Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
 
15 กุมภาพันธ์ 2550
 
All Blogs
 
จอมจักรพรรดิ์ ฮั่นอู่ตี้ ภาค 1 - ตอนที่ 20


สารบัญ | ตอนที่แล้ว | ตอนถัดไป

《ต้าฮั่นเทียนจื่อ #20》 หาเพื่อนไปดูศพ


ตีพิมพ์ครั้งแรก : 21 มีนาคม 2550 / ปรับปรุงแก้ไข :




หลี่หลิงกำลังยืนใช้สมาธิเพ่งมองดูเส้นเชือกที่ห้อยแขวนอยู่ที่ริมหน้าต่าง โดยมีก้วนฟูยืนกำกับสั่งการอยู่ข้างๆว่า “หากต้องการฝึกการยิงธนู อันดับแรกที่เจ้าควรจะต้องฝึกก็คือการใช้สายตา เจ้าเห็นหรือยัง”

“แค่เชือก(绳子)เพียงเส้นเดียวเนี่ยนะ” หลี่หลิงเอ่ยอย่างไม่ค่อยจะเชื่อว่าการเพ่งมองเส้นเชือกจะช่วยให้ตนยิงธนูได้

“ใช่ เจ้าจะต้องเพ่งมอง(盯)มัน เพ่งมองมันให้นิ่ง เพ่งมองจนกว่ามันจะเข้าไปอยู่ในดวงตาของเจ้า หากเจ้าเห็นมันเปลี่ยนเป็นเสาต้นใหญ่ได้เมื่อไรแล้วล่ะก็ เจ้าก็จะยิงธนูได้แม่นยำ(百发百中)เหมือนกับข้า” ก้วนฟูบอกเคล็ดลับ

“เชือกเส้นเดียวสามารถเปลี่ยนเป็นเสาต้นใหญ่ได้ด้วยเหรอ” หลี่หลิงละสายตาหันมาถามด้วยความสงสัย

“เชือก มันไม่ได้เปลี่ยนหรอก ดวงตาของเจ้าต่างหากล่ะที่เปลี่ยน”

“ก็ได้ งั้นข้าจะเพ่งมองมัน” พูดจบหลี่หลิงก็หันไปเพ่งมองเส้นเชือกต่อ

ก้วนฟูพูดต่อว่า “ใช่แล้ว เพ่งมองอย่างที่เจ้ากำลังทำอย่างนี้แหละ อย่าขยับเขยื้อน ท่านลุงหลีก่าน ลุงของเจ้าก็สอนข้ามาอย่างนี้เหมือนกัน ข้าล่ะแสนจะอึดอัด และก็แสนจะขุ่นเคืองใจเป็นอย่างมาก ตอนหลังข้าถึงได้มารู้ว่าที่แท้นายพลอาวุโสหลีกว่างก็สอนเค้ามาอย่างนี้เช่นกัน ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นการชดเชยความแค้นจากข้าก็ล่ะกันนะ” พูดจบก็ส่งเสียงหัวเราะชอบใจออกมาพร้อมกับเดินไปนั่งจิบน้ำชาที่โต๊ะอย่างสบายอารมณ์

ชิวฉานปลอมตัวเป็นชายมาส่งเสียงตะโกนเรียกเบาๆอยู่ที่ด้านล่าง เมื่อเห็นหลี่หลิงยืนนิ่งไม่ได้ยินที่ตนเรียก จึงก้มล้งไปหยิบเอาหินก้อนเล็กๆขึ้นมาแล้วก็จัดการขว้างปาหินนั้นไปที่เป้าหมาย หลี่หลิงเมื่อโดนก้อนหินเข้าที่ตัวทำให้ต้องละสายตาจากการเพ่งมองเส้นเชือก สอดส่ายสายตามองไปยังที่มาของก้อนหินแทน พอเห็นชิวฉานกวักมือเรียกไหวๆที่ด้านล่างก็เผลอยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ชิวชานบอกให้รีบลงมาเร็วๆ แต่หลี่หลิงโบกมือปฏิเสธบอกว่าไปไม่ได้ตนเองกำลังฝึกวิชาอยู่ ทันใดนั้นเสียงของก้วนฟูก็ดังขึ้นอีกว่า “การฝึกการยิงธนูนั้น ที่สำคัญ ใจจะต้องไม่ว่อกแว่กลังเลสองจิตสองใจ(三心二意)หรือเหลียวซ้ายแลขวาหันหน้าหันหลัง(东张西望) ใจจะต้องนิ่งจดจ่อเพ่งมองดูมัน จนเห็นมันค่อยๆ
ใหญ่ขึ้นๆ” หลี่หลิงทนไม่ไหวอยากไปหาชิวฉาน จึงรีบเอามือดึงเส้นเชือกที่แขวนอยู่ทิ้งลงไปที่ข้างล่าง แล้วรีบก้าวเท้าเดินออกไปนอกห้อง ก้วนฟูเห็นเข้าจึงรีบถาม “หลี่หลิง..เจ้าจะไปไหนน่ะ”

