เชื่อเหลือเกินว่า “ฝรั่งเศส” ประเทศที่อยู่ทางตอนกลางของทวีปยุโรป เป็นที่หมายปองและเป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทาง ผู้ที่ชอบท่องเที่ยว รวมทั้งสาวกแบรนด์เนม ครั้งหนึ่งในชีวิต!!! ขอมีโอกาสเหยียบย่างสักครั้ง

และแล้วจู่ ๆ ทริปฝรั่งเศสก็มาปลุกอะดรีนาลีนในร่างกายให้พลุ่งพล่าน แตะชีพจรนักเดินทางให้กระฉับกระเฉงขึ้นมา แม้ต้องเสียเวลาเดินทางกว่า 10 ชั่วโมง แต่ก็ไม่ทำให้เข็ดขยาดกับการนั่งและนอนอยู่ภายในห้องโดยสารบนเครื่องบิน และที่สำคัญการเดินทางไม่ได้โดดเดี่ยวเดียวดาย แต่มีผู้ร่วมเดินทางกว่า 20 ชีวิต เพราะการเดินทางครั้งนี้เจ้ามือใหญ่ “ซิซซ์เล่อร์” โดย นงชนก สถานานนท์ ผู้ช่วยรองประธานบริหาร กลุ่มการตลาดซิซซ์เล่อร์ บริษัท เอส แอล อาร์ ที จำกัด ใจดีพาผู้โชคดีบินลัดฟ้าร่วมสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยว ณ มหานครปารีส ประเทศฝรั่งเศส กับทริปที่มีชื่อแสนไพเราะเพราะพริ้งว่า “ปารีส พาราไดซ์ ทริป บาย ซิซซ์เล่อร์” โดยจับมือกับ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด และบริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด พาตะลุยเที่ยวแบบนันสต๊อป เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าของซิซซ์เล่อร์ทั่วประเทศ ไทยกับประสบการณ์สุดสนุกและแสนประทับใจไม่รู้ลืม




กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นดินแดนแห่งแฟชั่นและความทันสมัย ซึ่งซิซซ์เล่อร์เปิดโอกาสให้ผู้โชคดีได้สัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ของชาวปารีเซียง ทันทีที่ล้อนกเหล็กแตะสนามบินชาร์ลเดอโกลด์ หลังจากทุกท่านผ่านการตรวจหนังสือเดิน ทางและด่านศุลกากรเป็นที่เรียบร้อย ทริปแห่งความสนุกสนานก็เริ่มขึ้นทันทีท่าม กลางบรรยากาศเย็นสบายที่เมืองรูออง ซึ่งอยู่ห่างจากปารีสไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเพียง 2 ชั่วโมง หลังนั่งคิดอะไรเพลิน ๆ ไม่นานก็ถึงเมืองรูออง ซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน เคยถูกยึดครองโดยชาวอังกฤษระหว่างสงคราม 100 ปี โดยมีวีรสตรีรักชาติชาวฝรั่งเศสชื่อ ชาน ดาร์ก หรือ โจน ออฟ อาร์ค สวมวิญญาณนักรบ จับดาบ ถือโล่ ประกาศศักดา ลุกขึ้นมาช่วยรบขับไล่ทหารอังกฤษ ระหว่างสงคราม 100 ปี ที่ถูกยึดครองโดยชาวอังกฤษ จนเป็นที่ครั่นคร้าม



