...4ปีผ่านไป เหมือนไม่ได้เรียนรู้อะไรขึ้นเลย...
ฉันสอบเข้าคณะวิทยาศาสตร์ขอไม่บอกภาควิชานะ ทุกวิชายากโคตร ปี1เทอมแรก Fหนึ่งวิชา ปี2 ต้องกู้เงินเรียน(การเงินที่บ้านมีปัญหา) ปี3กู้ไม่ได้ละ เพราะผลการเรียนไม่ดีปีสุดท้ายตั้งใจเรียนที่สุดแล้ว จบมามีครบทุกเกรด เอาเฉพาะเรื่องเรียนเหตุการณ์ที่ชอบที่สุดคือก่อนจบวิชาสัมมนา การนำเสนอเรื่องที่เราสนใจฉันออกไปพูดหน้าห้องด้วยความมั่นใจและเข้าใจในเรื่องที่พูด (ต่างกับการพูดตอน ม.2ที่ไม่มีการเตรียมตัว) ฉันยังจำบรรยากาศวันนั้นได้ดี ฉันไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรมากมีก็แข่งกีฬาเฟรชชี่เท่านั้น ลงสองสามรายการ ลงแข่งวิ่งผลัด วิ่งไปไม่เท่าไหร่ฉันเดินออกจากการแข่ง แข่งบาสก็แพ้ แต่ที่น่าหมั่นไส้ คือเกมปิงปองประเภทคู่นัดชิงคะแนนฝ่ายฉันนำอยู่ ฉันใช้ช่วงที่เหลือซัดคู่แข่งแบบตอบโต้ไม่ได้ มันเริ่มต้นจากฉันตีลูกลงขอบโต๊ะตอนนั้นมั่นใจมาก ว่าตีแบบนั้นปิดเกมได้ และฉันทำได้ตามที่คิด หันไปเห็นหน้าคู่หูแบบว่าเชี่ย เล่นไรของมึงเนี่ย! ปีแรกอะไรที่ฉันอยากลองลองหมด ตีสนุ๊ก เหล้า เบียร์ เที่ยวผับ แค่นั้น ลองให้รู้และรู้ว่ามันไม่น่าสนใจในบรรดาทั้งหมดที่ลอง สนุ๊กคือสิ่งที่น่าสนใจที่สุด แต่กลิ่นบุหรี่มันทำให้ฉันถอยปีที่เหลือฉันมักใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการ โดดเรียน นอน เล่นเกม อยู่ในหอเพื่อนช่วงสอบก็มาติวกับเพื่อน จริงๆแล้วฉันไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนเท่าไหร่เหมือนเคมีบางอย่างมันไม่ลงตัว ตลอดสี่ปีฉันปลื้มใครคนหนึ่งแบบหัวปักหัวปำ มันเป็นการแอบรักข้างเดียวที่ยาวนาน...
ช่วงปี2มีเรื่องสำคัญอีกเรื่องคือช่างเย็บเสื้อของม้าเสียชีวิตกะทันหันด้วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ฉันขอเล่ารายละเอียดเพิ่ม เพราะฉันคิดว่ามันน่าสนใจ ช่างคนนี้ขอเรียกว่า อาอี๊เธอคือคนเดียวกับที่บอกเรื่องของพ่อกับแม่ฉัน สมัยอาอี๊มาทำงานที่บ้านแบบไป-กลับฉันชอบคุยกับเธอ เป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่อีกคน เธอสนิทกับแม่ฉันเหมือนพี่น้อง(ม้าและอาอี๊สนิทจนหุ้นกันไปดาวน์ตึกเพื่อรอขายทำกำไร) อาม่า(ยาย)ฉันขออาอี๊เป็นลูกบุญธรรมปีที่อาอี๊เสีย อาม่าฉันป่วยหนักเข้าโรงพยาบาลและก็เป็นฉันที่ต้องเทียวไล้เทียวขื่อเพื่อดูแลอาม่าช่วงที่ท่านอยู่โรงพยาบาล เพราะม้าไม่ว่างต้องทำงาน ถัดจากนั้นหนึ่งเดือนมั้ง อาอี๊ซึ่งตอนนั้นเดินทางมาทำงานไม่ไหวจึงรับงานไปทำที่บ้าน เธอมีอาการปวดท้องรุนแรง จึงไปตรวจ หมอวินิจฉัยว่าเป็นเนื้องอก เธอปรึกษาครอบครัวแล้วตัดสินใจให้หมอผ่าเอาเนื้องอกออก แต่ว่า...เมื่อหมอเปิดท้องของเธอ กลับพบว่าเนื้องอกนั้นเป็นมะเร็งในระยะ3 ฉันได้ยินมาว่าหมอคงดูแล้วว่ารักษาไม่ได้เลยปิดหน้าท้อง ฉันไม่แน่ใจว่าเอาเนื้องอกออกมั้ย หลังผ่าตัดอาอี๊มีอาการแผลติดเชื้อ บวกสภาพจิตใจที่รับรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็ง อาอี๊เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในระยะเวลาไม่ถึงเดือน ฉันยังจำได้ครั้งสุดท้ายที่ฉันตามม้าไปเยี่ยมอาอี๊ที่บ้าน เธอถามฉันว่า เธอดูไม่ได้เลยใช่ไหม ฉันฝืนยิ้มให้เธอและเบือนหน้าหนีไปอีกทางเพื่อซ่อนน้ำตาตัวเองไว้...