“เอ่อ..คือว่า..เส้นเชือกมันขาดน่ะ” พูดจบก็รีบวิ่งออกไปนอกห้อง





ชิวฉานกับหลี่หลิงต่างเดินคุยกันไปตามถนน หลี่หลิงบังเกิดความสงสัยใคร่อยากรู้ว่าทำไมชิวฉานถึงได้แต่งตัวเป็นชายจึงได้เอ่ยถาม “ตัวเจ้าเองก็เป็นผู้หญิง ทำไมถึงได้แต่งตัวอย่างนี้ล่ะ”

“ในยุทธภพเต็มไปด้วยภัยอันตราย(江湖险恶) ข้าแต่งตัวแบบนี้แหละค่อยสะดวกหน่อย” ชิวฉานบอกเหตุผล

“หากเจ้าแต่งตัวเป็นผู้หญิงล่ะก็ ต้องสวยกว่าที่เจ้าแต่งตัวแบบนี้แน่นอน ว่าแต่เจ้าตามหาข้าเจอได้อย่างไร ข้าคิดว่าชาตินี้จะไม่ได้พบหน้าเจ้าซะแล้ว” หลี่หลิงหยอดคำหวาน

ชิวฉานรีบยกมือห้ามพร้อมกับเอ่ยว่า “เจ้าอย่าเพิ่งมาถามอะไรข้าเลย ขอให้ข้าได้ถามอะไรเจ้าก่อนเถอะ เจ้ากลัวคนตายหรือเปล่า”

“คนตายเหรอ คนตายมีอะไรน่ากลัวล่ะ” หลี่หลิงตอบ

“เจ้าไม่กลัวจริงหรือเปล่า” ชิวฉานถามย้ำ

หลี่หลิงยืนยันว่า “จริงสิ ตอนนั้นที่ยาย(姥姥)ข้าตาย ข้ายังไปเฝ้ายายที่สุสาน(守灵)อยู่เลย เฝ้าตั้ง 49 วัน ข้าไม่เห็นกลัวเลย”

“ก็แน่ล่ะสิ คนตายเป็นญาติเจ้านี่ เจ้าก็ต้องไม่กลัวอยู่แล้ว ตอนพ่อของข้าตาย ข้าก็ยังเคยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้พ่อของข้าเลย”

“ยังไงข้าก็ไม่กลัวอยู่ดี” หลี่หลิงยังยืนยันคำเดิม

ชิวฉานจึงถามย้ำใหม่อีกครั้ง “แล้วถ้าหากคนตายไม่ใช่ญาติเจ้า และก็ประสบอุบัติเหตุตาย(横死)ด้วย เจ้าก็ไม่กลัวเหมือนกันด้วย ใช่ไหม”

“ขึ้นชื่อว่าคนตาย ยังไงข้าก็ไม่กลัวหรอก” หลี่หลิงเอ่ย

ทันทีที่ได้ยินคำยืนยันว่าไม่กลัวจากปากของหลี่หลิง ชิวฉานจึงรีบเอ่ยขึ้นว่า “ดีเลย งั้นข้าขอเลือกเจ้าเลยล่ะกัน”

“เลือกข้าเหรอ เจ้าจะเลือกข้าทำไม” หลี่หลิงถามด้วยความสงสัย

“ข้าก็เลือกเจ้าให้ไปดูคนตายเป็นเพื่อนข้าไง” ชิวฉานบอก

“ดูคนตายเหรอ คนตายมีอะไรน่าดู พวกเราไปที่ตลาด(上街)ไปดูคนเป็นๆจะดีกว่ามั๊ง ไปเถอะ” หลี่หลิงพูดพร้อมกับดึงมือชิวฉานลากให้เดินไปด้วยกัน แต่ชิวฉานขัดขืนบอกเดี๋ยวก่อน หลี่หลิงไม่ฟังเสียงจูงมือลากพร้อมกับเอ่ยต่อว่า “มีงานแต่งงานลูกสาวชาวบ้านด้วย บนถนนคึกคักมากเลยล่ะ ข้าไม่เคยเห็นเจ้าสาวมาก่อน ไปดูกันเถอะ”

