sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
20 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 
ตอนที่ 12 คู่กัด




ล้อมเดชยืนนิ่งแล้วถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่าในอนาคตหากเขาจะต้องดูแลจิราภาด้วยการวาดภาพขาย มันจะทำให้หญิงสาวอยู่ได้อย่างสุขสบายแค่ไหน หากเขาพาจิราภามาอยู่ด้วยเธอจะต้องพบกับความยากลำบากขนาดไหน และสุดท้ายเธอจะมีความสุขหรือไม่หากในวันหน้าเธอจะต้องอยู่กับผู้นำอย่างเขาที่ไม่ได้มีเงินทองมากมาย

“จิ๊บไม่แคร์หรอกนะคะว่าต่อไปข้างหน้าจิ๊บจะใช้ของราคาถูกหรือแพง พี่ภูหยุดดูถูกพี่ล้อมได้แล้ว จิ๊บมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ๆพี่ล้อมจิ๊บรักพี่ล้อมจิ๊บไม่เคยกลัวความลำบากเลย เพราะจิ๊บเชื่อว่าพี่ล้อมจะดูแลจิ๊บได้และดูแลได้ดีด้วย” คำตอบที่ จิราภาตอบออกไปชัดถ้อยชัดคำเป็นสิ่งยืนยันให้กับคำถามที่ล้อมเดชกำลังเฝ้าถามตัวเองชายหนุ่มยิ้มด้วยความตื้นตัน แต่กับอีกคนมันกลายเป็นคำตอบที่ก่อพายุได้เป็นอย่างดี

ล้อมเดชรู้สึกหัวใจพองโตจนคับอกเมื่อได้ยินคำบอกรักจากหญิงสาว หากเขาและเธออยู่กันด้วยความรักนับจากนี้ไปเขาจะทำทุกอย่างเพื่อวางรากฐานให้กับครอบครัวของตัวเอง

“จิ๊บหยุดพูดแล้วกลับบ้านเดี๋ยวนี้ แกยังเด็กแกจะไปเข้าใจอะไรสมัยนี้ความรักมันไม่ได้ทำให้อิ่มท้อง ความรักลมๆแล้งๆ มันไม่ได้สวยหรูอย่างที่แกคิดหรอก แล้วดูสภาพของแกสิเดินเองยังไม่ได้อยู่ก็ไม่ต่างจากคนที่พิการ แล้วผู้ชายหน้าไหนมันจะมารักแกจริง พี่เป็นผู้ชายทำไมพี่จะดูไม่ออกว่าว่าสันดานของผู้ชายมันเป็นยังไง ที่มันยอมคบกับแกก็คงเพราะมองไปที่ผลประโยชน์ในวันหน้า มันไม่ได้รักแกหรอก” ภูนเรศพูดไปตามความรู้สึก

“สันดานของคุณมันก็คงมีแค่รู้จักแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง ไม่เคยคิดและหวังดีกับใคร วันๆหนึ่งคงคิดอยู่แค่ว่าจะไปหาผู้หญิงที่ร่ำรวยมาเคียงคู่แล้วก็มองหาผลที่จะได้รับในวันหน้าสินะ ถึงได้เหมาว่าคนอื่นจะมีจิตใจที่ต่ำทรามอย่างตัวเอง” ภรัณยาที่ยืนฟังคำพูดดูถูกดูแคลนมาซักพักเอ่ยขึ้นมาบ้าง

พอได้ยินคำพูดตอกกลับชนิดเผ็ดร้อนดังมาจากด้านหลังภูนเรศก็ถึงกับโกรธจนเนื้อเต้น ‘ใครกันที่มันกล้ามาต่อปากต่อคำ ใครมันกล้ามาแหย่รังแตน สั่งสอนแบบนี้มันต้องสั่งสอน’ ภูนเรศหันขวับไปยังต้นเสียงหมายเอาเรื่องคนที่เพิ่งสอดเข้ามาให้หายเจ็บใจ พอหันไปเห็นว่าเสียงหวานๆ ที่แหวเอาเรื่องเมื่อครู่คือศัตรูหมายเลขสองใบหน้าคมคายก็ถึงกับบึ้งหนักเข้าไปอีกเป็นทวีคูณ “อ๋อเธอเองเหรอยัยหน้าเลือด เธอกล้าดียังไงถึงมาว่าฉันแบบนี้”

“แล้วคุณล่ะกล้าดียังไงถึงมาดูถูกคนอื่นแบบนี้” ภรัณยาเชิดหน้าถามน้ำเสียงเอาเรื่องไม่ต่างกัน

