bloggang.com mainmenu search
 1.Q10 คือวิตามินที่ผลิตได้ตามธรรมชาติในร่างกาย เรียกได้ว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญในการผลิตพลังงานในเซลล์และป้องกันอนุมูลอิสระ พบได้เกือบทุกเซลล์ในร่างกายแต่คนส่วนใหญ่มีปริมาณ Q10 ไม่เพียงพอ มีคุณสมบัติละลายในไขมัน รูปแบบของวิตามินที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือ softgel ปริมาณที่เหมาะสมของ Q10 ในแต่ละวัน 1.Q10 30-100 มิลลิกรัม สำหรับสุขภาพทั่วไป 2.Q10 90-160 มิลลิกรัม สำหรับผู้ที่ออกกำลังกายหักโหม 3.Q10 60-160 มิลลิกรัม สำหรับผู้ที่มีกรรมพันธุ์เป็นโรคหัวใจ 4.Q10 100-200 มิลลิกรัม สำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจอย่างอ่อน 5.Q10 200-300 มิลลิกรัม สำหรับผู้ที่กินยาลดไขมัน 6.Q10 300-360 มิลลิกรัม สำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจล้มเหลว 7.Q10 1200 มิลลิกรัม สำหรับผู้ที่เป็นโรคพาร์กินสัน แหล่งอาหารตามธรรมชาติ เช่น บร็อกโคลี ผักใบเขียว ถั่ว หอย เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัว มีการศึกษาหนึ่งพบว่า คนที่กินQ10 ภายใน 3 วัน นับจากหัวใจวายมีโอกาสน้อยมากที่จะมีอาการเจ็บหน้าอกรวมถึงหัวใจวายตามมาและเสียชีวิตจากโรคหัวใจมากกว่าผู้ที่ไม่ได้กิน Q10  ทุกวันนี้ Q10 ถูกใช้กับผู้คนนับล้านในประเทศญี่ปุ่นสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคหัวใจล้มเหลวนอกจากนี้ยังมีการใช้อย่างกว้างขวางในยุโรปและรัสเซีย Q10 ส่วนใหญ่ที่วางขายในอเมริกาและแคนาดาผลิตมาจากประเทศญี่ปุ่นโดยการหมักหัวบีตและอ้อยสายพันธุ์พิเศษของยีสต์ 2.glutathione เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่โดดเด่นใน cytoplasma ของเซลล์ เรียกได้ว่า แทบทุกเซลล์จะต้องมีกลูต้าไธโอน ถูกสังเคราะห์จาก 3 กรดอะมิโนในกระบวนการ 2 ขั้นตอน เริ่มด้วยการรวมตัวกันของ glutamic acid & cysteine สิ้นสุดด้วย glycine สามารถผลิตได้ตามธรรมชาติโดยตับ ทำหน้าที่ช่วยสร้างเยื้อเยื่อรวมถึงการซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้นในเซลล์ อัดฉีดระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและมีส่วนในการยับยั้งกระบวนการชรา Glutathione ได้รับการศึกษาวิจัยทางคลีนิกและพิสูจน์ได้ว่า สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน เพิ่มการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องเซลล์ทั่วร่างกายรวมไปถึงเนื้อเยื่ออวัยวะต่างๆ ยังช่วยป้องกันมะเร็งโดยเฉพาะมะเร็งตับ ล้างพิษในระดับเซลล์ เพิ่มความแข็งแรงและความทนทานให้กับร่างกาย  กลูต้าไทโอน ดูดซึมได้ไม่ดีนักเมื่อรับประทานทางปากเนื่องจากโดนน้ำย่อยในระบบทางเดินอาหารทำลาย ไม่เหลือไว้ให้ลำไส้เล็กดูดซึมไปใช้ จึงนิยมฉีดเข้าเส้นเลือดดำ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ มักฉีด glutathione เพื่อป้องกันผลข้างเคียงจากเคมีบำบัดและรักษาภาวะมีบุตรยาก แหล่งอาหารตามธรรมชาติ เช่น หน่อไม้ฝรั่ง มันฝรั่ง พริก แครอท หัวหอม อะโวคาโด ผักโขม กระเทียม มะเขือเทศ ส้มโอ แอปเปิ้ล ส้ม กล้วย ลูกพีช 3.NAC ย่อมาจากคำว่า N-acetyl- cysteine เป็นแหล่งของกลูต้าไธโอนชั้นเยี่ยม ทำหน้าที่กระตุ้นให้ตับสร้างกลูต้าไธโอน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระทรงประสิทธิภาพที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการล้างพิษ ป้องกันการอักเสบไปจนถึงความเสียหายระดับเซลล์และอาจป้องกันการเกิดมะเร็งได้ แหล่งอาหารตามธรรมชาติ เช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ ปลา ไข่ บร็อกโคลี หัวหอม มีการทดลองในหนูและการศึกษาในมนุษย์พบว่า