มองย้อนกลับไปตอนนั้นเธอก็สงสัยว่า จะเกิดอะไรขึ้นหากคนที่มาเปิดประตูเป็นพ่อแม่ของเด็กที่เสียชีวิตไปแล้วคนนั้น"มันคงเลวร้ายมาก" เธอเอ่ย "มันคงทำให้พวกเขาแทบสิ้นสติที่มีใครก็ไม่รู้มาถามหาลูกชายที่ตายไปตั้งแต่24 ปีที่แล้ว"

สิบแปดเดือนต่อมาแคลร์ตัดสินใจสืบหาข้อมูลที่ศูนย์บันทึกข้อมูลการมรณกรรม "อยู่ๆ ฉันก็สังหรณ์ใจขึ้นมา มันแว้บขึ้นมา แล้วฉันก็คิดว่าต้องไปที่นั่นแหละ และหาข้อมูลจากมรณะบัตร"

เธอนึกถึงความรู้สึกพรั่นพรึงที่เกิดขึ้นเมื่อเธอค้นพบว่าจอห์น บาร์เกอร์ ตัวจริงตายไปแล้ว "มันเย็นวูบไปตามกระดูกสันหลัง"เธอเล่า "เมื่อฉันได้ใบมรณบัตรมา มันชัดเจนเหลือเกิน ชื่อตรงกันชื่อพ่อแม่ก็ตรงกัน ที่อยู่ก็ตรง แต่เขาตายตั้งแต่ยังเป็นเด็กชายอายุแค่แปดขวบ"

นักข่าวของเดอะการ์เดียนไม่สามารถค้นหาญาติที่ยังเหลืออยู่ของเด็กชายคนดังกล่าวพบ

สิ่งที่ค้นพบนี้ทำให้โลกของแคลร์กลับตาลปัตร "มันเหมือนการสูญเสียครั้งใหญ่แต่ฉันก็ไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้ อยู่ ๆ เขาก็กลายเป็นคนไม่มีตัวตน ผู้ชายคนนี้ที่ฉันรู้จักมาถึงห้าปีคนที่ฉันใช้ชีวิตอยู่ด้วยสองปี จากนี้ไป ฉันจะเชื่อใจใครได้อีก?"

ตอนนั้นแคลร์รู้แล้วว่า คนรักของเธอโกหกเรื่องตัวตนที่แท้จริงของเขาแต่ก็ยังไม่รู้ว่าเขาคือใครกันแน่ บางทีเธอก็คิดว่า เขาอาจเป็นตำรวจสายลับก็ได้แต่คิดอีกที เขาอาจทำงานเป็นพวกโจรกรรมข้อมูลหรือไม่ก็อาจปกปิดว่าเคยก่ออาชญากรรมมา เธอใช้เวลาอีกสิบปีในการสืบหาก่อนจะเข้าใกล้ความจริง

แคลร์รู้มาสองอย่างที่เป็นจุดเริ่มต้นในการสืบอย่างหนึ่งคือชื่อของผู้หญิงในนิวซีแลนด์ที่ไดนส์บอกว่าเป็นป้าของเขาส่วนอีกอย่างคือ จดหมายที่เขาอ้างถึงความสงสัยว่าพ่อที่แท้จริงของเขาที่เขาไม่เคยพบนั้นชื่อว่า จิม ไดนส์

มันพิลึกตรงที่ผู้หญิงที่อยู่นิวซีแลนด์คนนั้นไม่ใช่ป้าของเขาแต่เป็นแม่ของภรรยาตัวจริงของไดนส์ต่างหาก และที่พิลึกยิ่งกว่าคือ ที่จริงแล้ว จิมไดนส์เป็นพ่อที่แท้จริงของสายลับคนนี้ และเลี้ยงเขามาในลอนดอน

แคลร์ไม่รู้ว่าทำไมตำรวจสายลับคนนี้ถึงเลือกจะเปิดช่องโหว่ให้งานของเขาด้วยการแอบบอกถึงผู้คนที่มีอยู่จริงในชีวิตของเขาบางทีเขาอาจจะเจ็บป่วยทางใจเพราะการที่ต้องเป็นสองคนและต้องการทิ้งร่องรอยให้แคลร์ตามหาเขาพบก็ได้

