bloggang.com mainmenu search
                  20 ก.ค 56 ครบรอบ 1 ปีที่เขียน blog เกี่ยวกับสุขภาพและความงาม เผลอแป๊บเดียว วันเวลาช่างผ่านไปเร็วจัง อันที่จริงมีข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์ของน้ำมันปลาเยอะแยะมากมาย แต่แป้งก็อยากจะแบ่งปันเรื่องราวของ fish oil อีกสักครั้ง

                  ยังมีอีกหลายคนเข้าใจผิด คิดว่า น้ำมันปลา&น้ำมันตับปลาคืออย่างเดียวกัน มิใช่เลยค่ะ น้ำมันปลาได้จาก ไขมันที่แทรกอยู่ในเนื้อปลาและหนังปลา ส่วนน้ำมันตับปลานั้นสกัดได้จากตับของปลาค้อดหรือปลาฉลาม ซึ่งจะมีวิตามินเอ&ดี สูงมาก ในต่างประเทศนิยมให้กินเสริมในเด็กเพื่อป้องกันโรคกระดูกอ่อน พบมากในเด็กอายุ 6 เดือน-3 ปี ในประเทศที่กำลังพัฒนา มักขาดวิตามินดีเนื่องจากไม่ค่อยโดนแสงแดด ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการดูดซึมแคลเซียมจากลำไส้ และพบในเด็กคลอดก่อนกำหนดเนื่องจากมีการสะสมแคลเซียมในปริมาณน้อยเช่นเดียวกัน

                   Fish oil (น้ำมันปลา) เป็นที่รู้จักตั้งแต่ ค.ศ 1930 และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยมาในปี ค.ศ 1990
Omega-3 ถือว่า เป็นกรดไขมันจำเป็น ( essential fatty acid ) สำหรับสุขภาพของมนุษย์ ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น พบมากในปลาทะเล เช่น ทูน่า แซลมอน เฮอริ่ง ( หน้าตาเป็นอย่างไรก็ไม่รู้สินะ ) สาหร่าย , krill ปลาน้ำจืดส่วนใหญ่จะมี omega-3 น้อยกว่าปลาทะเล ยกเว้น ปลาเทราต์ที่มีระดับ omega-3 สูงเทียบเท่าปลาทะเล


                  กรดไขมันที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ เรียกว่า กรดไขมันจำเป็นซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว กรดไขมันเหล่านี้จะมีพันธะคู่อยู่ที่ตำแหน่ง 3,6,9 จึงถูกเรียกว่า โอเมก้า 3,6,9

                 แล้วทำไมถึงได้เรียก fish oil ว่า omega-3 มาหาคำตอบกัน
                 Omega-3 มีพันธะอยู่ที่ตำแหน่งที่ 3 ประกอบด้วย

1.ALA ( alpha linoenic acid ) พบในน้ำมันพืช เช่น ถั่วเหลือง คาโนล่า flaxeed และพบในผักใบเขียวบางชนิดเช่น กะหล่ำปลี คะน้า ผักโขม สลัดใบเขียว
2.EPA ( eicosapentaenoic )
3.DHA ( decosahexaenoic )

                 แต่เราจะโฟกัสกรดไขมันจำเป็นแค่ 2 ตัว คือ EPA &DHA สมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา แนะนำให้กินปลาอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เทียบเท่า น้ำมันปลา 1000 มิลลิกรัม มีงานวิจัยมากมายแสดงให้เห็นว่า

EPA ลดการอักเสบและความเสื่อมของโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด ไขข้ออักเสบ
DHA มีบทบาทสำคัญต่อโครงสร้างการทำงานของสมอง ระบบประสาท เพิ่มหน่วยความจำ และพัฒนาการเรียนรู้รวมถึง retina ที่ช่วยในการมองเห็น ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้จึงถูกผสมในนมผงเลี้ยงเด็กหลากหลายยี่ห้อในเมืองไทย

                  มีประโยชน์อย่างไร
1.ลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์
2.ลดความดันโลหิตสูง
3.ป้องกันและรักษาหลอดเลือดแดงไม่ให้แข็งตัว โดยชะลอการอุดตันในหลอดเลือดและการเกิดคราบจุลินทรีย์ ซึ่งเป็นสาเหตุของการอุดตันของหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจ
4.บรรเทาอาการไขข้ออักเสบ ข้อเข่าเสื่อม จากคุณสมบัติของ EPA นั่นเอง
5.เพิ่มระดับไขมัน HDL ซึ่งเป็นไขมันชนิดดี หากมีมากในร่างกายจะลดความเสี่ยงภาวะหัวใจขาดเลือด ต้นเหตุของหัวใจวาย
6.ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ จากงานวิจัยศึกษาในกรีนแลนด์ ดินแดนทางเหนือสุดของโลก ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอาร์กติก เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก พบว่า ชาวเอสกิโมที่อาศัยบริเวณขั้วโลกเหนือ มีแนวโน้มที่จะกินอาหารไขมันสูงเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายจากสภาพอากาศหนาวเย็นแทบตลอดทั้งปี แต่ก็กินปลาเป็นจำนวนมากที่อุดมไปด้วย omega-3 มีอัตราต่ำของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่&ทวารหนัก , โรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง มากกว่าภูมิภาคอื่นในโลก
7.มีบางงานวิจัยพบว่า คนที่ขาด omega-3 ทุกข์ทรมานจากภาวะซึมเศร้า
8.บรรเทาอาการลำไส้อักเสบ
9.ป้องกันอัลไซเมอร์&ภาวะสมองเสื่อม
10.ลดการเกิดภาวะจอประสาทตาเสื่อม & อาการตาแห้ง