“ฉันพูดผิดตรงไหน อ๋อพวกแกคงจะรวมหัวกันพาไอ้นี่มาหลอกน้องสาวฉันล่ะสิ ไงวาดภาพขายเงินมันไม่พอยาไส้เหรอถึงได้คิดวิธีโง่ๆ แบบนี้เพื่อให้มีชีวิตอยู่รอด ”

“ในสมองคุณคงคิดเป็นแต่เรื่องแบบนี้สินะ วันๆคงคิดแต่ว่าจะไปหลอกผู้หญิงรวยๆ โง่ๆ ที่ไหนมาเป็นแฟนดี ที่มีเงินมีทองจนร่ำรวยมาได้ทุกวันนี้คงเพราะใช้วิธีโง่ๆ แบบนี้หามาล่ะสิ ถึงได้คิดว่าคนอื่นจะเอามาเจริญรอยตาม” ภรัณยาปรายตาดูแคลน

“เธอว่าฉันเหรอภรัณยา เธอกล้าดียังไงถึงมาว่าฉันแบบนี้” ภูนเรศถึงกับไฟลุกเมื่อเจอคำพูดถากถางดูแคลน

“คุณโกรธเหรอ? คุณไม่พอใจเหรอ? คุณเดือดร้อนงั้นเหรอ?” ภรัณยาถามน้ำเสียงยียวน

“ใช่ผมโกรธโกรธเพราะมันไม่ใช่ความจริงเลย”

“แล้วที่คุณมายืนด่าเพื่อนฉันปาวๆ ล่ะคุณคิดบ้างไหมว่าคนที่ฟังเขาจะรู้สึกยังไง คุณดูถูกพวกเราเพราะความแตกต่างจากฐานะการเงิน ฉันถามหน่อยสิว่าความแตกต่างที่คุณยกย่องให้ตัวเองอยู่ในที่สูงส่ง แล้วเหยียบย่ำคนที่คุณคิดว่าต่ำกว่าแล้วบี้จนเขาเหล่านั่นจมอยู่ใต้ฝ่าเท้า มันมีส่วนไหนที่ทำให้ความเป็นคนของคุณมันต่างจากคนอื่น”

“รันพอเถอะ” ล้อมเดชปรามเพื่อนเสียงแผ่ว

“เราไม่พอหรอกเราจะไม่มีวันพอถ้าหากผู้ชายคนนี้ยังเหยียบย่ำความเป็นคนของเธอ และของคนที่เขาคิดว่าอยู่ในระดับที่ต่ำต้อยด้อยค่า” ภรัณยาบอกในขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปที่ใบหน้าคมสัน

“จะพูดให้ตัวเองดูมีคุณค่าและราคาอย่างนั้นเหรอ คุณกำลังพูดเพื่อให้ผมมองคุณมีราคาอย่างนั้นเหรอ คงคิดสินะว่าถ้าหากพูดแบบนี้แล้วเรือนร่างของคุณมันจะมีราคาพุ่งสูงจนสุดรั้ง” ภูนเรศเหยียดริมฝีปากดูแคลน

“ในสังคมที่คุณเจอะเจอคงมีแต่สภาพแวดล้อมที่มีแต่ผลประโยชน์ ผู้หญิงที่คุณมีคงจะเป็นประเภทที่มีเรือนร่างไว้ขายหาเลี้ยงตัวเองสินะคุณถึงรู้จักแต่การมองเพื่อประเมินราคา ในชีวิตของคุณการที่จะได้ผู้หญิงซักคนมาดับความใคร่ในแต่ละครั้งคงไม่มีปัญญาใช้หัวใจไปแลกมาล่ะสิ คุณถึงไม่รู้ว่าการที่ผู้หญิงกับผู้ชายที่มีความรักให้กันและกันอย่างจริงใจมันเป็นยังไง”

“แล้วมันเป็นยังไงล่ะไอ้ความรักความจริงใจที่คุณว่า หึหึ...น่าขันคุณกล้าพูดออกมาเต็มปากเต็มคำโดยไม่รู้สึกกระดากมั่งเลยเหรอ แล้วไอ้ความรักอันสุดแสนจะเลิศเลอของคุณล่ะผลมันเป็นยังไง ที่เสียใจจนซังกะตายก็เป็นเพราะพิษรักไม่ใช่เหรอ ผมไม่เชื่อหรอกว่าความรักมันจะมาอยู่เหนืออำนาจของเงินตรา”

“ถ้าพี่ภูไม่เชื่อว่ามีอยู่จริง พี่ภูก็ให้จิ๊บพิสูจน์สิคะ” จิราภาเอ่ยขึ้นมาในที่สุด