ชิวฉานสะบัดมือหลุดจากหลี่หลิงแล้วเอ่ย “เจ้ากลัวคนตายก็ยอมรับมาเถอะ ข้าไม่หัวเราะเยาะเจ้าหรอก เจ้าไม่เห็นจะต้องคุยโวเลย ช่างเถอะ ช่างเถอะ เจ้าไปดูเจ้าสาวของเจ้าก็ล่ะกัน ข้าไม่ขอร้องเจ้าแล้ว หึ เจ้านี่รูปร่างสูงใหญ่ดูแข็งแรงบึกบึน(五大三粗)ซะเปล่า สู้ข้าที่เป็นผู้หญิงก็ไม่ได้” พูดจบก็สะบัดหน้างอนเดินหนีไป หลี่หลิงเห็นดังนั้นจึงรีบเดินตามไปดึงรั้งมือชิวฉานไว้พร้อมกับบอกว่า “ข้าไม่ได้บอกว่าจะไม่ไปนี่ ไปก็ไปสิ”

[ในสมัยโบราณผู้ชายที่เข้าตำรา 五大三粗 นั้นจะต้องมี “ห้าใหญ่(五大)” กับ “สามหนา(三粗)” ห้าใหญ่ ประกอบด้วย สองมือ สองเท้า และหนึ่งศรีษะที่จะต้องมีลักษณะที่ใหญ่ ส่วน สามหนา ประกอบด้วย ขา(腿) เอว(腰) คอ(脖子) มีลักษณะหนา]

“เจ้าไปจริงๆนะ” ชิวฉานถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

“จริงสิ ขอแค่ได้ไปกับเจ้าไม่ว่าจะไปดูคนตายหรือจะไปหาท่านพญามัจจุราช(阎王) ข้าก็ไม่กลัว พวกเรารีบไปกันเถอะ” พูดไม่ทันขาดคำหลี่หลิงก็ลากมือชิวฉานเดินดุ่มๆนำหน้าไป




ที่ห้องเก็บศพ หลิวอี้เข้าไปตรวจดูร่างของจางเชียนโดยเอามือไปแตะที่ลำคอดู ก็พบว่าตัวของจางเชียนยังอุ่นๆอยู่ตามที่นายทหารบอก จึงสั่งนายทหารที่ไปด้วยกันให้รีบจัดการเตรียมโลงศพ(棺木) แล้วนำร่างของจางเชียนไปฝัง(下葬)เป็นการด่วน





ทหารสี่นายแบกโลงศพเปล่าเดินทางนำไปตั้งไว้ที่กลางศาลากลางเมืองเยี่ยนชื่อ ท่ามกลางความสนอกสนใจของชาวบ้านที่ต่างพากันเดินตามไปดู รวมทั้งชิวฉานกับหลี่หลิงด้วย ส่วนทหารอีกกลุ่มหนึ่งได้ไปนำร่างของจางเชียนจากห้องเก็บศพออกมาตั้งไว้ข้างๆโลงศพ จากนั้นก็นำร่างของจางเชียนบรรจุใส่โลง ก่อนจะปิดฝาโลง หลิวอี้ได้เดินเข้ามาพูดอะไรเล็กน้อยกับจางเชียนว่า “สหาย เจ้าช่วยทำงานใหญ่ให้ข้าสักหน่อยเถอะ ขอให้เจ้าจงรีบๆตายแล้วก็รีบๆไปเกิด(早死早投胎)ซะนะ” พูดจบก็สั่งให้ทหารปิดฝาโลง ยังไม่ทันที่จะได้ปิดฝาโลงก็มีเสียงร้องคร่ำครวญของหญิงอุ้มท้องในชุดไว้ทุกข์นางหนึ่งเดินท้องโย้เข้ามาพร่ำรำพันว่า “ฮือๆ ท่านพี่ ท่านตายอย่างน่าสังเวชจริงๆเลย ท่านพี่ ฮือๆ”

