X-Men: First Class (2011) เพราะเราต่างก็เจ็บปวด
เขียนไว้นานแล้วตั้งแต่สามปีก่อน วาดคุณชาร์ลส์กับคุณอิริคบนไอแพดค่า อิอิ
เขียนไว้นานแล้วตั้งแต่สามปีก่อน วาดคุณชาร์ลส์กับคุณอิริคบนไอแพดค่าอิอิ *** เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ*** ปกติ ไม่ชอบหนังแอ็คชั่น เพราะหนวกหูแต่ถ้าดราม่าแอ็คชั่นพอดูได้โดยเฉพาะหนังที่ตัวละครมีปมนี่เรียกได้ว่าของโปรดไม่เน้นมันส์ในเรื่องการต่อสู้แต่ชอบความมันส์ในอารมณ์และความรู้สึก นอกจาก FightClub และThe Bourne Identity แล้วก็มาเจอ X-MenFirst Class นี่แหละ อิชั้นไม่เคยดูภาคก่อนหน้าของหนังเรื่องนี้เลยไม่มีพื้นอะไรในหัวแม้แต่น้อยไปดูแบบไม่มีความคาดหวังใด ๆ นักแต่กลับออกมาด้วยความประทับใจมาก ภาคนี้เป็นเรื่องราวต้นกำเนิดของตัวละครเอกนั่นคือ โปรเฟสเซอร์ Xกับแม็กนีโต้ มารู้ทีหลังว่าในภาคอื่นทั้งสองอยู่คนละฝ่าย แต่ในภาค FirstClass คือเพื่อนรักกันแถมเข้าอกเข้าใจกันอย่างลึกซึ้งจนบางฉากเผลอแอบจิ้นวายให้แกคิดกันเกินเพื่อนเสียแน่ะ
หนังเริ่มด้วยเรื่องราวชีวิตวัยเด็กของอีริค (ต่อมากลายเป็นแม็กนีโต้) เมื่อนาซีเข้ายึดครองโปแลนด์ เซบาสเตียนชอว์ช่วยเปิดประตูพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวเขา (ด้วยการทำร้ายจิตใจอย่างรุนแรง) อิริคค้นพบว่าตนเองมีพลังจิตในการสั่งโลหะทุกชนิดให้เคลื่อนไหวตามต้องการแต่เหตุการณ์นี้ก็ต้องแลกกับชีวิตแม่ผู้เป็นที่รัก ชีวิตที่อยู่ด้วยความโดดเดี่ยวผสมกับความโกรธแค้น เขาจึงมีชีวิตอยู่เพื่อรอวันเอาคืนชอว์ให้สาสมเท่านั้น ในเมื่อรักและเข้าใจกันขนาดนี้แล้วเหตุใดเพื่อนรักจึงต้องแยกทางกันเดิน ...คิดแล้วเจ็บปวดนะคุณเคยรักใครมากๆแต่รู้สึกว่าไปกันไม่ได้บ้างไหมล่ะ ถ้าในเรื่องผิวเผินคงพอหยวน ๆได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องลึกซึ้งระดับอุดมคติในชีวิต คุณคิดว่าคุณจะเลือกคนที่รักหรือเลือกความเชื่อของตัวเอง? ในขณะที่ชาร์ลส์ (ต่อมาเป็นโปรเฟสเซอร์เอ็กส์) เกิดมาในครอบครัวร่ำรวย มีชีวิตที่คล้ายๆ ว่าสมบูรณ์แบบ เขาเรียนเก่ง มีสเน่ห์ดูภายนอกก็เหมือนคนธรรมดาแต่ความจริงเขามีพลังในการอ่านใจคนและพลังนินจา ณ จังงัง (ทำให้คนหยุดเคลื่อนไหวได้ชั่วขณะ) ถ้าชอว์คือคนที่เปิดประตูพลังให้กับอิริคโดยอาศัยความโกรธ ชาร์ลส์ก็คือคนที่สอนให้อิริครู้จักวิธีควบคุมพลังโดยอาศัยความสุข