แบร์แนแด็ท....น่ารัก....น่ารัก ขี้ลืม.....ขี้ลืม ...... หนังปายหนายหว่า buy แล้ววbuyอีก......... faith, hope and charity เฟศบุ๊ค http://www.facebook.com/bernadette.soubirous.3
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
26 ธันวาคม 2551
 
All Blogs
 

The Pursuit of Happyness (2006):Was it as easy as it to looked?

Was it as easy as it to looked?
มันไม่ง่ายอย่างที่เห็น....ใช่มั๊ยะ

The Pursuit of Happyness Trailer



Film สร้างจากเรื่องจริง ช่วงชีวิตหนึ่งของ Chris Gardner



Film เรื่องนี้ให้กำลังใจกับใครหลายๆๆคน อาจจะมองว่า เป็ฯไปไม่ได้ ...แต่เป็นจริงได้...ถ้าคุณมีความฝัน ไม่ยอมแพ้ และอดทน

Film สร้างมาจากเรื่องจริงของ Chris Gardner ที่มีจิตวิญญาณมุ่งมั่น ที่เค้าได้มาจากคุณแม่ของเค้า ที่เรียกกว่า "spiritual genetics" จากคนไร้บ้าน homelessness ลูกติดในเรื่องจริงคือลูกยังเป็นทารกแบเบาะ ทำงานไม่เหลืออะไรเลย ..แต่เค้าไม่ยอมแพ้ ตกเย็น 5 โมง รีบมาโบส์ถ มาจองที่นอน และกินข้าวในโรงทานโบส์ถอะ (ภาษาชาวบ้านกะขอข้าววัดกินอะ) มาเป็น CEO เจ้าของบริษัทของตัวเอง อะ



ใน Film สื่อ คริสกับชนชั้นธรรมดาของเมกา กับความฝันเริ่มแรก ลงทุนซื้อเครื่องเอ็กซเรย์กระดูกแบบพกพา กล่องเหล็กๆๆหิ้วได้ นำไปขายให้หมอ ตามโรงพยาบาล ขายได้บ้างไม่ได้บ้าง
เหลือเครื่องเอ็กซเรย์กระดูก 6เครื่อง ค่าเช่าบ้านกะไม่มีจ่าย ลูกกะยังเล็ก ภารยาทำงานสองกะ
เค้าเดินผ่านบริษัทโบรกเกอร์ เค้าเห็น ผู้บริหารขับรถสปอร์ตสีแดง และทักทายเค้าอย่างเป็นกันเอง
มาสมัครสิ ลองดู ขอให้เก่งเลข และเข้ากับคนเป็นแค่นี้แหละ

และเค้าเห็นสีหน้าของผู้คนทำงานบริษัทตลาดหุ้น ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เค้ามองว่า เค้าต้องทำให้ได้



เค้าไปสมัครงานบริษัทโบรกเกอร์หิ้ว กล่องเครื่องเอ็กซเรย์พกพาไปด้วย และได้ฝากสาวฮิปปี้ร้องเพลงตามถนนไว้ ...เรียบร้อย เจอสาวฮิปปี้หิ้ววิ่งหนีขึ้นรถไฟใต้ดินไปเลย เค้ากลับบ้านไปบอกภารยา ว่าเค้าจะเริ่มต้นอีกครั้งกับงานใหม่ เรียบร้อย ภารยาบอกว่า เธอจะไปนิวยอร์กไปช่วยพี่เขยทำงานร้านอาหาร เพราะชั้นอยู่กับเธอ ...ชั้นไม่มีความสุข

กับการไปสัมภาษณ์งาน ค่าเช่าบ้านไม่มีจ่าย คริสทาสีบ้านชดเชยให้ เค้ามาสัมภาษณ์ทั้งชุดทาสีเลอะๆๆ เราชอบตอนสัมภาษณ์งานอะ CEO บริษัทตริม

