Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2556
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
29 มิถุนายน 2556
 
All Blogs
 
O "อดีตพระมิตซูโอะ" .. โมฆะบุรุษ ผู้ติดตาข่ายโลก O

.







คงชัดเจนแล้วว่า "อดีตพระมิตซูโอะ" .. ลูกศิษย์พระป่าหลวงพ่อชา สุภัทโธ เป็นผู้พ่ายแพ้ต่อโลกอย่างสิ้นเชิง !


มี 2-3 ประเด็นที่อยากพูดถึงอดีตพระคนนี้ ..


1. การเป็นศิษย์หลวงพ่อชา
พระป่าสายอีสานที่มีชื่อเสียงทั้งหลาย มาจากการอยู่ป่า ปลีกวิเวก ไม่คลุกคลีด้วยโลก ตั้งแต่"อาจารย์ใหญ่"หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เป็นต้นมา ..

พลวงพ่อชา สุภัทโธเองก็มีชื่อเสียงมากอีกรูปหนึ่งในทางที่มีชาวตะวันตกต่างชาติมาบวชเรียนเป็นลูกศิษย์มากมาย รวมทั้งอดีตพระญี่ปุ่นคนนี้ .. และรวมทั้งพระอาจารย์คึกฤทธิ์ วัดนาป่าพง ที่มุ่งเน้นทางพระพุทธวจนะ จนดูเหมือนสามารถหลุดออกใต้ร่มเงาหลวงพ่อชา เพื่อมุ่งตรงต่อไปที่พระพุทธองค์ผู้เป็นพระศาสดาโดยตรงอันสามารถนับเนื่องเป็นปัญญาชนในแนวทางเดียวกับท่านพุทธทาสภิกขุได้เลยทีเดียว

พระศาสดาคือ จุดเริ่มต้นของสัทธรรม มิใช่บรรดาอาจารย์ที่ร่ำเรียนตามพระศาสดาอีกที .. อันสามารถผิดเพี้ยน บิดเบือน และเป็นมิจฉาทิฏฐิมืดบอดในตนเองได้ ดังที่เราท่านรับรู้กันมาเป็นระยะ

ดังนั้น การเป็นศิษย์หลวงพ่อชา จึงมิได้เป็นเครื่องการรันตีใดๆว่า จะมีทิฏฐิที่ถูกตรงได้เช่นอาจารย์ และจะมีความมุ่งมั่นที่จะครองเพศบรรพชิตจนถึงสิ้นอายุขัยได้ตลอดรอดฝั่งเช่นอาจารย์


2. การมีแนวคิดแบบ สัสสตทิฏฐิ
มาดูความหมายกัน ..

สัสสตทิฏฐิ - ความเห็นว่าเที่ยง คือความเห็นว่า อัตตาและโลก เป็นสิ่งเที่ยงแท้ยั่งยืน คงอยู่ตลอดไป เช่น เห็นว่าคนและสัตว์ตายไปแล้ว ร่างกายเท่านั้นทรุดโทรมไป ส่วนดวงชีพหรือเจตภูตหรือมนัสเป็นธรรมชาติไม่สูญ ย่อมถือปฏิสนธิในกำเนิดอื่นสืบไป เป็นมิจฉาทิฏฐิอย่างหนึ่ง; ตรงข้ามกับ อุจเฉททิฏฐิ

ที่มา .. //www.nkgen.com/ex3.htm#เจริญวิปัสสนา


การพูดถึงความสอดคล้องต้องกันของวาสนา บารมีที่สะสมมา รวมทั้งบุญกุศลที่เคยทำมาด้วยกันจากชาติที่แล้ว .. แนวคิดนี้คือแนวคิดที่เป็น สัสสตทิฏฐิ อันเป็นมิจฉาทิฏฐิในศาสนาพุทธ

อดีตพระญี่ปุ่นรูปนี้ แม้บวชมานานร่วม 40 ปี แต่ในแง่สัทธรรมแล้วยังดูเหมือนไม่สามารถเข้าใจหลักใหญ่ใจความของพุทธธรรมได้ทะลุปรุโปร่งเท่าใดนัก

