bloggang.com mainmenu search
เมื่อพูดถึงตลาดรถ
ยนตร์เมืองไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันแล้ว
เราหลายคนคงรู้จักรถยนต์เพียงไม่กี่ยี่ห้อ
ที่สร้างชื่อสั่งสมมาอย่างยาวนานจนติดตาคนไทย แต่ใครจะเชื่อล่ะครับว่า
ค่ายเล็กที่หลายคนในปัจจุบันแทบจะไม่รู้จักอย่าง
Suzuki  ที่อยู่บ้านเรามายาวนานกว่า 30 ปี และล่าสุดก็เตรียมส่งอีโค่คาร์มาขอฟัดในตลาดที่กำลังระอุ




                ข่าวคราว Suzuki อีโค่คาร์นั้นเงียบมาก
ไม่มีใครจะรู้จักมากนัก
เว้นพี่กูรูยานยนต์บางท่านที่อาจจะได้อ่านรีวิวของเค้ากันไปบ้าง ใน
 headlightmag ที่ทำให้เราถึงกับต้องออกปากว่า "โอ้ มันช่างน่าสนใจ"
หลังจากอ่านจบ ด้วยส่วนตัวผมเองก็กำลังมองหารถยนต์ประเภทนี้ไว้ใช้งานด้วย
ทำให้ต้องยกหูหาพี่จาก Worldwheelweb  ที่เคารพรัก เพื่อสอบถาม
และกลายเป็นเรื่องโชคดีที่พี่ท่านได้ไปทดสอบรถคันนี้อยู่ ในใจก็คิด "แหม
มันช่างลงตัวอะไรเช่น" นี้ ก่อนจะได้พูดคุยกันเล็กๆ เกี่ยวอีโค่คาร์ของ
Suzuki จนจบลงที่พี่ผมอยากขับอ่ะ "แบบไม่เกรงใจ"





Suzuki Swift อีโค่คาร์


Suzuki Swift อีโค่คาร์


                ตกเย็นวันศุกร์เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
เมื่อพี่ที่ Worldwheelweb  โทรกลับมาพร้อมบอกว่าฝากบอกทาง Suzuki ไปแล้ว
แต่เพียงหลังจากวางสายไม่ถึงครึ้งชั่วโมง คุณแจง PR Suzuki
ก็โทรเข้ามาพร้อมเชิญเราไปทดสอบ Suzuki Swift  อีโค่คาร์
ที่ทำให้เราต้องหายหน้าหายตาไป 2วัน





ภายนอก More Swift มองไม่ต่างแต่สปอร์ตยิ่งขึ้น





               
เราเริ่มต้นกันที่โรงแรมใหม่ล่าสุดบนถนนพระราม 4 จริงๆแล้ว
โรงแรมเอตัสนี้จะจำให้ง่ายต้องบอกว่ามันอยู่ตรงข้ามเวทีมวยลุมพินี
และทันทีที่พลพรรรคนักข่าวพร้อม เราก็ขึ้นไปพบเจ้าอีโค่คาร์ของ Suzuki กัน


                Suzuki 
เอาเจ้าอีโค่คาร์ของค่ายมาต้อนรับเราด้วยการนำโฉมหน้าที่คุ้นหน้าตามาให้เรา
ได้สัมผัสและก็ไม่น่าแปลกใจนักที่ Suzuki Swift 
ถูกปั้นขึ้นมาอีกครั้งในแบบอีโค่คาร์ ที่มีมิติตัวถังยาว 3,850 ม.ม. กว้าง
1,695 ม.ม. และสูงเพียง 1,510 ม.ม. จัดวางฐานล้อได้อย่างลงตัวที่ 2,430
ม.ม.  


Suzuki Swift อีโค่คาร์               

เส้นสายจากเรือนร่างที่คุ้นหน้าถูกปรับให้ทันยุคสมัยและดูโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ่น
หน้าตาเริ่มจากกระจักหน้าแบบ Honey Comb ที่มาพร้อมกับโลโก้ของ Suzuki 
มีการเปลี่ยนกันชนหน้าให้สปอร์ตยิ่งขึ้นเล็กน้อย
รับกับไฟหน้าที่ดูลงตัวรวมชุดทั้งไฟหน้า ไฟเลี้ยวและไฟหรี่
ก่อนเส้นสายจะลากผ่านซุ้มล้อสู่ด้านข้าง
ที่เบื้องหลังมีการปรับกันชนท้ายและไฟท้ายใหม่ ให้ลงตัวยิ่งขึ้น
โดยในรุ่นที่เราขับนี้เป็นรุ่นรองท็อป ( GL) จะเป็นล้อกระทะขอบ 15 นิ้ว
รัดด้วยยาง 175/65/R15 ส่วนรุ่นท็อปจะเป็นล้ออัลลอยขอบ 16 นิ้ว รัดด้วยยาง
185/55/R16


                Suzuki  เคลมน้ำหนักตัวรถที่ 960 ก.ก.
สำหรับรุ่นที่เราขับและจากใบสเป็ค เราก็พบว่ามันสามารถรองรับผู้โดยสาร 5
คน  และให้น้ำหนักบรรทุกรวมสูงสุดที่ 1,480 ก.ก.