ถัดจากนั้นเพียงหนึ่งสัปดาห์น้องสาวของอาอี๊โทรมาที่บ้าน แจ้งข่าวการจากไปของเธอ ฉันเป็นคนรับสายและส่งสาส์นนั้นให้ม้า ไม่ต้องบอกว่าม้าเสียใจมากแค่ไหน เธอคือคนสำคัญกำลังสำคัญของม้า... สิ่งที่ฉันบอกว่าน่าสนใจคืออาม่าซึ่งฉันนึกว่าจะไม่รอด กลับมีชีวิตอยู่ต่ออีกหลายปีแต่อาอี๊ซึ่งตอนนั้นอายุสี่สิบต้นๆ กลับจากไปก่อน เธอเคยพูดกับฉันว่าเธออยากจากไปตอนอายุน้อยๆ จะได้ไม่ทรมาน...ก็ไม่รู้สินะ...นี่อาจเป็นบทเรียนที่จักรวาลส่งมาให้ แต่ฉันกลับไม่ได้เฉลียวใจอะไรเลย หลังอาอี๊เสีย แม่ฝึกเด็กต่างด้าวที่กินนอนที่บ้านขึ้นมาเย็บเสื้อแทนนี่คือชอตบังคับให้ฉันต้องเย็บงาน(กางเกง)ให้สำเร็จเป็นตัวหลังจากหาข้ออ้างมานาน
ย้อนกลับไปหลังจบม.6 ฉันเคยบนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในโรงเรียน ว่าถ้าเอนติด ฉันจะกลับไปวิ่งแก้บนเท่ากับจำนวนเลขคณะที่ฉันสอบติด ซึ่งอยู่ประมาณห้าร้อยกว่ารอบ ฉันกลับไปวิ่งได้ไม่กี่รอบก็ย้ายไปวิ่งสวนข้างโรงเรียนบางทีก็ไปวิ่งที่ยิมของมหาลัยตามความสะดวกแต่ไม่เคยครบซักที พอจะขึ้นปี4 ฉันตัดสินใจอธิษฐานถึงท่านว่าฉันขอเดินเท้าจากสถานที่แห่งหนึ่งไปมหาวิทยาลัยแทนเพื่อชดเชยกับจำนวนรอบที่ยังวิ่งไม่ครบระยะทางเดินเท้า 10 กิโลเมตรพอดี ฉันไม่นั่งรอคำตอบจากท่านหรอกนะ ฉันเดินทันทีจนจบเรียบร้อยเหงื่อโทรมกาย หมดเรี่ยวแรง ขึ้นไปนอนพักที่หอเพื่อนวันนั้นเพื่อนๆชวนไปต่างจังหวัดต่อ ค้างคืนด้วย ฉันไม่อยากไป เพราะความเหนื่อยด้วย แต่เพื่อนคะยั้นคะยอ ฉันขี้เกียจขัดเพื่อน ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่ดวงแตกกลับถึงบ้านม้าโกรธมาก ทั้งหยิกทั้งตี แถมร้องไห้ใส่ฉันด้วย
ดวงแตกรอบนี้ฉันกลับมานั่งทบทวน เวลาฉันโกหก งานเข้าทุกที ก็ไม่ใช่ว่าฉันจะโกหกอะไรใหญ่โตหรอกเวลาขอไปไหนกับเพื่อน มีแต่คำปฏิเสธ ฉันคิดว่าม้าห่วงฉันมากเกินไปหรืออาจไม่ไว้ใจฉัน พอเห็นม้าร้องไห้ครั้งนี้ ฉันเลยตัดสินใจเพื่อความสบายใจของม้าปีสุดท้ายในชีวิตมหาลัย ฉันใช้เวลาช่วยงานม้าและอยู่บ้านมากขึ้นหน่อย ทำให้มีเวลากับมโนแลนด์มากขึ้นด้วยฉันมีระยะห่างกับเพื่อนมากขึ้น ฉันเป็นโนบอดี้ไปเลย มีอยู่สองครั้งที่เพื่อนลืมใส่ชื่อฉันลงในรายงานกลุ่ม ฉันยังมีหน้าน้อยใจเพื่อนด้วยนะเอ้อเอากับฉันสิ!
พอเรียนจบ ทุกคนตื่นเต้นกับการสมัครงาน สอบสัมภาษณ์ฉันไม่ตื่นเต้นเลย ฉันไม่สมัครงาน ความไม่มั่นใจมันครอบงำฉันเห็นใบทรานสคริปต์แล้วนึกในใจ กูจะรอดมั้ยเนี่ย เวลาเจอใครชอบปากดี นี่ไงกูจบมามีครบทุกเกรด มีครบแล้วไง เค้าวัดที่ผลการเรียนรวม เค้าไม่มองหรอกว่ามึงมีทุกเกรดบ้า! ฉันคิดเรื่องการเดินทางด้วย ทำงานไกล อยู่หอฝันไปเถอะว่าม้าจะให้ ทำงานใกล้บ้าน เงินเดือนดีๆ กลับไปดูเกรดใหม่คิดวกไปเวียนมาอยู่นั่นแหละ
Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2560 |
|
1 comments |
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2560 12:59:33 น. |
Counter : 420 Pageviews. |
|
|
|