ถึงลำบากแต่ก็อยากไปอีก
ปีใหม่มานี้ บล็อกแก็งส์ดูคึกคักดี เพราะโรค tag ระบาด น่าขอบคุณคนที่เริ่มกิจกรรมนี้นะ เปิดไปอ่านแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ เราว่าทำให้สมาชิกบล็อกใกล้ชิดกันมากขึ้น เอาหละ มาว่าเรื่องน่าเบื่อของเราเองดีกว่า หลังจากอุดอู้และอึดอัด (มันแน่นน่ะ) มาหลายเดือน ก็สบโอกาสได้ไปต่างจังหวัดนอกจากจังหวัดเราเองซะที งานนี้เป็นมินิแพ็กเกจ แบบเป็นก้อนหิน ต้นไม้ไปกะคนอื่นเขา เขาไปเป็นคู่ซะด้วย นู๋จะทำตัวให้เป็นประโยชน์ นั่งนิ่งเป็นหลับ ขยับเป็นหม่ำ เอ๊ย ไม่ใช่ จะช่วยถ่ายรูปคู่ให้เขาไง โห ลงทุนทำให้ตั้งขนาดนี้เลยนะ อะแฮ่ม คงแอบว่าเราล่ะซิ ไปเป็น ABC ทำไม อ่ะนะ ก็มันอยากไปเที่ยวเชียงใหม่นี่นา นาทีใครๆก็ต้องไปเสนอหน้างานพืชสวนโลกกันทั้งนั้น ขอมั่งจิ ก็เป็นผู้ติดตามว่าง่ายๆ เขาให้ไปไหนก็ไป ก็เลยไปที่จังหวัดริมสันขวานก่อน จังหวัดตาก ไปพักที่อุทยานตากสิน บรรยากาศง่ายๆ ไม่ได้ตื่นตาอะไรมากนัก แต่ก็ดูสงบ สดวกสบายดี นอนบ้านพักอุทยาน ทานอาหารที่อุทยานมีบริการ ไฮไลต์ก็ต้องนี่เลย ปลาบึกชุบแป้งทอด โอว ไม่ได้แฮะ ติดที่หากะทะไม่ได้ เลยเอาไปผัดฉ่าดีกว่า ขอโฆษณา ที่นี่ทำอาหารอร่อยนะ ใครไปเที่ยวก็สั่งมาทานได้
พอไปถึงช่วงบ่ายๆ ก็มีเดินเที่ยวป่า เขาพาไปดูต้นลำบากใหญ่ อันนี้เราตั้งเองหลังจาก เอาชีวิตรอดกลับมาได้ จริงๆแล้วเป็นต้นกระบากใหญ่ ขนาดห้า หก คนโอบ อายุกว่า 700 ปี เริ่มรู้ว่ามันลำบากก็ตอนเดินไปครึ่งทางแหละ เขาบอกว่า 400 เมตรเอง แต่พระเจ้า แนวดิ่งครับผม จากการเรียนวิชาฟิสิกส์สมัยม.ปลาย บอกว่าเราต้องใช้พลังงานมากขึ้นเมื่อมุมระหว่างพื้นราบสูงขึ้นเรื่อยๆ เดินไปกับกลุ่มเด็กน้อย บ่นกระปอดกระแปดตลอดทาง แต่เด็กๆ เดินไปดูน้ำตกต่ออีก 1 กิโล ส่วนเราเห็นต้นลำบากสมใจแล้วก็เดินกลับทางเดิม ดิ่งอีก 400 เมตร ทำให้เห็นคุณค่าของต้นไม้ใหญ่มากขึ้น เข้าไปดูยากๆก็ดีแล้ว จะได้อยู่รอพวกเรานานๆนะ
นี่หละ พอกลับมาบ้านพัก ปลาบึกก็ปลาบึกเหอะ อะไรๆก็อร่อยทั้งนั้น คืนนั้นหลับสบายเลย ตื่นเช้ามาก็กระเด้งออกมาดูพระอาทิตย์ เย้เย คราวนี้ตื่นเช้ากว่า ก็เลยได้รอถ่ายรูป พระอาทิตย์ขึ้นในรอบหลายปี ก็สวยดีสำหรับคนนานๆได้ดูกะตา ทั้งๆที่พระอาทิตย์ก็ขึ้นอยู่ทุกวันหละนะ
จากนั้นก็มุ่งหน้าขึ้นเชียงใหม่ คราวนี้เป็นทริปสำหรับคนที่เพิ่งเคยมา ทำให้นึกถึงครั้งแรกที่มาเที่ยงเชียงใหม่เองกับเพื่อนๆ ตอนนั้นสนุกมาก มีแค่แมงกะไซค์ กะเงินไม่กี่บาท รอบนี้ก็ไปหลายๆที่เหมือนกันเลย จากนั้นก็รอที่จะไปงานพืชสวนโลก เป็นไฮไลท์ของเราเอง ปรากฏว่า เป็นวันเด็กพอดี ผู้คนล้นหลาม เขามีกิจกรรมวอร์คแรลลี่ สำหรับเด็กๆด้วย ให้หาตัว มาสค็อท ของงานตามที่ต่างๆ แล้วเด็กๆก็โดน Tag (ลามไปนู่นเลย) ติดหลังกันทุกคนกลัวเด็กหาย ก็เลยติดเบอร์ผู้ปกครองเอาไว้ที่หลังของเด็กๆ ขำหน้าตาเด็กๆอ่ะ นู๋โดนแปะเลย งานใหญ่มาก คนก็เยอะ กลุ่มที่ไปด้วยกัน พอเข้างานแล้ว ขนาดเราอยู่จนงานเลิกยังไม่เจอกลุ่มเดียวกันเลย ประทับใจสีสันของงาน ดอกไม้ ต้นไม้ ซุ้มต่างๆ ยกเว้นแต่อากาศที่ร้อนมากๆ ดูไม่ครบหรอกนะ แต่ก็สนุกดี ชอบใต้หอคำหลวงที่มีนิทรรศการในหลวงของเรา ห้องป่ารักษ์น้ำ ดูเหมือนเราเข้าไปในป่าจริงๆ เขียว เย็นช่ำดีแท้ ก็ข้างนอกมันร้อนมากๆนี่มาหลบในนี้แทบจะหลับ อยากนั่งนานๆเลย แล้ว Multi media เกี่ยวกับการเปลี่ยนให้ชาวเขาที่ปลูกฝิ่น มาปลูกพืชเมืองหนาวก็ทำได้น่าสนใจ เขาทำเป็นกระท่อม แล้วก็ฉายภาพขนาดใกล้คนจริงยืนเล่าเรื่องอยู่ในกระท่อม เราหละนึกถึง Star Wars ได้ไงก็ไม่รู้ นึกถึงโอบีวัน ส่งข่าวให้โยดาง่ะ
แล้วก็มาถึงซุ้มกล้วยไม้ โอย จะจมดอกไม้ตาย ถ่ายรูปกันเหมือนกะคนบ้า แม้แต่อาม่า ลากไม้เท้ามาดูยังมีกล้องดิจิตอล มาเก็บรูปกะเขาด้วย เราก็เก็บไปซักพัก กลัวแทนดอกไม้ ถ้าเป็นคนอาจจะท้องไม่มีพ่อได้เลยนะ โดนถ่ายซะชอกช้ำขนาดนั้น พอนึกได้ว่าเราน่าจะชื่นชมภาพผ่านเรติน่า มากกว่าจอดิจิตอล ขนาดหลายล้านพิเซล แต่ก็ละเอียดกว้างไกลไม่เท่าตาเราหรอกนะ เก็บภาพมาได้ไม่น้อย แต่ที่จะเก็บไว้ไม่ต้องดาวน์โหลดออกมาคงเป็นความจำ การแสดงช่วงค่ำ น้ำมนต์แบบ Self service พาเหรด อิเลคทริก ภาพสุดท้ายที่จบลงคือ ตัวมาสค็อต ที่มาจอดรอให้คนถ่ายรูปใกล้ เสียดายที่เรากลับคนเดียวก็เลยไม่ได้เก็บรูปคู่ พืชผัก หนอนตัวอ้วนซักรูป แต่เก็บเข้าไปในหัวใจแล้วหละนะ ขอบคุณที่จัดงาน ให้คนไทยได้ดูได้ชมกันนะคะ
Create Date : 20 มกราคม 2550 |
|
7 comments |
Last Update : 20 มกราคม 2550 13:56:36 น. |
Counter : 481 Pageviews. |
|
|
|