“ไม่มีทางพี่ไม่มีวันยอมปล่อยให้น้องสาวของพี่ต้องมาตกนรกอยู่กับความลำบากกับพวกสิบแปดมงกุฎพวกนี้แน่ พี่ไม่เชื่อหรอกว่าไอ้ผู้ชายคนนี้มันจะรักแกจริง ไม่มีผู้ชายคนไหนทนได้หรอกหากจะต้องมาใช้ชีวิตจมปลักอยู่กับผู้หญิงที่พิการแบบนี้ คนอื่นมันก็เป็นคนอื่น ถ้าจิ๊บไม่มีเงินพวกมันจะสนใจไหม” ภูนเรศพูดกับน้องสาวแต่สายตากลับจับจ้องไปที่ล้อมเดช

“ถ้าอย่างนั้นพี่ภูก็ตัดจิ๊บออกจากกองเงินกองทองที่มีแล้วให้จิ๊บเหลือแต่ตัวดูสิคะ จิ๊บก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าคนพิการอย่างจิ๊บมันจะยังมีค่าในสายตาของใครอีก” จิราภาบอกน้ำเสียงสั่นเครือ ใบหน้างามจ้องมองไปที่พี่ชาย ริมฝีปากบางเม้มแน่นเมื่อพยายามกลั้นก้อนสะอื้น

“ไม่มีทางพี่ไม่มีวันให้น้องสาวของตัวเองไปมีชีวิตอยู่กับความลำบาก และต้องทนอยู่กับความยากแค้นแน่ กลับบ้านเดี๋ยวนี้ ป้าโฉมพายัยจิ๊บไปที่รถแล้วนับจากนี้ไปผมขอสั่งห้ามยัยจิ๊บออกจากบ้าน และห้ามซื้อภาพจากคนพวกนี้เด็ดขาด พวกแกหลอกขายภาพให้น้องฉันไปกี่แสนแล้วล่ะ” ถูนเรศชี้มือไปที่แม่บ้าน แล้วตวัดสายตากลับไปจ้องล้อมเดชที่กำลังยืนทำหน้าซังกะตายเมื่อเจออุปสรรคที่ดูท่าจะหนักหนาเอาการ

“หยุดซักทีได้ไหมพี่ภู หยุดดูแคลนคนอื่นด้วยความไม่รู้ซักที จิ๊บจะบอกให้ว่าภาพทุกภาพที่จิ๊บเอากลับไปที่บ้านมันเป็นภาพที่พี่ล้อมวาดให้จิ๊บเอง จิ๊บไม่เคยเสียเงินซื้อภาพของพี่ล้อมเลยแม้แต่บาทเดียว ถ้าพี่ภูบังคับให้จิ๊บอยู่แต่ในบ้าน จิ๊บก็จะไม่กลับไปจิ๊บจะอยู่ที่นี่จะอยู่ไปจนตายด้วย” จิราภาบอกน้ำเสียงเด็ดขาดจนภูนเรศเริ่มไม่สบอารมณ์

“ยัยจิ๊บแกกล้าดียังไงถึงขัดคำสั่งพี่แบบนี้”

“พี่ล้อมช่วยพาจิ๊บออกไปจากที่นี่ทีสิคะ จิ๊บไม่อยากอยู่ตรงนี้จิ๊บไม่อยากทนอยู่กับคนที่ไม่มีหัวใจ พาจิ๊บไปที” จิราภาหันไปขอร้องแฟนหนุ่มน้ำเสียงเครือ

ล้อมเดชเดินเข้าไปหาคนรักด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยสบายใจนัก พอเห็นล้อมเดชเดินเข้าไปหาจิราภาภูนเรศก็ทำท่าจะขัดขวาง ร่างสูงโปร่งที่กำลังจะก้าวขาต้องหยุดกึก เมื่อภรัณยาที่ยืนอยู่ระหว่างเขาและน้องสาวก้าวออกมายืนขัดขวาง “ล้อมพาน้องจิ๊บออกไปที่สวนไปพูดกันให้เข้าใจ ฉันรู้ว่าแกจะบอกเธอว่ายังไง วิแกกับทิวไปอยู่เป็นเพื่อนล้อมมันด้วย” ภรัณหันไปบอกเพื่อนๆ แล้วจึงหันกลับไปเผชิญหน้ากับภูนเรศ พอแม่เสือสาวออกมากางปีกระวังภัยให้บรรดาเพื่อนๆ จึงพาจิราภาเดินออกไปเงียบๆ

****************

“ไอ้ล้อมเราเอาเหล้าไปให้ไอ้รันมันจิบซักอึกก่อนดีไหมวะ” ทิวากระซิบถามล้อมเดช

“แกจะบ้าเหรอไอ้ทิว ขืนให้ไอ้รันจิบเหล้าอารมณ์นี้มีหวังพี่ชายคุณจิ๊บเป็นศพพอดี ไหนจะห้องภาพอีกคงได้บรรลัยหมดก็คราวนี้” ล้อมเดชต่อว่าเพื่อนน้ำเสียงไม่จริงจัง