แต่น่าเศร้ายิ่งนักที่จุดจบคือการถูกจับและโดนเผาทั้งเป็นบริเวณจัตุรัสปลาซ ดู วิเออซ์ มาร์เซ เมื่อปี ค.ศ. 1431 กระทั่งต่อมาถูกยกให้เป็นนักบุญโจน ออฟ อาร์ค และเป็นหนึ่งในสามนักบุญผู้พิทักษ์ของฝรั่งเศส รวมทั้งได้สร้างโบสถ์ เซนต์ โจน ออฟ อาร์ค ขึ้นมาเพื่อระลึกถึงวีรกรรมอันกล้าหาญครั้งนั้น นอกจากนี้เมืองเล็ก ๆ น่ารักอย่างรูอองยังถูกแบ่งด้วยแม่น้ำแซนน์ที่ไหลพาดผ่าน โดยเมืองเก่าอยู่ฝั่งขวา ส่วนเมืองใหม่อยู่ฝั่งซ้าย บรรยากาศเนิบช้าเงียบสงบมีบ้านโบราณที่ยังคงเหลือกว่า 2,000 หลังคาเรือนกระจัดกระจายไปบนถนนโกรซอร์โลจ ถนนแซงต์โรแมง ถนนมาร์แตนวิลล์ และถนนดาเนียท และแทบไม่น่าเชื่อว่า บริเวณใกล้กันจะมีสิ่งเนรมิตจากฝีมือมนุษย์อย่าง มหาวิหารนอร์ทเทรอดาม ความยาว 137 เมตร กว้าง 24 เมตร ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบกอธิค ชิ้นเอกของฝรั่งเศส ที่กลายเป็นเสน่ห์ของอดีต และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอีกกี่ร้อยปี มหาวิหารแห่งนี้ก็ยังคงงดงามไม่เปลี่ยนแปลง ตัดกับภาพคฤหาสน์เก่าแก่สร้างด้วยหินแห่งแรกที่ชื่อ บูร์กเธอรูลด์ เรซิเด้นท์ ย่านปลาซ เดอ ลา ปูแชล ชวนให้นึกถึงจิ๊กซอว์มาต่อเรียงกันเป็นชั้น ๆ ด้วยความทึ่งกับงานช่างฝีมือยุคนั้น ก่อนปิดทริปด้วยการเข้าชมศาลสถิตยุติธรรมของเมืองรูออง Palais de Justice ซึ่งเคยใช้เป็นรัฐสภาของแคว้นนอร์มังดี จนใกล้มืดจึงร่ำลาเมืองรูอองอย่างมีความสุข มุ่งหน้าเข้าสู่นครปารีส ดินเนอร์มื้อหรูก่อนหลับฝันดีบนเตียงอ่อนนุ่ม พร้อมเสียงแว่ว ๆ ก่อนปิดม่านตาว่า “6-7-8” ราวกับคำอำลานิทราสวัสดิ์ค่ำคืนนี้



กระทั่งเสียงปลุกมอร์นิ่ง คอลล์ ยาวนานบาดหัวใจ ทำสติแตกไปชั่วขณะจนต้องลุกจากเตียงด้วยสภาพสะโหลสะเหล นึกถึงตัวเลข “6-7-8” ที่ไม่ใช่เลขใบ้หวย แต่เป็นสูตรมาตรฐานที่ไกด์นิยมใช้กันทั่วโลก แปลไทย...เป็นไทย บนแผ่นดินฝรั่งเศส คือ ตื่น 6 โมงเช้า เบรกฟาสต์ตอน 7 โมง และล้อหมุน 8 โมงตรง...พร้อม!! เช้าวันที่สองนครปารีสกับเราต้องจากลากันชั่วขณะ รถพาคณะผู้โชคดีจากซิซซ์เล่อร์มุ่งหน้าสู่ ปราสาทชองติลยี่ โดยใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง



ปราสาทแห่งนี้เป็นของขุนนางชั้นสูงระหว่าง ค.ศ. 14-19 มีชื่อเสียงว่าเป็นปราสาทพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจแห่งหนึ่งของโลก ตัวปราสาทประกอบด้วย 2 อาคาร คือ เปอติต ชาโตว์ และกรองด์ ชาโตว์ ภายในมีห้องบรรทมเจ้าชาย ห้องลิง เดอะแกรนด์ คองเดอแอคชั่น แกลเลอรี่ และห้องดนตรี อีกมุมเป็นสวนในปราสาทถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ สวนฝรั่งเศสและสวนอังกฤษ แน่นอนว่าแสงแฟลชวูบวาบ เสียงกล้องรัวถี่ยิบเมื่อเท้าก้าวสู่ห้องต่าง ๆ อันแสนสวยงาม ขากลับเข้าปารีสหลายคนเผลองีบหลับเอาแรง ชาร์จประจุแบตเตอรี่ในตัวให้เต็มก่อนถูกปลุกจากภวังค์ให้แวะชมมนต์เสน่ห์ย่านมงมาร์ต ที่ยังคงกลิ่นอายของศิลปะฝรั่งเศสเคยรุ่งเรืองถึงขีดสุด และยังเป็นที่ตั้งของโบสถ์ซาเกร เคอร์ โบสถ์สีขาวที่ตั้งเด่นเป็นสง่า แล้วล่องเรือบาโตว์มุสชมความงามของสถาปัตยกรรมของกรุงปารีสที่เรียงรายอยู่สองข้างทาง



