทุกคนทั่วหล้า เพราะไม่มีชนหมู่ใดที่คิดพ้องเหมือนกันเป๊ะถ้วนหน้าทุกตัวคน ไม่มีขัดแย้งแม้แต่น้อย เป็นไปไม่ได้ใช่ไหม และด้วยคุณสมบัติอันดีเลิศประเสริฐศรีเช่นนี้อาจขัดขวางหรือเป็นอุปสรรคต่อคนอีกกลุ่มหนึ่งก็เป็นได้ ในอันที่จะขัดผลประโยชน์ที่เคยได้รับมาแต่กาลก่อนในอดีต
หนึ่งในนั้นที่มิได้เห็นคล้อยตามคนหมู่มาก คงมีขุนนางกับนายทหารกลุ่มหนึ่งเท่านั้นที่ไม่ยินดีปรีดาด้วย และพร้อมจะเข้าขัดขวางไม่ให้เดินเรื่องต่อ หรือเล่นว่าวไปจนสุดสายป่าน
จากความปีติยินดีกลายเป็นความเคลือบแคลงสงสัย ด้วยข่าวลือที่หนาหูลือกระฉ่อนไปทั่วทั้งพิภพโลกาว่า จ้าวทัศน์ไม่ได้ยินดีแต่เพียงตำแหน่งของพระมหาอุปราชแห่งกรุงราฐมัณฑ์เท่านั้นแต่หมายปองสูงยิ่งไปกว่า โดยหวังจะครอบครองราชบัลลังก์แทนพระราชบิดาโดยมิรอช้าให้ถึงกาลที่ควรเป็นไป
 
กลุ่มชาวบ้านได้ตั้งวงกันราวกับเป็นสภากาแฟ เพื่อถกเถียงเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องของตัวเองกันอีกแล้ว ชอบนักคุยโม้เรื่องของเจ้านายนี่ สนุกปากกันจริง ทั้งที่ไม่มีใครรู้จริงแม้สักคน
“เฮ้ย ข่าวใหญ่เลยนะนี่” คนแรกเปิดประเด็นให้คนอื่นหูผึ่ง
“ข่าวอะไร ใหญ่แค่ไหนกัน” คนอยากรู้ตั้งคำถามรัว ๆ ขึ้นมาทันทีทันใด
“ไม่ได้ยินข่าวรึว่า จ้าวทัศน์น่ะคิดก่อกบฏ จะแย่งชิงอำนาจจากเจ้าเหนือหัว” คนแรกนี้ป้องปากกระซิบ เพื่อดึงดูดความสนใจ หรือเกรงว่าพูดดังไป อาจโดนทางการจับกุม
“อะไรนะ ข้าน่ะแก่แล้ว หูตาฟ้าฟาง ไม่ค่อยได้ยิน พูดเบาเสียอย่างนั้น ข้าจะไปได้ยินได้อย่างไร”
“เรื่องแบบนี้ ใครเขาพูดกันดัง ๆ ล่ะ” อีกคนตอบ
คนแก่หูตึงตอบโต้ “โธ่ พวกเราก็อยู่กันแค่นี้ ใครจะมาได้ยิน มีแต่พวกเรากันทั้งนั้น”
“เอาล่ะ พูดซ้ำก็ได้” เสียงดังฟังชัดขึ้นมาอีกนิด “เขาว่ากันว่า จ้าวทัศน์น่ะคิดก่อกบฏ จะแย่งชิงอำนาจจากเจ้าเหนือหัว”
“เฮ้ยเป็นไปได้อย่างไรกัน เขาพ่อลูกกันนะ พ่อลูกแท้ ๆ เทียว ใช่คนอื่นคนไกลเสียที่ไหนกันล่ะ” คนแก่หูตึง พอได้ยินถนัดถนี่รีบเถียงเสียงดังลั่น
“เขาลือกันไปทั้งบางเชียวนะ เขาว่านะ มาจากวงในทีเดียว แม่นแน่” คนแรกรีบอธิบายต่อ พลอยทำให้วงพลอยขยับเข้ามาใกล้กันยิ่งขึ้น เบียดชิดราวกับฟังเขาเล่าเรื่องผี ๆ กันทีเดียว
“คำนินทาว่าร้ายเช่นนี้หมายความลึกได้เพียงไร ข้าสงสัย พ่อลูกกันจะทำกันเพียงนี้เชียวรึ”
อีกคนชิงพูดขึ้นมา ราวกับสงสัยเสียเต็มประดา “ข่าวลือนี้จริงหรือเปล่านี่”
“อะไรกันล่ะ ไม่เข้าใจรึไร หมายชิงบัลลังก์หมายถึงเช่นไรได้ล่ะ นอกจากอย่างนั้นเชียวล่ะ”
“ก็หมายถึงเช่นไรล่ะ ใคร่อยากรู้นัก”
“คงหมายถึงแย่งชิง ด้วยการทำร้ายคนเก่าน่ะซิ” อีกคนทำเสียงเบามากแทบไม่ได้ยินอีกแล้ว
“จะขนาดนั้นเชียวรึ” อีกคนพลอยตั้งข้อสงสัยเพิ่มอีกคน
สภากาแฟวงนี้คงคุยกันอีกนานกับข่าวลือที่ได้ยินมาจากหลายทอด แล้วยืนยันว่า มาจากวงใน แต่ในขนาดไหน แล้วใครกันแน่ที่กล้าปล่อยข่าวลือเช่นนี้ได้ ไม่มีใครกล้ายืนยันแหล่งข่าวหรอก.
ทั้งวงตั้งข้อสงสัยกันไปมา จริงหรือไม่จริง ถ้าจริงจะร้ายแรงปานใด และจะเกิดในเร็ววันนี้หรือไม่ เผื่อจะได้หาทางขยับขยาย เก็บซ่อนทรัพย์สินที่พอมีน้อยนิด ให้รอดพ้น
ไม่นานเลยใช่ไหมจากชายหนุ่มผู้หาญกล้าและกระตือรือร้นหวังจะให้บ้านเมืองเจริญก้าวหน้าโดยเร็ว เมื่อโดนเสียงใส่ร้ายป้ายสีสาดโคลนไปทั่วทุกสารทิศเช่นนี้ กลับเกิดสลดหดหู่และคิดว่าโลกนี้ไม่ใช่โลกอันสวยสดงดงาม โลกแห่งความฝันห่างกันไกลลิบลับจากโลกแห่งความเป็นจริง และคงทำให้ใกล้กันไม่ได้เลย
จากใจอันหาญกล้า ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ กลับหดหู่เศร้าหมองและท้อถอย เกิดความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทั้งกายและใจ จนคิดจะหนีลาจากภาระอันหนักอึ้งด้วยเสียงนินทาว่าร้ายทุกเช้าค่ำจากฐานอำนาจเก่าและปวงประชา
ใครจะกล้าแกร่งมากพอที่จะทนเสียงก่นด่าว่าร้ายในเรื่องที่ไม่จริงแม้สักนิดได้ ถ้าคนนั้นไม่ได้ฝึกความอดทน การมีภาวะผู้นำที่สามารถเอาชนะอุปสรรคปัญหาทั้งปวงทั้งเรื่องเล็กน้อยแลเรื่องใหญ่คับฟ้า
 