CEO: เจย์คุณเห็นคริสมากี่ครั้งแล้ว
เจย์: คงจะหลายครั้งครับ เห็นเค้าใส่สูทผูกไทร์ หิ้วกล่องเหล็กไปใหนมาใหนบ่อยๆครับ
คริส: If you ask me a question and I don't know to answer...I'm gonna tell you that I don't know
and I bet you want I know how to find the answer and I will find the answer is that fair ennough?
ถ้าคุณถามผม แล้วผมไม่รู้คำตอบ ......ผมจะตอบว่าผมไม่รู้ แต่ผมรับประกันว่า ผมรู้วิธีหาคำตอบ และจะหาคำตอบให้ได้ แค่นี้พอหรือเปล่า (แพ็ทเทริน เอาตัวรอดอิอิ)


มันกลับกลายเป็นว่าบริษัทรับคริสเข้าทำงาน แต่คริสขอคิดดูก่อน เพราะช่วงทดลองงาน หกเดือน ไม่ได้เงินเดือน และมีคู่แข่งอีก 20 กว่าคน แต่บริษัทคัดเพียงแค่คนเดียว



กับการไปได้ด้วยดีของขายกล่องเอ็กซเรย์กระดูกพกพา ขายได้ไปอีก 4 เครื่อง แต่ว่า คริสโดนสรรพกร หักจากแบงค์ไปหมด เหลือตังค์ 20 กว่าเหรียญ ห้องเช่ากะโดนไล่ เค้ากับลูกชายไม่มีที่อยู่ คืนนั้นเอง เค้าไปนั่งที่สถานีรถไฟใต้ดิน กับลูกสองคน

กับความรักการปลอบใจที่มีต่อลูกเค้า คริสหลอกล่อลูกชายในการมองโลกในแง่ดี คืนนี้เราไปหาถ้ำกันลูก เค้ากะเล่นกะลูก......และคืนนั้น คริสและลูกชายนอนในห้องน้ำสาธารณะ...คริสนั่งกอดลูกชาย พร้อมกับน้ำตาร่วงของคริส




กล่องเอ็กซเรย์ เจอคนจรจัดไร้บ้านหิ้วถุงทะเลสกรีน รูปแม่พระกวาตาลูเป (แม่พระประจักษ์ที่แม็กซิโก) เก็บเอาไป คริสไปเจอ และนำไปขาย แต่ว่า กล่องเอ็กซเรย์ใช่ไม่ได้ คริสต้องซ่อมมัน

กับการเรียนรู้งานโบรกเกอร์ ไม่ใช่แค่คริสเรียนอย่างเดียวเหมือนคนอื่นๆ โดนผู้บริหาร ชงกาแฟให้หน่อย คริส ซื้ออาหารให้หน่อยคริส ไปหาที่จอดรถให้หน่อยคริส (เรื่องปรกติของ service charge ลูกน้องที่ดีอิอิ)


คนอื่นๆฝึกงานเช้ายัน 3-4ทุ่ม เวลาทำงานคริสไม่ลุกไปกินน้ำเดินโน้นนี่ หรือรีแล็กซ์ คริสทำงาน nonstope สำหรับ คริสเหรอ 4 โมงเย็นต้องรีบไปแหละ ไปโบส์ถเข้าคิวรอหาที่นอนไม่เกิน 5 โมงเย็น และกะกินข้าวในโรงทานในโบส์ถอะ

กับความท้อแท้และมองโลกในแง่ดีของคริส และลูกชายคริสปลอบใจพ่อเค้า

ลูกชายคริส :พ่อครับหนึ่งมีคนกำลังจมอยู่ในน้ำมีเรือแล่นผ่านมา ถามว่าจะให้ช่วยอะไรมั๊ย
ไม่ต้องพระเจ้าจะช่วยผม God save me