เช้าวันที่สามพลพรรครักงานศิลปะเกือบทั้งคณะของดเสพงานศิลป์ชั่วคราว เหตุเพราะสมาธิแตกซ่าน ต่อมอะดรีนาลีนพลุ่งพล่านอีกครั้ง เมื่อเห็นจุดหมายข้างหน้าคือ ห้างแพรงตองส์และห้างแกลเลอรี่ ลาฟาแยตต์ แหล่งรวมแฟชั่นแบรนด์เนมชั้นนำ ขอเปลี่ยนสถานะเป็นพลพรรครัก “หลุยส์” พร้อมใจกันเข้าไปคารวะพระเจ้าหลุยส์ และช้อปกระจายยิ่งกว่ากระหน่ำซัมเมอร์เซล ก่อนตบท้ายด้วยการชม ลิโด้โชว์ คาบาเร่ต์อันตระการตาและโด่งดังไปทั่วโลก ความสนุกสนานยังไม่จบต่อกันในวันที่สี่ด้วยการไปตะลุย สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ โลกแห่งความฝันของวอลท์ ดิสนีย์ และทิ้งท้ายก่อนกลับ ณ พระราชวังแวร์ซายส์ ประติกรรมการตกแต่งอย่างมโหฬารของเลอโว มอนสาร์ท และเลอโนวล์ ที่ร่วมกันออกแบบพระราชวังตามพระราชประสงค์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14

จากนั้นพากันมาเดินชมโรงละครโอเปร่าแห่งกรุงปารีส จัตุรัสคองคอร์ด สถานที่ที่เคยใช้เป็นที่ประหารพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมาเรียอังค์ตัวเน็ต โดยกิโยติน ถนนสายโรแมนติก “ชองเอลิเซ่” รวมทั้งประตูชัยนโปเลียน อนุสรณ์อันเกรียงไกรของจักรพรรดินโปเลียน วิหารนอร์ทเทรอดาม โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์อายุกว่า 800 ปี สถานที่ที่จักรพรรดินโปเลียนเคยใช้เป็นสถานที่สถาปนาตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิฝรั่งเศส หอไอเฟล สัญลักษณ์ของกรุงปารีส และปิดท้ายด้วยการชมความงามของสถาปัตยกรรมของกรุงปารีสที่เรียงรายอยู่สองข้างทาง ก่อนปิดทริปอย่างประทับใจ



นับเป็นประสบการณ์อีกบทของนักเดินทางหน้าใหม่ พร้อม ๆ กับได้เรียนรู้ว่า ที่ฝรั่งเศสไม่ได้มีดีแค่ถนน ’ชองเอลิเซ่“ กับ ’หอไอเฟล“ หากใช้ตาและหัวใจ ซึมซับประวัติศาสตร์อันยาวนานของประเทศนี้ แล้วจะหลงมนต์เสน่ห์ฝรั่งเศสอย่างถอนตัวไม่ขึ้นเลยทีเดียว.

“และแทบไม่น่าเชื่อว่า บริเวณใกล้กันจะมีสิ่งเนรมิตจากฝีมือมนุษย์อย่าง มหาวิหารนอร์ทเทรอดาม ความยาว 137 เมตร กว้าง 24 เมตร ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบกอธิค ชิ้นเอกของฝรั่งเศส ที่กลายเป็นเสน่ห์ของอดีต และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอีกกี่ร้อยปี มหาวิหารแห่งนี้ก็ยังคงงดงามไม่เปลี่ยนแปลง”

รู้ไว้ก่อนไปเที่ยว

ลักษณะภูมิประเทศ : ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป หากดูในแผนที่จะเห็นว่ามีลักษณะคล้ายรูปหกเหลี่ยม

ภาษา : ชาวฝรั่งเศสจะพูดภาษาของตัวเองคือ ภาษาฝรั่งเศส

เวลา : จะช้ากว่าประเทศไทย 5 ชม.ในฤดูร้อนและช้ากว่าประเทศไทย 6 ชม.ในฤดูหนาว สภาพอากาศ นครปารีสอากาศอยู่ที่ประมาณ 12 องศาเซล เซียส แต่อาจไม่แน่นอนเสมอไปเพราะบางครั้งในกรุงปารีสจะมีฝนตกตลอดทั้งปี บางครั้งเป็นฤดูหนาวมีอุณหภูมิต่ำลงประมาณ 3 องศาเซลเซียส ผู้ที่จะเดินทางไปฝรั่งเศสจะต้องเตรียมเสื้อผ้าไปหลากหลายรูปแบบ

ค่าเงิน : ใช้สกุลเงินยูโร โดยมีอัตราแลกเปลี่ยน 1 ยูโร เท่ากับ 40-45 บาท

เที่ยวบิน : การเดินทางไปฝรั่งเศสสะดวกสบายเพราะมีหลายสายการบินให้เลือก อาทิ สายการบินไทย, สายการบินแอร์ ฟรานซ์ สายการบินประจำชาติของฝรั่งเศส เป็นต้น

ทีมวาไรตี้

credit : dailynews