sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
17 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 
ตอนที่ 9 ความรักที่ผลิบาน



ที่ใต้ต้นก้ามปูล้อมเดชยืนมองภาพที่อยู่ตรงหน้าแล้วยิ้มออกมาอย่างเป็นสุข ชายหนุ่มจ้องสายตาไปยังซุ้มกุหลาบขาวซึ่งจิราภากำลังนั่งเป็นแบบด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม ...สวย....ดังเจ้าหญิง.. มือหนาลงสีไปบนภาพของหญิงสาวสวยหวานแล้วส่งยิ้มหวานละมุนไปมองเธอบ่อยครั้ง ภาพที่เขากำลังบรรจงใส่รายละเอียดลงไปใกล้จะสมบูรณ์แบบเต็มทีหลังจากที่เขาพยายามยื้อเวลาให้ยืดออกไปจนอีกฝ่ายเริ่มจับได้

“แกแอบหลงรักเธอส่ะสิดูไล่เฉดสีซะหวานหยดเชียว” เสียงหวานของใครคนหนึ่งที่ดังแว่วๆ ช่วยกระชากคนที่กำลังล่องลอยอยู่ในห้วงของความฝันล่วงหล่นลงมากระแทกบนโลกของความจริงในชั่วพริบตา

“เฮ๊ย!....ไอ้รันแกจะบ้าเรอะมาไม่ให้ซุ่มให้เสียงฉันตกใจหมด” ล้อมเดชที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับความงามของหญิงสาวในภาพถึงกับสะดุ้งของจนพู่กันแทบหลุดมือ

“มาเงียบๆบ้าอะไรฉันเดินเสียงออกจะดัง แกนั่นแหละหลุดไปอยู่โลกไหนมาถึงหูดับไม่ได้ยินกับเสียงอะไร” ภรัณยายืนมองภาพวาดของเพื่อนแล้วยิ้มน้อยๆ

“เอ...น้ำเสียงแปร๋นๆ หน้าตาเริ่มสะกิดอวัยวะเบื้องล่างให้กระตุกแบบนี้ท่าทางอาการอกหักจะหายแล้วนะเนี่ย” ล้อมเดชหันไปไล่สายตาสำรวจกิริยาท่าทางของเพื่อนรัก

“จะเฮิร์ทอะไรนักหนา แค่อาทิตย์เดียวก็เกินพอแล้ว ฉันถามแกจริงๆเถอะไอ้ล้อมแกปิ้งน้องเขาจริงๆเหรอ?” ภรัณยาสะกิดเพื่อนแล้วกระซิบถาม

“เออสิวะเกิดมาเพิ่งพบเคยเจอผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้สวยก็สวยเก่งก็เก่ง แค่มองภาพเธอก็สามารถบอกได้หมดเลยนะเว้ยว่าภาพที่เห็นเป็นแบบไหนอารมณ์ที่เราใส่ลงไปคืออะไร ขนาดฉันเป็นอาร์ตแท้ๆยังเห็นไม่ลึกซึ้งเท่า ผู้หญิงแบบนี้แหละที่ฉันค้นหามานาน” ล้อมเดชพูดไปเคลิ้มไป

“แต่มันมีช่องว่างนะล้อมแกจะทนได้เหรอ”

“หยุดเลยไอ้รันถ้าแกจะมองช่องว่างของฉันกับน้องจิ๊บอยู่แค่ความพิการที่เธอเป็น คนอย่างฉันไม่แคร์หรอกเว้ยว่าคนที่ฉันรักจะอยู่ในสภาพไหน ต่อให้เธอไม่มีแขนไม่มีขาฉันก็พร้อมที่จะรักและดูแลเธอ” ล้อมเดชชี้มือปรามแล้วบอกความรู้สึกๆของตัวเองออกไป