                   ปริมาณ EPA&DHA ไม่ได้อยู่ที่จำนวนปริมาณของน้ำมันปลาแต่ละเม็ด ฝากวิธีการเลือกซื้อ omega-3 ให้คุ้มค่า&เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ร่างกายสูงสุดนะคะ

โดยไม่ต้องดูว่า fish oil กี่พันมิลลิกรัม ให้เล็งปริมาณ EPA ,DHA กรดไขมัน 2 ตัวรวมกัน 300 mg ขึ้นไป จึงจะถือว่าใช้ได้ เพียงพอที่จะบำรุงร่างกาย เช่น fish oil 1000 mg มี EPA 180 mg ,DHA 120 mg ( ส่วนของน้ำมันปลาจริงที่แท้จริง ) รวมกันเป็น 300 mg ที่เหลืออีก 700 mg เป็นส่วนผสมอื่น เช่น water ,กลีเซอริน ,วิตามินอี ฯลฯ

ลองมาดูส่วนประกอบ fish oil ที่ผลิตในอเมริกา 2 ยี่ห้อ ซึ่งแป้งมักพูดถึงเกรดวัตถุดิบกันนะคะ

ยี่ห้อที่1 solgar ; .Gelatin, vegetable glycerin, natural mixed tocopherols. Contains fish (anchovy, mackerel, sardine).
Free of: Gluten, wheat, dairy, yeast, sugar, sodium, artificial flavor, sweetener, preservatives and color.

ยี่ห้อที่ 2 nature made ; Gelatin, glycerin, water, tocopherol.
May also contain: Methacrylic acid copolymer, polysorbate 80, triethyl citrate, propylene glycol, ethylcellulose, sodium alginate, medium chain triglycerides, oleic acid, stearic acid, ammonium, hydroxide, talc.
Contains: Fish (anchovy, sardine) and soy.
Fish Oil liquid softgels are made to Nature Made's guaranteed purity and potency standards.

                  จากข้างบน จะเห็นได้ว่า ยี่ห้อที่ 1 pure มาก ไม่มีการผสม water ให้น้ำมันปลาเจือจางเพื่อจะได้ปริมาณต่อเม็ดมากขึ้น แต่จะผสม natural mixed tocopherols ซึ่งเป็นวิตามินอีคุณภาพสูง ไม่ก่อให้เกิดสิว เพื่อป้องกันการเหม็นหืนของน้ำมันปลา และ vegetable glycerin ( กลีเซอรินที่สกัดได้จากพืช )

                  ส่วนยี่ห้อที่ 2 ผสม water แถมมี tocopherol ซึ่งเป็นวิตามินอีเกรดธรรมดา และ glycerin (สกัดมาจากสัตว์ ) เกรดธรรมดา แถมมีส่วนผสมอีกหลายอย่าง ราคาจึงต่างกันมาก นี่เป็นเพียงส่วนน้อยนิด ในการเลือกวิตามินให้ได้ผลชัดเจนค่ะ

                  สิ่งที่ควรระมัดระวังในการบริโภคน้ำมันปลาคือ โลหะหนัก เช่น ปรอท ตะกั่ว นิกเกิล สารหนู แคดเมียม และสารปนเปื้อน ( CBS ,พิวเรน ,ไดออกซิน ) ถึงแม้กระบวนการกลั่นน้ำมันปลาจะไม่พบสารเหล่านี้ เพราะโลหะหนักที่ปนกับน้ำมันปลามักจะผูกติดกับโปรตีนในเนื้อปลามากกว่าที่จะสะสมในน้ำมัน แต่อย่าได้วางใจนัก

                  แป้งขอแนะนำ fish oil ยี่ห้อ natural factors 1000 mg แต่มี EPA สูงถึง360 mgและ DHA สูงถึง 240 mg รวมกัน 600 mg ต่อเม็ด โอ้โห ! นับว่า EPA&DHA สูงจริงๆ กินแค่เม็ดเดียวได้คุณประโยชน์เปี่ยมค่า ไม่ต้องกินหลายเม็ดด้วย ไร้สารปนเปื้อนตกค้าง ปลอดภัยต่อร่างกายในระยะยาวแถมมีเทคโนโลยีกระบวนการผลิตในระดับ pharmaceutical grade ( มาตรฐานการผลิตยาแห่งสหรัฐอเมริกา ) อีกต่างหาก วุ๊ย ! น่ากินที่สุด
Create Date :25 กรกฎาคม 2556 Last Update :13 มกราคม 2557 14:39:14 น. Counter : 18896 Pageviews. Comments :38