มีพลังควรจะเป็นเรื่องดีใช่ไหม? อิชั้นยังอยากมีเลยแต่ถ้าพลังหรือการกลายพันธุ์นั้นทำให้เราดูแปลกแยกจากสังคม ถูกมองด้วยสายตาประหลาด ไม่ก็ถูกแสวงหาประโยชน์จากพลังนั้นเราก็คงไม่อยากมีมันนักหรือถึงอยากมีก็คงไม่อยากให้ใครรู้ คนอื่นๆ ยังไม่เท่าไหร่กลายพันธุ์แล้วหน้าตาก็ยังเหมือนมนุษย์ทั่วไป แต่ราเวน (มิสทีค) กับแฮงค์ (บีสต์) นี่สิ น่าเห็นใจเหลือเกิน ราเวนมีผิวสีฟ้า ผมแดงต้องซ่อนตัวอยู่ในร่างเด็กสาวที่เหมือนมนุษย์ธรรมดาก็ยังดีที่เธอมีพลังแปลงร่างเลยยังพอหาที่อยู่ที่ยืนในสังคมได้บ้าง ส่วนแฮงค์มีเท้ารูปร่างเหมือนมือประหลาดนี่ก็ยังพอปกปิดได้ด้วยถุงเท้าแต่ถึงกระนั้นเขาก็คงมีปมตลอดเวลาว่าตนเองไม่เหมือนคนอื่น (แต่แฮงค์ประหลาดเพราะเท้าของเขาหรือประหลาดเพราะความคิดของเรากันแน่แค่รูปร่างเท้าที่แตกต่างกันเราก็คิดว่าเขาผิดปกติเสียแล้ว) ในฐานะมนุษย์คนนึงที่ไม่สมบูรณ์แบบฉันเข้าใจได้ถึงความเจ็บปวดนั้น ปุถุชนทั่วไปมักมีมุมที่อับอายในตัวเองอยากเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างที่เป็นเราเช่นกัน (ขนาดดาราสวยหล่อจะแย่ยังทำศัลยกรรมกันเลย) ฉันรู้สึกแปลบๆทุกครั้งที่มนุษย์กลายพันธุ์ตัวละครหนุ่มน้อยชื่ออเล็กซ์ (ฮาว็อค) เรียกแฮงค์ว่าโบโซ่มั่ง สัตว์ประหลาดมั่ง คนบางคนนี่ก็ผีเจาะปากจริงๆ นะ เค้าคงไม่เข้าใจว่าคนมีปมด้อยเป็นยังไง ถึงได้ชอบล้อเลียนนัก เค้าพูด ๆ พ่นๆออกมา จบแล้วก็ลืมมันไป ไม่ได้คิดว่าเป็นการทำร้ายอะไรคิดแค่ว่าสนุกดีได้กัดคน แต่ไอ้คนโดนกัดนี่สิ จำไปนาน วันดีคืนดีคำพูดนั้นก็ replay อยู่ในหัวใหม่ เจ็บแล้วเจ็บอีก ถ้าแฮงค์จะเผลอทำร้ายอเล็กซ์สักทีฉันก็เห็นจะไม่แปลกใจ แต่ปรากฏว่าแฮงค์ไม่เคยทำ ตรงกันข้าม พออิริคชื่นชมร่างกายที่แท้จริงของเค้าแฮงค์กลับตบอิริคหัวทิ่มซะงั้น ในชีวิตจริงมันก็มักเป็นเช่นนี้ เมื่อเรารู้สึกด้อย ใครมาล้อเลียนเรา เราไม่ค่อยสู้ เพราะลึกๆ เรารู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง และก็อายเกินกว่าจะตอบโต้แต่พอใครมาชื่นชม เรากลับโมโหเพราะเราคิดว่าเค้าเสแสร้งแกล้งพูด มนุษย์นี่ก็แปลก เหมือนเราจะดูดซับความเจ็บปวดมากกว่าความชื่นชมยินดี นอกจากคุณเซบาสเตียน ชอว์และคณะของเค้าที่ดูเหมือนจะเลวอย่างไม่มีที่มาที่ไปแล้ว ฉันออกจะเข้าใจมนุษย์กลายพันธุ์ทุกคนไม่ว่าคนที่เลือกเส้นทางดี