แล้วก็มีเรืออีกลำผ่านมา ถามว่าจะให้ช่วยอะไรมั๊ย เค้าตอบพระเจ้าจะช่วยผม แล้วเค้ากะจมน้ำขจากนั้นกะขึ้นสวรรค์ เค้าถามพระเจ้า ทำไมท่านไม่ช่วยผม พระเจ้าตอบ ก็เราส่งเรือไปตั้งสองลำแล้วไง...อิอิ




กับการทำงานของคริส คริสต้องคุยโทรศัพย์หาลูกค้า นัดลูกค้าให้ได้ ทานข้าว หรือพบปะกัน คริสได้ไปเจอCEO Walter Ribbon กับกองทุน Pacific Bell pension money ที่มีเงินเป็นล้านๆๆเลยที่เดียว คริสเล่นไปเจอเค้าที่บ้าน และเค้าชวนไปดูอเมริกันฟุตบอล คริสกับลูกได้ที่นั่ง วีไอพี แต่ละคนที่มา ไม่ได้แค่ดูอเมริกันฟุตบอล มีแต่นักธุรกิจ ทั้งนั้น คริสได้นามบัตรจากนักธุรกิจพวกนี้หลายคน ให้คริสติดต่อหาพวกเค้า

คริสขอ CEO Walter Ribbon ให้Dean Witter บริษัทคริสจัดการเรื่องเงินทุน CEO Walter คริสพรีเซ็นต์ว่า พวกเราเหนือว่า Morgan Stanley CEO รับรองพอใจแน่ครับ CEO Walter ปฎิเสธคริสอย่างนุ่มนวล ...คงไม่ใช่เร็วๆนี้แน่คริส

กับความผิดหวังของคริส ...มันคือเรื่องปรกติของงานอะ แต่ว่า นามบัตร ของ นักธุรกิจที่คริสเจอพวกเค้าในอเมริกันฟุตบอล เค้าเจอคริส ให้คริสติดต่อกลับไปอีกที

กับการทดลองงาน หกเดือน คริสได้ลูกค้าเข้าบริษัท 31 ราย และต้องสอบแบบทดสอบเข้าบริษัท มีทั้งกากบาท และข้อเขียน



และคริสขายกล่องเอ็ซเรย์ได้ เค้าพาลูกชายไปพักผ่อน ไม่มีเสียงรถจอแจ ไม่ต้องรับรู้อะไรทั้งนั้นมีแต่เค้ากับลูก

กับคำขวัญประจำใจของคริส นั้นคือ ท่อนหนึ่งของประโยคที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีของประธานาธิบดี Thomas Jefferson's

"We hold these truths to be self-Evident, that all men are created Equal, that they are Endowed By their Creator with Ceartain [sic] unalienable rights,

that among these are Life, Liberty, and the pursuit of Happyness."
สิ่งนั้นท่ามกลางเหล่านี้คือชีวิต, อิสรภาพ, และการไล่ติดตามของความมีความสุข

และในที่สุด CEO Dean Witter ได้เลือกคริสเข้าทำงาน มันคือสิ่งที่เรียกว่า ความสุข happiness




และนำมาเป็นชื่อเรื่องของ Film กับคำว่า HAPPYNESS ที่สะกดผิด มันคือสัญญาลักษณ์ของ คริส ที่คริสเป็นคนไร้บ้าน Homeless และ การสะกดผิดของคำว่า"HAPPYNESS ความสุข" พูดถึงสีที่พ่นบนกำแพงที่คริสส่งลูกชายเค้าไปสถานที่รับเลี้ยงเด็ก ที่คริส สื่อถึงความสะดวกสะบายของลูกชายเค้า กับค่าเลี้ยงดูไม่แพงมาก แต่ว่า คริส ผลัดจ่ายแล้วผลัดจ่ายอีก

The Pursuit of Happyness (Wonderful emotions - ending)





ในปี 1987 Chris Gardner ได้ก่อตั้งบริษัท brokerage firm ชื่อว่า Gardner Rich & Co, ใน Chicago, Illinois

" institutional brokerage firm specializing in the execution of debt,equity and derivative products transactions for some of the nation’s largest institutions, public pension plans and unions."