“ไม่ใช่แบบนั้นแกฟังให้มันจบก่อนได้มั๊ย ที่ฉันพูดหมายถึงพี่ชายคุณจิ๊บต่างหาก แกรู้ไหมว่าอีตานั่นมันแสบขนาดไหนใครที่เจอทิงเจอร์แล้วว่าแสบๆ มาเจออีตานั่นขอบอกเลยว่าแสบกว่าหลายเท่า แล้วดูท่าทางคุณจิ๊บเธอก็เป็นคุณหนูขนาดนั้นบ้านช่องท่าทางจะรวยโคตร ส่วนพี่ชายเธอก็โอ้โหอย่าให้บรรยายเลยไม่รู้จะเอาไปเทียบกับตัวอะไร เขาคงไม่ปล่อยน้องเขามากัดก้อนสีกินกับพวกเราหรอก” ภรัณยาบอกไปตามสภาพ

“จริงเหรอวะ โหย...ถ้าเป็นแบบนี้ความรักของฉันมันก็มีอุปสรรคน่ะสิ” ล้อมเดชทำหน้ากังวล

“รักเหรอแกกล้าพูดออกมาเต็มปากเต็มคำขนาดนี้เลยเหรอไอ้ล้อม บอกรักเขาปาวๆแบบนี้น้องเขาเออออยอมรับรักแล้วรึยัง พูดเองเออเองแบบนี้ระวังนะเว้ยอกหักดังเป๊าะไม่รู้ด้วย”

“จะกลัวทำไมในเมื่อฉันมีแกเป็นรุ่นพี่ ถ้าฉันอกหักบ้างฉันก็จะไปขอคำแนะนำจากแกนั่นแหละว่าอกหักแล้วมันจะต้องเฮิร์ทแบบไหนถึงจะสร้างสรรค์” ล้อมเดชทำหน้าล้อเลียนจนได้เสียงป๊าบเป็นของแถมเมื่อภรัณยายกขาขึ้นถีบไปหนึ่งทีเต็มแรง

“อ้าวๆ ไอ้เพื่อนนรกแกกล้าเอาขาหลังมาถีบฉันเลยเหรอ พอหายเฮิร์ทแล้วทำซ่าส์แบบนี้มันต้องเขียนคิ้ว” ล้อมเดชป้ายพู่กันในมือไปบนใบหน้านวลเนียนแล้ววิ่งแน่บไปหาจิราภาที่กำลังนั่งหัวเราะอยู่บนรถเข็น เสียงแหวๆของภรัณยาที่ดังแว๊ดๆ ไล่ตามร่างสูงโปร่งของล้อมเดชไปรอบๆ สร้างความขบขันและครึกครื้นให้กับคนที่อยู่ในบริเวณไม่น้อย ความสนุกสนานร่าเริงของภรัณยาที่กำลังโหวกเหวกออกมาช่วยเปลี่ยนบรรยากาศจากเหงาหงอยที่ปกคลุมมาเป็นอาทิตย์ๆให้รื่นเริงสนุกสนานในชั่วนาที

เมื่อวิ่งไล่ยังไงก็ไม่ทันล้อมเดชซักทีภรัณยาจึงออกแรงวิ่งให้เร็วขึ้น แต่ด้วยความที่ไม่ได้กินอิ่มนอนหลับมาเป็นอาทิตย์จึงทำให้ร่างกายยังไม่เข้าทีเข้าทาง ร่างบางที่วิ่งเต็มสปีดก็ถึงกับทรุดแล้วล้มลงไปบนพื้นหญ้า ใบหน้านวลเนียนเปลี่ยนเป็นซีดเซียวจนคนที่วิ่งแน่บห่างออกไปรีบกระโจนเข้าไปประคอง

“เฮ้ย!...ไอ้รันวิ่งแค่นี้ถึงกับลมกินเลยเหรอเพื่อน ฮ่าๆ แบบนี้เขาเรียกว่าไม่เจียมสังขาร ไอ้วิไปเอามาฆ่ามดมาหน่อยฉันจะเอามาให้ไอ้รันมันดม” ล้อมเดชตะโกนบอกบรรดาเพื่อนๆที่กำลังวิ่งกรูเข้ามา

วิลาสินีที่วิ่งหน้าตื่นนำมาเป็นคนแรกเบรกเอี๊ยดแล้วหมุนตัววิ่งกลับไปอีกทาง ทิวาที่วิ่งตามติดๆ เบรกบ้างแล้วหันรีหันขวางว่าจะไปทางไหนดี “ไอ้ทิวแกไปเอาน้ำร้อนมาฉันจะลวกได้รันแล้วถอนขนต้มยำมันเป็นอาหารเย็น” ทิวาพยักหน้าแล้วหมุนตัววิ่งตามแฟนสาวเข้าไปในบ้าน