สงฆ์รูปใดพล่ามสอนแต่เรื่อง บุญกรรมทำแต่ง การเวียนเกิดเวียนดับทางเนื้อหนัง .. นั่นคือ มิจฉาทิฏฐิ และเป็นตัวกั้นจิตมิให้สามารถเข้าใจพุทธธรรมอย่างถูกต้องได้ และนั่นเป็นเหมือนการเริ่มต้นจะตั้งภพตั้งชาติ รอพาดเกี่ยวกับบรรดา "เศรษฐินีผู้มืดบอดทางปัญญาญาณ" เมื่อได้จังหวะ ทำนองเดียวกับ เณรคำ


3. ผู้พ่ายแพ้แก่โลกียวิสัย
การรีบสึกออกไปแต่งงานหลังบวชเรียนมาร่วม 40 ปี เป็นหนึ่งในประเด็นของ "การสูญเสียความตั้งใจเริ่มต้น" อีกผู้หนึ่ง .. พระพุทธองค์ใช้คำเรียกว่า "โมฆะบุรุษ" กับบุคคลลักษณะนี้

ความหมาย ..

โมฆ-, โมฆะ [โมคะ-] ว. เปล่า, ว่าง; ไม่มีประโยชน์, ไม่มีผล, เช่น สัญญาเป็นโมฆะ; (กฎ) เสียเปล่า ไม่มีผลบังคับหรือผูกพันตามกฎหมาย. (ป., ส.).

โมฆกรรม (กฎ) น. นิติกรรมที่เสียเปล่า ไม่มีผลบังคับหรือผูกพันตามกฎหมาย ไม่อาจให้สัตยาบันแก่กันได้ และผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใด จะยกความเสียเปล่า ขึ้นกล่าวอ้างก็ได้, กฎหมายเขียนเป็น โมฆะกรรม.

โมฆสัญญา น. สัญญาที่ไม่มีผลบังคับ.



โมฆะบุรุษ ย่อมแปลว่า บุรุษที่สูญเสียเวลาเปล่า ไม่ได้ในสิ่งที่ตั้งใจไว้


4. ความเป็นคนญี่ปุ่น
ประเด็นนี้สืบเนื่องจากลักษณะทางชาติพันธุ์ .. เนื่องการการไม่ลักขโมย การเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวของชาวญี่ปุ่นมีน้อยมาก จนเป็นที่รับรู้กันของคนทั้งโลก .. เป็นลักษณะเด่นที่น่ายกย่องนับถือ

เมื่อไม่สามารถฝืนความต้องการทางโลกได้อีกต่อไป พระญี่ปุ่นรูปนี้จึงเลือกที่จะสึกอย่างไม่ต้องมีลีลาลูกคู่ฆ้องวงประกอบแต่อย่างใด .. รวบรัดชัดเจน .. กล้าทำกล้ารับ .. เป็นสิ่งที่น่ายกย่องมาก ไม่ต้องมีสมุนบริวารที่หากินอยู่ใต้ถุนกุฏิต้องคอยดาหน้าออกหน้า ส่งเสียงตะเบ็งเซ็งแซ่ ช่วยกันรักษาถังเงินใบโตแต่อย่างใด !

ลองเปรียบเทียบกับกรณี อดีตพระนิกร อดีตพระยันตระ อดีตพระภาวนาพุทโธ รวมทั้ง เจ้าเณรคำ จากกรณีล่าสุดอันเป็นชาติพันธุ์ไทยดูว่า มันดื้อด้าน แถกแถกันจนสีข้างแดงเถือกขนาดไหน ..

การไม่ยอมรับผิด พฤติกรรมที่เถียงหัวชนฝา .. มันพัฒนาได้ยากมาก !

.
.
.
การมีศรัทธาในวัตถุ เช่น พระพุทธรูป อันมีขึ้น สร้างขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนของพระพุทธองค์นั้น ก็เพื่อต้องการให้จินตนาการง่ายขึ้นต่อระดับปัญญาที่ยังต้องการการพึ่งพารูปเคารพอยู่ ..