ชิวฉานซึ่งปลอมเป็นสาวท้องโย้เดินมานั่งลงข้างๆโลงศพรำพันต่อว่า “ท่านพี่ ฮือๆ ข้าเพิ่งจะกลับไปเยี่ยมบ้านแม่ได้ไม่กี่วัน ท่านก็มีอันเป็นไปซะแล้ว ฮือๆ ท่านมาทิ้งให้ข้าต้องเป็นม่ายอยู่เพียงลำพังอย่างนี้ แล้วข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร ท่านช่างใจร้ายนัก แล้วลูกในท้องของข้าใครจะดูแล ฮือๆ ท่านช่วยพาเราสองแม่ลูกไปอยู่ด้วยกันเถอะนะ ฮือๆ”

หลิวอี้เกิดความสงสัยจึงเอ่ยถาม “แม่นาง คนตายเป็นอะไรกับเจ้า”

“เค้า..เอ่อ..เค้า..” ชิวฉานอึกอักอยู่สักครู่ก่อนจะเอ่ยตอบไปว่า “เค้า..เค้าคือคนใจร้ายของข้านะสิ ฮือๆ”

“แล้วตัวเจ้าล่ะ” หลิวอี้เอ่ยถามอีก

“ข้า..ข้าเพิ่งจะตกแต่งเป็นภรรยาของเค้าได้เพียงครึ่งปีเอง ผ้าห่มที่นอนก็ยังไม่ทันจะได้เคยถอดออกมาซักเลยสักที”

หลิวอี้ยังไม่ปักใจเชื่อสักเท่าไรจึงเอ่ยถามอีกว่า “แล้วสามีของเจ้ามีชื่อเรียกว่าอะไร”

“ชื่อเรียกของเค้าไม่ค่อยจะดีนัก ชื่ออื่นมีตั้งเยอะตั้งแยะก็ไม่ชื่อ ดันมาชื่อจางเชียน เลยทำให้เราสองแม่ลูกต้องมาเดือดร้อน ต้องมาลำบากไปชั่วชีวิต ฮือๆ”

“กรรมเกิดจากเหตุ มีเหตุจึงมีผลตามมา(冤有头 债有主) ให้ข้าแก้แค้นแทนสามีของเจ้าให้ เอาไหม” หลิวอี้เอ่ยถาม

“ข้าขอขอบคุณท่านแทนเจ้าตัวน้อยๆที่อยู่ในท้องของข้าด้วย ขอบคุณในความปรารถนาดีและความมีเมตตาของท่าน ชาตินี้ข้าคงจะตอบแทนท่านได้ไม่หมด เอาไว้ชาติหน้าข้าค่อยตอบแทนท่านต่อละกันนะ”

“ไม่ต้องหรอก สำหรับโลงศพนี้ถือเสียว่าข้ามอบให้แก่สามีของเจ้า พวกเรานำร่างเค้าไปฝังเพื่อให้เค้าอยู่อย่างสงบก่อนจะดีกว่าไหม” หลิวอี้เอ่ยถาม

“จะฝังเค้าวันไหนกันล่ะ” ชิวฉานเอ่ยถาม

“วันนี้” หลิวอี้บอก

“เค้าตายมาได้กี่วันแล้ว” ชิวฉานเอ่ยถาม

“สามวัน” หลิวอี้บอก

“อะไรกัน” ชิวฉานค่อยๆผุดลุกขึ้นยืนพูดกับหลิวอี้ “ประเพณีของพวกท่าน คนตายตายมาแล้วสามวันก็จะนำไปฝังแล้วเหรอ ข้ายังไม่ทันจะได้อยู่เป็นเพื่อนเค้าเลย” จากนั้นก็รำพันต่อ “ท่านพี่ วิญญาณท่านก็ยังไม่ได้ออกจากร่าง พญามัจจุราชก็ยังไม่ได้เรียกตัวท่าน พวกเค้าก็จะไล่ท่านไปซะแล้ว แม้แต่จะเก็บร่างท่านไว้เจ็ดวันก็ยังไม่ได้ ฮือๆ”

“เอาล่ะ เอาล่ะ เจ้าบอกมาละกันว่าจะเก็บร่างของเค้าไว้กี่วัน” หลิวอี้เอ่ยถามอย่างรำคาญ