“ป้าโฉมพาจิ๊บไปดูพี่รันที” จิราภาตะโกนบอกแม่บ้านแล้วพยายามหมุนล้อรถเข็น

“ค่ะๆ” โฉมฉายวิ่งห้อไปที่รถเข็นของเจ้านายคนเล็กจนลืมแก่แล้วรีบเข็นพาเธอตรงไปกลางสนาม

“พี่รันเป็นยังไงบ้างคะคุณล้อม” จิราภาชะโงกหน้าไปมองหญิงสาวที่นอนระโหยโรยแรงอย่างห่วงใย

“น้องจิ๊บเย็นสบายดีไหมครับ” ล้อมเดชหันไปถามว่าที่คนรักด้วยสีหน้าระรื่นเหมือนไม่ได้ตื่นเต้นซักเท่าไหร่นัก

“เปล่านี่คะ ทำไมเหรอคะ?” จิราภาทำหน้างงงันกับคำถามของชายหนุ่ม

“แกเป็นลมภาษาอะไรฮึไอ้รัน ดูซิน้องเขาหาความเย็นไม่ได้เลย” ล้อมเดชก้มลงมองหญิงสาวที่หน้าซีดหน้าเซียวอยู่ในอกแล้วหัวเราะขบขัน

“คุณล้อมอย่าทำเป็นเรื่องเล่นๆสิคะ” จิราภาปรายตาตำหนิ

“ขอผมทับถมมันหน่อยเถอะครับตั้งแต่รู้จักมันมาผมเพิ่งเห็นมันล้มก็วันนี้แหละ นานๆได้เห็นคุณภรัณยาหมดสภาพซักทีผมขอโอกาสนี้ทับถมมันจั๋งๆ ซักทีเถอะครับ”

“ยาฆ่ามดมาแล้วเพื่อน” วิลาสินีโยนขวดใบก้อนเขียวไปให้ล้อมเดชแล้วผวาไปหาเพื่อนรัก

“ว๊าย...พี่วิใจคอพี่จะเอายานั่นมาให้พี่รันดมจริงๆเหรอคะ” พอล้อมเดชคว้าหมับไปที่ขวดยาฆ่าแมลงจิราภาก็ถึงกับตกใจร้องเสียงหลง

“น้ำร้อนมาแล้วจ้า” ก่อนที่วิลาสินีจะทันพูดอะไรทิวาก็วิ่งห้อเข้ามาพร้อมกับขันน้ำใบใหญ่

“อย่าบอกนะคะว่าน้ำร้อนจริงๆ โอย...จิ๊บจะเป็นลม” พอเห็นความพิเรนของบรรดาเพื่อนๆ ของภรัณยาจิราภาก็ลมแทบใส่

“จะเป็นลมเหรอน้องจิ๊บเอายาฆ่ามดไปดมมั๊ยครับ” ล้อมเดชยังเล่นไม่เลิก

“แกดมไปคนเดียวเถอะไอ้ล้อมยานั่นฉันเอามาให้แก อ้าวเอาไอ้รันมานี่สิเห็นไหมนั่นมันเหม็นจั๊กแร้แกจนหน้าเขียวแล้ว” วิลาสินีทรุดลงนั่งแล้ววางศีษะของภรัณยาลงบนตัก หญิงสาวเปิดหลอดยาดมแล้วแกว่งไปมา “ทิวเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าไอ้รันสิยืนหน้าหล่ออยู่ได้ แฟนใครเนี่ย”

“จ๊ะๆ “ ทิวารีบทรุดลงจุ่มผ้าขนหนูสีขาวไปในขันก่อนจะบิดหมาดๆ แล้วเอาผ้ายื่นไปให้แฟนสาว

“เดี๋ยว!...พี่วิผ้าที่กำลังจะเช็ดหน้าพี่รันชุบน้ำร้อนหรือน้ำเย็นคะ” ด้วยความที่เป็นห่วงสวัสดิภาพของภรัณยาจิราภาจึงรีบถามเพื่อความปลอดภัย

“น้ำเย็นครับ อืม...อุ่นนิดหน่อยรับรองขนไม่ทันร่วง” ทิวาบอกยิ้มๆ

“แน่ใจนะคะว่าไม่ร้อนพวกพี่เนี่ยใจร้ายกันจัง ดูพี่รันสิหน้าซีดหน้าเซียวน่าสงสารออก คนรอยาดมจะแย่ยังมีกะใจไปหาใบก้อนมาอีกแน่ะ” จิราภาบ่นไปตามประสา

“โธ่น้องจิ๊บลมใส่แค่นี้ไอ้รันมันไม่ตายหรอกครับ ไอ้นี่มันหนังเหนียวยิ่งกว่าตังเม” ล้อมเดชพูดไปขำไป ชายหนุ่มยกขวดยาฆ่าแมลงขึ้นมาแล้วฮาก๊าก “ไอ้วิแกนี่มันกวนตีนน่าให้โล่จริงๆ”

“ฉันเห็นมันอยู่ใกล้ๆกล่องยาเลยหยิบมาฝากแก” วิลาสินีบอกในขณะที่มือแกว่างยาดมไปตรงจมูกเพื่อน

“แกจะแกว่งยาไปไหนฮึไอ้วิ เอาจ่อที่จมูกไอ้รันให้มันสูดเข้าไปดิวะ ยาดมมันไม่ใช่แอมโมเนียนะเว้ยที่กลิ่นแรงจนต้องแกว่ง” ล้อมเดชชี้มือแนะนำ

“เออฉันลืมไป” วิลาสินีรีบจ่อยาดมไปบนจมูกเพื่อนก่อนจะหันไปสั่งแฟนหนุ่มน้ำเสียงรัวๆ “ทิวไปบอกแม่บ้านเตรียมสำหรับมาให้ชุดหนึ่งสงสัยพยาธิของไอ้รันมันกำลังรวมตัวกันเรียกร้องหาความอุดมสมบูรณ์ ดูดิโฟนอินกันดังโกร๊กกร๊ากเชียว ฮ่าๆ” วิลาสินีหัวเราะขบขันเมื่อได้ยินเสียงท้องของภรัณยาร้องออกมาเบาๆ

“พวกแกนี่มันเป็นเพื่อนที่นรกส่งมาให้ฉันจริงๆ” ภรัณยาบอกเสียงแผ่วโหยก่อนจะหันไปสั่งทิวาเสียงเข้มเล็กน้อย “ทิวขอเป็นอาหารที่คนกินได้นะเพื่อน”

“ขอรับคุณหญิง” ทิวารีบลุกแล้ววิ่งแจ้นออกไป

“แกเป็นไงบ้างไอ้รัน” ล้อมเดชชะโงกหน้าเข้าไปถามไถ่เมื่อเห็นเพื่อนเริ่มมีปากมีเสียง

“อีกนิดก็ลุกเตะแกได้แล้วล่ะไอ้ล้อม ฉันเมมลงสมองไว้หมดแล้วกับคำพูดของแก ฉันลุกได้เมื่อไหร่แกเตรียมตัวตายได้เลย” ภรัณยายังมีแก่ใจอาฆาต

“อะโหย....รักดอกจึงหยอกเล่น อ่ะเพื่อน ล้อเล่งนิดเดียวเองดีกันนะ” ล้อมเดชทรุดลงนั่งข้างๆภรัณยาแล้วยื่นนิ้วก้อยไปให้หญิงสาว

“เล่นเป็นเด็กอนุบาลไปได้ไอ้พวกไม่รู้จักโต” วิลาสินีจิ้มมือไปที่หน้าผากของล้อมเดชแล้วผลักแรงๆ จนชายหนุ่มถึงกับหงายหลัง

“อ้าวไอ้วิแกมาจิ้มหน้าฉันทำไมเนี่ย” ล้อมเดชลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิก่อนจะยกแขนขึ้นตั้งไว้บนเข่าแล้ววางคางลงบนฝ่ามือทั้งสองข้าง