ช่วยปกป้องเซลล์กับการเกิดความเครียดได้ดีซึ่งความเครียดเป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆโดยเฉพาะโรคมะเร็งจากความอ่อนแอของระบบภูมิคุ้มกันอีกทั้งลดการเกิดกระบวนการ oxidation ( อนุมูลอิสระ ตัวการที่เร่งให้เกิดความชรา ) ในเซลล์ประสาทและการตายของเซลล์สมอง ต้นเหตุของโรคสมองเสื่อมอีกด้วย 4.grape seed เป็นสารต้านอนุมูลอิสระเพียงไม่กี่ตัวที่สามารถผ่านระบบกั้นระหว่างเส้นเลือดและสมองได้ มีสารสำคัญเรียกว่า OPC ( oligomeric proanthocyanidins ) ได้รับการขนานนามว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดตัวหนึ่ง มีหลักฐานที่ดีว่า สารสกัดจากเมล็ดองุ่นช่วยรักษาหลอดเลือดดำอุดกั้นเรื้อรัง ( เส้นเลือดขอด ) อาการฟกช้ำและอาการบวมน้ำ แหล่งอาหารตามธรรมชาติ สารสกัดจากเมล็ดองุ่นมาจากองุ่น ไม่มีแหล่งอาหารอื่น การศึกษาของอาสาสมัครสุขภาพดี พบว่าการใช้สารสกัดจากเมล็ดองุ่นสามารถเพิ่มระดับของสารต้านอนุมูลอิสระในเลือด สารต้านอนุมูลอิสระเป็นสารที่ทำลายอนุมูลอิสระ ( สารประกอบที่อันตรายในร่างกายก่อให้เกิดความเสียหายของ DNA ) แม้กระทั่งทำให้เกิดการตายของเซลล์ต่างๆ รวมถึงการนำไปสู่การเกิดริ้วรอยเช่นเดียวกับการพัฒนาปัญหาสุขภาพรวมถึงโรคหัวใจและโรคมะเร็ง 5.เมลาโทนิน คือฮอร์โมนที่เกิดจากการสังเคราะห์จากกรดอะมิโนทริปโตเฟน ( tryptophan ) โดยมีความมืดเป็นตัวกระตุ้นและหยุดหลั่งเมื่อเจอแสงสว่าง ปริมาณเมลาโทนินจะเพิ่มสูงขึ้นในตอนกลางคืนเริ่มตั้งแต่ประมาณ 22 นาฬิกามีปริมาณสูงสุดประมาณ 3 นาฬิกา เมลาโทนินเหนี่ยวนำให้เกิดการนอนหลับลึก ช่วยกระตุ้นการหลั่งของฮอร์โมนการเจริญเติบโต ( growth hormone ) เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายจะผลิตเมลาโทนินน้อยลง ส่งผลให้เวลานอนของผู้สูงอายุลดน้อยลงและประสบปัญหานอนไม่หลับบ่อยครั้งรวมถึงการทำงานที่ต้องเปลี่ยนกะและอาการ jet-lag ( การนอนไม่หลับเมื่อต้องเดินทางโดยเครื่องบินข้ามเขตเส้นแบ่งเวลา ) ก็จะทำให้ปริมาณเมลาโทนินต่ำเกินไปด้วยเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะฮอร์โมนแห่งการนอนหลับแต่เมลาโทนินยังมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่ดีอีกตัวหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์ พบว่าเมลาโทนินชะลอสัญญาณแรกของริ้วรอยในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กนอกเหนือจากบทบาทที่ช่วยให้นอนหลับอีกทั้งยังมีประโยชน์ในด้านส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย รวมถึงรักษาความดันโลหิตสูงและไมเกรน  แหล่งอาหารตามธรรมชาติ เช่น สับปะรด กล้วย ส้ม ข้าวโอ๊ต ข้าวโพดหวาน ข้าว มะเขือเทศ บาร์เลย์ ในปี 2005 มีการศึกษาในหนูทดลองพบว่า สมองของหนูชรากลับมีความกระฉับกระเฉงเพิ่มขึ้นสวนทางกับอายุที่มากขึ้น จะเห็นได้ว่า สารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายชนิด นักวิทยาศาตร์ค้นคว้าวิจัยเกี่ยวข้องกับโรคภัยไข้เจ็บและกระบวนการชราซึ่งเกิดจากอนุมูลอิสระโจมตีทั้งสิ้น แทบไม่มีงานวิจัยไหนเลยที่บ่งบอกถึงผลลัพธ์ของผิวพรรณที่นุ่มเนียนขาวใส จึงถือได้ว่าหากเรากินวิตามินเกรดวัตถุดิบคุณภาพสูง นอกจากจะเพิ่มระดับภูมิต้านทาน ลดการอักเสบ ล้างพิษในระดับเซลล์ ร่างกายแข็งแรงขึ้นรวมถึงชะลอวัย ผลพลอยได้คือความขาวใสที่สังเกตเห็นด้วยตาเปล่านั่นเอง ที่มา ;www.immunehealthscience.com/glutathione.htmlwww.nutrionexpress.com...>health concerns>heartmarshanunleymd.wordpress.com/.../melatonin-a-true-anti-agingth.wikipedia.org/wiki/เมลาโทนินwww.webmd.com/.../ingredientmono-938-coenzyme%20Q...
Create Date :03 กรกฎาคม 2557 Last Update :8 สิงหาคม 2557 17:29:16 น. Counter : 3514 Pageviews. Comments :0