ไม่ว่าเหตุผลของเขาคืออะไรสิ่งที่รู้นั้นทำให้แคลร์เดินทางไปที่หอจดหมายเหตุในประเทศนิวซีแลนด์ ในปี 2003 เธอพบกับข้อมูลเชื่อมโยงชิ้นสำคัญมันคือเอกสารที่โยงไดนส์เข้ากับผู้หญิงที่เขาแต่งงานด้วย เด็บบี้

แคลร์รู้ได้ทันทีว่าพวกเขาเคยเป็นคู่สมมรสกัน เมื่อกลับมาถึงลอนดอน เธอค้นหาใบทะเบียนสมรสของสองคนนี้"สิ่งที่ทำให้ฉันเหมือนถูกตีด้วยก้อนอิฐมหาศาล คือ เขาระบุอาชีพว่าตำรวจ" เธอเผย "ตอนที่อ่านนั้นฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะตายและถูกทำร้ายอย่างหนัก มันทำให้หัวใจแตกสลายทั้งที่อ่านแค่นั้น"

แคลร์เจ็บปวดแสนสาหัสกับการเข้าใกล้ความจริงเธอรู้ว่าไดนส์เป็นตำรวจ เมื่อเขาแต่งงานกับภรรยาในปี 1977แต่ยังมีความเป็นไปได้ว่า เขาลาออกจากงานนี้ก่อนจะเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง

เธอเอาหลักฐานให้เพื่อนและครอบครัวดูบางคนไม่เห็นด้วยกับการที่เธอสรุปว่าไดนส์เป็นตำรวจสายลับ"ฉันจำที่พ่อบอกและคนอื่น ๆ พูดได้ว่า 'เธอกังวลมากเกินไปแล้ว -เรื่องแบบนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นในประเทศนี้หรอก'

ในปี2010 เธอติดต่อกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งหย่ากับสามีซึ่งเป็นตำรวจลับในกองSDS เป็นช่วงสั้น ๆต่อจากไดนส์ ผู้หญิงคนนี้บอกว่า อดีตสามีของเธอเปิดเผยว่าไดนส์เป็นสายลับเช่นกัน

กองตำรวจนครบาลปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในกรณีของไดนส์โดยบอกว่า"เราไม่ขอยืนยันหรือปฏิเสธที่ถูกกล่าวหาว่านำข้อมูลเฉพาะของแต่ละบุคคลไปใช้ในการทำงานอย่างลับๆ"

เมื่อพบกับหลักฐานยืนยันเช่นนั้นมันสะเทือนใจแคลร์อย่างมาก

"แม้ว่ามันเจ็บปวดเหลือเกินแต่มันก็ยังมีความรู้สึกโล่งใจที่ในที่สุด ฉันก็ได้รู้ความจริงฉันไม่ต้องเฝ้าแต่สงสัยอีกต่อไปแล้ว" แม้ว่าถูกทรยศ แต่เกือบ 20ปีที่เธอยังมีความหวังว่า ไดนส์อาจรักเธอด้วยความจริงใจ จนเมื่อไม่นานมานี้ที่เธอตัดสินใจว่า แม้แต่ความรักของเขา มันก็เป็นเรื่องหลอกลวงทั้งเพ

"ฉันเอาจดหมายเก่าๆ ที่เขาเคยส่งหาฉันออกมา และอ่านมันอีกครั้งด้วยความระลึกรู้ว่าเขาเป็นตำรวจปลอมตัวมา" เธอกล่าว"สิ่งที่มันเคยดูเหมือนว่าบีบหัวใจเหลือเกินในจดหมายพวกนี้คำบอกเล่าที่ทำให้ฉันเป็นห่วงความเป็นอยู่ของเขาสุดหัวใจกลับกลายเป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น มันคือการหลอกใช้ มันคือการจงใจทำร้าย"

แปลจาก

//www.theguardian.com/uk/2013/feb/03/woman-search-police-spy

Create Date : 04 พฤษภาคม 2557
Last Update : 4 มิถุนายน 2557 18:08:49 น.		1 comments
Counter : 1221 Pageviews.
Share Tweet