Don't just me because I sin differently from you.
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2557
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
2 กรกฏาคม 2557
 
All Blogs
 
เจ้าสาวของแฟรงเกนสไตน์ ตอนจบ [เรื่องสั้นแปล]

8 มิถุนายน

เจ้าค่อมนำถาดไม้วางอาหารเช้ามาส่งขณะที่ฉันยังนอนอยู่บนเตียงฉันมองร่างกายผิดสัดส่วนของมันและใบหน้าอัปลักษณ์นั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะให้มันวางถาดลงบนโต๊ะข้างเตียง

“นี่มันอะไร”ฉันถาม

“สัตว์ประหลาดกลัวว่าเขาอาจทำร้ายความรู้สึกของคุณ”อีกอร์ตอบ “ผมพยายามอธิบายแล้วว่า มันเป็นไปไม่ได้แต่เขาก็ยืนยันจะเตรียมอาหารเช้าให้คุณอยู่ดีแต่พอนาทีสุดท้ายเขาก็เกิดกลัวมากจนไม่กล้าเอาอาหารมาให้คุณที่นี่ด้วยตัวเขาเอง”

“แกหมายความว่ายังไงที่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะทำร้ายความรู้สึกฉันน่ะ” ฉันซัก

“ผมไม่เคยนึกมาก่อนว่ามันเป็นไปได้บารอนเนส” มันตอบ “และผมก็อยู่กับเจ้านายมาตั้งนานก่อนคุณจะเข้ามาเสียอีก”

“บางทีเราน่าจะต้องจัดการอะไรเรื่องนี้บ้าง” ฉันพูดเป็นเชิงขู่


“อย่าเลยได้โปรด” มันพูดอย่างจริงจัง จนฉันต้องหยุดมอง“คุณทำร้ายผมทั้งทางการกระทำและคำพูด นับตั้งแต่วันแรกที่เจ้านายพาคุณมาที่ปราสาทและผมก็ไม่เคยบ่นเลย ถ้างานรับใช้ของผมจบลง ไอ้ค่อมที่ไม่รู้หนังสืออย่างผมที่ออกโรงเรียนตั้งแต่แปดปีเพื่อเลี้ยงดูแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ จะหางานได้ยังไง?คนในเมืองหัวเราะเยาะผม เด็ก ๆ แกล้งผม แต่งเพลงล้อเลียนผม พวกเขาขว้างปาของใส่ผมด้วยซ้ำ”มันหยุด ฉันดูออกว่ามันพยายามควบคุมอารมณ์ “ไม่มีใครเลยในเมืองนี้ –หรือในเมืองไหน ๆ – ที่จะให้งานผมทำ”

“นี่แกยังต้องหาเลี้ยงแม่อยู่อีกหรือ?”ฉันถาม

มันพยักหน้า“ยังมีน้องสาวหม้ายกับลูกเล็ก ๆ อีกสามคนของนางด้วย”

ฉันมองมันครู่หนึ่งในที่สุดก็เอ่ยออกมาว่า “ออกไปได้แล้ว ไอ้หูดอัปลักษณ์”

“คุณจะไม่พูดกับเจ้านายเรื่องไล่ผมออกใช่ไหม”เขายังยืนกราน

“ฉันจะไม่พูดกับวิคเตอร์”ฉันบอก

“ขอบคุณครับ”มันเอ่ยอย่างซาบซึ้ง

“ถึงพูดไปเขาก็คงไม่ฟังอยู่ดี” ฉันว่า

“คุณคิดผิดแล้ว”อีกอร์ค้าน

“เรื่องอะไร?”


