bloggang.com mainmenu search
ตู้เย็น(Refrigetator) เป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่มีใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันนี้ เนื่องจากตู้เย็นเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกที่มีประโยชน์ต่อชีวิตประจำวันมาก คนเราเมื่อเหนื่อย มีความกระหาย ก็ต้องการน้ำเย็นจากตู้เย็นมาดับกระหาย การเก็บอาหารเพื่อรักษาสภาพอาหารให้คงคุณค่าและยืดอายุให้ยาวออกไป ก็ต้องอาศัยการเก็บรักษาในตู้เย็นที่มีระดับอุณหภูมิคงที่ และประโยชน์ในการเก็บรักษาของต่างๆ จำพวกเวชภัณฑ์หรือเครื่องสำอาง ซึ่งจะเห็นได้ว่า ตู้เย็น กลายเป็นสิ่งที่จำเป็นในชีวิตของมนุษย์



การใช้ตู้เย็นอย่างถูกวิธี

การใช้ตู้เย็นอย่างถูกวิธี ช่วยให้ประหยัดไฟได้ และที่สำคัญเป็นการช่วยยืดอายุการใช้งานของตู้เย็น หลายคนยังไม่ทราบถึงวิธีในการใช้ตู้เย็นอย่างถูกวิธี ก่อให้เกิดการใช้งานแบบผิดๆ ทำให้อายุการใช้งานของตู้เย็นสั้นลง ตู้เย็นที่ใช้จึงเสียในเวลาก่อนสมควร ซึ่งผมจะขอกล่าวเรื่องของเกล็ดความรู้เล็กๆน้อยๆในการใช้งานตู้เย็นที่ถูกต้อง เพื่อช่วยให้เก็บอาหารอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งช่วยให้ประหยัดไฟ และช่วยยืดอายุการใช้งานให้ใช้งานได้คุ้มค่าตามระยะเวลาที่สมควร



การถอดปลั๊กตู้เย็น ต้องรอก่อนที่จะเสียบปลั๊กใหม่
กรณีนี้ เป็นคำถามที่มีหลายคนสอบถามอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งการถอดปลั๊กตู้เย็น ไม่ว่ากรณีที่จะทำการย้ายเครื่องไปตั้งอีกที่หนึ่ง หรือจะมีเหตุอันใดก็แล้วแต่ที่ทำให้กระแสไฟฟ้าไม่ไหลเข้าสู่ตู้เย็น พึงระรึกไว้เสมอว่าก่อนเสียบปลั๊กใหม่หรือจ่ายไฟให้เครื่องเดิน ไม่ควรกระทำทันทีหลังจากถอดปลั๊กออก ควรรอเวลาอย่างน้อย 3-5 นาที เนื่องมาจาก แรงดันน้ำยาภายในตู้เย็น ที่ยังไม่สมดุลหลังจากเครื่องหยุดทำงาน อธิบายโดยหลักการคือ แรงดันของสารทำความเย็นหรือน้ำยาภายในตู้เย็นที่ถูกแบ่งออกเป็นสองด้าน คือทางด้านแรงดันสูง ที่ถูกอัดออกมาจากคอมเพรสเซอร์ และทางด้านแรงดันต่ำ ที่ถูกดูดกลับเข้าทางท่อทางดูดของคอมเพรสเซอร์ เมื่อเครื่องหยุดทำงานทันที แรงดันด้านสูงที่ถูกอัดจะไหลไปทางด้านแรงดันต่ำ ในระหว่างที่แรงดันไหลย้อนกลับหากเราเริ่มเดินเครื่องทันทีที่แรงดันยังไม่สมดุล คอมเพรสเซอร์ต้องออกแรงมาก เพื่อจะเอาชนะแรงเสียดทานและแรงเฉื่อยที่เกิดจากแรงดันน้ำยาไม่คงที่ คอมเพรสเซอร์ต้องทำงานหนักกว่าปกติ กินกระแสมาก หรือมอเตอร์อาจจะล็อกและสตาร์ทไม่ออก ถ้ามีตัวโอเวอร์โหลดต่ออนุกรมอยู่ ตัวโอเวอร์โหลดก็จะตัดไฟก่อนที่มอเตอร์คอมเพรสเซอร์จะร้อนจนไหม้ หากเป็นเช่นนี้บ่อยครั้ง อาจทำให้คอมเพรสเซอร์มีอายุการใช้งานที่สั้นลงและชำรุดในที่สุด
ดังนั้น พึงจำไว้เสมอ ว่าหลังจากถอดปลั๊กตู้เย็นออก ควรรอเวลา 3-5 นาที ก่อนเสียบปลั๊กให้เครื่องเดินอีกครั้ง เพื่อให้แรงดันน้ำยาสมดุลกันทั้งสองด้าน แต่หากตู้เย็นรุ่นที่มีตัวหน่วงเวลาหรือติดตั้งตัวหน่วงเวลาเสริมเข้าไป ตัวหน่วงเวลาจะทำหน้าที่หน่วงเวลาไม่ให้เครื่องเดินทันทีหลังจากเสียบปลั๊ก เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น



ไม่ควรนำของร้อนจัด เข้าแช่ในตู้เย็น
การนำเอาของร้อนจัดใส่เข้าไปในตู้เย็นทันที ทำให้อุณหภูมิในตู้เย็นสูงขึ้น คอมเพรสเซอร์ต้องเดินนานขึ้นกว่าเดิม เปรียบเหมือนการรีดผ้าในห้องแอร์นั่นเอง คอมเพรสเซอร์ที่ทำงานหนัก ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้น อีกทั้งความร้อนจากของร้อนจัดที่นำไปเข้าตู้เย็นอาจจะทำให้อาหารที่แช่ใกล้เคียงกันภายในตู้ เสื่อมสภาพจากความร้อนที่ได้รับ ดังนั้นควรนำของร้อนจัด วางทิ้งไว้ภายนอกให้มีอุณหภูมิลดลงเสียก่อนที่จะนำเข้าแช่ใต้เย็น และการปิดประตูตู้เย็นทิ้งไว้ ทำให้ความเย็นสูญเสีย และความร้อนเข้าไปแทนที่ ก็ทำให้ตู้เย็นเดินนานขึ้น ส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังงาน



อากาศภายในตู้เย็นเป็นอากาศที่เย็นและแห้ง
ความชื้นที่ควบตัวกลายเป็นน้ำแข็ง ทำให้อากาศภายในตู้เย็น เป็นอากาศที่เย็นและแห้งมาก อาหารประเภทเนื้อสัตว์และพืชผักหากนำไปแช่ในตู้เย็น ต้องมีการกักเก็บความชื้นไม่ให้เนื้อสัตว์และพืชผักสูญเสียความชื้นออกไป ซึ่งหากเนื้อสัตว์สูญเสียความชื้นจะทำให้ผิวของเนื้อแห้งดูไม่น่าทาน รวมทั้งพืชผักก็เช่นกัน การสูญเสียความชื้นจะทำให้เหี่ยวเฉาดูไม่น่ารับประทานและสูญเสียคุณค่าทางอาหารลงไป ดังนั้นควรการกักเก็บความชื้นให้สัตว์และพืชผักโดยการใส่ถุงพลาสติกแล้วมัดปากถุงให้แน่นอาจจะประยุกต์โดยการห้อหุ้มด้วยแผ่นพลาสติกใสหรือเรียกว่าพลาสติกแรปที่ใช้แพ็คอาหาร หรือใส่ภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด จะช่วยกักเก็บความชื้นให้สัตว์และพืชผักที่แช่ ดูสดใหม่ น่ารับประทานอยู่เสมอ
เนื้อสัตว์ที่แช่จนเป็นน้ำแข็ง หากนำออกมาปรุงอาหาร จะพบว่าเนื้อยุ้ยไม่เหมือนตอนเพิ่งซื้อมาแรกๆ ก็เพราะว่า ในเนื้อสัตว์โดยปกติ จะมีโมเลกุลของน้ำกระจายอยู่ในเนื้อสัตว์ เมื่อโมเลกุลของน้ำในเนื้อสัตว์แข็งตัว ความแหลมคมของผลิกน้ำแข็งที่เกิดขึ้น จะขยายตัวและทิ่มแทงเซลของเนื้อสัตว์ ทำให้บางครั้ง เราสังเกตุว่าเนื้อยุ้ยลงไม่เหมือนกับตอนเพิ่งซื้อมา



อย่าใช้ของมีคม ทิ่มแทงน้ำแข็ง
น้ำแข็งในช่องแช่แข็ง สำหรับตู้เย็นแบบธรรมดาที่ไม่ได้เป็นแบบโนฟรอส ซึ่งจะสะสมขึ้นและหนาขึ้นเรื่อยๆ หากมีปริมาณที่มากจนทำให้เปิดปิดฝาช่องแช่ไม่สะดวก ต้องมีการละลายน้ำแข็ง ทำโดยการกดปุ่มละลายน้ำแข็งภายในตู้ หรือการถอดปลั๊กออก(แต่อย่าลืมเสียบกลับเดี๋ยวของจะเน่า) แต่ไม่ควรเด็ดขาด ที่จะใช้ของมีคมแซะน้ำแข็งในตู้ เพราะคมจากสิ่งของมีคม อาจจะทิ่มแทงทางเดินน้ำยาที่อยู่ในแผงของช่องแช่แข็งทำให้แตกหรือเป็นรู และน้ำยาในระบบ รวมกับน้ำมันคอมเพรสเซอร์ ก็จะรั่วออกมา หากเดินเครื่องต่อไปเรื่อยๆโดยที่ไม่ทราบว่าน้ำยาไม่มีในระบบ และน้ำมันที่ทะลักตามน้ำยาออกมาก็มีน้อยจากเดิม เครื่องจะเดินนานขึ่น เพราะภายในตู้ไม่เย็นตัวควบคุมอุณหภูมิจึงไม่ตัดการทำงาน มอเตอร์ทำงานต่อไปเป็นเวลานานๆ โดยที่ไม่มีน้ำมันมาระบายความร้อนและหล่อลื่น การระบายความร้อนจากน้ำยาก็ทำไม่ได้ ทำให้คอมเพรสเซอร์ร้อนจัด และมอเตอร์ไหม้ในที่สุด



วางตู้เย็นในบริเวณที่ระบายความร้อนได้ดี
การระบายความร้อนของน้ำยาในตู้เย็น อาศัยการถ่ายเทความร้อนจากอากาศธรรมชาติที่พัดผ่าน แผงร้อนด้านหลังของตู้ เพื่อให้น้ำยาเปลี่ยนสถานะ จึงจำเป็นต้องอาศัยการถ่ายเทอากาศที่ดี เพื่อช่วยในการระบายความร้อนจากแผงคอนเด็นเซอร์(แผงร้อน) จึงควรวางตู้เย็นให้ห่างจากผนังด้านหลังเป็นระยะประมาณ 1ฟุต หรืออย่างน้อยจริงๆ ก็ควรห่างจากผนังประมาณ 4-5นิ้ว เพื่อช่วยให้อากาศพัดผ่านเข้าไปถ่ายเทความร้อนให้ตู้เย็น ช่วยให้ประหยัดไฟได้

Create Date :16 ธันวาคม 2552 Last Update :16 ธันวาคม 2552 18:51:53 น. Counter : Pageviews. Comments :22