ชิวฉานเช็ดน้ำตาแล้วเอ่ย “ถ้าว่ากันตามประเพณีคนตายของชาวเยี่ยนชื่อ อย่างน้อยที่สุดก็จะต้องเก็บศพคนที่ตายแล้วไว้ 49 วัน แบบนี้จึงจะทำให้เค้ายอมเดินทางไปสู่ปรโลก(阴曹地府)ได้ ถ้าหากว่าให้เวลาไม่พอ เค้าก็จะต้องกลายเป็นผีที่ต้องร่อนเร่พเนจร จะไปผุดไปเกิดก็ไม่ได้ ข้ากับลูกขอหวังเพียงแค่ให้เค้าได้ไปเกิดใหม่แค่นี้แหละ ฮือๆ”

หลิวอี้เอ่ยตัดบท “เจ้าอย่ามาก่อความวุ่นวายเลยจะดีกว่า” จากนั้นก็บอกทหารให้เข้ามาลากตัวชิวฉานออกไป แล้วก็สั่งทหารให้ตอกปิดฝาโลง ชิวฉานร้องโวยวายขัดขืนร้องให้ปล่อย วิ่งมาเกาะที่ข้างโลง พร้อมกับบอก “หากเจ้าต้องการทำอย่างนั้นจริงๆล่ะก็ นำข้ากับลูกใส่ไปในโลงแล้วตอกฝาโลงปิดไปพร้อมกันกับสามีข้าด้วยเลยก็แล้วกัน” พวกชาวบ้านได้ยินที่ชิวฉานพูดต่างส่งเสียงร้องตะโกนห้ามไม่ให้ทำการตอกปิดฝาโลง ชิวฉานเห็นเป็นจังหวะที่ดีที่ชาวบ้านต่างให้การสนับสนุนตน จึงหันไปทางชาวบ้านเอ่ยขึ้นว่า “พ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย ท่านลุงท่านป้าทั้งหลาย สามีของข้าตายไปแล้วสามวัน ไม่เห็นทางการ(官府)จะส่งคนไปแจ้งเรื่องให้ข้าให้ทราบเลย ยิ่งตอนนี้เพิ่งจะได้มาพบหน้ากัน พวกเค้าก็จะนำสามีข้าไปฝังซะแล้ว ปล่อยให้พวกเราสองสามีภรรยาต้องพลัดพรากจากกันตลอดไป พวกท่านลองตัดสินดูทีเถิดว่าสมควรจะฝังเค้าหรือเปล่า” ชาวบ้านต่างตะโกนร้องบอกว่าไม่สมควร จะทำการฝังไม่ได้

หลิวอี้รู้สึกขัดใจรีบขู่ชาวบ้าน “พวกเจ้าไม่ว่าใครก็ตามห้ามเข้ามาก่อกวนเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเจอดีแน่”

ชิวฉานได้ยินคำขู่จึงค่อยๆหันหน้ากลับมาหาหลิวอี้แล้วเอ่ย “คุณชาย ข้าได้ยินมาว่าพ่อของคุณชายก็เพิ่งตายเหมือนกันนี่ ท่านจะไม่ยอมให้ข้าปฎิบัติตามประเพณีเก็บศพไว้ 49 วัน ก็ได้นะ ขอเพียงแต่ว่าท่านจะต้องฝังศพพ่อของท่านในวันนี้ แล้วข้าถึงจะยอมให้ฝังศพสามีของข้าตาม ยังไงซะพวกเค้าต่างฝังใกล้ๆกัน ตอนไปยังปรโลกจะได้มีเพื่อนเดินทางไปด้วยกัน” ทันทีที่ชิวฉานพูดจบชาวบ้านต่างส่งเสียงสนับสนุนเห็นด้วย

ยังไม่ทันที่หลิวอี้จะได้พูดอะไรต่อ ก็มีทหารเข้ามารายงานว่า อ๋องเหลียงได้เดินทางข้ามแม่น้ำฮวงโห(黄河)มาแล้ว หลิวอี้พยักหน้ารับทราบพร้อมกับบอกให้ไปเตรียมการจัดการต้อนรับ จากนั้นก็หันมาพูดกับฉิวฉานว่า “อย่างนั้นก็ได้ แต่ข้าจะคอยเฝ้าดูตอนที่เจ้าเฝ้าศพเค้า 49 วัน”





Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 16 ตุลาคม 2550 15:56:18 น. 2 comments
Counter : 2893 Pageviews.

 
ตามต่อจ้า


โดย: Nuvan IP: 124.157.154.157 วันที่: 26 มีนาคม 2550 เวลา:21:45:22 น.  

 


โดย: WangAnJun วันที่: 1 เมษายน 2550 เวลา:14:10:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

WangAnJun
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add WangAnJun's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.