|
ลูกเป็นอะไร ตอนที่ 3
มาถึงตอนนี้ ตอนที่ 3 น้องซันอายุได้เกือบ 6 ขวบ
จำได้ว่าครั้งแรกเลยที่ได้ไปปรึกษาและเล่าอาการที่น่าสงสัยให้คุณหมอประจำตัวลูกฟัง
วันนั้นเป็นวันที่เข้าไปพบคุณหมอนานมากกกก เพราะตั้งใจจะคุยกับคุณหมอไป แล้วให้คุณหมอสังเกตุอาการลูกไปด้วย ปรากฏว่าวันนั้น ลูกปกติร่าเริง พูดคุยกับคุณหมอ ไม่แสดงอาการเอียงคอให้เห็น
แต่ดิฉันเองยืนยันว่าลูกคอเอียงมาทางซ้าย
ดังนั้น...( เดาเอาว่า ) เพื่อสนองเจตนารมณ์ของดิฉัน คุณหมอเลยทำการตรวจเช็คคร่าวคร่าวให้
ซึ่งคุณหมอท่านก็เป็นคุณหมออายุรกรรมเด็กทั่วไปธรรมดา ไม่ได้เป็นแพทย์เฉพาะทาง
คุณหมอทำการตรวจระบบประสาทแบบคร่าวคร่าว จำได้ว่า มีการเคาะหัวเข่า, ให้ลูกเดินตามเส้นตรง, ให้ลูกเดินก้าวเท้าต่อเท้าชิดกัน, เอาไฟฉายมาส่องตา แล้วก็อะไรอีกเล็กน้อยที่พอจะเป็นการตรวจขั้นพื้นฐานได้
สรุปผลการตรวจวันนั้นคือ .......น้องซันเป็นปกติ.......
++++
หากใครที่เป็นพ่อและแม่ คงพอจะเข้าใจความรู้สึกดิฉันเวลานี้ดีว่า ดิฉันไม่ชอบคำวินิจฉัยคำนี้เลยว่า...ปกติ....
จริงจริงเราควรจะดีใจมากกกก ใช่ไหมคะ ที่ลูกเราปกติ แต่ดิฉันไม่ดีใจ เพราะดิฉันเห็นว่าไม่ปกติ
คุณหมอก็คงพอจะเข้าใจดิฉัน ท่านได้กรุณาบอกขั้นตอนต่อไปว่า ดิฉันควรจะทำอย่างไร หากยังมีข้อตะขิดตะขวงใจอยู่
ท่านแนะนำว่า ให้น้องซันทำการตรวจฟิล์ม x ray ก่อนเป็นขั้นตอนต่อไป และหากยังไม่พบความผิดปกติ ให้ทำการตรวจ EEG (การตรวจวัดคลื่นสมอง ตรวจสอบอาการชัก) เป็นลำดับต่อไป
++++++
มาถึงตรงนี้แล้ว ดิฉันเริ่มมีความเครียดเข้ามาครอบงำทั้งตัวแล้วค่ะ ไม่มีความรู้สึกแบบว่า ...ปกติ...เหมือนที่่ผ่านผ่านมา ดิฉันทำการนัดตรวจในอีก สองสัปดาห์ เพราะหากทำการตรวจคลื่นสมอง น้องซันจำเป็นต้องหลับ ไม่ว่าจะด้วยยานอนหลับ หรืออะไรก็ตาม ดิฉันขอเวลาไปทำใจค่ะ
++++++
อ้อ...เกือบลืมไป เหตุการณ์ในตอนนี้น้องซันอยู่อนุบาล 2 การเรียนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ไม่ได้โดดเด่นเลิศเลอ ไม่ใช่เป็นเด็กเกเร ไม่ใช่เป็นเด็กเงียบซึม ยังเป็นคนที่ยิ้มง่าย ชอบแสดงร้องรำทำเพลงตามที่ครูสอน และมีเรื่องกลับมาเล่าให้ที่บ้านฟังทุกวัน
ดูเหมือนปกติอีกแล้วใช่ไหมคะ??????
ดิฉันเกลียดคำว่า ป ก ติ
Create Date : 07 ตุลาคม 2552 |
Last Update : 8 ตุลาคม 2552 5:54:58 น. |
|
0 comments
|
Counter : 878 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
rptperfect |
|
|
Location :
Shanghai China
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]
|
นักเรียนนอก ทำงานไฟแรงอย่างดิฉันเมื่อ 15 ปีก่อน ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะมีวันที่ต้องมาเป็นแม่บ้านเต็มตัว ...สามีเองก็เอ่ยปากเองแท้แท้ว่าไม่ชอบภรรยาที่อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ชอบผู้หญิงทำงาน แต่...ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด เมื่อลูกคนแรกคลอดออก เราทั้งคู่ไม่ต้องคิดอะไรมากไปกว่า การได้ดุแลลูกด้วยตัวเอง
ตัดสินใจลาออกจากที่ทำงานโดยไม่ต้องคิดหน้าคิดหลัง ด้วยเงินเดือน 3 หมื่นบาท ใน 15 ปีก่อน ทิ้งทุกอย่างไว้ตรงนั้น ไม่รู้ซะด้วยซ้ำว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ถามสามีแค่ว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะเลี้ยงเรากับลูกไปได้ตลอดรอดฝั่ง
ถามไปอย่างนั้น ไม่ต้องการคำตอบ เพราะได้ตัดสินใจไปแล้ว
เพราะลูก คำเดียว
|
|
|
|