“อ้าวเผื่อพี่ชายคุณจิ๊บโมโหแล้วกระโดดขย้ำคอมัน ไอ้รันก็จะได้รำหมัดเมาเพื่อป้องกันตัวไง แกก็เห็นว่าตัวไอ้รันกับพี่ชายน้องจิ๊บมันคนละเลเวลซะขนาดนั้นขืนฟัดกันขึ้นมาเพื่อนเราเสียเปรียบนะเว้ย” ทิวาบอกด้วยความรอบคอบ

“เออนั่นสิ ไอ้ทิวไอ้วิแกไปดูลาดเลาไป “ ล้อมเดชหันไปบอกแกมสั่ง

“แต่ไอ้รันมันบอกฉันให้มาอยู่เป็นเพื่อนแกนะ ขืนโผล่หน้าไปมันจะเดือดเอานา” ทิวาบอกเสียงอ่อน

“ไอ้ทิวนอกจากจะกลัวเมียแล้ว แกยังกลัวเพื่อนอีกเหรอเนี่ย เชื่อแกเลย” ล้อมเดชหันไปมองหน้าเพื่อนด้วยแววตาสมเพชเวทนา

“ทำยังกะแกไม่กลัวมันอย่างนั้นแหละ” ทิวาหรี่ตามองอย่างรู้ทัน

“แกก็แอบดูอยู่ห่างสิ ฉันขออยู่กับน้องจิ๊บแบบเป็นส่วนตัวจะได้ไหม แกก็เห็นว่าต่อไปฉันคงไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ๆเธอแบบนี้อีกแล้ว” ล้อมเดชบอกน้ำเสียงเศร้าสร้อย

“เออโทษที งั้นฉันจะอยู่แถวๆนี้ก็แล้วกันแกไปคุยกับน้องจิ๊บเถอะ” ทิวาหยุดขาที่กำลังก้าวฉับๆ ไปข้างหน้าแล้วหันไปจับมือแฟนสาวให้เดินเลี่ยงไปอีกทาง “เฮ้อ! ความรักของเราที่ว่าทรหดๆ พอมาเจอของไอ้ล้อมเข้า ของเรามันศูนย์เด็กเล็กไปเลยนะเนี่ย”

“พี่ว่าน้องจิ๊บกลับบ้านไปก่อนดีไหม อย่าทำให้เรื่องของเรากลายมาเป็นความบาดหมางระหว่างพี่น้องเลยนะ พี่ยังอยู่ที่นี่เอาไว้น้องจิ๊บค่อยมาใหม่ดีกว่าไหม” ล้อมเดชพูดขึ้นเมื่อพาจิราภามาอยู่ท่ามกลางสวนกล้วยไม้

“ไม่กลับ จิ๊บโกรธพี่ภู” จิราภาส่ายหน้าไม่ยอมท่าเดียว

“อย่าไปโกรธพี่เขาเลยนะที่พี่เขาเป็นแบบนี้ก็เพราะว่าพี่เขาเป็นห่วงน้องจิ๊บมาก”

“พี่ล้อมไม่อยากให้จิ๊บอยู่ที่นี่เหรอคะ” จิราภามองชายหนุ่มน้ำตาคลอ

“ใครบอกล่ะ จิ๊บรู้ไหมว่าพวกพี่ซื้อบ้านหลังนี้จากคุณธีรดลย์แล้ว สวนกล้วยไม้ตรงนี้พี่ก็ทำไว้ให้น้องจิ๊บ เห็นชิงช้าไม้ตรงนั้นไหมพี่ทำไว้ให้น้องจิ๊บนั่ง ตอนนี้พวกพี่มีเงินไปเปิดแกลลอลี่ในเมืองแล้วนะ ถึงแม้ทั้งหมดนี้มันจะไม่ใช่ของที่พี่สร้างได้ด้วยตัวเอง แต่ในอนาคตมันก็จะกลายมาเป็นของของเรา พี่กับเพื่อนๆ ตกลงกันไว้ว่าเราจะช่วยกันสร้างฐานะให้กันและกัน”

“มันหมายความว่ายังไงคะ” จิราภาเอียงหน้าถามด้วยความสงสัย

“บ้านหลังนี้เป็นที่ดินของคุณธีรดลย์ เมื่อหลายอาทิตย์ก่อนคุณธีรดลย์ถามพวกพี่ว่าสนใจอยากจะได้ไหมเพราะที่ดินตรงนี้เขาไม่มีเวลามาดูแล แต่พี่ว่าคุณธีรดลย์เขาอยากจะยกให้ไอ้รันมันมากกว่า น้องจิ๊บก็น่าจะดูออกว่าคุณธีรดลย์มีใจให้ไอ้รันที่เขาทำแบบนี้ก็คงเพราะไม่อยากให้มันกลับไปอยู่กรุงเทพฯ “

