ช่วงเวลาแห่งความสุข @ ปิงปาลีย์รีสอร์ท กาญจนบุรี
เคยมั้ยเวลาที่ดูรูปรีสอร์ท โรงแรม หรือที่พักปุ๊บแล้วรู้สึกอยากไปพักทันที เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาบริษัทมีวันหยุด 11 วัน แต่โปรแกรมยังไม่เต็มทุกวัน ก็เลยมองๆ หาที่เที่ยว เปิดเข้าไปเจอรีวิวของคุณฝน (namfaseefoon) เกี่ยวกับที่นี่ พอดูเสร็จรีบโทรไปจองทันที รู้สึกโดนมากๆ "ปิงปาลีย์ รีสอร์ท" อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี อยู่ห่างจากตัวเมืองกาญจน์ประมาณ 40 กม. ระหว่างทางไม่มีป้ายชื่อ อาจจะหายากสักนิด แต่ดูตามแผนที่ของรีสอร์ทแล้ว มาไม่ยากเลย ครั้งนี้เลือกที่จะเดินทางคนเดียว (อีกแล้ว) บางคนที่ไม่เคยไปเที่ยวคนเดียวอาจจะนึกกังวล หรือไม่กล้าที่จะลอง แต่ถ้าเราศึกษาข้อมูล เตรียมความพร้อม และเตรียมแผนฉุกเฉินให้ดี สำคัญที่สุดคือ อย่าลืมนึกถึงความปลอดภัยของตัวเอง อย่าไปในที่อันตราย และอย่าทำอะไรเสี่ยงๆ แค่นี้ก็สามารถลุยได้แล้ว ออกจากบ้าน (ชลบุรี) ตั้งแต่ 7 โมงเช้า ขับรถไปเรื่อยๆ ตามเส้นทาง บูรพาวิถี-กาญจนาภิเษก-เพชรเกษม-นครชัยศรี-นครปฐม-บ้านโป่ง-ท่ามะกา-ท่าม่วง-กาญจนบุรี (ขอบคุณลายแทงจากน้ำอ้อย love at first click บอกครั้งเดียวรู้เรื่องเลย ชัดเจนสำหรับคนชอบขับรถหลงทางอย่างเรา) แวะเที่ยวไปเรื่อยเปื่อยตั้งแต่สะพานข้ามแม่น้ำแคว สุสานพันธมิตร ช่องเขาขาด ถ้ำกระแซ มาถึงรีสอร์ทประมาณบ่ายแก่ๆ เจอ welcome drink ชุดใหญ่จัดวางไว้ที่โต๊ะ อร่อยเต็มอิ่มมากๆ ทั้งคุ้กกี้ บราวนี่ ฟรุ๊ตพั๊นซ์ และชามินต์ ตอนนั้นจองห้องปิงปาลีย์ 2 เอาไว้ แต่เพราะคุณแม่ไม่สบาย ก็เลยต้องยกเลิกการเข้าพักไป วันนี้แม้จะไม่ได้พักที่ห้องนี้ แต่ก็ขอพี่ป้อมกับพี่ลี (เจ้าของรีสอร์ท) เข้ามาดูซะหน่อยว่าห้องจริงๆ เป็นยังไง ดูจากรีวิวของคุณฝนแล้วรู้สึกชอบมากๆ โชคดีที่แขกยังไม่เข้าพัก ก็เลยได้เก็บรูปมาฝากกันนิดหน่อย ปิงปาลีย์ 2 เป็นห้องไฮไลท์ของที่นี่ อยู่ในบริเวณที่มีวิวสวยที่สุดของรีสอร์ท พอเปิดประตูเข้ามาเห็นห้องพักปุ๊บ รู้สึกโดนใจจริงๆ ห้องพักแบ่งเป็นสัดส่วนในขนาด 58 ตร.