และที่ถูกที่ควรแล้ว รูปเสมือนนี้ควรต้องกอปรด้วยสรีระลักษณะสมจริงถูกต้องตามกายวิภาคแบบรูปปั้น รูปแกะของฝรั่ง จึงจะทำให้น่าดูน่าศรัทธาน่าเลื่อมใส ..

มากมายตามบ้านนอกที่เกิดจากแรงศรัทธาของชาวบ้านแต่ขาดหลักวิชาที่จะสร้างให้ถูกต้อง ทำให้เห็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะไม่สมส่วน แบนไป กว้างไป หน้าตาไม่เหมือนเผ่าอารยัน กลับเหมือนแม้ว เหมือนม้ง .. ไม่ถูกต้องตามหลักกายวิภาคทำให้รู้สึกสังเวชกรรมบทพระศาสนาในเมืองไทยนี้ตลอดมา

ไร้การควบคุมดูแล
ไร้ความรู้ความชำนาญจะจัดการ
เอาแต่ศรัทธามืดบอดนำทาง

เราจึงได้รับรู้รับฟังการถกเถียงกันของพระสงฆ์ 2 รูปผ่านจอทีวี !

ไหว้พระพุทธรูป .. ไหว้เจว็ด .. ไหว้โคนไม้ .. ไหว้ศาลพระภูมิ .. เหล่านี้ล้วนเกิดจากกระแสพุทธธรรมที่แผ่เข้ามาปะทะกับกระแสนับถือผี นับถือบรรพบุรุษของพื้นถิ่นสุวรรณภูมิ ตั้งแต่เมื่อพระโสณะสมณทูตของพระเจ้าอโศกสายที่ 9 นำมาลงหลักปักฐานเป็นปฐมบทที่อาณาจักรสะเทิมของมอญ

จนบัดนี้มันจึงเกลือกกลั้วคลุกเคล้า จนเป็นพุทธเถรวาทที่อ้างว่ายึดตามคำพระพุทธองค์ และหลับหูหลับตาสร้างเป็นรูปแบบประเพณีนิยมต่างๆสืบทอดลงมา เป็นสัทธรรมปฏิรูป ที่มากมายไปด้วยขยะกาฝากที่แฝงอยู่ในคำว่า พุทธศาสนา

ตื่นศักดิ์สิทธิ์
เห่อปาฏิหารย์

กระแสการประโคมตัวตนเป็นพระอริยะเจ้า จึงมีมาทุกยุคทุกสมัย ทั้งๆที่การใช้เพียงสามัญสำนึกชั้นปุถุชนก็สามารถแยกได้ไม่ยากนัก .. แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากสำหรับคนเกิน75%ของจำนวนคนที่มีอยู่

ดีที่อดีตพระสายหลวงพ่อชา คนนี้ไม่ได้มีโมหะกรรม มิจฉากรรมใดๆมาก่อน .. การสึกของท่านจึงเป็นเพียงการสร้างความแปลกใจและคาดไม่ถึงของคนผู้มีปัญญาจำนวนหนึ่งเท่านั้น


สำหรับกรณีพระที่จะมีวิวาทะกันทั้ง 2 รูปนั้น .. ผู้สนใจลองหาฟังการเทศสอนคนดูว่ามีทิฏฐิเยี่ยงไร ..


หากพูดเรื่องเวียนเกิดเวียนดับทางเนื้อหนังร่างกายอย่างที่มีความหมายเป็นคนเดิมเดียวจากชาติที่แล้ว ..ชาตินี้ .. ชาติหน้า .. แปลว่าเป็น สัสสตทิฏฐิ .. คือ มิจฉาทิฏฐิ


เป็นความคิดของพราหมณ์ ไม่ใช่ของพระพุทธองค์
เพราะลงกับหลักไตรลักษณ์ไม่ได้



ฟันธง !


Create Date : 29 มิถุนายน 2556
Last Update : 29 มิถุนายน 2556 10:14:25 น. 0 comments
Counter : 2151 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.