“จิ๊บก็สงสัยอยู่เหมือนกันเพราะตั้งแต่พี่รันมาอยู่ที่นี่คุณธีรดลย์ก็แทบจะกลายเป็นนายหน้าค้าภาพ จิ๊บเคยไปทานอาหารที่ร้านของพี่เขาด้วยนะคะมีแต่ภาพที่พวกพี่ๆวาดเต็มไปหมดเลย แถมไม่พอยังทำห้องขายภาพอยู่หน้าร้านด้วยนะคะ “ จิราภาบอกไปยิ้มไป

“ไม่แปลกหรอกครับเพราะเฉพาะค่าจ้างที่จ่ายพวกพี่มาก็จะเหยียบหลักล้านอยู่แล้ว พี่เคยสงสัยนะว่าคุณธีรดลย์จะเอาภาพพวกนี้ไปเก็บไว้ที่ไหน”

“บ้านหลังนี้เป็นของพี่ล้อมกันเพื่อนๆ ไม่ใช่เหรอคะแล้วทำไมวันหน้ามันถึงจะกลายมาเป็นของเราล่ะคะ”

“ไอ้รันมันไม่เอาไอ้นั่นน่ะมันทิ้งยายทิ้งแม่มาไม่ได้หรอก จะย้ายแม่กับยายมันมาขานั้นก็คงไม่เอาด้วยมันก็เลยขอสละสิทธิ์ ส่วนไอ้ทิวกันไอ้วิมันบอกว่ามันนิยมบ้านติดชายทะเลมันขอเลือกเป็นบ้านที่อยู่บนเกาะ อีกอย่างบ้านไอ้ทิวมันอยู่ที่เกาะล้านมันว่าถ้ามีเงินมันจะไปเปิดแกลลอลี่ที่พัทยางานนี้มันก็เลยยกมือสละสิทธิอีกคู่”

“แล้วทำไมพี่ล้อมถึงเลือกล่ะคะ”

“ถามแบบไม่คิดจะคิดเลยเหรอจ๊ะว่าทำไม ที่พี่เลือกก็เพราะน้องจิ๊บยังไงล่ะอีกอย่างพี่ชอบภูเขาชอบต้นไม้ แล้วก็ชอบจิ๊บด้วยมันคงจะดีถ้าเราจะมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน” ล้อมเดชมองแฟนสาวอย่างมีความหมาย

“บ้าแล้ว...พี่ล้อมจะหนีตามจิ๊บรึไง” จิราภายิ้มเอียงอายเมื่อเจอคำบอกเล่าจากแฟนหนุ่ม

“ตอนนี้เพื่อนๆ ร่วมหุ้นสร้างครอบครัวให้พี่ ในอนาคตพี่ก็ต้องไปร่วมหุ้นช่วยสร้างให้คนอื่นเหมือนกัน พวกพี่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนที่มหาวิทยาลัยพวกเรารักแล้วก็สนิทกันมาก น้องจิ๊บคงไม่ว่าหากพี่กับเพื่อนๆ จะอยู่ด้วยกันรักและดูแลกันอย่างใกล้ชิดแบบนี้ตลอดไป”

“จิ๊บดีใจค่ะที่พี่ล้อมมีเพื่อนที่ดี จิ๊บเห็นค่ะว่าพวกพี่ๆ รักและดูแลกันดีขนาดไหน เพื่อนพี่ล้อมทุกคนมีความสำคัญกับจิ๊บตั้งแต่เกิดมาจิ๊บไม่เคยมีเพื่อนที่สนิทๆ เลยซักคนพี่ล้อมดูแลเพื่อนๆ ของพี่ได้ตามสบายเลยค่ะจิ๊บเข้าใจ” จิราภาบอกยิ้มๆ

“พวกพี่เป็นศิลปินบางครั้งพวกเราก็อาจจะมีโลกที่เป็นของตัวเอง จิ๊บจะทนไหวไหมหากวันหนึ่งพี่อาจจะบ้างานจนเหมือนไม่ได้เอาใจใส่จิ๊บ”

“ถ้าพี่ล้อมคือศิลปิน จิ๊บก็คือกระจกเงาของศิลปิน พี่ล้อมลืมไปแล้วเหรอคะว่าจิ๊บมองเห็นทุกเส้นสีและอารมณ์ของคนที่เป็นศิลปิน” หญิงสาวทาบมือไปที่หน้าอกของชายหนุ่มแล้วยิ้มน้อยๆ