วันหนึ่งจ้าวทัศน์ได้เสนอว่า “คิดจะลาออกจากตำแหน่งพระมหาอุปราชแห่งกรุงราฐมัณฑ์ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทั้งปวงอันอาจจะเกิดขึ้นด้วยตนเพียงคนเดียวที่จะทำให้ราชบัลลังก์สั่นคลอนได้”
แทนการปลอบประโลมให้พระโอรสเข้มแข็งและมีใจฮึกเหิมพร้อมจะต่อสู้เพื่อราชบัลลังก์และประเทศชาติด้วยเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะนำพาให้ประเทศก้าวไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง แต่สิ่งที่ได้รับกลับต่ำกว่าที่คาดหมายไว้เยอะด้วยพระสุรเสียงที่กล่าวออกมาว่า “เจ้าคิดจะก่อกบฏจริงหรือ”
คำพูดเช่นนี้ก่อให้เกิดความสะเทือนใจอย่างรุนแรงต่อจ้าวทัศน์ ผู้ที่คิดว่า น่าจะมีใครสักคนเข้าใจความคิดและการกระทำด้วยใจสุจริต แต่ไม่มีเลยแม้นสักคนในท้องพระโรงแห่งนั้น ที่ทัดทานคัดค้าน มีแต่นิ่งเฉย เท่ากับยอมรับว่า ควรเป็นไปเช่นนั้นแล
คงมีแต่พระสหายคนสนิทที่เข้าใจความจริงแท้ที่ซ่อนอยู่ และกำลังคิดวางแผนต่อสู้ฝ่ายตรงข้าม จะมีผู้ใดร่วมด้วยช่วยกัน ไม่มีใครรู้ได้ แต่ต้องกำจัดเศษซากสวะที่ลอยเกลื่อนน้ำให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว
คำนั้น คำที่จะลาออกจากตำแหน่งพระมหาอุปราชแห่งกรุงราฐมัณฑ์ เป็นเพียงการเปรยเพื่อโยนหินถามทางว่าจะมีผู้ใดในท้องพระโรงคัดค้าน จะได้รู้ไปว่า ไผเป็นไผ ทำให้ซึ้งแก่ใจแล้วว่า ที่นี่มีแต่พวกของสมุหพระกลาโหมเท่านั้น หรืออาจจะมีสักคนสองคนก็คงมิกล้าเอื้อนเอ่ยปากให้ระคายหูกลุ่มมาเฟียนั้นไม่
จ้าวทัศน์ไม่ได้รอคำตอบหรือคำพูดต่อจากคำว่า “เจ้าคิดจะก่อกบฏจริงหรือ” เพียงได้ยินคำถามเช่นนั้น หัวใจหล่นตุ๊บไปกองที่พื้นทันใด ไม่ได้คิดเป็นอื่น นอกจากพระราชบิดาคิดเห็นเช่นคนทั่วไปที่เกิดจากคำพูดยุแยงตะแคงรั่ว
จ้าวทัศน์รีบผลุนผลันวิ่งออกจากท้องพระโรงกลับไปยังตำหนักส่วนพระองค์ ปิดประตูเงียบลั่นดานมิให้ใครเข้าไปพบ ยกเว้นเสียแต่สั่งพระกระยาหารเข้าไปเสวยตามลำพังพระองค์เดียว มิได้ออกมาร่วมเสวยกับพระญาติเช่นดั่งปกติดังเคย
 