บริษัทใหม่ของเขาเริ่มต้นในอาพารตเม็นต์ เล็กๆ Presidential Towers กับเงินทุนเริ่มต้น US $10,000

Chris Gardner Discusses Success


หลังจาก Gardner ขายหุ้นใน Gardner Rich ไปหลายล้านดอลล่าห์ในปี 2006 เค้ากลายเป็น CEO และเป็น ผู้ก่อตั้งของ
Christopher Gardner International Holdings ออฟิตอยู่ที่นิวยอร์ก และซานฟรานซิสโก
ระหว่างการไปเยี่ยมอาฟริกาใต้ เค้าไปเฝ้าสังเกตการณ์การเลือกตั้ง ของครบรอบ 10 ปีที่สิ้นสุดแห่งการแบ่งแยกสีผิว เค้าได้พบกับ เนลสัน เมเดลล่า และคุยกันในเรื่องที่เป็นไปได้เกี่ยวกับการลงทุนตลาดใหม่ๆในอาฟริกาใต้

การพัฒนาการลงทุน และ กับธุริกิจเสี่ยงแต่สามารถทำกำไรได้(ทุกธุรกิจกะมีความเสี่ยงอ่า)กับอาฟริกาใต้ นั้นคือพวกเค้าจะสร้างงานใหม่ๆเป็ฯหลายร้อยงาน และ แนะนำธุรกิจการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศนำเข้าไปในประเทศ
Gardner ได้ปฏิเสธเพื่อเปิดรายละเอียดของกฏหมายความปลอดภัยที่กำลังอ้างถึงโครงงาน

Film สร้างมาจากหนังสือ


เกร็ดภาพยนต์ เอามาจาก Siamzone Source : //www.siamzone.com/movie/m/4363/trivia

The Pursuit of Happyness Part 1



เด็กที่เล่นเรื่องนี้กะลูกของวิลสมิธ อะ

ฉากคอมพิวเตอร์ ยุค 70 จอสีดำ ตัวพิมพ์เขียว โบราณๆทีมงานสร้างเครื่องนี้ถึง 70 เครื่อง
เสื้อผ้าภาพยนต์เรื่องนี้เอามาจาก ebay.com เพราะยี่ห้อ ฺB'gosh และ Osh Kosh กำลังฮิตในยุคนั้นเลิกผลิตไปแล้ว

วิลสมิธให้ผู้กำกับ กาเบียล มักซิโน่ ผู้กำกับชาวอิตาลี กำกับภาพยนต์เรื่องนี้

ตัวจริงคริส คาร์เดนเนอร์ ปรากฎตอนท้าย Film เรื่องนี้

คนจรจัดที่เล่นตอนเข้าแถวพักฟรีในโบส์ถ คือคนจรจัดจริงๆๆ เล่นจริง ได้ค่าแรงเต็มวัน

โฆษณาสายการบินทุนต่ำ ที่เห็นในFilm ตามป้ายรถไฟใต้ดิน รถแท็กซี่ รถประจำทาง สายการบิน PSA ในยุค 80 นิยมมากในสมัยนั้น



Source ://en.wikipedia.org/wiki/Chris_Gardner
//www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/pursuitofhappyness/poh.html




 

Create Date : 26 ธันวาคม 2551
5 comments
Last Update : 26 ธันวาคม 2551 11:01:04 น.
Counter : 1327 Pageviews.

 

เรื่องนี้ได้ดูใน Cable TV.ค่ะ
ลูกชายน่ารักดี



 

โดย: เริงฤดีนะ 27 ธันวาคม 2551 20:03:29 น.  