ล้อมเดชยิ้มอบอุ่นแล้วกุมมือน้อยๆ ไว้แนบอก ชื่นใจเหลือเกินกับความอ่อนหวานที่หญิงสาวกำลังหยิบยื่น “พี่สัญญาว่าพี่จะรักน้องจิ๊บและจะทำทุกอย่างให้เราได้อยู่ด้วยกัน อดทนไว้นะจิ๊บอดทนไว้หากพี่ชายของจิ๊บคือบททดสอบ พี่ก็พร้อมที่จะฝ่าฟัน อย่าหยุดรักพี่ อย่าหยุดความเชื่อมั่น พี่จะทำทุกวิธีเพื่อทำให้มีวันของเรา” ล้อมเดชกระชับมือให้คำมั่น

“จิ๊บจะอดทนค่ะ” จิราภาใช้มืออีกข้างกุมมือแข็งกระด้างแล้วบีบกระชับ สองหนุ่มสาวส่งสายตาเชื่อมั่นให้กันและกัน แล้วยิ้มให้กับอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันหน้า

**************************

ภูนเรศปรายตามองปราการร่างเล็กกระจ้อยร่อยตรงหน้าด้วยสายตาดูหมิ่น ถึงจะรู้สึกแปลกใจว่าทำไมเขาจะต้องถอยเมื่อหญิงสาวร่างผอมบางตั้งลำขวางกั้น ในเมื่อเขาไม่อาจก้าวผ่านปราการตรงหน้าไปได้ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะยืนจ้องหน้าเธอแล้วพยายามคิดหาคำพูดเจ็บๆ แสบๆ มาละเลงไปบนความรู้สึกของผู้หญิงที่เขามองว่าไร้ค่าที่กำลังยืนเชิดหน้าถือดีอยู่ตรงหน้า

“เธอหนีมารักษาแผลใจไกลถึงนี่เลยเหรอ เป็นยังไงบ้างล่ะกับความรักที่โง่งมของเธอ” เมื่อสมองส่งความคิดที่เลวร้ายมาให้ภูนเรศก็เริ่มสาดคำพูดที่เจ็บแสบออกไปทันที

“ความรักของฉันมันก็ยังคงเบิกบานถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้จบลงอย่างสวยงาม ฉันเชื่อว่าความรักหากมันเป็นของฉันมันก็จะเป็นของฉันไปตลอดกาล”
“เฟ้อฝันสิ้นดี พวกคุณมันก็คงทำเป็นอยู่แค่นี้ล่ะมั๊ง ยืนอยู่บนความจอมปลอมยึดติดและมีชีวิตอยู่แต่ในโลกจินตนาการ เคยมีซักครั้งไหมที่พวกคุณจะออกมาอยู่ในโลกที่เป็นจริงเหมือนกับคนอื่นๆ เขา”

“คุณไม่ลองถามตัวเองดูหน่อยเหรอคะว่า ตัวคุณเคยออกมายืนอยู่ในโลกที่เป็นจริง ที่มีคนอยู่หลากหลาย ในโลกที่ไม่ได้มีแค่คุณกับเงินทองของคุณ โลกปกติที่คนทั่วๆ ไปสามารถมีชีวิตอยู่ได้ เคยมีซักครั้งไหมที่คุณจะรู้จักการอยู่ร่วมกับคนอื่นโดยที่ไม่ไปเบียนเบียนใคร”

“ผมไม่เคยเบียดเบียนใคร”

“แน่ใจเหรอ” ภรัณยาเลิกคิ้วถามน้ำเสียงเหยียดๆ

“ผมแน่ใจ”

“แล้วสิ่งที่คุณกำลังทำในวันนี้คุณกล้าพูดไหมว่าคุณไม่ได้เบียดเบียนความสุขของน้องสาวคุณ คุณดูถูกคนที่น้องสาวคุณรัก คุณดูถูกความรักของผู้ชายคนหนึ่งที่มีต่อน้องสาวคุณ คุณยัดเยียดความเลวทรามที่คุณคิดเอาเองไปให้เขาทั้งๆ ที่คุณยังไม่รู้จักตัวตนของเขาเลย” ภรัณยาตอกกลับด้วยคำพูดที่คนฟังถึงกับสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ

“อวดดี คุณมันอวดดี ภรัณยา” ภูนเรศจ้องหน้าเอาเรื่องสีหน้าของชายหนุ่มดูโกรธเกรี้ยวจนแทบจะบดขยี้เรือนร่างบางตรงหน้าให้แหลกลาญ
ภรัณยามองสายตาหยาบกระด้างตรงหน้าด้วยสายตาเรียบเฉย ไม่หวั่นเกรงไม่สะทกสะท้าน ไม่แม้แต่จะถอนสายตากลับ ‘เอาสิถ้าคุณคิดว่าแววตาแค่นั้นมันจะหลอมละลายฉันได้ด้วยโทสะ’ หญิงสาวผุดรอยยิ้มเชิญชวนเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำเหมือนอยากจะกระโดดเข้ามาขย้ำ