ม. ตกแต่งจัดวางแบบเรียบง่ายแต่ลงตัว หลังจากที่ตะเวนมาทั้งวัน พอเห็นเตียงใหญ่ๆ นุ่มแบบนี้ อยากล้มตัวลงไปนอนทันที สัมผัสได้ถึงความสบาย ผ่อนคลาย เหมาะแก่การพักผ่อนมากๆ โดนใจกับห้องน้ำที่อ่างอาบน้ำสามารถมองเห็นแม่น้ำแควน้อยได้ด้วย อาบน้ำถูตัวไป ชมวิวไป ธรรมชาติสวยๆ อยู่ใกล้แค่เอื้อม อีกด้านเป็นห้องอาบน้ำแบบ Outdoor ถ้าได้นอนห้องนี้จะลองทั้ง 2 แบบเลย ด้านนอกเป็นระเบียงกว้างขวาง นั่งรับลมพัดเอื่อยๆ ที่นี่ก็สบายไปอีกแบบ ซึ่งที่พักที่นี่ส่วนใหญ่จะมีระเบียงส่วนตัว ยกเว้นแต่ปิงปาลีย์ 3 และ 4 ที่ไม่มีระเบียง แต่ทดแทนกันด้วยสวนสวยส่วนตัว ได้ไปเห็นห้องพักในดวงใจแล้วก็กลับมาห้องของตัวเองที่จะใช้ซุกตัวนอนในคืนนี้ ปิงปาลีย์ 5-6-7 อยู่ในโซนเดียวกัน มาพักผ่อนครั้งนี้ตัดสินใจแบบด่วนๆ วันศุกร์นั่งทำงานอยู่ดีๆ ก็นึกขึ้นได้ว่า วันหยุด 3 วันโปรแกรมยังไม่เต็มเลยนี่นา จัดแจงโทรมาจองห้องพักที่นี่ และเข้าพักในวันอาทิตย์ (3/6/12) ปิงปาลีย์ 7 คืนละ 1,750 บาท พร้อมอาหารเช้า ที่นี่เค้ามีเตรียมห้องให้อย่างดี เปิดประตูเข้าห้องปุ๊บ ไอเย็นโชยมาเลย รู้สึกสดชื่นมากๆ หลังจากที่ไปตะเวนมาเที่ยวมาซะเหงื่อท่วมตัว สังเกตได้ว่า ห้องพักของปิงปาลีย รีสอร์ท จะตกแต่งสไตล์เรียบง่าย แต่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย หัวเตียงตกแต่งด้วยลำต้นไม้ไผ่ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่กับธรรมชาติ ห้องน้ำเป็นแบบ Open door แอบเซ็กซี่ โชว์หวิวนิดๆ ดีไซน์เก๋ๆ ด้วยการเอาลำต้นไม้ไผ่มากั้นไว้หน่อยนึง แบบนี้ถ้ามามากกว่า 1 คน ก็ต้องระวังกลิ่นกันหน่อย แต่ชอบนะ แปลกดี ปกติเราจะปิดประตูอาบน้ำ แต่นี่ไม่มีให้ปิดเลย... ห้องน้ำแยกส่วนเปียกกับส่วนแห้ง มีแชมพู ครีมนวด และสบู่เหลวจัดไว้ให้พร้อม แต่ไม่มีหมวกคลุมผมนะ ห้องน้ำสะอาดสะอ้าน ไม่มีกลิ่นเหม็น หรือกลิ่นอับโชยมาให้รำคาญจมูก ห้องนี้เป็นห้องที่มีระเบียงกว้างที่สุด ทำให้เรารู้สึกปลอดโปร่ง ไม่แออัด ออกมานั่งสูดอากาศบริสุทธิ์ในพื้นที่ส่วนตัวได้สบายเลย ด้วยความที่ขี้เกียจขับรถออกไปหาอะไรกินข้างนอก ก็เลยจัดการมื้อเย็นที่รีสอร์ทนี่เลย จริงๆ แล้วก็ยังอิ่มอยู่นะ แต่เห็นเค้าว่าอาหารที่นี่อร่อย ไม่ลองไม่ได้แล้ว นัดแนะเวลาไว้ตอนหนึ่งทุ่มตรงที่ ห้องอาหารริมแม่น้ำแควน้อย โชคดีที่เก็บภาพนี้ก่อนที่ความมืดจะเข้าครอบครองพื้นที่ทั้งหมดของท้องฟ้า ได้แสงทไวไลท์สวยๆ เพิ่มเติมให้บรรยากาศโรแมนติคขึ้นเยอะเลย แต่มาคนเดียวแบบนี้ ก็โรแมนติคกับตัวเองไปพลางๆ ก่อน ดินเน่อร์ใต้แสงเทียน โดยมีอาหารจานอร่อยเป็นสเต็กปลาชิ้นโตๆ พี่ป้อม (เจ้าของรีสอร์ท) ลงมือทำอาหารมื้อเย็นด้วยตัวเองเลย ความอร่อยรับประกันได้จริงๆ ชอบตรงซอสสีขาวๆ ที่ราดอยู่ข้างชิ้นปลานี่ล่ะ รสชาติกลมกล่อม ทำให้ไม่รู้สึกเลี่ยน นั่งละเลียดความอร่อย และบรรยากาศไปเรื่อยๆ เจริญอาหารดีแท้ หลายๆ คนอาจจะคิดว่า มาเที่ยวคนเดียวแบบนี้เหงาแย่เลย แต่อยากจะบอกว่า ไม่เหงาทุกครั้งไปหรอก ขึ้นอยู่กับอารมณ์และความรู้สึกในช่วงนั้นๆ มากกว่า การมาเที่ยวคนเดียวครั้งนี้ มีความสุข อิ่มเอม และผ่อนคลาย ไม่มีโอกาสให้ความเหงาเข้ามาแทรกซึมในหัวใจเลย ตั้งใจว่าจะตื่นแต่เช้าเพื่อลุกขึ้นมาถ่ายรูปเก็บภาพแสงอาทิตย์แต่ยามเช้า แต่พอแง้มม่านแล้วไม่มีแดด ก็เลยกลับไปนอนต่อ แต่นึกขึ้นได้ว่าเรายังไม่ได้ไปนั่งเล่นริมระเบียงเลยนี่นา ก็เลยรีบดีดตัวเด้งออกจากที่นอนในห้อง ไปนอนที่ระเบียงแทน ตอนเช้าอากาศเย็นๆ นอนฟังเสียงนกร้อง เพลิดเพลินทีเดียว สรุปว่างีบต่อไปอีก 1 ชั่วโมง หลังจากงีบหลับไปตรงระเบียงอีกรอบ ก็ตื่นมาพร้อมความสดชื่นอย่างเต็มที่ ล้างหน้าล้างตาพร้อมสะพานกล้องไปเติมพลังมื้อเช้า อาหารเช้าที่นี่จะจัดมาให้แบบ ABF แบบเต็มๆ เรียกได้ว่าอิ่มไปจนถึงเที่ยงเลย ติดใจสลัดผักสดตั้งแต่เมื่อคืนที่ได้กินคู่กับสเต็กปลาแล้ว ผักสดกรอบมาก.... อิ่มแล้วก็เดินย่อยกันหน่อย ที่นี่มีพื้นที่ต่างระดับเยอะ อาจไม่ค่อยสะดวกสำหรับเต็กเล็กและผู้สูงอายุสักเท่าไหร่ มีแจ้งไว้อย่างชัดเจนในเว็บไซต์ของรีสอร์ท ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่จะเข้ามาพักมากๆ มุมพักผ่อนเยอะมากๆ เลือกได้ตามสะดวกเลยว่าชอบแบบไหน อยากมีเวลามากกว่า 2 วัน 1 คืนจังเลย จะได้ไปจับจองแต่ละพื้นที่สักชั่วโมง 2 ชั่วโมง นอนเล่นเพลินๆ กินบรรยากาศไปเรื่อยๆ Grand River Terrace มุมนี้มีเตียงนอนขนาดใหญ่ให้นอนพักผ่อน ชมวิวแม่น้ำแควน้อย ถ้ามากันหลายๆ คนคงจะครึกครื้นไม่น้อย เดินมาอีกด้าน เป็นศาลาริมน้ำกับสระว่ายน้ำส่วนตัว เป็นอีกมุมที่อยากมาใช้เวลาอยู่ที่นี่ รีสอร์ทอยู่บนที่สูง แต่ถ้าเราอยากจะลงไปเล่นน้ำในแม่น้ำแควน้อย ก็ต้องออกแรงเดินลงสักนิด