ๆ อย่างชาร์ลส์หรือคนที่เลือกทางร้าย ๆ อย่างอิริค ที่ชาร์ลส์เลือกอยู่ฝ่ายมนุษย์โลกคงเพราะชีวิตเค้าราบรื่น อาจขาดความรักของแม่อยู่บ้าง แต่เค้าก็ประสบความสำเร็จ ร่ำรวย ได้รับการยอมรับจากสังคม จึงเป็นธรรมดาที่เค้าเลือกข้างปกป้องมนุษย์ ในขณะที่อิริคมีวัยเด็กที่เจ็บปวด ถูกทำร้ายทั้งจากมนุษย์กลายพันธุ์ด้วยกันและมนุษย์ธรรมดา คนที่มีความโกรธแค้นเป็นภักษาหารมาทั้งชีวิตเช่นนี้ มันคงไม่ง่ายที่เราจะเปลี่ยนให้เค้าเห็นความงดงามของสังคม อิริคคงคิดว่าถ้าฆ่าคนที่ฆ่าแม่เค้าได้ ความโกรธแค้นก็จะหายไปจากใจ แต่กลายเป็นว่าหลังจากฆ่าชอว์ได้แล้ว ปีศาจร้ายในตัวของเขายิ่งมีอำนาจมากขึ้นอีก จนสุดท้ายต้องแยกทางเดินกับชาร์ลส์ ราเวนน้องสาวบุญธรรมของชาร์ลส์เลือกไปทางเดียวกับอิริคเพราะบาดแผลจากความเจ็บปวดว่าตัวเองประหลาดคงลึกจนยากเยียวยา ถึงชาร์ลส์จะรักและดีกับเธอแต่เค้าก็เป็นคนธรรมดา ๆ ที่ไม่ชอบรูปร่างหน้าตาแท้จริงของราเวน เห็นราเวนตัวสีฟ้าผิวหนังเป็นชั้น ๆ เมื่อไหร่ ชาร์ลส์ต้องเบือนหน้าหนีแล้วบอกให้เธอรีบๆ แปลงร่างเสีย ในขณะที่อิริคยอมรับตัวจริงของเธอ อิริคบอกราเวนว่า เธออยากให้สังคมยอมรับเธอ แต่เธอกลับไม่ยอมรับตัวเอง นับจากนั้นราเวนจึงกล้าปล่อยตัวเป็นมนุษย์สีฟ้า ผมสีแดงอย่างที่เธอเป็นจริง ๆ หนังเรื่องนี้ทำให้ฉันนึกถึงความเชื่อของ RC (Re-evaluation Counselling) ที่ฉันเคยไปเข้าเรียนมา RC เชื่อว่าทุกคนเป็นคนดีแต่เราต่างถูกทำร้าย ความดีงามของเราถูกบล็อกไว้เพราะประสบการณ์เลวร้ายต่างๆ นานาไม่ว่าจะเป็นความกลัวความสูญเสีย ความเศร้า ความโกรธ ความอับอาย ฯลฯ เมื่อมันเกิดขึ้นซ้ำๆ มนุษย์เราก็สร้างแบบแผนบางอย่างขึ้นมาป้องกันตัวเอง เช่นทำตัวก้าวร้าวเพื่อจะได้ไม่มีใครกล้าว่า เป็นต้น และมีแนวโน้มว่าเราถูกกระทำมาอย่างไรเราจะกระทำสิ่งนั้นต่อคนอื่นๆ ด้วยเช่นเดียวกัน ตอนท้ายเรื่องอิริคก็กลายเป็นเหมือนชอว์-คนที่เขาเกลียด-ไปในที่สุด ฉันชอบหนังแบบนี้จัง หนังที่ทำให้เราไม่กล้าตัดสินใครว่าเป็นคนเลวแม้ว่าเขาจะทำผิดก็ตาม หรือแม้ว่าเขาจะเลวจริงๆ เราก็ยังเข้าใจเขาอยู่ดี เขียนเมื่อ 22 มิถุนายน 2011
Create Date : 24 พฤษภาคม 2557 |
|
2 comments |
Last Update : 22 มิถุนายน 2557 17:59:15 น. |
Counter : 2089 Pageviews. |
|
|
|
ชอบหนังประเภท X-Men มากๆค่ะ..สนุกดีชอบค่ะ