นิยายเรื่องรักยกกำลังสอง แนวโรแมนติกวัยมัธยม ผมไม่สามารถเล่าเนื้อเรื่องย่อได้ เพราะเนื้อหาทุกอย่างจะทำให้คุณลุ้นและเซอร์ไพรส์อยู่ตลอดเวลา ถ้าคุณชอบอ่านนิยายแนวโรแมนติ และมีปริศนาให้คาดเดาและลุ้นไปกับมัน ลองเข้ามาอ่านเรื่องนี้สิครับ รับประกันความสนุก
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
13 กันยายน 2553

รักยกกำลังสอง บทที่ 24 แสงสว่างกับความมืด (Lighten and Darkness)

“ฆ่า! ไอ้พวกมนุษย์เฮงซวย! ข้าจะฆ่าพวกแกให้หมด ไอ้พวกหนอนสกปรก! ถ้าข้าได้มาเรียกลับคืนมาเมื่อไหร่ข้าจะขยี้พวกแกให้เละเลย เพื่อโลกที่มาเรียรัก เพื่อมาเรียที่รักของข้า” เสียงคำรามที่แฝงไว้ด้วยความอาฆาตแค้นแผดดังออกมาจากส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำ แล้วดวงตามหึมาสีแดงฉานก็เบิกโพลงขึ้น ทำให้พื้นเบื้องบนสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งป่า!?!

ขณะเดียวกันเรนะตัวปลอมก็พูดขึ้นว่า “เอย์จิคุง ชั้นจะเป็นคนอยู่ที่นี่เองจ๊ะ”

“ไม่ได้นะเรนะ เธอพาเรกะจังออกไปเถอะ ชั้นจะอยู่เอง” เอย์จิตัวปลอมปฏิเสธ

“เอย์จิคุง!” เรนะร้องเรียกเขาแล้วทั้งคู่ก็โผเข้ากอดกันแน่น

ส่วนเรกะที่ยืนมองภาพบาดตาบาดใจอยู่ตรงหน้านั้นก็กัดฟัน! กำมือแน่น! แขนขาเหยียดเกร็งสั่นระรัว

“เรนะ ชั้นขอเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายได้มั้ย” เอย์จิมองตาแฟนสาวแล้วขออะไรบางอย่างจากเธอ เรนะเองก็แหงนมองเขาตอบอย่างไร้เดียงสา

และแล้วเอย์จิก็ค่อย ๆ โน้มตัวลงจูบที่ริมฝีปากของเธอ เรนะเองก็ช่วยเขย่งขาขึ้นแล้วเอามือกอดไหล่เขาแน่น ทั้งสองบรรจงจูบกันอย่างดูดดื่มลึกซึ้งจนเรกะที่ยืนมองอยู่รู้สึกจี๊ดขึ้นในอก แต่ทั้งคู่ก็ทำเหมือนกับเธอไม่มีตัวตน***

อีกฟากหนึ่งของถ้ำเรนะตัวจริงก็ได้แต่ยืนซึม ๆ มองภาพลวงตาของพี่สาวกับเพื่อนสนิทที่กำลังกอดกันอยู่ตรงหน้า “เรกะจัง” เอย์จิเอามือเช็ดน้ำตาเธอเบา ๆ แล้วพูดว่า “อย่าร้องไห้สิ น้ำตาไม่เหมาะกับเธอหรอก”

เรกะพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้แต่ก็สุดจะทนไหว เธอเลยสะอื้นออกมา “เอย์จิคุง ฮึก ๆๆๆ”

เอย์จิเอามือลูบแก้มเธออย่างอ่อนโยนพร้อมยิ้มให้แล้วพูดว่า “ชั้นรักเธอนะ” แล้วเขาก็ประคองเธอไปที่หน้าประตูหินตรงที่เรนะยืนอยู่

พอเขาจะปล่อยมือเธอ เรกะก็ฝืนรั้งเอาไว้และส่ายหน้าไม่ให้เขาไป “เอย์จิคุงไม่นะ”

เอย์จิมองตาเธอแล้วก็พูดว่า “เธอต้องเข้มแข็งไว้นะ เพื่อเรนะจังด้วย” แล้วเขาก็แกะมือเธอออก

“ไม่นะ อย่าทิ้งชั้นไว้คนเดียว” เรกะพยายามฝืนสุดฤทธิ์ แต่ก็สู้แรงเขาไม่ได้

“เรนะจังฝากดูแลเรกะด้วยนะ” เอย์จิหันมาสั่งเสีย แต่เรนะที่กำลังยืนเจ็บจี๊ดอยู่ในอกก็ไม่รู้จะตอบเขายังไง เธอได้แต่ทิ้งแขนลงข้างลำตัว ยืนโซไปเซมาจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่เหมือนคนหมดแรง

เอย์จิแกะมือเรกะออกแล้วเดินกลับไปที่แท่น เรนะก็ค่อย ๆ กระเถิบเข้าไปกุมมือพี่สาว พอเอย์จิเปิดประตูกลไกได้ เขาก็ยิ้มให้ทั้งสองคนแล้วพูดว่า “รีบไปเถอะ”

แต่ทันใดนั้นเรกะก็ผละออกจากเรนะ แล้วกระโดดเข้าไปจูบเอย์จิทันที!!! เอย์จิเองก็จูบตอบเธอแบบไม่ทันตั้งตัวเช่นกัน ทั้งสองกอดจูบกันอยู่นาน เรนะที่ยืนมองอยู่นั้นก็รู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจตัวเองกำลังร่วงหล่นลงไปในหุบเหวลึก ตอนนี้เธอไม่สามารถสัมผัสถึงก้อนเนื้อที่เต้นอยู่ในอกตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว***

ทางด้านเรกะตัวจริงที่กำลังยืนนิ่งดูเรนะจูบกับเอย์จิก็รู้สึกไม่ต่างกัน ทั้งสองกอดจูบกันอยู่นานกว่าจะคลายออก แล้วเรนะตัวปลอมก็หันมามองพี่สาวทั้งน้ำตา “พี่คะหนูขอโทษ!?!”

“อย่านะเรนะ เรกะเค้าไม่เกี่ยวอะไรด้วย” เอย์จิรีบห้ามราวกับรู้ว่าเธอกำลังจะพูดอะไร ส่วนเรกะก็ได้แต่ยืนเหงื่อซึมกำมือแน่น ทว่ามือทั้งสองข้างนั้นกลับเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง

ถึงแม้เอย์จิจะห้ามเธอ แต่เรนะก็ยังหันมาขอร้องพี่สาวด้วยน้ำตาอาบแก้มว่า “ขอโทษนะคะพี่ หนูอยู่ไม่ได้จริง ๆ ถ้าไม่มีเอย์จิ ได้โปรดปล่อยพวกเราไปได้มั้ยคะ”

พอได้ฟังที่น้องสาวพูด เรกะก็จิกเล็บเท้าลงกับพื้นราวกับอยากตรึงร่างของตัวเองเอาไว้ ก่อนที่จะควบคุมไม่ได้แล้วเผลอทำอะไรรุนแรงออกไป เธอจ้องหน้าน้องสาวฝาแฝดที่กำลังขอร้องให้เธอตายอยู่ที่นี่เพื่อให้ตัวเองรอดไปมีความสุขกับคนรัก แล้วหันไปมองหน้าเอย์จิเพื่อดูว่าเขาจะพูดยังไง

เอย์จิเองพอสบตากับเรกะแวบนึง เขาก็หลบสายตาหนีแล้วหันไปบอกเรนะว่า “ชั้นเองก็อยู่ไม่ได้เหมือนกันถ้าไม่มีเธอ แต่เธอต้องเข้มแข็งไว้นะ เรกะเค้าเป็นคนนอก จะให้เค้ามารับเคราะห์แทนเราไม่ได้หรอก”

พอเอย์จิพูดจบ เรกะก็รู้สึกเหมือนกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง เธอไม่มีสติรับรู้แล้วว่ากำลังยืนอยู่ที่ไหนหรือกำลังทำอะไร ในหัวเธอตอนนี้มีเพียงคำพูดที่ซ้ำวนไปวนมาว่า “ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา! เป็นแค่คนนอก! ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา! เป็นแค่คนนอก! …”

ขณะที่เรกะกำลังช็อกอยู่นั้น เรนะตัวปลอมก็เข้ามากุมมือเธอแล้วขอร้องว่า “พี่คะได้โปรดเถอะค่ะ”

“เรนะอย่าไปดึงคนอื่นเข้ามาลำบากเพราะเราเลย” ภาพลวงตาของเอย์จิร้องห้ามแต่คำพูดของเขากลับยิ่งทิ่มแทงใจเรกะมากขึ้นไปอีก***

อีกฟากหนึ่งเรนะตัวจริงก็กำลังยืนมองพี่สาวกับเอย์จิจูบกันอยู่ พอทั้งสองคลายตัวออกจากกัน เรกะก็หันมาน้ำตาคลอขอร้องน้องสาวว่า “เรนะพี่ขออะไรเธออย่างได้มั้ย”

“ค่ะ” เรนะตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเหมือนคนหมดแรง

“ขอโทษนะ พี่ทนไม่ได้จริง ๆ ถ้าต้องเสียเอย์จิคุงไป”

“หนูทราบค่ะ” เรนะก้มหน้าตอบเบา ๆ

“พี่ขอโทษเธอจริง ๆ ได้โปรดทำเพื่อพวกเราได้มั้ย”

พอเรนะได้ยินสิ่งที่พี่สาวขอ เธอก็นิ่งเงียบ…

“อย่านะเรกะ นั่นน้องสาวเธอนะ!” เอย์จิทำเสียงดุ

“ชั้นเองก็ไม่อยากให้มันเป็นอย่างงี้เหมือนกัน แต่จะให้ชั้นทำยังไง! ชั้นรับไม่ได้นี่ ถ้าต้องเสียเธอไป” เรกะตะคอกกลับแล้วก็ร้องไห้โฮ “ฮือออ ๆๆๆ เธอจะโกรธจะเกลียดพี่ก็ได้ จะด่าว่าพี่เห็นแก่ตัวก็ได้ พี่ยอมทุกอย่าง แต่ได้โปรดเถอะนะ” แล้วเรกะก็เข้าไปกุมมือน้องสาว

“เรกะ!” เอย์จิเข้ามาโอบกอดเธอจากด้านหลังแล้วพูดว่า “ชั้นเองก็อยู่ไม่ได้เหมือนกันถ้าไม่มีเธอ แต่อย่าทำร้ายเรนะจังเลยนะ อย่าให้เค้าต้องมาเสียสละเพราะพวกเราเลย”

“เอย์จิคุง ฮือออ ๆๆๆ” เรกะได้แต่ร้องไห้กุมมือเอย์จิไว้

เรนะยืนนิ่งมองทั้งสองคนแล้วภาพเก่า ๆ ในความทรงจำก็ค่อย ๆ ผุดขึ้นมา

{{“อรุณสวัสดิ์เรนะ วันนี้เธอเป็นเวรดูแลกระต่ายเหรอ”,“จ๊ะ เลยต้องมาแต่เช้าเลย แล้วเธอรู้ได้ไงอ่ะ”,“เรกะบอกหน่ะ เมื่อเช้าชั้นเจอเค้ากลางทาง”,“เช้านี้ทาคุมิคุงมาพร้อมกับพี่เรกะเหรอ”,“อื้อ”,“ดีจังที่เธอเดินมาโรงเรียนเป็นเพื่อนพี่เรกะ ปกติพวกเราจะมาพร้อมกันหน่ะ”}}

{{“เปล่า แค่มาดูว่าเธอเป็นไงมั่งอ่ะ”,“เค้าไม่เป็นไรแล้วแหละ”,“แล้วกับตาคนนั้นหล่ะ”, “เค้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”,“พี่ก็เข้าใจเธอนะ แต่เธอน่าจะลองฟังเหตุผลของเค้าหน่อย จริง ๆ แล้วเธอก็ไม่คิดว่าเค้าเป็นคนไม่ดีใช่มั้ยล่ะ”}}

{{“สัญญานะว่าจะไม่บอกใคร โดยเฉพาะเรนะ”,“แล้วถ้าเรนะจังมารู้ทีหลังหล่ะ”,“ก็ห้ามไม่ให้รู้สิยะ เหยียบไว้เลยนะ”,“เข้าใจแล้ว ๆ”}}

ระหว่างที่เรนะกำลังนึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ เรกะก็ขอร้องแกมบังคับอีกครั้งว่า “นะ ๆ เรนะเห็นแก่ความสุขของพี่เถอะ พี่เองก็ดูแลเธอมาตลอด ดีกับเธอมาตลอดไม่ใช่เหรอ ทำเพื่อพี่ซักครั้งเถอะนะ”

“คะ ค่ะ” เรนะตอบเหมือนคนไร้สติ ตอนนี้ในจิตใจของเธอเริ่มขุ่นมัวขึ้นทีละน้อย ๆ เธอเริ่มรู้สึกไม่ดีกับพี่สาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าที่จ้องมองเหมือนกับรักใคร่แต่แฝงไว้ด้วยความเห็นแก่ตัว ความรู้สึกจงเกลียดจงชังค่อย ๆ พอกพูนขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้หูของเธอไม่สามารถได้ยินอะไรอีกต่อไปแล้ว

สิ่งที่อยู่ในหัวเธอมีเพียง “ให้หนูเสียสละแล้วจะไปมีความสุขกันสองคนใช่มั้ย จริง ๆ แล้วหนูเป็นตัวเกะกะสินะ ทั้ง ๆ ที่หนูเป็นห่วงพี่มากขนาดนี้ แต่จะทิ้งหนูไว้งั้นสินะ!?!”

ระหว่างที่หัวใจของเรนะกำลังถูกย้อมด้วยความเกลียดชังนั้น เธอก็เงยหน้ามองเอย์จิ แล้วนึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมา!?!