“ฉันไม่เอาขาหลังด๊อกคิกแกก็เป็นบุญเท่าไหร่แล้ว แกนะแกรู้อยู่ว่าไอ้รันมันไม่สมประกอบยังจะไปแหย่มันให้วิ่งไล่ ถ้าเกิดมันช๊อคแล้วหัวใจล้มเหลวขึ้นมาแกมีปัญญาปั้นมันไปคืนป้านิไหม อย่าไปเผลอพูดให้ยายไอ้รันมันรู้เชียวว่าวันนี้ไอ้รันเป็นลมไม่งั้นรับรองพวกเราได้ขึ้นศาลของยายทิพย์แน่ๆ” วิลาสินีชี้มือบ่นไปตามระเบียบ

“บ่นจังเมียใครวะเนี่ย เป็นบุญของฉันจริงๆที่ไม่หลงผิดไปจีบแกทำเมีย” ล้อมเดชเย้าแหย่เพื่อนหน้าระรื่น

“ไอ้ล้อมแกจะไปไหนก็ไปเลยนะ รันฝากฉันเตะมันให้ไหม” วิลาสินีชี้มืออาฆาตล้อมเดชแล้วก้มลงถามภรัณยา

“อย่าเตะมันเลยวิฉันว่าแกให้ทิวขุดหลุมแล้วกระทืบมันในหลุมพอสลบแกค่อยกลบมันทั้งเป็น” ภรัณยาบอกในขณะที่ค่อยๆ พยุงกายลุกขึ้นนั่ง

“ใจเย็นๆ รันอย่าเพิ่งลุกดิเดี๋ยวก็หน้ามืดรอบสองหรอก” วิลาสินีใช้มือกดไหล่ปรามเพื่อน

“ไม่เป็นไรฉันโอเคแล้วขอบใจมากนะวิ” ภรัณยาหันไปยิ้มบอก

“ก็บอกแล้วว่าไอ้รันมันหนังเหนียว ตายยาก” ล้อมเดชพูดลอยๆขึ้นมา

“พวกแกกินข้าวเที่ยงกันยังล่ะ” ภรัณยาถามในขณะที่หยีตาขึ้นมองไปบนท้องฟ้า

“แกก็เห็นว่าแต่ละคนอารมณ์ศิลปินกันขนาดไหนตั้งแต่เช้าก็จ้องอยู่แต่ผืนผ้าใบของตัวเอง เร่งมือกันขนาดนี้จะเอาเวลาที่ไหนไปกินข้าว” วิลาสินีตอบกลับทันควัน

“พวกแกกะจะทำฉันแดดเดียวหรือไงจะลากไปปฐมพยาบาลในร่มไม้หน่อยก็ไม่ได้ แดดร้อนชะมัด” ภรัณยาลดสายตาลงมองสำรวจผิวของตัวเองที่เริ่มแสบเพราะความร้อนของแสงแดด

“พอมีแรงแล้วบ่นเป็นแม่แก่เชียวนะ ก็คนมันตกใจนี่หว่า” วิลาสินีพูดแล้วลุกขึ้นพยุงร่างบอบบางเดินไปหลบแดดที่ใต้ต้นหูกวาง

“ล้อมฉันว่าเอาเสื่อมาปูนั่งกินข้าวใต้ร่มไม้เอาบรรยากาศซักวันดีกว่า ฉันมีเรื่องจะคุยกับพวกแก” ภรัณยาหันไปบอกล้อมเดช

“นั่งกินข้าวใต้ต้นไม้ในขณะที่แดดช่วงบ่ายกำลังส่องจ้าแบบนี้เนี่ยนะ ซาดิสไปหรือเปล่าไอ้รัน อีกอย่างถ้าเอาเสื่อมาปูน้องจิ๊บคงไม่สะดวกไปกินที่ห้องอาหารเถอะ” ล้อมเดชเสนอความคิด

“เออลืมไปโทษทีๆ ถ้างั้นเราไปกินที่ห้องอาหารกันดีกว่า ขอโทษทีนะคะคุณจิ๊บพอดีพี่ยังไม่ได้ทำพิธีต้อนรับแฟนเพื่อนอย่างเป็นทางการเลยลืมไปว่าไอ้ล้อมมันกำลังจะมีแฟน” ภรัณยาหันไปยิ้มหยอกจิราภาจนหญิงสาวหน้าแดงด้วยความอาย