พอเห็นสายตาของภรัณยาภูนเรศก็แทบหยุดความเดือดไว้ไม่อยู่ สายตาที่ฉายออกมาจากดวงตาคู่สวยมันช่างเจ็บแสบและก่อกวนอารมณ์เป็นที่สุด ‘ก็ได้ถ้าคุณอยากจะเล่นกับคนอย่างผมเก่งให้ตลอดก็แล้วกัน’ ภูนเรศเข่นเขี้ยวอาฆาต

โฉมฉาย ทิวา และวิลาสินี ผลุบๆโผล่ๆ อยู่ที่หน้าประตูเพื่อดูแลความสงบของคู่กัดมาราธอนที่ยังคงวางมวยด้วยสายตาและคำพูดที่ต่างฝ่ายต่างงัดขึ้นมาฟาดฟันเพื่อให้อีกฝ่ายแพ้พ่ายย่อยยับ แต่เท่าที่แอบเชียร์อยู่ห่างๆ ดูท่ามวยคู่นี้จะสูสีเพราะไม่ว่าจะอัดกันด้วยคำพูดแบบไหนสุดท้ายก็ไม่อาจใช้น๊อคคู่ต่อสู้ให้พ่ายแพ้ ทั้งสามสับเปลี่ยนกันไปดูคู่สวีทที่ยังคงเคลิ้มเคลิ้มอยู่ในโลกสีชมพูของตัวเองจนไม่มีใครกล้าเข้าไปสะกิดให้ทั้งคู่หลุดออกมา

“คู่นี้กัดกันมันไม่เบาเลยว่าไหมวิ” ทิวาที่แอบดูมาพักใหญ่เอ่ยขึ้นเบาๆ

“ก็ยี่ห้อภรัณยาซะอย่างมีเหรอจะยอมถอย อีตานั่นท่าจะยังไม่รู้ฤทธิ์ของเจ้าแม่หมัดเมา ป้าโฉมคะพี่ชายคุณจิ๊บเขาดุแบบนี้ประจำเลยเหรอคะ” วิลาสินีหันไปถามโฉมฉายที่นั่งหน้าซีดอยู่ที่เก้าอี้ไม้ข้างกระถางต้นสาวน้อยปะแป้ง

“ปกติคุณภูเธอจะใจดีและตามใจคุณจิ๊บ เธอรักน้องมากป้าก็เพิ่งเคยเห็นเธอดุนี่แหละค่ะ” โฉมฉายบอกเล่าสีหน้ามีแววกังวล

“ไอ้ที่ว่ารักน้องวิก็พอเดาออก แต่ทำไมอีตานั่นจะต้องมาดูถูกพวกเราด้วยทำยังกับตัวเองรวยนักหนา สายตาเวลามองพวกเราทั้งดูถูกดูแคลนขยะแขยงเหมือนเราโผล่มาจากอาจมอย่างนั้นแหละ” วิลาสินีพูดด้วยความขัดเคือง

“คุณภูเธอเกลียดคนจนเพราะเธอเคยเจ็บปวดจากการกระทำของคนที่ต้องดิ้นรนทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดจนไม่สนใจว่าคนอื่นจะเป็นยังไง ป้าก็ได้แต่หวังว่าซักวันจะมีใครซักคนดึงเธอให้หลุดออกมาจากความเกลียดชังเหล่านั้น และปลดปล่อยเธอออกมาจากความเจ็บปวดที่มันฝังอยู่ในจิตใจของเธอ” โฉมฉายพูดน้ำเสียงเนือยๆ

“จะเจ็บจะปวดอะไรนักหนา คนเรามันไม่ได้เหมือนกันทุกคน คนจนบางคนเขาก็มีศักดิ์ศรีมีความมุมานะ คนเรามีดีมีเลวปะปนกันไปถ้ามาเหมารวมว่าคนจนเลวหมดโลกแบบนี้มันก็แย่น่ะสิคะ”

“ป้าก็ไม่รู้จะว่ายังไงค่ะ คุณภูเธอดูแลตัวเองมานานนับตั้งแต่คุณแม่เธอเสีย เมื่อก่อนตอนคุณผู้หญิงยังมีชีวิตอยู่เธอไม่ได้เป็นแบบนี้หรอกนะคะเธอเป็นคนใจดีมีเมตตาตอนคุณผู้หญิงเสียมันยังไม่หนักเท่ากับตอนที่คุณท่านพาคุณแม่ของคุณจิ๊บเข้ามาอยู่ในบ้าน”

“อ้าวน้องจิ๊บกับอีตานั่นไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆเหรอคะ”

“คุณจิ๊บเป็นน้องสาวต่างแม่ค่ะ แต่คุณภูเธอก็รักน้องมากนะคะ”