{{“คือว่าเรื่องเมื่อวานตอนกลางวันหน่ะ”,“คือว่าเรื่องที่ชั้นพูดกับเธอหน่ะ”,“คือว่าเธอ เอ่อ...เธอจะรังเกียจมั้ยถ้าชั้นจะขอคบกับเธอแบบมากกว่าเพื่อนหน่ะ”}}***

ด้านเรกะตัวจริงก็กำลังยืนมองน้องสาวที่กุมมือเธออยู่เช่นกัน น้องสาวฝาแฝดที่อยู่กับเธอมาตั้งแต่เกิด ใบหน้าที่เหมือนกับเธอราวกับส่องกระจกกำลังร้องไห้อ้อนวอนขอให้เธอเสียสละเพื่อชายคนรัก ใบหน้าที่น่ารักใสสะอาดแต่ภายในจิตใจกลับโหดร้าย ยอมได้แม้กระทั่งจะแลกชีวิตพี่สาวแท้ ๆ เพื่อให้ตัวเองได้สมหวังกับชายหนุ่มที่เพิ่งพบกันไม่นาน และชายหนุ่มคนนั้นก็ดันเป็นคนที่ทำให้หัวใจของเธอต้องหวั่นไหวเป็นครั้งแรกในชีวิต

“เพียงแค่ผู้ชายคนเดียว ทั้ง ๆ ที่ชั้นยอมทำเพื่อเธอได้ทุกอย่าง แต่กับแค่ผู้ชายคนเดียว” เรกะพูดเสียงสั่นแต่แฝงความก้าวร้าวอยู่ในลำคอ

ระหว่างที่เรกะกำลังพึมพำอยู่นั้น เรนะก็ถามย้ำว่า “พี่คะ ได้มั้ยคะ?”

“หึหึหึ!?!” ในส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำดวงตาสีแดงก็ยิ้มเยาะอย่างสะใจ “ใช่ จงเกลียดชังเข้าไป เปิดใจรับตัวตนที่แท้จริงของตัวเองซะ เนื้อแท้ของมนุษย์มันก็แค่ก้อนความชั่วเท่านั้นแหละ หึหึหึ เพื่อที่ข้าจะได้มาเรียกลับคืนมาชั่วนิจนิรันดร์ ฮ่า ๆๆๆๆ”

แล้วในที่สุดเรกะก็สะบัดมือน้องสาวที่กุมมือเธอทิ้งไปแล้วกึ่งพูดกึ่งตะคอกว่า “เรนะ เอย์จิคุง!!!”

ในเวลาเดียวกันเรนะตัวจริงที่อยู่อีกฟากของถ้ำก็พูดกับเรกะและเอย์จิตัวปลอมว่า “พี่คะ เอย์จิคุง!!!”

แล้วสองพี่น้องฝาแฝดก็พูดขึ้นพร้อมกันว่า “หนูจะอยู่ที่นี่ให้เองค่ะ” /// “พวกเธอมันเลวที่สุดดดด!!!”

พอเรกะตวาดจบเธอก็หันหลังกระทืบเท้าแล้ววิ่งหนีไปทั้งน้ำตา!!!

“ชิ! ได้แค่คนเดียวเรอะ แต่ไม่เป็นไร ร่างที่เปี่ยมด้วยพลังขนาดนี้ถึงจะแค่คนเดียว ก็เกินพอที่จะทำให้มาเรียกลับคืนมา หึหึหึ!?!”

อีกด้านหนึ่งในถ้ำส่วนที่ลึกเข้าไปก็มีแท่งน้ำแข็งขนาดพอ ๆ กับประตูบานใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ มันมีลักษณะเหมือนแท่งคริสตัล 6 เหลี่ยมที่ถูกตัดจนเรียบคม ด้านล่างมีลักษณะเป็นปลายแหลม 6 เหลี่ยม ส่วนด้านบนก็มีลักษณะเป็นปลายแหลมเช่นกันแต่มุมป้านกว่าด้านล่างพอสมควร แท่งน้ำแข็งปักอยู่บนพื้นโดยมีแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ จับตัวประคองเอาไว้ ภายในมีร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งแช่แข็งอยู่ราวกับถูกสต๊าฟ

สายลมที่พัดลอดผ่านอุโมงค์ถ้ำเข้ามาก็นำพาเสียงกระซิบแผ่วเบามากระทบกับแท่งคริสตัลจับใจความได้ว่า “ตื่นเถอะ! ถ้าเธอไม่รีบลืมตาขึ้นมา คนสำคัญของเธออาจจะไม่กลับมาอีกเลยนะ” เสียงนั้นพยายามปลุกเด็กหนุ่มให้รู้สึกตัว…แต่ก็ไร้ผล

ทางด้านเรกะที่วิ่งร้องไห้หนีออกมาจากภาพลวงตาของเอย์จิกับเรนะก็เดินหลงเข้าไปในความมืดผ่านทางแยกน้อยใหญ่สลับซับซ้อนตามที่ปีศาจร้ายต้องการ ตลอดทางเธอจะเห็นเพียงทางเดินตรง ๆ และต้นปะการังสีชมพูที่คอยส่องแสงอยู่เท่านั้น ทั้งหมดเป็นภาพลวงตาที่ปีศาจสร้างขึ้นเพื่อชี้นำเธอ พอเริ่มเหนื่อยเธอก็หยุดพักแล้วเอามือพิงกำแพงถ้ำกึ่งพูดกึ่งหอบว่า “แฮ่ก ๆๆ เลวที่สุด! ชั้นไม่มีวันยกโทษให้พวกเธอเด็ดขาด เอย์จิ!!! เรนะ!!!”

แววตาของเรกะตอนนี้เต็มไปด้วยความโกรธแค้นชิงชัง ต่างกับแววตาที่น่ารักสดใสของเด็กสาวคนเดิมอย่างสิ้นเชิง

ดวงตาสีเลือดคู่นั้นเฝ้ามองเรกะจากส่วนที่ลึกที่สุดในถ้ำ มันจ้องทะลุเข้าไปข้างในหัวใจของสาวน้อยแล้วก็คำรามว่า “หึหึหึ ดีมาก! หัวใจสีชมพูกำลังค่อย ๆ ถูกย้อมด้วยความมืด ใช่แล้ว! จงเปิดรับความเกลียดชังเข้าไปเรื่อย ๆ จงปล่อยให้ความมืดเข้าครอบงำทั้งร่างกายและวิญญาณ แล้วเมื่อนั้นเจ้าก็จะเป็นของข้าอย่างสมบูรณ์ ฮ่า ๆๆๆๆ”

เมื่อความมืดเริ่มแทรกซึมเกาะกินหัวใจ อำนาจของปีศาจร้ายก็ยิ่งทรงพลังมากขึ้น จนมันสามารถบันดาลให้เธอได้ยินเสียงต่าง ๆ ข้างในสมองเธอได้ตามที่มันต้องการ

{{“คิก ๆๆ เอย์จิคุงจ๊ะระหว่างเค้ากับพี่ใครน่ารักกว่ากัน”

“แหมถามแบบนี้ ก็แน่อยู่แล้วสิ สำหรับชั้นหน่ะไม่มีใครน่ารักเกินเรนะหรอกจ้ะ”

“แหม แต่พี่เรกะเป็นฝาแฝดกับเค้านะ”

“หึ! ถึงจะหน้าเหมือนกันแต่นิสัยต่างกันคนละขั้วเลยนะ ผู้หญิงหยาบกระด้างพรรค์นั้นใครจะไปสน”

“พูดจริงอ๊ะ งั้นให้รางวัลหนึ่งที เอ้าจุ๊บบบ!!!”

“อ๊ะ แต่ว่าเอย์จิคุงห้ามไปพูดแบบนี้ให้พี่เค้าได้ยินนะ”

“บ้าสิ! ใครจะไปพูดหล่ะ แต่ว่าเราอย่ามัวไปสนใจคนอื่นเลย ที่นี่มีแค่เราสองคนแล้วนะ อิอิอิ”

“บ้า! เอย์จิคุงอะ ทำอะไรไม่รู้ ทะลึ่ง ลามก คิก ๆๆ…”}}

เสียงที่ปีศาจร้ายบันดาลให้เธอได้ยินยิ่งทำให้ความมืดลุกลามเกาะกินหัวใจเธอเร็วขึ้นเป็นเท่าตัว ใบหน้าของเรกะเริ่มเขม็งเกลียวดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เธอขบฟันแน่นดังกรอด ๆ “เอย์จิ!!! เรนะ!!!” แล้วเจ้าปีศาจร้ายก็ครอบงำจิตใจเธอหนักขึ้นเรื่อย ๆ

{{“เรกะ ฮิเมะอะเหรอ บอกตามตรงนะ ถ้าเลือกได้ชั้นไม่อยากคบด้วยหรอก” คราวนี้เธอได้ยินเสียงคูมิยะในหัว

“นั่นสิ เจ้าอารมณ์ ขี้โวยวาย เอาแต่ใจตัวเอง ไม่เห็นมีอะไรดีซักอย่าง เวลาอยู่ด้วยแล้วอึดอัดชะมัด” เสียงนายะดังขึ้นบ้าง

“โอ้ยยย เรกะอะเหรอ เห็นว่าเป็นพี่สาวเรนะจังหรอกนะถึงยอมเป็นเพื่อนด้วย” เสียงคอนจิแว่วขึ้นมาอีกคน

“ใช่ ๆ ไม่งั้นอย่างยัยนั่นชั้นไม่มีวันเข้าใกล้หรอก ยี๊!!!” คราวนี้เป็นเสียงของฟูจิบ้าง

“อ๊ะ! พูดปุ๊บมาปั๊บเลย พวกเราหลบเร็ว!” คูมิยะบอกทุกคน แล้วทั้ง 4 ก็รีบแยกย้ายกันไป}}

หัวใจของเรกะดำมืดลง ๆ จนเกือบจะเป็นสีดำสนิททั้งดวง เธอกำลังจะตกเป็นทาสของปีศาจร้ายเต็มที!?!

ขณะเดียวกันในถ้ำอีกฟากหนึ่งก็เหลือเพียงเรนะนั่งพับเพียบหลับตาพิงกำแพงคิดทบทวนอะไรบางอย่างอยู่ในความมืด...

{{“คือว่าเรื่องเมื่อวานตอนกลางวันหน่ะ”,“คือว่าเรื่องที่ชั้นพูดกับเธอหน่ะ”,“คือว่าเธอ เอ่อ...เธอจะรังเกียจมั้ยถ้าชั้นจะขอคบกับเธอแบบมากกว่าเพื่อนหน่ะ”}}

{{“เปิดให้ดูหน่อยสิจ๊ะเอย์จิคุง”,“จะ จะดูทำไม”,“ก็เค้าอยากเห็นนี่ว่ามันใหญ่แค่ไหน!?!”, “งั้นถ้าดูแล้วขอใส่นะ”, “บ้าใส่ตอนนี้ได้ไง เดี๋ยวใครมาเห็นหรอก”, “นี่! พวกเธอทำอะไรกันยะ!!!”, “แบร่!!! รู้นะว่าแอบฟังเค้าอยู่”}}

{{“ไม่ใช่นะไม่ใช่! ชั้นไม่เคยมีแฟนหรอก”, “นั่นแน่! ท่าทางมีพิรุธนะ คำอ้างของจำเลย ศาลฟังไม่ขึ้นเจ้าค่ะ”, “จริง ๆ นะ สาบานด้วยเกียรติของลูกเสือเลยครับศาล!!!”, “งั้นศาลจะขังจำเลยไว้ก่อนละกัน รอจนกว่าจะมีหลักฐานน่าเชื่อถือแล้วค่อยตัดสินอีกที”, “ศาลครับได้โปรดเมตตาผมเถอะ”}}

“ความรู้สึก…ในตอนนั้น” เรนะพูดเบา ๆ แล้วเอามือกุมหน้าอกตัวเอง เธอหันไปสบตาเอย์จิแล้วพูดในใจว่า “ตอนนั้น...ชั้น...มีความสุขมากจริง ๆ ขอบใจนะ” แล้วเธอก็หันไปมองหน้าพี่สาว “พี่เองก็คงต้องการความสุขเหมือนกับเราสินะ” แล้วภาพเก่า ๆ ก็ค่อย ๆ ผุดขึ้นมา

{{“ไว้กลางคืนเราไปขับมอไซด์เหล่หญิงกันนะพวก อิอิ”, “แต่อย่างทาคุมิคุงคงไม่ไปทำอะไรอย่างนั้นหรอกใช่มั้ยจ๊ะ”, “ชั้นไม่ทำแน่นอน!!!”}}

{{“เรียกเรนะก็ได้จ๊ะ”,“เรียกฮิเมะก็เลยไม่รู้กันพอดีสิว่าคุยกับใคร”,“ขอโทษนะ เร...เรกะ”,“เป็นไรแค่เรียกชื่อทำไมต้องอายด้วย”,“ปะ ปะ เปล่า ไม่ใช่หยั่งงั้น”}}

{{“เอาหล่ะ! พร้อมออกทะเลรึยังจ๊ะ”, “แหะ ๆ อย่าให้ล่มแบบไททานิคละกัน”, “ไม่รับรองความปลอดภัยนะ อิอิ”}}

{{ระหว่างที่พายเรือเรนะก็เอามือลูบผมเอย์จิแล้วยิ้ม “หลับหยั่งกะเด็กเลย คงเหนื่อยมาทั้งวันสินะจ๊ะ”}}

{{“รู้มั้ยจ๊ะตั้งแต่เธอย้ายมา ชั้นมีความสุขทุกวันเลย ขอบใจนะจ๊ะ”, “เธอจะรู้ตัวรึเปล่าน้าว่าเธอเป็นเพื่อนชายที่ชั้นสนิทที่สุด สบายใจที่สุด และก็รู้สึก...” ประโยคสุดท้ายเรนะพูดต่อแค่ในใจ แล้วเธอก็ก้มลงจูบที่ริมฝีปากเอย์จิที่กำลังหลับอยู่เบา ๆ!!!}}

เรนะย้อนนึกถึงความทรงจำเก่า ๆ แล้วก็นึกถึงคืนที่ไปค้างที่บ้านคูมิยะ

{{“ทั้ง ๆ ที่พี่คือคนที่ชั้นรักที่สุดในโลก ชั้นเป็นน้องที่เลวมากเลยใช่มั้ย ชั้นเป็นคนที่เลวมากใช่มั้ย”}}

เสร็จแล้วเธอก็หันไปมองหน้าเรกะกับเอย์จิ ใบหน้าของคนสำคัญของเธอทั้งสองคนที่ขอร้องให้เธอเสียสละเพื่อพวกเค้า และในที่สุดเธอก็ตัดสินใจได้

เรนะทำสายตาแน่วแน่คิดในใจว่า “พี่คะ! หนูเองก็อยากให้พี่ได้รับความสุขแบบนั้นเหมือนกันค่ะ”

แล้วเธอก็ยิ้มบอกกับภาพลวงตาทั้งสองว่า “พี่คะ เอย์จิคุง!!!”

“หนูจะอยู่ที่นี่ให้เองค่ะ” พอเธอพูดจบน้ำหยดนึงก็ไหลลงมาจากหางตา มันไหลเป็นทางทิ้งคราบไว้เป็นหลักฐานลงบนแก้มขาว ๆ

“ขอบใจนะ” เรกะตัวปลอมบอกกับเธอแล้วแกล้งยิ้มเยาะที่มุมปาก

“พวกเราจะไม่ลืมเธอเลย” เอย์จิตัวปลอมพูดแล้วหันไปยิ้มให้เรกะ

แต่ไม่ว่าภาพลวงตาของปีศาจร้ายจะพยายามยั่วเธอเพียงไร มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่เธอตัดสินใจไปแล้วได้ พอเรนะกดแท่นกลไก ประตูหินก็ถูกยกขึ้น แล้วเอย์จิกับเรกะก็เดินผ่านประตูออกไป เรนะยืนมองส่งทั้งสองจนประตูเลื่อนปิดลงมา แล้วเหล่าต้นปะการังสีชมพูที่เป็นภาพลวงตาก็กลายเป็นสีดำ ทำให้ในถ้ำเหลือแต่ความมืดมิดเท่านั้น แล้วเรนะก็นั่งพับเพียบลงกับพื้น เอาหลังพิงแพงหลับตาลงเพียงลำพัง

ในห้วงแห่งความคำนึงนั้นเรนะก็นึกถึงภาพของเขา ใบหน้าของเขาตอนที่กอดเธอกระโดดลงมาจากบันจี้จั้มป์ รอยยิ้มของเขาตอนที่นั่งอยู่ในเรือพายด้วยกันสองต่อสอง คำพูดที่เขาสารภาพกับเธอท่ามกลางแสงสนธยา ความทรงจำต่าง ๆ ที่เขากับเธอมีร่วมกัน สองมือของเธอที่กุมอยู่ตรงหน้าอกนั้นสัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจเต้นตุบ ๆ แล้วเธอก็ถามตัวเองเบา ๆ ว่า “ความรู้สึกนั้นมัน...ใช่...ความรัก...รึเปล่านะ!?!”

ณ เวลาปัจจุบันเรนะที่นั่งหลับตาพิงกำแพงอยู่ในความมืดนั้นก็ลุกขึ้นเหมือนกับเพิ่งรวบรวมเรี่ยวแรงเสร็จ เธอเอามือเช็ดคราบน้ำตาที่แก้มแล้วบอกกับตัวเองว่า “เอาหล่ะ! จากนี้ไปจะทำไงต่อดีหล่ะ” แต่ทว่าเธอก็ไม่สามารถเดินไปไหนได้ เพราะรอบ ๆ ข้างมีแต่ความมืด

ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียง ๆ หนึ่งแว่วเข้าหู “ใช่แล้วหล่ะจ๊ะ เธอต้องเข้มแข็งไว้สิ ก็สัญญากับชั้นแล้วนี่” แล้วซายะก็ปรากฏกายขึ้นตรงหน้าเธอ! หญิงสาวในชุดกิโมโนขาวส่องแสงขาวนวลออกมารอบ ๆ ตัวราวกับหิ่งห้อย เธอแบมือเอาสันมือทั้งสองประกบติดกัน ในอุ้งมือนั้นมีเศษแก้วสีดำเป็นเกล็ดเล็ก ๆ อยู่นับสิบชิ้น

“คุณซายะ!?!” เรนะทำหน้าตกใจ

“เธอบอกชั้นเองไม่ใช่เหรอว่าถึงจะทำไม่สำเร็จแต่ก็จะขอสู้ให้ถึงที่สุดหน่ะ”

“คะ…ค่ะ ตะ แต่ว่าพี่กับเอย์จิคุงออกไปแล้ว แล้วหนูก็เปิดประตูนั้นไม่ได้ด้วย”

“หึ” ซายะมองหน้าบ้องแบ๊วของสาวน้อยแล้วเธอก็ยิ้มที่มุมปาก “แล้วเธอได้สู้จนถึงที่สุดรึยังหล่ะ”

พอฟังคำถามของซายะก็ทำให้เรนะคิดได้ “ยะ ยังค่ะ”

แล้วซายะก็ยื่นมือทั้งสองที่มีเศษแก้วเข้ามาใกล้ ๆ พร้อมพูดว่า “นี่เป็นของขวัญจากชั้นจ๊ะ”

ทันใดนั้นเศษแก้วเกล็ดเล็ก ๆ สีดำก็ส่องสว่างออกมาเป็นแสงสีชมพู แสงนั้นสว่างจ้าจนทำให้ทั่วทั้งถ้ำกลับมาสว่างไสว แสงนั้นแยงเข้าตาจนเรนะต้องเอามือมาบังไว้ แล้วพอความสว่างค่อย ๆ ลดลง เศษแก้วในมือของซายะก็กลับกลายเป็นสร้อยคอสีชมพู มันเป็นสร้อยเส้นเดียวกับที่น่าจะหล่นแตกไปแล้วตรงปากถ้ำ

เรนะได้แต่นิ่งยืนงง ซายะเลยเอาสร้อยเส้นนั้นสวมให้กับเธอ มันค่อย ๆ เลื่อนลงไปคล้องรอบคอขาว ๆ ของเด็กสาวได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ

“สร้อยของมิยูกิจะปกป้องเธอ รักษามันให้ดี ๆ หล่ะ” พอพูดจบร่างของซายะก็ค่อย ๆ จางลง ๆ จนมองทะลุได้

“เดี๋ยวค่ะคุณซายะ!” เรนะร้องเรียก

แต่ร่างของซายะที่เลือนรางจนแทบจะมองไม่เห็นก็ยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน แล้วส่งเสียงแผ่วเบาบอกเธอว่า “จริง ๆ ชั้นก็อยากจะช่วยเธอมากกว่านี้ แต่ชั้นใช้พลังที่เหลือเพื่อทำให้สร้อยกลับมาเหมือนเดิมจนหมดแล้ว รักษามันให้ดี ๆ หล่ะ พยายามให้ถึงที่สุดนะ โชคดีจ๊ะ” แล้วซายะก็จางหายไป

แต่เรนะก็ยังคงชะเง้อถามว่า “แล้วหนูจะทำยังไงต่อไปดีคะ”

“มองความจริงให้ดีสิ คนที่เธอรักที่สุดเค้าจะทำอย่างงี้กับเธอจริง ๆ เหรอ” เสียงสุดท้ายของซายะบอกกับเรนะ แล้วในที่สุดก็เหลือเพียงเธอยืนอยู่ตามลำพัง

“มองความจริงให้ดีงั้นเหรอ คนที่เรารักที่สุด…” เรนะคิดทบทวนคำพูดสุดท้ายของซายะ แล้วเธอก็ฉุกคิดขึ้นได้ “พี่! เอย์จิคุง!”

เธอรีบหันไปตรงประตูกลที่ภาพลวงตาทั้งสองเดินออกไป พอเข้าไปใกล้แสงจากสร้อยปะการังก็ส่องกระทบผนังถ้ำ กำแพงหินส่วนที่เคยเป็นประตูกลก็กลายเป็นแค่ผนังหินธรรมดา ๆ แท่นยืนที่เธอกดเปิดประตูเมื่อกี๊ก็กลายเป็นแค่แท่นหินที่ไม่มีกลไกอะไรทั้งสิ้น

“นี่มัน หมายความว่าไง???”

ทันใดนั้นเรนะก็สะดุ้งตัวลอยร้องเสียงหลง “ว้ายยยยย!” เพราะจู่ ๆ ก็มีอะไรบางอย่างมากุมข้อมือเธอไว้ พอมันกำรอบข้อมือได้ มันก็ฉุดลากเธอไปอย่างรวดเร็ว “ว้ายยยย” เรนะถูกลากไปอย่างถูลู่ถูกัง แขนขวาของเธอถูกดึงกางออกไปในอากาศ แต่ทว่าเธอกลับมองไม่เห็นใครแม้แต่คนเดียว

“อย่าน้าาาา! ช่วยด้วยยยยย!!!” เรนะได้แต่ร้องไปพลางรีบก้าวขาตามให้ทัน เพราะไม่งั้นเธอจะต้องถูกลากครูดไปกับพื้นเป็นแน่ เธอรู้แค่ว่ามือล่องหนที่กำลังลากเธออยู่นั้นสูงจากพื้นแค่ระดับหัวเข่าราวกับมีเด็กแรงเยอะกำลังลากเธออยู่ยังไงยังงั้น

พอถึงทางแยกเธอก็ได้ยินเสียงเด็กแว่วเข้าหูว่า “พี่ชายอยู่ทางนี้ค่ะ!?!” แล้วเด็กคนนั้นก็ฉุดเธอเข้าไปในอุโมงค์ทางขวามือ

“ดะ เดี๋ยวก่อน! เธอเป็นใครหน่ะ” เรนะร้องถาม แต่เด็กหญิงล่องหนก็ไม่ตอบอะไร เธอเอาแต่ฉุดเรนะไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง จนเธอต้องก้าวเท้าให้เร็วขึ้นจนแทบจะกลายเป็นวิ่ง

เรนะถูกฉุดไปจนกระทั่งเห็นใครบางคนยืนอยู่ไกล ๆ ทันใดนั้นเด็กน้อยก็ร้องเตือนว่า “หยุดก่อนค่ะ หลบเร็ว!?!” แล้วมือที่ฉุดก็เปลี่ยนเป็นผลักเพื่อให้เธอเบรกแทน

แต่เรนะก็เบรกไม่ทัน แล้วพอเข้าไปใกล้เธอก็เห็นหน้าคน ๆ นั้นอย่างชัดเจน “พี่!?!”

เรกะที่ได้ยินเสียงน้องสาวก็หันไปมองแล้วพูดว่า “ยังจะมีหน้าตามมาอีกนะนังน้องชั่ว ทำไม! อยากให้ชั้นเปิดประตูให้จนตัวสั่นรึไง”

เรนะฟังแล้วก็ทำหน้าเหรอหราด้วยความงง “พี่คะ!?!”

แล้วเสียงของปีศาจร้ายก็กระซิบบอกที่ข้างหูเธอว่า “ดูสิน้องสาวตัวดีของเธอ เค้าอยากจะกลับขึ้นไปกับแฟนหนุ่มใจจะขาด จนต้องมาตามเธอถึงที่นี่เลย มองดูดี ๆ สิ ทำเป็นหน้าตาน่ารักไร้เดียงสา แต่ในใจกลับชั่วช้าเห็นแก่ตัว” ปีศาจร้ายร่ายคำสาปใส่เรกะ

เรกะมองน้องสาวด้วยแววตาเคียดแค้นแล้วพูดว่า “บอกไว้เลยนะต่อให้ชั้นตาย ชั้นก็ไม่มีวันยอมให้เธอหนีเอาตัวรอดไปมีความสุขกับเอย์จิหรอก!!!”

พอเรนะได้ฟังที่พี่สาวพูด เธอก็ปะติดปะต่อเรื่องราวได้ทันที “พี่คะ พี่กำลังถูกหลอกอยู่นะคะ” เธอพยายามเตือนสติพี่สาว แต่มันกลับยิ่งเป็นการราดน้ำมันเข้ากองไฟมากขึ้น

“ใช่ซิ! ชั้นถูกหลอก! ถูกน้องสาวแท้ ๆ ที่อยู่ด้วยกันมา 16 ปีหลอกไงหล่ะ ขอบใจนะที่ทำให้ชั้นรู้ว่าการถูกคนที่เรารักหักหลังมันเป็นยังไง”

“ไม่ใช่นะคะ พี่กำลังเข้าใจผิด…”

“เข้าใจอะไรผิด! จนป่านนี้แล้วยังจะมาตีหน้าซื่ออยู่อีก สิ่งที่ชั้นเข้าใจผิดมาตลอดก็คือเธอนั่นแหละ เรนะ ฮิเมะ!!!” เรกะตะคอกเสียงดัง

“ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะพี่” เรนะพยายามพูดให้พี่สาวใจเย็นลง แต่เสียงของปีศาจร้ายก็ยังคงคอยเสี้ยมอยู่ในสมองของเรกะไม่หยุดหย่อน

“อย่าเผลอไปหลงคำพูดหวาน ๆ กับใบหน้าไร้เดียงสานั่นเชียวนะ เธอคงไม่อยากโดนหลอกซ้ำอีกใช่มั้ย” ปีศาจร้ายกระซิบบอกอย่างใกล้ชิด

“พี่คะ! ฟังหนูก่อน เรื่องทั้งหมดหนูอธิบายได้…”

ยังไม่ทันที่เรนะจะพูดจบก็มีเสียงดัง “เพี๊ยะ!!!” เกิดขึ้น เสียงนั้นก้องสะท้อนจนได้ยินชัดไปทั่วทั้งถ้ำ ภาพที่เห็นตอนนี้คือมือขวาของเรกะค้างอยู่บริเวณไหล่ซ้ายของเธอ ท่อนแขนขวาเรียวขาวพาดผ่านเหนือหน้าอกไปยังไหล่ ใบหน้าของเรนะก็หันเอี้ยวไปทางไหล่ขวาของตัวเอง แก้มซ้ายขาวนวลของเธอมีรอยช้ำเป็นสีแดงห้อเลือด แล้วเด็กสาวก็ล้มลงกับพื้น

เรกะยืนจ้องน้องสาวที่นั่งกองอยู่แทบเท้าด้วยสายตาเหยียดหยามแล้วพูดว่า “หึ! สมหน้า”

“จากนี้ไปเธอกับชั้นขาดกัน ไม่ต้องมาเรียกชั้นว่าพี่อีก ชั้นไม่มีน้องเลว ๆ อย่างเธอ” พอพูดจบเธอก็สะบัดก้นหนีเดินหายลับเข้าไปในความมืด

“พี่คะ!!!!!!!” เรนะทำได้แค่ส่งเสียงเรียกตามหลังพี่สาวไป

และแล้วหัวใจของเรกะก็ถูกย้อมเป็นสีดำสนิททั้งดวง “หึหึหึ ในที่สุดข้าก็ได้ครอบครองร่างที่เปี่ยมไปด้วยพลังเวท” ปีศาจร้ายที่คอยเสี้ยมอยู่ก็หัวเราะอย่างสะใจ

ในถ้ำบริเวณที่เอย์จิถูกแช่แข็งอยู่นั้น เสียงของหญิงสาวก็ยังคงพยายามปลุกให้เอย์จิรู้สึกตัวตื่น “ได้โปรดลืมตาขึ้นเถอะ ก่อนที่จะสายเกินไป คนสำคัญของเธอกำลังจะถูกทำร้ายนะ”

แต่เอย์จิก็ไม่ขยับเขยื้อน ทว่าหญิงสาวคนนั้นก็ยังไม่ละความพยายาม “ได้โปรดตื่นขึ้นเถอะ เรกะจังกำลังจะแย่แล้วนะ”

ทันใดนั้นก็เหมือนกับมีเสียงครางเบา ๆ ออกมาจากในแท่งน้ำแข็ง “เร…กะ!?!” พริบตานั้นเหมือนกับร่างของเอย์จิจะกระดุกกระดิกอยู่ชั่วแวบนึง

“ใช่จ๊ะ เรกะจังไง รู้สึกตัวเถอะ แล้วรีบไปช่วยเค้า” หญิงสาวเร่งปลุกอย่างมีหวัง แต่เอย์จิก็แน่นิ่งไปราวกับที่เค้าขยับตัวเมื่อกี๊เป็นเพียงแค่ตาฝาด

เรกะเดินต่อไปด้วยความโมโห เธอไม่รู้ว่าขาของตัวเองกำลังก้าวพาเธอไปที่ไหน รู้แค่ว่าอยากจะหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้เท่านั้น เธอเดินลึกเข้าไปในถ้ำผ่านทางแยกต่าง ๆ มากมาย โดยตลอดทางจะมีแสงสีชมพูคอยชักนำจนกระทั่งเธอเห็นใครบางคนยืนอยู่

พอเข้าไปใกล้เธอก็พบว่าคน ๆ นั้นเป็นชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงผิวขาวแต่ไม่ได้ขาวแบบคนญี่ปุ่น เขาดูเหมือนฝรั่งมากกว่า และอีกอย่างเพราะเขาสูงเกือบ 190 เซนติเมตร ซึ่งสูงกว่าคนญี่ปุ่นทั่ว ๆ ไป ด้วยรูปร่างที่เท่สมาร์ทนี้ทำให้เขาดูราวกับเป็นนายแบบที่เดินออกมาจากนิตยสารแฟชั่น

เรกะค่อย ๆ พิจารณาใบหน้าของชายหนุ่มอย่างละเอียดลออ เขามีรูปหน้าเรียวยาว คางแหลม คิ้วบาง จมูกโด่ง ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเหมือนท้องทะเลยามค่ำคืน ผมยาวรองทรงสีทองปลิวไสว ดูหล่อเหลาคมคายมีเสน่ห์ดึงดูดเกินห้ามใจ

ชายหนุ่มปริศนาใส่ชุดคล้ายขุนนางอังกฤษโบราณ เสื้อแขนยาวกำมะหยี่สีกรมท่า ข้างในมีผ้าพันคอสีขาวพับเป็นลวดลายริ้ว ๆ เสื้อกั๊กข้างในสีเหลืองอ่อน กางเกงขายาวกำมะหยี่สีเดียวกับเสื้อ ที่เข็มขัดด้านซ้ายมีถุงมือสีขาวคู่หนึ่งเหน็บอยู่

“มานี่สิ ชั้นรอเธออยู่นานแล้ว!?!” ชายหนุ่มยิ้มให้แล้วมองเข้าไปที่ดวงตาของเรกะ

พอเธอมองที่ดวงตาของเขาตอบ สติสัมปชัญญะของเธอก็เลือนหายไปราวกับต้องมนต์ “ค่ะ” เรกะเดินเข้าไปหาชายหนุ่มแปลกหน้าอย่างว่าง่าย

ชายหนุ่มเอานิ้วขาว ๆ เรียวยาวเชยคางของเธอขึ้นอย่างนุ่มนวล เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ ใบหน้าของสาวน้อย แล้วเอาจมูกไซร้ที่แก้มนุ่ม ๆ ของเธอเพื่อเชยชม เรกะเองก็ยอมให้เขาทำทุกอย่างโดยไม่มีท่าทีจะขัดขืน “หึหึหึ สาวน้อย เธอคือคนที่จะทำให้ฝันของชั้นเป็นจริง”

“ฝัน...คุณคือ...ใคร” เรกะพยายามเรียกสติตัวเองกลับมาแต่ก็ได้เพียงครึ่งหลับครึ่งตื่นเท่านั้น

ชายหนุ่มผมทองยิ้มอย่างมีเลศนัย พลันดวงตาสีน้ำเงินเข้มของเขาก็ส่องแสงสีแดงออกมาราวกับเลือด แล้วเขาก็พูดว่า “ตามชั้นมาสิ” พอพูดจบเรกะก็ไม่รู้สึกตัวใด ๆ อีก เธอเดินตามเค้าไปราวกับคนละเมอ

ทางด้านเรนะที่นั่งซึมอยู่กับพื้นเพราะเพิ่งโดนพี่สาวประกาศตัดพี่ตัดน้อง จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนกับมีอะไรบางอย่างจิ้ม ๆ เข้าที่หลังเธอ “ว๊ายยยยย!” ด้วยความตกใจเธอจึงสะดุ้งถอยหนีตามสัญชาติญาณ และเผลอเอามือสะบัดไปทางด้านหลังเพื่อป้องกันตัว แต่ทว่ามือที่ปัดไปนั้นกลับไปโดนหน้าเด็กน้อยคนหนึ่งเข้าอย่างจังจนกระเด็นล้มลงกับพื้น

“อุ๊ย! ขอโทษจ๊ะ! เป็นอะไรรึเปล่า” พอเห็นว่าเป็นเด็กผู้หญิงตัวน้อย ๆ เรนะก็ตั้งสติได้ แล้วรีบเข้าไปดูอาการเธอทันที แต่เด็กคนนั้นก็เอามือกุมหน้าตัวเองไว้แล้วทำท่าเหมือนจะร้องไห้

“พี่ขอโทษนะจ๊ะ เจ็บมากรึเปล่า” เรนะค่อย ๆ แกะมือของเด็กน้อยออกมาเพื่อดูแผล แต่ก็ไม่เห็นรอยช้ำหรือรอยแผลอะไร เธอจึงเอามือลูบบริเวณหน้าผากของหนูน้อยอย่างอ่อนโยนแล้วพูดว่า “โอ๋ ๆ ไม่เป็นไรนะจ๊ะ หายแล้วนะ ๆ เพี้ยง!” เธอเป่าหน้าผากราวกับร่ายมนต์

เด็กหญิงยืนมองตาแป๋วเหมือนกับลืมไปแล้วว่าเมื่อกี้กำลังจะร้องไห้ เรนะเองก็มัวแต่สนใจเธอจนลืมเรื่องที่ทะเลาะกับพี่สาวไปชั่วขณะเช่นกัน “หนูชื่ออะไรจ๊ะ”

เด็กน้อยยืนทำหน้างง ๆ มองเธอ เรนะเลยถามอีกว่า “เป็นไงมั่งยังเจ็บอยู่เหรอ” เด็กน้อยก็ตอบด้วยการส่ายหัว เรนะเลยหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดตามใบหน้าที่มอมแมมของเธอแล้วพูดว่า “พี่ชื่อเรนะจ้ะ แล้วหนูหล่ะจ๊ะชื่ออะไร”

เด็กน้อยก็อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ก้มหน้าพูดเบา ๆ ว่า “กลัว”

“ชื่ออะไรนะจ๊ะ”

เด็กน้อยก็พูดต่อว่า “พี่สาวไม่กลัวหนูเหรอคะ”

พอเรนะได้ฟังดังนั้นเธอก็ยิ้มตอบว่า “หนูคือคนที่ฉุดพี่มาเมื่อกี้ใช่มั้ยหล่ะ” เด็กน้อยก็พยักหน้าหงึก ๆ เรนะเลยตอบว่า “แสดงว่าหนูรู้จักกับคุณซายะใช่มั้ยจ๊ะ แล้วพี่จะกลัวหนูทำไมหล่ะ”

พอเห็นท่าทางอ่อนโยนของเรนะ หนูน้อยก็เลยบอกชื่อตัวเองเบา ๆ ว่า “ลิ...ลิธ”

“เอ๋? อะไรนะ”

“หนูชื่อลิลิธค่ะ” เด็กน้อยทำหน้าเหมือนกลัวว่าจะโดนครูตี

เรนะเลยเอามือลูบหัวเธอเบา ๆ “ดีจ๊ะลิลิธจัง” ลิลิธก็เลยยิ้มออก

“แล้วเมื่อกี๊ลิลิธจังจะพาพี่ไปที่ไหนเหรอ”

ลิลิธก็เงยหน้าตาแป๋วอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ตอบว่า “พะ พี่ชาย”

“พี่ชาย? พี่ชายหนูอยู่ที่นี่เหรอจ๊ะ” เรนะทำหน้างงมองตาแป๋วบ้าง

แต่ลิลิธก็หลับตาปี๋ส่ายหน้าเร็ว ๆ แล้วพูดว่า “พี่ชาย เอ...เอย์จิ”

“เอย์จิคุงเหรอ!?!” เรนะถามด้วยน้ำเสียงตกใจ ลิลิธก็หลับตาปี๋พยักหน้ารัว ๆ

“พี่ชายกำลังแย่ พี่สาวรีบไปช่วย” ลิลิธพูดแบบไม่ปะติดปะต่อ

“เอย์จิคุงกำลังแย่งั้นเหรอ แล้วเค้าอยู่ที่ไหน ลิลิธจังช่วยพาพี่ไปหน่อยได้มั้ยจ๊ะ” เรนะลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ลิลิธก็พยักหน้าหงึก ๆ แล้วรีบจูงมือเรนะไป

ทางด้านเรกะที่เดินตามชายหนุ่มแปลกหน้าไปนั้นจู่ ๆ พื้นถ้ำที่เธอเดินไปก็เปลี่ยนเป็นทางเดินสีขาวที่ปูด้วยพรมแดง ผนังถ้ำก็กลายเป็นผนังห้องสีขาวที่ประดับประดาด้วยโคมไฟ รูปภาพ แจกันดอกไม้ และรูปปั้นงานศิลปะต่าง ๆ ราวกับว่ากำลังเดินในโรงแรมหรู ๆ หรือคฤหาสน์ของมหาเศรษฐี

แล้วจู่ ๆ ชุดที่เรกะใส่ก็แปรสภาพไป มันกลายเป็นชุดเจ้าสาวเกาะอกสีขาวพอดีตัว กระโปรงลูกไม้ฟูฟ่องลากยาวจรดพื้น ผมสีทองของเธอมีมงกุฎเพชรเม็ดเล็ก ๆ ระยิบระยับราวกับเอาดวงดาวมาเรียงร้อยกันสวมอยู่ ตุ้มหูทั้งสองข้างก็มีเพชรเม็ดใหญ่เกือบเท่าผลองุ่นห้อยอยู่ มันรายล้อมไปด้วยทับทิมเม็ดเล็ก ๆ สีชมพูอมม่วงนับสิบ ที่คอขาวเรียวระหงก็มีสร้อยเพชรน้ำงามที่เป็นลวดลายดอกไม้คล้องอยู่ เพชรเม็ดใหญ่นั้นห้อยพาดลงมาจนเกือบจะถึงร่องอก รองเท้าที่ใส่อยู่ก็กลับกลายเป็นรองเท้าส้นสูงทำจากแก้วเจียระไนขนาดพอเหมาะพอเจาะ

ด้านชายหนุ่มที่พาเธอมาก็เช่นกัน ชุดของเขาเปลี่ยนจากชุดขุนนางอังกฤษสีกรมท่าเป็นชุดสูททักซิโด้สีขาวทั้งตัว โดยเสื้อกั๊กกับหูกระต่ายเป็นสีครีมอ่อน ที่กระเป๋าเสื้อด้านซ้ายมีชายผ้าเช็ดหน้าแหลม ๆ โผล่ขึ้นมาเล็กน้อยเป็นสีครีมเข้ากับชุด

ชายหนุ่มนั่งคุกเข่าลงบนพรมตรงหน้าเธอแล้วยื่นมือไปจับที่ปลายมือของเรกะ เขาจุมพิตลงที่หลังมือของเธออย่างนุ่มนวลแล้วพูดว่า “ชั้นเฝ้ารอเธอมาตลอด แต่งงานกับชั้นนะมิยูกิ!?!”

แล้วเรกะก็สะลึมสะลือตอบเขาไปว่า “ค่ะ เอ็ดเวิร์ดที่รัก!?!”




 

Create Date : 13 กันยายน 2553
0 comments
Last Update : 13 กันยายน 2553 11:56:25 น.
Counter : 314 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


TonyLaFraga
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add TonyLaFraga's blog to your web]