“ถ้ามันถึงจุดที่ต้องเลือก”อีกอร์พูดอย่างเชื่อมั่น “เขาต้องเลือกข้างผู้หญิงที่เขารักอยู่แล้ว”

“ถ้าเขารักฉันขนาดนั้นทำไมเขาถึงเอาแต่ทำงานในห้องทดลองบ้านั่นล่ะ” ฉันเถียง

“บางทีอาจเป็นเหตุผลเดียวกับที่เจ้าสัตว์ประหลาดไม่กล้านำถาดนี้เข้ามาให้คุณด้วยตัวเขาเอง”มันตอบ

อีกอร์ออกไปนานแล้วจนไข่และกาแฟเย็นชืด แต่ฉันก็ยังเฝ้าครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่


9 มิถุนายน

วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันตั้งใจลงไปที่ห้องทดลองนับตั้งแต่วันที่วิคเตอร์สร้างเจ้าสัตว์ประหลาดขึ้นมา ข้าวของที่ระเกะระกะก็ว่าแย่แล้วแต่กลิ่นสารเคมีนั้นแย่ยิ่งกว่า

วิคเตอร์ท่าทางตกใจเขาถามฉันว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า

“ไม่มีอะไรผิดปกตินี่”ฉันตอบ

“คนจากในเมืองคงไม่ได้กำลังเดินทางมาเพื่อเผาปราสาททิ้งใช่ไหม”

“มันก็รกลูกตาจริงๆ นี่นะ” ฉันเห็นด้วย “แต่เปล่าหรอก เปล่า ๆ ไม่มีใครมาทั้งนั้น”


“ถ้าอย่างนั้นคุณลงมาทำอะไรที่นี่จ้ะ” เขาถาม

“ฉันคิดว่ามันถึงเวลาที่คุณต้องแสดงให้ฉันเห็นแล้วล่ะว่าคุณมาทำอะไรอยู่ที่นี่ทั้งวันทั้งคืน”

แล้วหน้าตาพื้นๆ ของเขาก็พลันเปล่งประกาย “คุณพูดจริงหรือ”

“ฉันก็อยู่ที่นี่แล้วไม่ใช่หรือไง”ฉันว่า


จากนั้นมันก็กลายเป็นหนึ่งในยามบ่ายที่น่าเบื่อที่สุดเท่าที่เคยมีมาในชีวิตของฉัน เมื่อวิคเตอร์แสดงทุกการทดลองให้ฉันดูด้วยความภูมิอกภูมิใจทั้งที่ล้มเหลวทั้งที่สำเร็จ แถมยังมีบันทึกและการคำนวณทั้งหมดของเขาอีกจากนั้นเขาก็อธิบายด้วยคำศัพท์ที่อาจไม่มีใครเข้าใจได้ถึงวิธีการที่เขาสร้างเจ้าสัตว์ประหลาดและทำให้มันกลับมามีชีวิตได้อย่างไร

“มันยอดเยี่ยมมาก”ฉันโกหกเมื่อเขาพูดจบเสียที

“มันเยี่ยมเลยใช่ไหมล่ะ”เขาพูดเสียยังกับว่ามันเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่

ฉันดูนาฬิกาข้อมือ“ฉันต้องขึ้นไปแล้ว”

“อ้าว”เขาพูดด้วยท่าทางผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด “ทำไมล่ะ”

“ไปทำอาหารเย็นที่คุณชอบไงคะ”

เขายิ้มเหมือนเด็กที่เฝ้ารอเปิดกล่องของขวัญวันคริสต์มาสขณะที่ฉันพยายามนึกให้ออกว่าเขาชอบกินอะไร


14 มิถุนายน

ฉันพบกับสัตว์ประหลาดที่ห้องสมุด

“อีกอร์ฝากขอบคุณ”

“ไม่เห็นมีอะไรเลย”ฉันว่า

“ขึ้นเงินเดือนให้เขาทำให้แม่ของเขาไม่ลำบากไปมากกว่านี้ มันต้องมีอะไรสิ”

“ฉันดูสมุดบัญชีแล้ว”ฉันตอบ “เขาทำงานมาสิบห้าปีโดยไม่เคยได้เงินเดือนเพิ่ม”

“เขาขอบคุณมากจริงๆ” สิ่งมีชีวิตพูด

“ถ้าฉันไล่เขาออก”ฉันว่า “วิคเตอร์ก็จะออกไปข้างนอกหาผู้ช่วยใหม่ที่น่าเกลียดกว่าเดิมซุ่มซ่ามกว่าเดิม ไอ้เรื่องจัดการกับเงินและก็ใช้ชีวิตให้มันเรียบร้อยไม่ใช่เป้าหมายหลักของชีวิตเขา”


“เจ้านายดูท่าทางมีความสุขขึ้นมากเมื่ออาทิตย์ก่อน”

“ก็เห็นได้ชัดนะว่าเขาพอใจกับผลการทดลองของเขา”ฉันว่า

สัตว์ประหลาดมองหน้าฉันแต่ไม่ตอบอะไร

“เธอเจอนิยายรักที่จบแบบมีความสุขบ้างหรือยัง?”ฉันถาม

“ยังครับ”เขาตอบ

“ถ้าพวกนิยายโศกนาฏกรรมทำให้เธอเศร้าจะอ่านต่อไปทำไม?”

“เพราะคนเราต้องมีความหวังเสมอ”

ฉันเกือบจะโพล่งออกไปแล้วว่ามองความหวังสูงส่งเกินไป แต่แทนที่จะทำเช่นนั้น ฉันกลับพบว่าฉันชื่นชมที่เขาเชื่อมั่นอย่างนั้นแม้จะมันขัดกับความคิดของฉันก็ตาม


“สำหรับทุกโรมิโอต้องมีจูเลียต” เขาพูดต่อ “สำหรับทุกทริสตัน ต้องมีอีโซด์[1]” เขาหยุด“มีคนบอกว่าเราถูกส่งมาที่โลกเพียงแค่เพื่อสืบพันธุ์แต่เจ้านายได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ยังมีวิธีการอื่นที่จะสร้างชีวิตขึ้นมาได้ ฉะนั้นเราต้องถูกส่งมาที่นี่ด้วยจุดมุ่งหมายที่สูงส่งกว่านั้นแน่ –และจะมีจุดมุ่งหมายใดที่สูงส่งยิ่งไปกว่าความรักเล่า”

ฉันมองหน้าเขาครู่หนึ่งแล้วจากนั้นก็พบว่าตัวเองดึงหนังสือไพรด์แอนด์เพรจจูดิซ ออกมาจากชั้น ยื่นให้เขา และไม่มีอาการตัวสั่นเลยด้วยซ้ำเมื่อนิ้วของเขาแตะโดนนิ้วของฉัน

“อ่านนี่สิ”ฉันบอก “ไม่ใช่ว่านิยายรักทุกเรื่องต้องจบลงด้วยความเศร้าหรอกนะ”

ฉันสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง


16 มิถุนายน

วิคเตอร์ดูหงุดหงิดขณะที่นั่งลงบนโต๊ะอาหารเย็น

“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”ฉันถาม

เข่าหน้านิ่วคิ้วขมวด“อืม มีของหาย”

“ของบนโต๊ะหรือ?”ฉันถาม พลางมองไปรอบ ๆ “อะไรหาย”

เขาส่ายหน้า“ไม่ใช่ของบนโต๊ะ แต่เป็นของที่สำนักงานในห้องทดลอง”

“มีคนขโมยบันทึกคุณไปหรือเปล่า”ฉันซัก

เขาท่าทางงุนงง“พิลึกกว่านั้นอีก” เขาตอบ “เตียงพับของผมหายไป”

“เตียงพับงั้นหรือ?”ฉันทวน

“จ้ะ”เขาตอบ “คุณคงรู้ ตัวที่ผมใช้นอนทุกคืนหลังเลิกงานดึก ๆ”

“แปลกจริงเชียว”ฉันว่า

“ใครกันนะขโมยที่นอน”เขาว่า

“มันดูพิลึกจังเลยเนอะ”ฉันเห็นด้วย “แต่โชคดีที่ว่าในประสาทแห่งนี้ ยังมีเตียงอื่นอยู่”

เขามีท่าทางงุนงงขึ้นมาอีกจากนั้นก็จ้องหน้าฉันอยู่พักใหญ่ และแล้วเขาก็พลันยิ้มออกมา


2 กรกฎาคม

“แน่ใจหรือ?”วิคเตอร์ถาม

“เราจะปล่อยให้เขาเคว้งคว้างอยู่ในโลกไม่ได้”ฉันตอบ “เขาจะทำมาหาเลี้ยงตัวยังไง เมื่อบ่ายนี้ฉันยังพูดเล่นกับเขาอยู่เลยว่าเขาน่าจะประกอบอาชีพนักมวยปล้ำได้ ดูเขาเหมาะจะอยู่ฝ่ายอธรรมนะ”

“แล้วเขาว่ายังไง”


“เขาอยากเป็นคนที่ถูกรักไม่ใช่ถูกหวาดกลัว – และเขาไม่ต้องการทำร้ายใคร”

วิคเตอร์ส่ายหน้าด้วยความอัศจรรย์ใจ“อีกอร์เอาสมองแบบไหนมาให้ผมกันนะ อยากรู้จริง”

“เป็นสมองแบบที่ดียิ่งกว่าที่คุณจะคาดหวังได้เลยล่ะ”ฉันตอบ

“จริงทีเดียว”วิคเตอร์เอ่ย “แต่มันก็ไม่มีผลให้คนเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อรูปลักษณ์ของเขาอยู่ดี”


“มันอาจทำลายชีวิตเขา”ฉันพูด

“จริงที่สุด”วิคเตอร์เห็นด้วย

“ถ้าเราอยากให้เขาอยู่ต่อไป”ฉันบอกวิคเตอร์ “คุณควรรู้ว่าเราต้องทำอะไร”

วิคเตอร์มองหน้าฉัน“คุณพูดถูกแล้วที่รัก” เขาตอบ


3 กรกฎาคม

ฉันเจอเขาที่ห้องสมุดระยะหลังเขาใช้เวลาขลุกอยู่ที่นี่เกือบทั้งวัน เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ขนาดใหญ่ที่วิคเตอร์และอีกอร์สร้างขึ้นมาเพื่อเขาโดยเฉพาะทันทีที่เห็นฉัน เขาก็ลุกขึ้นยืน

“คุณพูดกับเจ้านายหรือยังครับ”เขาถามอย่างร้อนรน

“พูดแล้ว”ฉันตอบ

“แล้ว?”

“แล้วเขาก็ตกลง”

ร่างกายมหึมาของเขาดูจะผ่อนคลายขึ้น

“ขอบคุณมาก”เขากล่าว “ไม่มีมนุษย์คนไหน ไม่มีบุคคลใด” เขาคลายความตึงเครียดด้วยการยิ้มให้ฉัน“ที่ควรมีชีวิตเดียวดาย แม้แต่คนอย่างผม”

“หล่อนอาจไม่ค่อยน่ามองนัก”ฉันเตือนเขา อยากจะพูดต่อว่า คงไม่น่าฟัง ไม่น่าดมด้วย

“เธอจะน่ามองสำหรับสายตาผม”เขาตอบ “ผมจะมองทะลุใบหน้าของเธอไปถึงความงามที่ซ่อนอยู่ภายใน”

“ฉันแปลกใจที่เธอต้องการแบบนี้”ฉันบอก “นึกว่านิยายรักโศกนาฏกรรมพวกนั้นจะทำให้เธอไม่กล้าเสียอีก”


“มันอาจจบลงอย่างไม่มีความสุข”เขายอมรับ “แต่มันก็ดีกว่าการที่ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเลย คุณเห็นด้วยใช่ไหม”

ฉันคิดถึงวิคเตอร์แล้วพยักหน้า “ใช่” ฉันตอบ “ใช่ ฉันเห็นด้วย”

หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีก นอกจากส่งอีกอร์ออกไปตามสุสานต่าง ๆ อีกครั้ง

ฉันหวังว่าวิคเตอร์จะทำงานโครงการใหม่เสร็จสิ้นก่อนคริสต์มาสแทบจะรอให้ถึงวันที่เราห้าคนนั่งล้อมวงรอบต้นไม้เป็นครอบครัวแสนสุขไม่ไหวแล้ว บางทีมันอาจจะไม่ได้ลงเอยด้วยดีแต่ก็อย่างที่เพื่อนใหม่ของฉันบอก ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่เริ่มต้น


แปลจากเรื่อง The Bride of Frankenstein ของ Mike Resnick



[1] ทริสตัน และอีโซด์ Tristan & Isolde ตัวละครจากตำนานรักที่จบลงด้วยความโศกเศร้า




Create Date : 02 กรกฎาคม 2557
Last Update : 2 กรกฎาคม 2557 15:20:34 น. 0 comments
Counter : 1614 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Desiderata
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Desiderata's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.