            ครั้นเช้าวันรุ่งขึ้น มหาดเล็กได้พบว่าจ้าวทัศน์สิ้นพระชนม์ และเห็นยาพิษที่ตกอยู่ข้างกาย ทันใดนั้นทั้งพระราชวังวุ่นวายด้วยต้องเตรียมงานพระศพ พร้อมกับเสียงร้องไห้ระงมที่ดังไปทั่ว
            ขณะเดียวกันอาจจะมีบางกลุ่มก้อนที่เสียงหัวเราะดังลั่นแทนการร้องไห้คร่ำครวญ แต่จะเป็นกลุ่มไหนกัน
            ข่าวลือเช่นที่กล่าวมาดังไปทั่วทั้งวัง พร้อมกับเสริมต่อว่า “จ้าวทัศน์น้อยใจในพระราชบิดาหลังจากเหตุการณ์ที่สร้างความตระหนกกับคำกล่าวขององค์เจ้าเหนือหัวที่ตรัสตอบ แล้วจ้าวทัศน์ผลุนผลันกลับเข้าพระตำหนักขังองค์เองไว้ไม่อยากออกมาพบปะผู้ใด ปลิดชีพองค์เอง”
            บางคนบอกว่า “เพราะองค์เจ้าเหนือหัวรู้น่ะซิ จึงตรัสถามเช่นนี้ต่อหน้าขุนนางอำมาตย์ในท้องพระโรง เพื่อเป็นการปรามว่า ทุกคนรู้กันไปหมดนั่นแหละ ว่าคิดก่อกบฏจนบ้านเมืองวุ่นวายเช่นนี้”
            ความเศร้าโศกเข้ามาเยือนอย่างรวดเร็ว ทั่วทั้งวังวุ่นวายยุ่งเหยิง ด้วยต้องจัดการให้สมพระเกียรติพระมหาอุปราชแห่งกรุงราฐมัณฑ์
 