Suzuki Swift อีโค่คาร์


ภายในเรียบง่ายเติมเล็กๆ ในความสปอร์ต





               
เราชมภายนอกกันพอหอมปากหอมคอก็ได้เวลาก้าวเข้าสู่ภายในห้องโดยสาร
แต่ก่อนที่จะทำอะไรต่อไปนั้น ต้องเอาของไปวางที่ท้ายรถในห้องสัมภาระ
ที่มีพื้นที่เก็บสัมภาระเพียงพอ
แถมเรายังเห็นว่ามันสามารถแยกพับได้หากมีสัมภาระชิ้นใหญ่ในอัตรา 60-40 
และมาพร้อมแผงปิดสัมภาระ แต่เจ้าแผงนี้จะไม่มีในรุ่นถูกสุด


               
จัดแจงวางของเรียบร้อยเรากลับเปิดประตูขึ้นสู่ห้องโดยสาร
โดยเช่นเคยเราขอนั่งเล่นไปพลางๆ 
ก่อนที่จะเปลี่ยนสับกันขับกับพี่จากอีกสื่อหนึ่ง
ในช่วงครึ่งทางหลังของการทดสอบขับขี่ที่มีปลายทางยังอำเภอปราณบุรี
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์


                เมื่อก้าวสู่ห้องโดยสารในตำแหน่งคนนั่งผู้ทดสอบ ที่มีความสูง 182 ซ.ม. ชั่งน้ำหนักเมื่อวันก่อนพิกัดอ้วน 98 ก.ก.
(สงสัยต้องลดเสียหน่อย) สามารถนั่งได้สบายลงตัว มีพื้นที่เหนือหัวอีกราวๆ 1
กำปั้นที่เหนือศีรษะ การจัดวาง Leg room ก็ทำได้
ดีเช่นเดียวกับพื้นที่วางตัว มีระยะเพียงพอที่ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด


Suzuki Swift อีโค่คาร์


Suzuki Swift อีโค่คาร์


               
การตบแต่งภายในทั้งหมดเน้นย้ำความสปอร์ตด้วยโทนดำ
ต้อนรับด้วยเบาะนั่งที่มีขนาดใหญ่พอตัว คอนโซลหน้าที่ดูทันสมัยลงตัว
จัดวางวิทยุไว้ที่กลางคอนโซล ถัดลงมาด้วยสวิตช์แอร์ที่เป็นแบบบิด
แต่คุณจะพบแอร์อัตโนมัติได้ในรถรุ่นท็อป ส่วนด้านคนขับ มาพร้อมพวงมาลัย 3
ก้าน มีมาตรวัดรอบ ที่บ่งบอกเส้นยาแดงที่ 6,200 รอบ โดยประมาณ
พร้อมความเร็ว ที่ตบแต่งแบบสปอร์ตเสร็จสรรพจากโรงงาน 
ส่วนนอกนั้นก็มีการใช้วัสดุโครเมี่ยมบ้าง เช่น หัวเกียร์, เบรกมือ
และที่เปิดประตู แต่ทีเด็ดคือคุณจะพบ ปุ่ม Push Start  ที่ให้มาพร้อมกุญแจ
 Keyless Entry  ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะให้มาครบครัน


                ขบวนเริ่มเคลื่อนออกจากต้นทาง
โดยในระหว่างการขับขี่ที่ใช้ความเร็วพอประมาณในการเดินทางนั้น
การนั่งในห้องโดยสาร Suzuki Swift  อีโค่คาร์
ให้ความรู้สึกที่เหมือนรถยนต์ขนาด B-Car  และมันก็สบายพอตัว
 ส่วนหนึ่งด้วยความนุ่มสบายของช่วงล่าง
แต่ที่สังเกตคงไม่พ้นเรื่องการเก็บเสียงที่เริ่มเล็ดลอดมาเมื่อมีความเร็ว
ถึง 100 ก.ม./ช.ม. แต่ คุณจะเอาอะไรมากจากอีโค่คาร์
ทว่าเราก็ลองดูพวกวัสดุต่างๆ ไปพลางๆ ก็พบว่ามันโอเค ไม่ดูราคาถูก
แถมใครที่รำคาญพวก "สัจจะวัสดุ" ที่ชอบโชว์เนื้อหนังมัสา
งานนี้สบายใจได้เพราะไม่มีเลย





ได้เวลาขับ เสียที ..นี่แหละที่รอมานาน





               
หลังจากผ่านมากว่าครึ่งทางที่เรามาแวะเติมพลังคนขับที่ตัวเมืองเพชรบุรี
ทีมงานก็ได้ขึ้นสัมผัสการขับขี่ของ  Suzuki Swift 
อีโค่คาร์เป็นครั้งแรกในตำแหน่งคนขับ
และหลังจากปรับเบาะเรียบร้อยเราก็พร้อมออกเดินทางกับเจ้าอีโค่คาร์คันนี้


                ตั้งแต่ตอนบรรยายข้อมูลก่อนการเดินทาง
 Suzuki  เปิดใจยอมรับว่า
สิ่งที่โดดเด่นในอีโค่คาร์นั้นไม่ใช่แค่เรื่องของเรือนร่างแต่เป็นเรื่อง
เครื่องยนต์ที่ใต้ฝากระโปรงอีโค่คาร์นี้ มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร
แต่มีปริมาตร 1,242 ซีซี แถมยังมีระบบ VVT ทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย
รีดแรงเต็มพิกัดในรหัส K12B  มีอัตราช่วงชักและกระบอกสูบ 73.0 X 74.2  ม.ม.
ให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้า ที่ 6000 รอบต่อนาที เรียกแรงบิดสูงสุด 118
นิวตันเมตร ที่ 4800 รอบต่อนาที แถมปิดท้ายด้วยการรองรับน้ำมัน E20 ด้วย


Suzuki Swift อีโค่คาร์


Suzuki Swift อีโค่คาร์


                เรื่องระบบเกียร์ถูกบรรยายเอาไว้ว่า
ในรุ่นที่เราขับนี้เป็นระบบเกียร์อัตโนมัติ  CVT 
แบบสายพานเหล็กที่ใช้ในรุ่นเดียวกับคู่แข่ง มาพร้อมอัตราทด 4.006-0.550
ส่งลงเฟืองท้าย 3.757  ก่อนลงล้อขับเคลื่อน


                เมื่อเราลองแตะคันเร่งครั้งแรก
สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการตอบสนองที่ดี
แม้จะเพียงเบาๆแต่มันก็โชว์พละกำลังที่บ่งบอกว่าเดี๋ยวได้เห็นดีกันแน่นอน
เราขับรถผ่านตัวเมืองเพชรฯ ก่อนออกไปยังเส้นทางนอกเมืองทางหนองหญ้าปล้อง
โดยเส้นทางต่างจังหวัดช่วงนี้  Suzuki Swift 
อีโค่คาร์ให้การตอบสนองที่ลงตัว โดยเฉพาะการไต่ความเร็วที่ทำได้ดีมาก
เครื่องยนต์มีซุ่มเสียงที่ดุดันฟังไปมาคล้ายๆกับเครื่องยนต์รถแข่งเช่นกัน
จนเรียกว่าถ้าได้ปลายท่อดีๆ รับรองว่าจะไพเราะมากเป็นอย่างยิ่ง


                การทำความเร็วในช่วงใช้งาน เครื่องยนต์
1.2 ลิตร ไม่ได้ทำให้เราเหนื่อยเลย แม้แต่น้อย
เพียงแค่แตะเจ้าต้นกำลังบล็อกเล็กก็พาเราพุ่งทะยาน
แม้จะไม่ถึงขนาดว่าทันใจแบบรถสปอร์ต
แต่ก็คงถูกอกถูกใจในการปรับเครื่องยนต์ให้เร่งได้ดั่งใจ
จริงๆแล้วน่าจะเรียกว่า "เร่งติดฝ่าเท้า" มากกว่า


                ในช่วงระหว่างทางเราขับเข้าสู่ถนน 2
เลนสวนกัน เรื่องอัตราเร่งของ Suzuki Swift 
ก็ยังโชว์ศักยภาพการขับขี่ได้อย่างมั่นใจ
จนแทบไม่อยากจะเชื่อว่านี่เรากำลังมาขับรถยนต์ที่ได้ชื่อว่า รถอีโค่คาร์



อ่านต่อ Suzuki Swift อีโค่คาร์... นี่แหละม้ามืดตัวจริง 2...
Create Date :08 มีนาคม 2555 Last Update :8 มีนาคม 2555 7:37:08 น. Counter : Pageviews. Comments :0