www.matichon.co.th แมงมุมแม่ม่ายสีน้ำตาล แมงมุมแม่ม่ายน้ำตาล เผย"แมงมุมแม่หม้าย"มักกระจายตามสายลมไร้กังวลไม่ทำใครก่อนสั่งหายาแก้พิษแล้วเผยไม่ต้องห่วง "แมงมุมแม่หม้ายน้ำตาล" ยันตามธรรมชาติจะไม่ทำร้ายใครก่อนสำนักระบาดวิทยาสั่ง สสจ.เฝ้าระวัง วิเคราะห์หา "ยาแก้พิษ" ระบุมีพิษคล้าย "งู" มักกระจายตามสายลมแพทย์ระบุ "แมงมุมแม่หม้ายน้ำตาล" มีพิษคล้ายงู สสจ.จับตา-เก็บสถิติ ประสาน มก.เตรียมผลิตยาแก้พิษ ผู้เชี่ยวชาญระบุถ้าบ้านสะอาด ไม่ต้องห่วง "แมงมุมแม่หม้ายน้ำตาล" ยันตามธรรมชาติจะไม่ทำร้ายใครก่อน ติงอย่ามุ่งทำลายให้หมดไป ด้านสำนักระบาดวิทยาสั่ง สสจ.เฝ้าระวัง วิเคราะห์หา "ยาแก้พิษ" ระบุมีพิษคล้าย "งู" ส่งผลต่อระบบไหลเวียนโลหิต แต่ออกอาการช้ากว่า หลังจากมีการนำเสนอข่าวเรื่องแมงมุมแม่หม้ายน้ำตาล ชนิดพันธุ์ต่างถิ่น หรือ "เอเลี่ยนสปีชี่ร์" ที่แพร่กระจายจากแถบฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา และบริเวณเส้นศูนย์สูตรเข้ามายังประเทศไทย โดยแพร่กระจายไปทั่วบริเวณชุมชนลุ่มปากแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำแม่กลอง โดยเฉพาะใน อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม นั้นเมื่อวันที่ 19 มกราคม นายประสิทธิ์ วงษ์พรม นักวิจัยภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้ศึกษาเรื่องแมงมุมในประเทศไทย เปิดเผยว่า ล่าสุดมีประชาชนจำนวนมากสอบถามรายละเอียดของแมงมุมชนิดนี้ เพราะเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อลูกหลาน ที่รู้เท่าไม่ถึงการ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดการแพร่กระจาย ที่ชัดเจนว่าจะอยู่บริเวณใดบ้าง แต่คาดว่าจะอยู่ตามชุมชน โดยเฉพาะในซอกมุมที่ไม่มีใครรบกวน แต่บ้านไหนที่เก็บกวาด สะอาดเรียบร้อย ตามซอกตามมุมบ้านไม่มีสิ่งของเกะกะหรือทำให้แมงมุมมาสร้างใยทำรังได้ก็ไม่น่าห่วง ข่าวที่ออกไปนั้น ไม่มีเจตนาให้เกิดความแตกตื่น แต่อยากให้เกิดการระมัดระวังกันไว้ เพราะหลายพื้นที่เจอกับสัตว์ชนิดนี้แล้วจริงๆนายประสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับวงชีวิตของแมงมุมแม่หม้ายน้ำตาลนั้น ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนนัก แต่คาดว่าในพื้นที่และภูมิอากาศที่แตกต่างกัน วงชีวิตก็จะแตกต่างกันด้วย อย่างในประเทศไทยนั้น ช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม จะเป็นช่วงการวางไข่ และต้นฤดูฝนจะฟักออกมาเป็นตัว กระจายตามสายลมไปอยู่ยังที่ต่างๆด้าน ดร.ฉวีวรรณ หุตะเจริญ นักกีฏะวิทยา ในฐานะคณะทำงานชนิดพันธุ์ต่างถิ่น (เอเลี่ยนสปีชี่ร์) อนุกรรมการความหลากหลายทางชีวภาพ กล่าวว่า เข้าใจว่า ทุกคนที่ทราบเรื่องนี้มีความกลัว และไม่มีใครอยากเจอกับแมงมุมแม่หม้ายน้ำตาล แต่โดยธรรมชาติแล้ว สัตว์ชนิดนี้ ไม่ได้จู่โจมหรือทำร้ายใครก่อน และแมงมุมก็ถือเป็นตัวเบียนชนิดหนึ่ง ที่ทำหน้าที่ควบคุมความเป็นไปของสัตว์ในธรรมชาติ ไม่แนะนำว่าจะต้องมุ่งฆ่ากวาดล้างทำลายให้หมดไปจากประเทศ แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเข้ามาดูแลศึกษา เพื่อเฝ้าระวังที่จะดำเนินการเรื่องนี้อย่างถูกวิธีจะเหมาะกว่า และในฐานะคณะทำงานชนิดพันธุ์ต่างถิ่นจะนำเรื่องนี้รายงานในที่ประชุม และจะนำเสนอให้มีการศึกษาเรื่องนี้อย่างกว้างขวางต่อไปวันเดียวกัน นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักระบาดวิทยา กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่พบรายงานผู้ได้รับพิษจากแมงมุมชนิดดังกล่าว แต่ได้ประสานไปยังสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) และโรงพยาบาลในพื้นที่ให้เฝ้าระวัง และรายงานผลทันทีหากมีประชาชนได้รับพิษจากสัตว์ชนิดดังกล่าว พร้อมทั้งประสานไปยังคณะเกษตร มก. เพื่อขอทราบข้อมูลของแมงมุมชนิดดังกล่าวว่าเป็นสายพันธุ์ใด มาจากประเทศใด เพื่อวิเคราะห์และหายารักษาที่เหมาะสมต่อไป นพ.คำนวณ กล่าวว่า โดยทั่วไปพิษจากสัตว์จะส่งผลต่อระบบในร่างกาย คือ ระบบประสาท ระบบไหลเวียนโลหิต และส่งผลต่อหัวใจ การหายใจเบื้องต้นทราบว่า แมงมุมชนิดดังกล่าวมีพิษต่อระบบไหลเวียนโลหิตคล้ายกับพิษจากงู โดยทำให้เม็ดเลือดแตก หรือ เลือดไหลไม่หยุด แต่อาจจะแสดงอาการช้ากว่า โดยอาจมีอาการบวมแดงในวันรุ่งขึ้น "การรักษา หากมีผู้ป่วยได้รับพิษจากสัตว์ดังกล่าว จะรักษาแบบประคับประคองตามอาการ และรอให้พิษหมดไปเอง เช่น ให้สารทำให้เลือดแข็งตัว หรือ หากมีเลือดออกมาก อาจต้องมีการให้เลือด หรือ ฟอกไต โดยต้องดูตามอาการที่เกิดขึ้น ซึ่งโรงพยาบาลจังหวัดสามารถดูแลได้แน่นอน อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องได้รับยาแก้พิษ ซึ่งจำเป็นต้องรู้ชนิดของสัตว์ที่ได้รับพิษมาก่อน จึงจะสามารถหายาแก้พิษ หรือ สกัดยาแก้พิษขึ้น สำหรับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ให้ขันชะเน๊าะบริเวณเหนือบาดแผลที่ได้รับพิษ เพื่อไม่ให้พิษไหลเข้าสู่กระแสโลหิตก่อนไปพบแพทย์ นพ.คำนวณ กล่าวcredit: //www.matichon.co.th Create Date :21 มกราคม 2552 Last Update :21 มกราคม 2552 23:04:27 น. Counter : Pageviews. Comments :0 twitter google Comment * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก