sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
19 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 

ตอนที่ 11 อุปสรรค




จิราภา นั่งอยู่ตรงโต๊ะไม้สักตัวยาว มือเรียวไล่นิ้วลงไปบนภาพวาดที่วางหราอยู่บนโต๊ะอย่างเพลิดเพลิน ริมฝีปากสีสวยแย้มยิ้มออกมาเมื่อรับรู้ถึงอารมณ์ของคนวาดว่าในขณะที่ลงพู่กันไปบนภาพความรู้สึกของเขานั้นเป็นเช่นไร

“สวยจังเลยนะคะคุณหนู” โฉมฉายเดินถือของว่างออกมาแล้วเอ่ยชมด้วยใจจริง

“พี่ล้อมวาดภาพเก่ง น่าเสียดายนะคะที่พวกพี่ๆเขาจะกลับกรุงเทพฯ แล้ว” จิราภาหันไปทำหน้าหงอยเหงา

“โธ่คุณหนูพวกคุณล้อมเธออยู่ที่เชียงรายมาหลายเดือนแล้วนะคะ ตอนแรกก็บอกว่าจะอยู่แค่สี่เดือนแต่ไหงอยู่ยาวมาจนป่านนี้”

“ก็งานมันมีเข้ามาเรื่อยๆนี่คะ คุณธีรดลย์เธอเล่นหางานต่องานแบบนี้พวกพี่ๆ เลยไม่ได้หยุด จิ๊บว่าดูท่าคุณธีรดลย์คงจะชอบพี่รันนะป้าโฉมว่าไหม”

“ป้าก็รู้สึกนะคะ แต่ดูคุณรันเธอก็ไม่ได้เออออหรือมีท่าทีว่าจะให้ความพิเศษอะไรกับคุณธีรดลย์ซักเท่าไหร่ แต่จะว่าไปถ้าสองคนนี้ปิ๊งกันก็ดูเหมาะสมกันไม่เบาเลยนะคะ”

“น่าเสียดายนะคะจิ๊บชอบพี่รัน จิ๊บอยากได้เธอมาเป็นพี่สะใภ้จัง ทำไมพี่ภูไม่ชอบพี่รันมั่งนะ ถ้าพี่ภูชอบพี่รันจิ๊บจะสนับสนุนเต็มที่เลย” จิราภาพูดไปตามความรู้สึก

“สนับสนุนอะไร?” เสียงทุ้มของใครคนหนึ่งถามดังมาจากด้านหลัง
จิราภาหันขวับไปทางต้นเสียงพอเห็นพี่ชายเดินยิ้มเข้ามา หญิงสาวจึงรีบหมุนล้อรถเข็นแล้วเข็นไปหา “พี่ภูกลับมาแล้ว”

“ทำไมทำเสียงดีใจขนาดนี้ล่ะ” ภูนเรศทรุดลงนั่งข้างๆรถเข็นแล้วยกมือขึ้นขยี้เรือนผมนุ่มสลวยของน้องสาวอย่างรักใคร่

“จิ๊บคิดถึงพี่ภูค่ะ เจ็ดแปดเดือนแล้วนะคะที่พี่ภูไม่ได้กลับบ้าน”

“พี่ต้องทำงาน ว่าแต่เราเถอะอยู่คนเดียวแบบนี้ดื้อบ้างหรือเปล่า พี่ไม่อยู่แอบอู้แล้วไม่ยอมไปทำกายภาพบำบัดหรือเปล่า”

“จิ๊บไปทุกวันนั่นแหละค่ะ อาหมอบอกว่าถ้าจิ๊บขยันๆ จิ๊บก็จะกลับมาเดินได้อีก ตอนนี้จิ๊บยืนได้แล้วนะคะ”

“จริงเหรอไหนลุกขึ้นยืนให้พี่ดูหน่อยสิ” ภูนเรศลุกขึ้นยืนแล้วจับมือเรียวของน้องสาวขึ้นมากระชับไว้ ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นว่าจิราภากำลังค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้น หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่นแล้วค่อยๆ พยุงร่างกายให้ทรงตัวด้วยขาทั้งสองข้างของเธอ

“ยืนได้จริงๆด้วย เก่งมาก” ภูนเรศยิ้มอย่างยินดีที่เห็นน้องสาวคนเดียวเริ่มมีพัฒนาการที่ดีขึ้น และโอกาสที่จิราภาจะกลับมาเดินได้อีกครั้งเริ่มเด่นชัดขึ้น ชายหนุ่มรวบร่างบอบบางของน้องสาวเข้ามากอดไว้ในอกกว้าง “พยายามอีกนิดนะจิ๊บ กลับมาเดินให้ได้อีกครั้งนะ”

“จิ๊บจะพยายามค่ะพี่ภู” หญิงสาวโอบแขนเรียวเล็กไปบนเอวหนาแล้วเงยหน้าฉีกยิ้มออกมาอย่างร่าเริง

“ตอนนี้เราเหลือกันแค่สองคนพี่จะดูแลจิ๊บให้ดีที่สุด แต่ถึงพี่จะดูแลจิ๊บยังไงมันก็คงไม่ดีเท่ากับจิ๊บที่จะดูแลตัวเอง ช่วงนี้งานที่บริษัทเริ่มเข้าที่เข้าทางพี่คงมีเวลาอยู่ดูแลจิ๊บมากขึ้น อยากไปเที่ยวไหนไหม?”

“ไม่อยากไปค่ะพี่ภูมาเหนื่อยๆ เข้าไปอาบน้ำอาบท่าก่อนดีไหมคะ” จิราภาค่อยๆทรุดลงนั่งบนรถเข็นเมื่อรู้สึกว่าขาของเธอเริ่มอ่อนแรง

“จิ๊บทำอะไรอยู่ เอ๊ะนั่นภาพใครเหรอ?” ภูนเรศชี้มือถามเมื่อเห็นภาพวาดของใครคนหนึ่งวางหราอยู่บนโต๊ะ

“แหมไม่กลับบ้านแค่เจ็ดแปดเดือนก็ทำจำหน้าน้องสาวตัวเองไม่ได้ซะแล้ว” จิราภาทำหน้างอ

“จะจำได้ยังไงก็ดูสิสวยออกขนาดนี้ มีน้องสาวหน้าตาดีแบบนี้สงสัยคงต้องจ้างมือปืนมาเฝ้าแล้วมั๊งเนี่ย เผื่อมีแมงหวี่แมงวันมาตอมจะได้ส่องแบบทันท่วงที” ภูนเรศบอกยิ้มๆ

“ดูพูดเข้าถ้าพี่ภูเอาคนมาเฝ้า จิ๊บก็อดมีแฟนน่ะสิคะ ไม่เอาหรอก”
“อะไรตัวแค่นี้ริจะมีแฟนแล้วเหรอ”

“จิ๊บจะยี่สิบสองแล้วนะคะ วัยรุ่นตอนปลายแล้วนะเนี่ย”

“แค่ยี่สิบสองเองยังเด็กเกินไปที่จะมีแฟน” ภูนเรศบอกน้ำเสียงห้วนๆ

“ทีพี่ภูยังมีแฟนได้เลย แล้วทำไมจิ๊บจะมีมั่งไม่ได้”

“ผู้หญิงพวกนั้นไม่ใช่แฟน เป็นได้อย่างมากก็แค่คู่ควงแล้วก็คู่นอนมันคนละอย่างกัน”

“ทำไมพี่ภูไปว่าเขาแบบนั้นล่ะคะ ผู้หญิงเขาก็มีศักดิ์ศรีนะ”

“ผู้หญิงพวกนั้นไม่มีหรอกศักดิ์ศรีน่ะ”

พอเจอคำตอบของพี่ชายจิราภาก็ถึงกับมีอาการฮึดฮัดขัดใจ เฮ้อ! จะมีซักนาทีไหมที่พี่ชายของเธอจะหยุดดูแคลนผู้หญิงที่อยู่รอบกาย

“พี่จะไปอาบน้ำแล้วล่ะ ป้าโฉมเตรียมอาหารเย็นแล้วตั้งโต๊ะที่ระเบียงนะเดี๋ยวผมลงมา” ภูนเรศหันไปสั่งแม่บ้านแล้วกลับไปจ้องภาพวาดของน้องสาวที่วางอยู่บนโต๊ะ

“ค่ะคุณภู” แม่บ้านกลางคนรับคำแล้วเดินนอบน้อมออกไป

ชายหนุ่มก้มลงมองหน้าน้องสาวที่กำลังง้ำงอแล้วยิ้มน้อยๆ มือหนายกขึ้นวางไปที่ศรีษะของเธอแล้วลูบเบาๆ ก่อนจะเดินแกะกระดุมเข้าบ้านไป
“คนใจร้าย..” จิราภาบ่นงึมงำตามร่างสูงโปร่งของพี่ชาย

***********************

ภูนเรศชะงักขาเล็กน้อยเมื่อเดินผ่านห้องนั่งเล่น ใบหน้าคมสันไล่สายตาไปจ้องภาพสีน้ำมันที่แขวนอยู่เต็มบ้านด้วยความกังขาใจ ชายหนุ่มขมวดคิ้วน้อยๆเมื่อเห็นภาพส่วนใหญ่เป็นใบหน้าของจิราภา น่าแปลกที่อยู่ๆ ก็มีภาพเหมือนของน้องสาวแขวนโชว์หลาอยู่แทบทุกที่ ปกติจิราภาไม่ชอบให้ใครวาดรูปของเธอนี่

มือหนาดึงเนคไทออกจากต้นคอแล้วเดินกลับไปที่ประตู ชายหนุ่มขมวดคิ้วน้อยๆ เมื่อเห็นน้องสาวคนเดียวกำลังนั่งยิ้มแล้วไล้มือไปบนภาพเขียนของตัวเองอย่างทะนุถนอม ในรอยยิ้มที่ฉายออกมาดูเหมือนว่าหญิงสาวกำลังมีความสุขนักหนากับภาพวาดตรงหน้า ‘ถึงจะชื่นชมแต่มันก็ไม่น่าจะต้องดูสุขล้นขนาดนั้น มันเกิดอะไรขึ้น’ ภูนเรศเก็บความกังขาไว้ในใจแล้วเดินขึ้นห้องไปเงียบๆ

เกือบชั่วโมงภูนเรศเดินกลับมาที่ระเบียงด้านหน้า ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาน้องสาวที่กำลังนั่งฉีดกระบอกน้ำลงบนกระถางกล้วยไม้ที่มีดอกสีม่วงช่อใหญ่โน้มกิ่งโค้งงออย่างสวยงาม ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นความผิดปกติของน้องสาว

“จิ๊บไปเอากล้วยไม้มาจากไหนปกติจิ๊บไม่ชอบทำอะไรจุกจิกแบบนี้นี่” ภูนเรศจับสังเกต

“ก็ตอนนี้จิ๊บชอบนี่คะดูดอกมันสิสวยดีออก” จิราภาหันไปชี้มือบอก

“จะดูแลมันได้นานซักแค่ไหนกันเชียว เชื่อพี่เถอะไม่ถึงอาทิตย์เดี๋ยวก็ตาย”

“เอ๊ะพี่ภูทำไมมาแช่งต้นไม้ของจิ๊บล่ะคะ พี่รู้ไหมว่าเจ้ากล้วยไม้สองต้นนี้จิ๊บปลูกมาสี่ห้าเดือนแล้วนะคะ ปลูกตั้งแต่มันมีแต่ต้นจนตอนนี้มีดอกแล้วเห็นไหมนี่” จิราภาหันไปทำตาเขียวใส่พี่ชายแล้วกลับไปสนใจกับต้นกล้วยไม้ตรงหน้า

พอเจอความผิดปกติในหัวข้อใหม่ภูนเรศก็ถึงกับคิดหนัก เขาไม่ได้อยู่กับจิราภามาแค่เจ็ดแปดเดือนทำไมเวลาแค่นี้มันทำให้น้องเขาดูเปลี่ยนไปขนาดนี้ ‘เป็นไปได้ยังไงที่จิราภาจะหันมาปลูกต้นไม้ ซึ่งปกติน้องสาวของเขาจะไม่นิยมทำอะไรที่ต้องใช้ความเอาใจใส่และพิถีพิถันแบบนี้ วันนี้จิราภาเอ่ยถึงเรื่องความรัก หรือว่าน้องสาวของเขากำลังมีความรัก ถ้าหากใช่ใครกัน? จิราภาชอบพออยู่กับใครกัน?’

ภูนเรศนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ชายหนุ่มลอบมองไปที่ใบหน้าสวยหวานของน้องสาวแล้วมองไล่ไปตามเรือนร่างของเธอ สายตาคมจ้องไปที่รถเข็นแล้วกัดริมฝีปากล่างอย่างใช้ความคิด ถึงจิราภาจะมีรูปร่างและหน้าตาจัดไปทางผู้หญิงสวยหวาน แต่ร่างกายของเธอก็ไม่ได้สมบูรณ์นัก ในสภาพแบบนี้จะมีผู้ชายที่ไหนมาหลงรักคนพิการที่เดินไม่ได้ ชายหนุ่มนั่งประเมินความคิดของตัวเองไปเงียบๆ

************************

เสียงกร๊องแกร๊งของตะหลิวที่กำลังกระทบกับกระทะดังแว่วออกมาเป็นระยะๆ ในขณะที่เจ้าของร่างบอบบางกำลังกระโดดหลบน้ำมันร้อนๆ ที่กระเด็นออกมา ใบหน้าสวยหวานตามแบบกุลสตรีไทยยืนหน้ามันแผลบอยู่หน้าเตา

“โอ๊ย......หิวคร๊าบพี่น้อง” เสียงล้อมเดชดังประสานกับเสียงน้ำมันที่กำลังดังซู่ซ่าอยู่ในกระทะ

“แกหิวก็มาทอดเองสิไอ้ล้อม” ภรัณยาที่พยายามกลับไข่ดาวบนกระทะหันไปเฉ่งเพื่อน

“วันนี้เวรแกทำกับข้าวทำไมฉันจะต้องไปทำกินเองด้วย เวรแกทีไรไม่ไข่ต้มก็ไข่ดาวแกคิดเมนูอื่นเป็นมั่งมั๊ยไอ้รัน” ล้อมเดชบ่นกระปอดกระแปด

“แกไม่รู้อะไรฉันทำอาหารที่ราคาแพงโครตให้แกกินเลยนะเนี่ย” ภรัณยาชี้ตะหลิวไปที่ล้อมเดช

“ไข่ดาวนี่นะมันแพงตรงไหนวะ” ล้อมเดชถามไปงงไป

“อ้าวขนาดจะกินยังต้องดาวน์แกก็คิดเอาสิว่าราคาเต็มๆมันจะขนาดไหน”
“มุขเก่าๆแกยังกล้าเอามาเล่นอีกเหรอ ไข่แกเนี่ยดาวน์แพงไหมฮึไอ้รัน” ล้อมเดชหันไปถาม

“ดาวน์ไม่แพงหรอกแต่คงผ่อนหลายปีอยู่หรอก” และเสียงหวานก็ตอบกลับมาทันควัน

“ยังกวน....ติงได้อีกนะไข่ฉันได้ยังหิวข้าวเข้าใจ๋” พอเจอเพื่อต่อยอดได้ทุกมุขล้อมเดชจึงไม่หาญกล้าไปต่อกรกับความกวนของเพื่อนที่ดูท่าจะมีความเก๋ากว่า

“อะได้แล้วบ่นจัง” ภรัณยาวางจานไข่ดาวลงบนโต๊ะแล้วหยิบซอสมาวางให้ ล้อมเดชนั่งมองจานอาหารเช้าแล้วเบ้หน้าด้วยความสมเพชเวทนาตัวเอง “วิฉันว่าเรื่องอาหารแกรับหน้าที่ทำคนเดียวเถอะฉันรู้สึกอนาถากับชีวิตตัวเองยังไงก็ไม่รู้ว่ะ เมื่อวานเวรไอ้ทิวมันต้มไข่ให้ฉันกินทั้งวันเลย เช้านี้ฉันยังต้องมากินไข่ดาวของไอ้รันมันอีก ช่วงบ่ายก็ท่าจะไม่พ้นข้าวไข่เจียว ตกเย็นมันจะตุ๋นไข่ให้ฉันกินอีกไหมเนี่ย แกดูหน้าฉันสิกลมเกลี้ยงจะเป็นไข่อยู่แล้ว” ล้อมเดชนี้มือไปที่หน้าของตัวเอง

“พรุ่งนี้เวรฉันเดี๋ยวฉันทำไข่ลูกเขยให้กินก็แล้วกัน” วิลาสินีบอกไปขำไป

“มันเป็นเวรเป็นกรรมอะไรของฉันเนี่ยฉันไหว้แล้วล่ะวิแกทำอย่างอื่นได้ไหมเพื่อน” ล้อมเดชยกมือขึ้นไหว้ปลกๆ แล้วทำตาละห้อย

“เอาน่าไหนๆแกก็กินแต่ไข่มาเจ็ดแปดเดือนแล้วกินอีกซักหน่อยมันจะเป็นอะไรไป” ทิวที่ยอมรับสภาพได้รีบตักไข่ดาวลงไปบนจานของตัวเอง

“กินแต่ไข่ๆ แล้วก็ไข่จนฉันคิดว่าถ้าฉันท้องลูกฉันมันจะออกมาเป็นตัวหรือเป็นไข่กันแน่” ล้อมเดชจิ้มส้อมไปที่ไข่ดาวบนจานแล้วตักเข้าปากอย่างเลือกไม่ได้

“แกจะบ่นทำไมฮึไอ้ล้อมแกก็รู้ว่าฉันทำกับข้าวไม่เป็นได้แค่นี้มันก็ดีถมถืด อีกอย่างใครกันที่มันขี้เกียจไปตลาด เวลาฉันใช้ให้ไปตลาดมันชอบบอกว่ามีอะไรก็เอามาทำ เวลาฉันให้แกไปตลาดแกก็ซื้อแต่ไข่มา ไอ้ไข่พวกนี้แกเป็นซื้อทั้งนั้นเลยนะไอ้ล้อม” ภรัณยาบอกยิ้มๆ

“สงสารลูกผัวแกจริงๆ ที่จะได้กินเมนูไข่ไปตลอดชีวิต” ล้อมเดชยังเหน็บไม่เลิก

“ว่าแต่ฉันทีเวรแกมีแต่ไข่ต้มฉันยังไม่บ่นซักคำ” พอภรัณยาพูดจบเสียงหัวเราะของเพื่อนๆก็ดังขึ้น ก่อนที่ไข่บนจานจะร่อยหรอเสียงหวานของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นเบาๆ

“โถ...กินไข่กันอีกแล้ว” จิราภายิ้มแป้นมาแต่ไกลเมื่อเห็นจานไข่ดาววางหราอยู่กลางโต๊ะ “ป้าโฉมเอาปิ่นโตไปให้พี่รันสิคะ”

พอเสียงสวรรค์พูดจบล้อมเดชก็รีบลุกจากเก้าอี้แล้วตรงรี่ไปที่ปิ่นโตสีเงินแวววาว “สวรรค์ทรงโปรด ขอบคุณครับป้าโฉมเป็นบุญของผมจริงๆที่ไม่ต้องมานั่งกินไข่ดาวของไอ้รันมันจนอิ่ม” ล้อมเดชยกมือไหว้ขอบคุณแล้วรีบนำปิ่นโตกลับไปที่โต๊ะอาหาร

“โอ้โหพะแนงหมู น้ำพริกกะปี ว้าวๆ ปลาทูทอดก็มี ต้มจืดผักกาดดองด้วย ผมรักป้าโฉมที่สุดในโลกเลย” ล้อมเดชหันไปบอกหญิงกลางคนแล้วกุลีกุจอจัดสำรับวางลงบนโต๊ะ

“ไม่ค่อยจะเห็นแก่กินเลยนะไอ้ล้อม” ภรัณยาเหลือบไปมองกับข้าวที่ล้อมเดชกำลังวางลงบนโต๊ะแล้วยิ้มน้อยๆ

“ถ้าแกไม่เห็นแก่กินก็อย่ามาแตะนะไอ้รัน กินไข่ดาวของแกไปเลยไป” ล้อมเดชรีบตัดกำลัง

“ใครจะยอมของอร่อยๆทั้งนั้น ขอบคุณมากนะคะป้าโฉมที่ใจดีเอาอาหารอันโอชะมาฝากพวกเรา แล้วก็ขอบคุณน้องจิ๊บด้วยนะคะที่อุตส่าห์นึกถึงพวกพี่ๆ” ภรัณยาหันไปยิ้มขอบคุณ

“มีแฟนดีมันก็เป็นศรีแก่ปากแบบนี้แหละ คนมันมีวาสนาน่ะ” ล้อมเดชยืดอกอย่างภูมิใจ

จิราภายิ้มอายๆ ที่ถูกแซวซึ่งๆหน้า “จิ๊บไปที่ห้องภาพก่อนนะคะอยากไปวาดภาพที่ค้างอยู่ให้เสร็จๆน่ะค่ะ แบบว่ากำลังเห่อเราไปกันเถอะป้าโฉม” หญิงสาวบอกยิ้มๆ

“ใจคอน้องจิ๊บจะไม่อยู่ให้กำลังใจไอ้ล้อมตอนมันกินข้าวซักหน่อยเหรอครับ” ทิวาที่ก้มหน้าก้มตาตักข้าวเข้าปากหันไปเย้าแหย่บ้าง

“ไม่เอาหรอกเดี๋ยวอยู่นานพี่ล้อมไม่มีกระจิตกะใจเคี้ยวข้าวกันพอดี” จิราภาส่ายหน้าแล้วพูดแหย่คนรัก

“ถ้าน้องจิ๊บอยู่ต่ออีกนิดพี่ก็คงอิ่มทิพย์แล้วล่ะจ๊ะ เห็นหน้าน้องจิ๊บแล้วมันตื้นตันจนอิ่มหนำไปทั้งใจ” ล้อมเดชหยอดคำหวานออกไปชนิดไม่กลัวมดจะไต่

“แหวะ...ช่างกล้าเล่นกับสำนวนเห่ยๆ” วลาสินีที่นิ่งมาพักใหญ่ถึงกับทนฟังไม่ได้

“ใช่ซี๊แกมันน้ำต้มผักขมปี๋แล้วนี่ อย่ามาทำเป็นว่าคนอื่นนึกถึงสมัยที่แกกับไอ้ทิวจีบกันซะบ้าง มุขแต่ละมุขฉันฟังแล้วหูกระดิกชะมัด ทั้งเห่ย ทั้งเลี่ยน ที่ฉันพูดๆ เนี่ยฉันจำมาจากมุขที่ไอ้ทิวใช้จีบแกทั้งนั้นแหละ” ล้อมเดชยักคิ้วให้เพื่อนแล้วยิ้มยั่วให้อีกฝ่ายคันมือคันเท้าเล่น

“จิ๊บไปก่อนนะคะ” จิราภาหัวเราะขบขันกับสงครามย่อยๆ ของแฟนหนุ่มแอนด์เดอะแก๊ง นับตั้งแต่เธอกับล้อมเดชปลูกต้นรักกันมา ความสุขเล็กๆตามประสาคนที่มีความรักก็เกิดขึ้น ความผูกพันจากสายใยของผองเพื่อนที่เธอไม่เคยมียิ่งมีความหมาย ความสุขจากสายใยของความรักอบอุ่นอิ่มเอมมากกว่าความสุขจากการใช้ชีวิตอยู่บนกองเงินกองทองจนเทียบกันแทบไม่ติด หญิงสาวมองไปที่โต๊ะอาหาร ถึงแม้โต๊ะอาหารที่ล้อมเดชกับเพื่อนๆนั่งอยู่จะดูเล็กและแคบ แต่ทุกคนก็ได้นั่งใกล้ชิดและดูแลกันและกันได้เป็นอย่างดี หญิงสาวนึกย้อนกลับไปมองชีวิตของตัวเองที่บางวันต้องนั่งกินข้าวอยู่คนเดียว ถึงแม้บางวันจะมีภูนเรศนั่งร่วมโต๊ะแต่บรรยากาศกลับไม่อบอุ่นเท่าที่นี่

ล้อมเดชตักข้าวเข้าปากด้วยความเร่งรีบชนิดที่เพื่อนๆ แอบสงสัยว่าข้าวที่เขากำลังกลืนลงคอได้ผ่านกระบวนการย่อยชั้นต้นหรือเปล่า ชั่วอึดใจมือหนาจึงยกแก้วน้ำขึ้นดื่มก่อนจะวางกึกลงแล้ววิ่งแจ้นตามร่างบอบบางของแฟนสาวไป

“ฮ่าๆ ไอ้ล้อมมันกลัวแฟนหายขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ทิวาพูดไปหัวเราะไป
“คนกำลังอินเลิฟก็แบบนี้แหละ” วิลาสินีมองตามร่างสูงของเพื่อนแล้วหันกลับมาจดจ่ออยู่กับจานข้าวของตัวเอง

ภรัณยายิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นความรักที่ราบรื่นของเพื่อนรัก นับตั้งแต่ล้อมเดชตัดสินใจบอกรักจิราภาไป ทุกอย่างก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี จิราภานั่งรถจากบ้านโดยใช้เวลานับสามชั่วโมงแล้วมาเขียนภาพบ้าง ขายภาพบ้าง และในยามเย็นล้อมเดชจะทำหน้าที่เป็นหมอที่จะช่วยทำกายภาพบำบัดให้กับคนรัก ชายหนุ่มดูแลเอาใจใส่และพาแฟนสาวลุกจากรถเข็นแล้วฝึกให้เธอทรงตัว จากอาทิตย์เป็นเดือนจนหญิงสาวสามารถทรงตัวได้บ้างถึงจะไม่มากแต่มันก็ทำให้ทั้งคู่เริ่มมีความหวัง

**********************

ที่ห้องภาพสองหนุ่มสาวยิ้มให้กันและกันอย่างมีความสุข “พี่ล้อมคะจิ๊บอยากหัดวาดภาพดอกไม้ค่ะ เบื่อหน้าตัวเองจะแย่อยู่แล้ว” จิราภามองภาพบูดๆ เบี้ยวๆ ของตัวเองบนผ้าใบแล้วทำหน้าอายๆ

“ถ้าเบื่อก็วาดหน้าพี่สิ” ล้อมเดชยิ้มน้อยๆ “น้องจิ๊บอยากวาดรูปดอกไม้เหรอ?”

“ค่ะ”

“งั้นรอแปบนะพี่จะร่างดินสอให้” ล้อมเดชหยิบเฟรมขึ้นมาร่างอย่างตั้งใจ โดยมีแฟนสาวนั่งให้กำลังอยู่ข้างๆ ภาพของสองหนุ่มสาวเย้าแหย่กันกระหนุงกระหนิงดูใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้ดวงตาสีเข้มลุกวาวด้วยความขัดเคือง

“จิ๊บกลับบ้านเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาห้วนและเอาเรื่องจนคนที่ถูกเรียกถึงกับสะดุ้ง

“พี่ภู!” จิราภาหันไปมองหน้าพี่ชายด้วยใบหน้าซีดเผือด

“ป้าโฉม ป้าโฉมอยู่ไหน” ภูนเรศตะโกนเสียงก้องจนแม่บ้านกระวีกระวาดเข้ามาแทบไม่ทัน

“คะ...คะ..คุณภู”

“พายัยจิ๊บกลับบ้านเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มหันไปจ้องหน้าเอาเรื่องแม่บ้านวัยกลางคนที่กำลังก้มหน้าหลบสายตาเอาเรื่องของเจ้านาย

“จิ๊บไม่กลับ” จิราภาส่ายหน้าปฏิเสธ

“แกต้องกลับ นานแค่ไหนแล้วที่แกมาเกลือกกลั้วกับพวกชั้นต่ำพวกนี้” ภูนเรศตะคอกถามน้ำเสียงเกรี้ยวกราดจนล้อมเดชชักเคืองๆ

“พี่ภูทำไมถึงชอบดูถูกคนอื่นนัก พี่ล้อมเขาก็เป็นคนแบบเรานะคะ”

“ใช่มันเป็นคนแบบเรา แต่มันกับเราอยู่คนละชั้นกัน” ภูนเรศปรายตาดูแคลนไอ้หนุ่มหน้าอ่อนที่กำลังยืนทำหน้านิ่งไม่ตอบโต้หรือทำอะไร

“พี่ภูเอาอะไรมาวัดคุณค่าของคนเหรอคะ” จิราภาถามน้ำเสียงไม่พอใจ

“ถ้าแกคิดจะมาเกาะน้องสาวฉันกิน ฉันก็จะบอกแกไว้เลยว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่แกคิดหรอก” ภูนเรศชี้มือแล้วตวาดใส่หน้าล้อมเดช

“ผมรักน้องจิ๊บด้วยความจริงใจ และไม่เคยคิดที่จะมาเกาะน้องจิ๊บกิน ผมมีงานทำ” พอเจอคำพูดดูแคลนซึ่งๆหน้าล้อมเดชจึงพูดตอบโต้กลับไป

“เชอะงานเขียนภาพกระจอกๆของแกเนี่ยน่ะเหรอ น่าหัวเราะฉันถามหน่อยเถอะว่าไอ้ภาพโหลยโท่ยของแกมันจะเลี้ยงน้องสาวฉันได้ซักกี่น้ำ ภาพที่แกเขียนมันจะพอยาไส้ได้ซักกี่วัน” ภูนเรศเบะปากดูแคลน

“งานที่ผมทำสามารถเลี้ยงผมให้สุขสบาย และดูแลคนที่ผมรักได้” ล้อมเดชยังยืนกราน

“ดูแลน้องฉันงั้นเหรอแกจะวาดภาพขายแล้วเอาเงินมาเลี้ยงน้องสาวพิการของฉันนี่นะ น่าสมเพชแกรู้ไหมว่าภาพที่แกวาดได้แต่ละภาพมันยังไม่พอค่าเครื่องสำอางของน้องฉันด้วยซ้ำ” ภูนเรศพูดน้ำเสียงเยาะหยันจนชายหนุ่มถึงกับกัดกรามแน่น ‘เออแฮะพี่ชายจิราภาแสบยิ่งกว่าทิงเจอร์อย่างที่ภรัณยาว่าไว้จริงๆ’ ลองมาเจอด่านพี่ชายจอมดูแคลนขวางตระหง่านแบบนี้ท่าทางเส้นทางรักที่ราบรื่นคงจะไม่ราบเรียบเสียแล้วกระมัง





 

Create Date : 19 สิงหาคม 2552
1 comments
Last Update : 19 สิงหาคม 2552 11:22:32 น.
Counter : 499 Pageviews.

 

จ๊ากกกก พระเอกคนนี้ของ คุณsansook คนนี้ร้ายได้ใจมากกกเลยคะ อยากได้มาเป็นกระสอบทรายจังเลยเนอะ... ตัวอุปสรรคมาแล้ว งานเข้าแล้วล้อมเอ๋ย ...มันจะลามไปถึงรัณด้วยนะซิ............อย่าโหดมากนักนะคะ แอบหวานซ่อนเปรี้ยวบ้างก็ได้นะคะ

 

โดย: ต่างแดน IP: 80.214.253.69 19 สิงหาคม 2552 16:13:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.