ค่อยๆ ไต่บันไดลงไป กลัวหัวคะมำ แล้วกล้องจะเป็นอะไรไป (ห่วงกล้องมากกว่าห่วงตัวเองอีก) สระว่ายน้ำส่วนตัว เห็นอีกกรุ๊ปเค้าเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานมากเลย ไม่ต้องกลัวว่าจะพลัดไปไหน เพราะมีขอบกั้นทั้ง 4 ด้าน และลึกเพียงแค่ 90 ซม. เท่านั้น เล่นน้ำได้สบาย... ศาลาริมน้ำ พอดีถ่ายรูปมา 2 ช่วง ก็เลยเอามาเปรียบเทียบให้ดูว่า แต่ละช่วงเวลาก็ให้อารมณ์และความรู้สึกแตกต่างกันไป ช่วงหัวค่ำที่นี่ยุ่งเยอะไปนิด ก็คงเป็นธรรมดาของพื้นที่ทั่วๆ ไป แต่ตอนเช้าเวลาลมพัดเย็นๆ รู้สึกสบายมากเลย ได้ลองเอนหลังที่นี่สักพัก รู้สึกสงบ และใกล้ชิดกับธรรมชาติดีจริง ถ้าไม่เตือนตัวเองเอาไว้ว่าอย่ามัวโอ้เอ้ เดี๋ยวจะกลับถึงบ้านค่ำเกินไป คงจะได้นอนอ่านนิยายจบเป็นเล่มๆ เลยล่ะ ผ่อนคลาย และได้สัมผัสถึงความรู้สึกของการมาพักผ่อนจริงๆ รีสอร์ทเล็กๆ นี้ยังมีให้บริการ ห้องซาวน่าและห้องอบไอน้ำ ด้วย แต่ไม่แน่ใจว่าต้องเสียค่าบริการรึเปล่า ด้านข้างของห้องซาวน่าเป็น ห้องออกกำลังกาย เรียกเหงื่อกันหน่อย ผนังสีส้มและเหลืองช่วยทำให้เกิดความตื่นตัวได้ดี นอกจากนี้ยังมี ห้องคาราโอเกะ แยกออกมาเป็นสัดส่วน ไม่ส่งเสียงรบกวนแขกที่มาพัก ข้างในใช้โทนสีส้มเป็นผนัง กับโซฟาสีชมพูอ่อนๆ เครื่องเสียงดังกระหึ่ม เสียงดีไม่มีตก ช่วงกลางวันอากาศเมืองกาญจน์ร้อนเอาเรื่องเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะวันนั้นฝนตั้งท่าจะตกด้วย ก็เลยอบอ้าวกว่าปกติ ได้บลูเลม่อนโซดามาแก้วนึง ดูดปรื้ดเดียวหมดเลย คลายร้อนได้ดี เกือบบ่ายสอง ได้เวลาอำลา "ปิงปาลีย์ รีสอร์ท" แล้ว สัญญาว่าจะกลับมาเยือนที่นี่อีกแน่นอน ประทับใจในการต้อนรับที่อบอุ่นของพี่ป้อมและพี่ลี และการบริการที่ดีของพนักงาน อย่ามัวแต่ทำงานหนักจนลืมให้ร่างกายได้พักผ่อนนะคะ หากใครสนใจเข้าไปดูรายละเอียดในเว็บของรีสอร์ทได้เลยค่ะ "ปิงปาลีย์ รีสอร์ท กาญจนบุรี" Click!!!
Create Date : 12 มิถุนายน 2555 |
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2556 14:41:07 น. |
|
45 comments
|
Counter : 24731 Pageviews. |
|
|
ยิ่งมาดูคุณหนึ่งพักอีกรอบยิ่งอยากไป
ปล. เดี๋ยวนี้ภาพคุณหนึ่งดูเปลี่ยนสไตล์ไปนะคะ
เห็นแล้วนึกถึงภาพของคุณชานไม้ชายเขาเลย