“ซับซ้อนจังครอบครัวนี้ แล้วทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปเพราะแม่น้องจิ๊บล่ะคะ” วิลาสินีที่เกิดอาการอยากรู้อยากเห็นรีบเจาะเข้าประเด็นทันที

“อย่าให้ป้าเล่าเลยค่ะมันกระดากปาก เอาเป็นว่ามันเป็นเรื่องของเจ้านายดีกว่านะคะ การที่เอาเรื่องในบ้านออกมาป่าวประกาศนอกบ้านแบบนี้มันคงไม่ใช่เรื่องดีนัก” โฉมฉายปฏิเสธอย่างนุ่มนวล

“แหมป้าโฉมมาทำให้หนูอยากรู้แล้วก็จากแบบนี้มันจะไม่ทำร้ายต่อมสอดรู้สอดเห็นของหนูไปหน่อยเหรอคะ แต่เอาเถอะค่ะเดี๋ยวหนูคิดเอาเองก็ได้” วิลาสินีพูดไปยิ้มไป

“ไม่ต้องคิดลึกนะวิเดี๋ยวมันจะจมเราขี้เกียจดำลงไปฉุดขึ้นมาฝายปอด” ทิวาที่นั่งอยู่ข้างๆ พูดขึ้นเบาๆ จนได้ดัชนีน้อยชี้อาฆาต

โฉมฉายนั่งจ้องหนุ่มสาวที่ยืนไว้เชิงอยู่ในห้องภาพแล้วก็ถอนใจออกมาเบาๆ ดูท่าภูนเรศจะเอาเรื่องภรัณยาไม่น้อย จากสีหน้าและท่าทางที่ชายหนุ่มแสดงออกมาดูท่าจะเดือดไม่ใช่เล่น ส่วนภรัณยาก็ใช่ย่อยไม่น่าเชื่อเลยว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ หน้าหวานๆจะมีความกล้าหาญจนไม่รู้จักกลัวกับอะไร และในยามที่เธอต้องทำหน้าที่ปกป้องใครซักคนเธอเหมือนมีพลังที่น่าเกรงขามจนสามารถหยุดทุกการเคลื่อนไหว จะดีแค่ไหนหากคนที่จะมาฉุดดึงภูนเรศให้หลุดออกมาจากความปวดร้าวนั่นเป็นภรัณยา เท่าที่รู้จักอุปนิสัยและการดำเนินชีวิตเธอมองว่าภรัณยาเป็นผู้หญิงที่วางแผนชีวิตและความเป็นอยู่ได้ดีทีเดียว นอกจากนั้นหญิงสาวยังมีวุฒิภาวะทางอารมณ์และความคิดที่น่านับถือ แต่น่าเสียดายที่ความหวังมันแทบไม่มีหนทางเป็นไปได้





Create Date : 20 สิงหาคม 2552
Last Update : 20 สิงหาคม 2552 12:59:06 น. 2 comments
Counter : 694 Pageviews.

 
สำหรับพระเอกเรื่องนี้ท่าทางจะดิบๆเถื่อนๆไปอีกซักพักนะคะ อ่านพระเอกแนวลิเกของแสนสุขมาหลายเรื่องแล้ว เปลี่ยนเวอร์ชั่นเป็นดิบๆชั่วๆกันดีกว่า กลัวคนอ่านจะเลี่ยนน่ะค่ะ เอาเป็นว่าไปหวานกับคู่น้องของน้องจิ๊บ แล้วมาสะเทือนใจกับคู่หนูรันกันดีกว่านะคะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากผู้อ่านทุกท่าน

ปล.เรื่องนี้กว่าพระเอกจะหวานก็คงอีกซักพักค่ะ ให้กำลังใจกันต่อไปนะคะ ขอบคุณค่ะ


โดย: sansook วันที่: 20 สิงหาคม 2552 เวลา:13:04:17 น.  

 
คนอาไร้ปากจัดสุด ๆ ช่วยให้เขาลดความปากจัดลงหน่อยก็ดีนะคะ เหอ เหอ แต่กว่าจะหวานได้ คนอ่านก็กลัวว่านางเอกเราจะสะบักสะบอมจากแรงอารมณ์ของพระเอกก่อนนะดิ นางเอกก็ใช่ย่อยสุด ๆ เหมือนกัน อยากเห็นนางเอกรำหมัดเมาจังเลย.....
แต่ก็เปลี่ยนแนวดีคะ เถื่อน ดิบ แต่ถ้าแอบมีหวานก็ชอบเหมือนกันคะ เอาใจช่วยคะ


โดย: ต่างแดน IP: 80.214.253.79 วันที่: 20 สิงหาคม 2552 เวลา:15:28:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.