 

ไม่นึกว่า วิล สมิธ ก็เล่นแบบนี้ได้ดีเหมือนกันครับ
ดูจากหนังตัวอย่างก็ได้อารมณ์ดราม่าดีครับ
หนังสร้างมาจากเรื่องจริง ยิ่งทำให้คนเรารู้สึกมีกำลังใจในการใช้ชีวิตยิ่งขึ้น

เข้ามาสวัสดีปีใหม่คุณ นู๋แบร์ฯ ครับ พี่ดีเจฯ คงกลับมาปีหน้าโน่นเลย

 

โดย: dj booboo 28 ธันวาคม 2551 1:11:55 น.  

 

เรื่องนี้ได้ดูใน Cable TV.ค่ะ
ลูกชายน่ารักดี

โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 27 ธันวาคม 2551 เวลา:20:03:29 น.

ตอบ ขอบพระคุณค่ะพี่นางฟ้า

ideology เดียวกันค่ะ
ความหมายคือ อุดมคติอันสูงส่งที่จูงใจมนุษย์ให้พยายามบรรลุถึง

สมเป็นพี่นางฟ้าจริงจริงๆค่ะ ปรบมือให้ค่ะ แปะแปะ

 

โดย: Bernadette 28 ธันวาคม 2551 6:33:55 น.  

 

ไม่นึกว่า วิล สมิธ ก็เล่นแบบนี้ได้ดีเหมือนกันครับ
ดูจากหนังตัวอย่างก็ได้อารมณ์ดราม่าดีครับ
หนังสร้างมาจากเรื่องจริง ยิ่งทำให้คนเรารู้สึกมีกำลังใจในการใช้ชีวิตยิ่งขึ้น

เข้ามาสวัสดีปีใหม่คุณ นู๋แบร์ฯ ครับ พี่ดีเจฯ คงกลับมาปีหน้าโน่นเลย



โดย: dj booboo วันที่: 28 ธันวาคม 2551 เวลา:1:11:55 น.


ตอบ Film เรื่องนี้ให้กำลังใจใครหลายๆๆคนเลยงั๊บบ

กับภาวะแบบนี้ เอ้า ให้กำลังใจกัน

ไม่มีใครตอบได้ มันเป็นแค่ช่วงหนึ่งของชีวิต

กับคนรอบข้าง ถ้าทับถมกันไม่ให้กำลังใจนี้ ยิ่งเหนื่อยเข้าไปใหญ่

ถ้าเราให้กำลังใจกัน เล็กๆๆน้อยๆๆ อย่างน้อย กะมีกำลังใจฮึดสู้งั๊บบ

สุภาษิตไทย กะบอกว่า คนล้มอย่าข้ามใช่อะปะงั๊บบ

ครายยจาบ้าล้มตลอดดดดดด อิอิ

 

โดย: Bernadette 28 ธันวาคม 2551 6:36:58 น.  

 

พ่อจนสอนลูก

 

โดย: mr.cozy 30 ธันวาคม 2551 10:43:11 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Bernadette
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




In the name of the Father, and of the Son, and of the Holy Spirit

The Ave Maria asks Mary to "pray for us sinners."

Amen

PaPa for all Father W e pray year of priests.



Card Michael Michai Kitbunchu, Archbishop of Bangkok, is the first member of the College of Cardinals from Thailand.

source :http://www.asianews.it/news-en/Michai-Kitbunchu,-first-cardinal-from-Thailand-3038.html

พระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู คณะเชนต์ปอล part1

ฺBishop ฟรังซิส เซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช พิธีรับPallium Metropolitans Bangkok Thailand >

สารคดี เทศกาลแห่ดาว สกลนคร Welcome
Sakonnakorn Christmas Thailand
Metropolitans Tarae Sakornakorn Thailand


Orchestra and four vocal Choir - *Latin* Recorded for the Anniversary of the Pope Benedict XVI April 19 This is the Anthem of the Vatican City. The Songs are called Inno e Marcia Pontificale ...

We are Catholic.

หน้าเฟส อัพรูป หาที่อัพรูปใหม่อยู่ http://www.facebook.com/bernadette.soubirous.3


MusicPlaylist
MySpace Music Playlist at MixPod.com

Friends' blogs
[Add Bernadette's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.