            ชาวบ้านร้านถิ่นต่างตระหนกตกใจกับข่าวคราวที่ออกมาจากพระราชวังว่า จ้าวทัศน์สิ้นพระชนม์ ต่างร้องไห้ระงมเสียงดังระเบ็งเซ็งแซ่ไปทั่ว พร้อมจะไว้ทุกข์ให้กับการจากไปอย่างปัจจุบันทันด่วน
            วงสนทนาชาวบ้านมีหรือจะไม่กล่าวถึงเรื่องเช่นนี้ ข่าวแบบนี้ ทำให้หลายคนที่เคยเล่าว่าจ้าวทัศน์คิดก่อกบฏ เปิดประเด็นใหม่ กลุ่มก๊วนเสนอกันหน้าสลอน อยากรู้อยากเห็นกันจริง ๆ
“ข่าวเขาออกมาว่า จ้าวทัศน์สิ้นพระชนม์เพราะยาพิษ มหาดเล็กเห็นยาพิษตกอยู่ข้าง ๆ ทำไมจึงต้องฆ่าองค์เอง” เล่นตั้งคำถามแบบนี้ ยิ่งช่วยกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งขึ้น
“ทำไมคิดจะก่อกบฏ แต่ยอมแพ้ง่าย ๆ ล่ะ แทนที่จะสู้” อีกคนตั้งคำถามขึ้นมา
 เมื่อข่าวการสิ้นพระชนม์ออกจากปากผู้หนึ่งผู้ใดแล้วขยายความต่อไปอย่างรวดเร็ว กลับผิดเพี้ยนไปราวกับเป็นคนละเรื่อง เขาถึงว่า ข่าวลือนี้เชื่อถือไม่ได้จริง ๆ
ข่าวลือยิ่งผิดเพี้ยนเมื่อออกจากปากผู้ที่ได้แต่งแต้มเติมสีให้มากความไปยิ่งขึ้น ว่าพ่อลูกทะเลาะเสียงดังลั่นแล้วลูกคิดจะทำร้ายพ่อจนโดนตำหนิอย่างรุนแรงโดยหวังจะสืบอำนาจเสียเองตามคำกล่าวลือไปก่อนหน้านั้นว่า จ้าวทัศน์คิดก่อกบฏ
“โถ ทำเป็นจะลาออกจากการเป็นพระมหาอุปราช ไม่รู้พูดทำไม พอเจ้าเหนือหัวนรสิงห์ได้ยินเท่านั้นแหละ ตวาดเสียงดังลั่นทุ่งเลยว่า เจ้าน่ะจะก่อกบฏไม่ใช่รึ จะมาลาออกทำไมกัน”
คนเล่าทำท่าราวกับรู้จริง หรือไปเห็นด้วยตามา “เกิดเหตุร้ายแรง ต่อปากต่อคำ ต่อหน้าขุนนางอำมาตย์ทั้งหลาย น่าจะเป็นการตัดพ่อตัดลูกกันอย่างเปิดเผย และอาจปลดจากตำแหน่งเสียด้วยซ้ำ” คนฟังตาโต กับเรื่องที่ได้ยิน
“ขนาดนั้นเชียวรึ ถึงว่า จ้าวทัศน์คงทั้งโกรธทั้งอาย และเสียดายตำแหน่ง เลยกินยาพิษ ขอลาจากไปง่าย ๆ เช่นนี้น่ะ” อีกคนรีบพูดขึ้นมากับเรื่องที่ได้ยิน
ทุกคนในกลุ่ม เชื่อตามคนเล่าว่า จ้าวทัศน์กินยาพิษด้วยทะเลาะกับเจ้าเหนือหัวนรสิงห์จริง ไม่มีแม้สักคน ที่จะคิดเป็นอื่นเลย
ทุกคนเออออห่อหมกไปตามเรื่อง พูดกันไปพูดกันมา ถึงเรื่องนี้ อย่างไม่เมื่อยปากทีเดียว
แต่ละข่าวแต่ละที่อาจผิดแผกแตกต่างกันไปตามแต่ผู้ที่ฟังมาแล้วเล่าต่อ อาจเติมจินตนาการส่วนตัวเข้าไปผนวกด้วย แต่ทั้งหมดในส่วนลึกของจิตใจต่างรู้สึกโศกเศร้าที่สูญเสียพระมหาอุปราชแห่งกรุงราฐมัณฑ์ไปอย่างคาดไม่ถึง แม้อาจมีบ้างในทำนองรู้สึกไม่ดีต่อองค์ท่านบ้างที่ท่านคิดจะก่อกบฏ
 
งานพระศพพระมหาอุปราชยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ โดยมิมีแม้แต่ผู้ใดที่จะเอ่ยถึงสาเหตุแห่งการสิ้นพระชนม์อย่างออกนอกหน้านอกตา อาจแค่ซุบซิบเฉพาะวงใน ทุกคนร่วมแรงร่วมใจจัดงานให้ยิ่งใหญ่ที่ท้องพระเมรุ
รอบพระเมรุมาศประดับตกแต่งด้วยสัตว์หิมพานต์จำนวนมาก บริเวณทั่วทุ่งพระเมรุมีกิจกรรมที่ทำให้ครึกครื้นผ่อนคลายความทุกข์โศก อาทิ โขน หุ่นมือ กายกรรม
ด้วยความรู้สึกจงรักภักดีต่อพระมหาอุปราช กอปรกับพระเมรุมาศที่งดงามตระการตา ยากนักที่จะได้เห็น ทั้งกิจกรรมมากมาย ทำให้ชาวบ้านร้านถิ่นมาร่วมงานจำนวนมากมายแทบทุกคืนและทั้งวันโดยพร้อมใจนุ่งขาวห่มขาวมาทั้งคราบน้ำตา เสียดายสงสารองค์ท่าน ครั้นเข้าร่วมกิจกรรมกลับมีเสียงหัวเราะพูดคุยอย่างสนุกสนานแทน กลายเป็นงานรื่นเริงมหรสพที่นาน ๆ จึงจะได้มาเข้าร่วม
ครั้นถึงวันสุดท้าย ไม่มีมหรสพให้หัวเราะชื่นบานกันแล้ว มีแต่เสียงร่ำไห้คร่ำครวญ เริ่มด้วยเสียงร้องไห้จากนางห้าม แล้วทุกผู้คนปล่อยโฮเสียงดังลั่นท้องพระเมรุและทั่วทุกหนทุกแห่ง
วินาทีที่เรียกน้ำตาให้พรั่งพรูอาบสองแก้มของทุกผู้คน คือช่วงที่ต้องจุดไฟบนกองฟืนกองใหญ่ที่มีไม้จันทน์ ไม้กฤษณา ไม้กลำพักและกำยาน เพื่อกลบกลิ่นอันไม่พึงประสงค์จากพระศพด้วยไม้เนื้อหอมชั้นเลิศราคาแพง
บ้างเป็นลมล้มพับลงไปนอนกองกับพื้น บ้างถือขวดยาหอมยาดมยาหหม่องกระตุ้นหัวใจไม่ให้เป็นลมตามเพื่อน ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ ส่วนใหญ่ถือผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาที่ไหลรินโดยไม่รู้ตัว บ้างใช้ผ้าแถบเกาะอกเช็ดน้ำตาป้อย ๆ ไม่มีผู้ใดหน้ายิ้มระรื่น มีแต่เสียงร้องไห้ลั่นระงมดังไปทั่ว ยิ่งทำให้ทุกคนร้องไห้ตามเสียงดังยิ่งขึ้น
หลังจากนั้นได้เคลื่อนขบวน ‘พระโกศ’ ที่บรรจุพระอัฐิและพระอังคารจากพระศพโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารคอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งตกแต่งสวยงามมาก ติดตามไปด้วยเรือเล็กหลายลำ มีพระสงฆ์นั่งเต็ม ซึ่งเป็นพระมีสมณศักดิ์สูงที่สุด
ขบวนเรือเล็ก ๆ หลายลำนี้ บรรทุกรูปปั้นสัตว์ต่าง ๆ เป็นรูปงู สัตว์เลื้อยคลาน เสือ สิงโต คางคก งูใหญ่ ค้างคาว ห่าน เป็ด สุนัข ช้าง แมว แร้ง ว่าว กา และสัตว์อื่น ๆ ซึ่งทำขึ้นมาคล้าย ๆ กันนั้น รูปสัตว์เหล่านั้นดูมีชีวิตชีวาเหมือนกับว่ามีชีวิต
สองฝั่งแม่น้ำลพบุรีที่ชิดใกล้พระราชวังนั้นคราคร่ำด้วยผู้คนที่มาถวายความจงรักภักดีเป็นครั้งสุดท้ายและได้ชมขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ซึ่งยากนักที่จะมีโอกาสมาได้ยล มีเสียงปืนใหญ่ ปืนครก กลอง ระฆัง แตร และเสียงหนวกหูประเภทอื่น ๆ อีก ดังมาให้ได้ยิน
หลังจากพระโกศประดิษฐานในวัดแล้ว ขบวนเรือทั้งหมดจะเผาไหม้ให้หมดสิ้นลงกลางสายน้ำเป็นการถวายพระเกียรติยศครั้งสุดท้ายแด่จ้าวทัศน์พระมหาอุปราชแห่งกรุงราฐมัณฑ์
 
ผู้เป็นที่รักปานดวงใจของคนทั่วหล้า
ปุบปับจากไปอย่างปัจจุบันทันด่วน
ย่อมก่อให้เกิดความรู้สึกเศร้าสร้อยโศกา
ร้องไห้ระงมทุกหย่อมหญ้าไม่เว้นแม้ผู้ใด

 



Create Date : 13 กรกฎาคม 2563
Last Update : 13 กรกฎาคม 2563 18:07:50 น.
Counter : 837 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

BlogGang Popular Award#20



สมาชิกหมายเลข 4665919
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
New Comments