“ไอ้รันขอร้องอย่าเล่นของสูง แกนี่น๊าพอมีเรี่ยวมีแรงก็แกว่งหาเรื่องเชียว” ล้อมเดชหันไปยิ้มหวานให้กับว่าที่แฟนสาวแล้วเลยไปแยกเขี้ยวใส่เพื่อนที่บังอาจเอาเรื่องจริงมาล้อเล่น

“ถ้าตกลงกันได้แล้วก็ขออันเชิญท่านทั้งหลายไปที่ห้องอาหารเลยขอรับ” ล้อมเดชลุกขึ้นโค้งตัวแล้วผายมือเชื้อเชิญ ชายหนุ่มรีบวิ่งไปเข็นรถของจิราภาแล้วเดินนำไปก่อนใคร โฉมฉายส่ายหน้าน้อยๆ แล้วยิ้มบางๆออกมาที่เห็นความกระตือรือร้นของล้อมเดชในยามดูแลเจ้านายคนเล็ก หญิงกลางคนหันไปช่วยวิลาสินีพยุงร่างอ่อนแรงของภรัณยาเดินตามสองหนุ่มสาวไปติดๆ ทิวาที่กำลังยกถาดกับข้าวออกมาจากครัวหมุนตัวกลับไปที่ห้องอาหารเมื่อได้ยินล้อมเดชตะโกนบอก

********************

ที่ห้องอาหารบรรยากาศเริ่มคึกคักขึ้นมาอีกครั้งเมื่อแต่ละคนกำลังสาละวนกับจานข้าวของตัวเอง ภรัณยาที่กลืนข้าวปลาอาหารยากเย็นมาหลายวันเริ่มมีความสุขกับรสชาติของอาหารที่กำลังตักเข้าปาก เธออยากจะไปขอบคุณเจ้าอสูรร้ายตนนั้นจริงๆ ที่ส่งสายตาเยาะยันดูแคลนมาให้จนทำให้เธอได้คิด ใช่อยู่ที่เธอเสียใจกับสิ่งที่กำลังเผชิญแต่ทำไมเธอจะต้องเอาความเสียใจมาบั่นทอนตัวเอง หญิงสาวหันไปยิ้มให้กับเพื่อนๆ ที่กำลังตักกับข้าวใส่จานคนโน้นทีคนนี้ทีแล้วหัวเราะเฮฮาขึ้นเป็นระยะๆ

นับตั้งแต่เธอรู้เรื่องของดิสรณ์เพื่อนแต่ละคนไม่มีใครก้าวก่ายหรือถามไถ่ให้เธอต้องตอบคำถามเดิมๆ แล้วตอกย้ำความเจ็บช้ำให้กับตัวเอง ถึงไม่มีใครถามแต่เธอรู้ดีว่าเพื่อนๆ ห่วงใยและทุกข์ใจกับความเงียบงันของเธอขนาดไหน ถึงไม่มีคำปลอบโยนจากเพื่อนๆ แต่ความห่วงใยที่เพื่อนๆ มีให้ก็ไม่ได้ลดน้อยแต่อย่างใด การที่แต่เพื่อนละคนปล่อยให้เธออยู่กับตัวเองแล้วรอให้เธอเป็นผู้ตัดสินใจว่าต่อไปข้างหน้าเธอเลือกที่จะทำยังไง เป็นการดูแลกันและกันในรูปแบบของเธอและผองเพื่อน

ตลอดเวลาที่คบหากันมาเธอและเพื่อนๆ จะใช้วิธีดูแลกันและกันอยู่ห่างๆ เข้าหาเมื่อเพื่อนร้องขอและหยุดนิ่งเมื่อเพื่อนต้องการความสงบ ทุกคนคิดว่าการที่ปล่อยให้เจ้าตัวได้คิดมันย่อมดีกว่าการที่จะมานั่งปลอบประโลมด้วยคำพูดที่เหมือนชี้นำ เพราะความเชื่อที่ว่าในยามที่ใครซักคนประสบกับความสับสนคนๆ นั้นไม่ได้ต้องการคำแนะนำจากใครสิ่งที่เขาต้องการก็แค่ตัองการระบายความสับสนออกไปพอระบายเสร็จพวกเขาก็จะหาทางออกได้เอง หากเราไปตะบี้ตะบันที่จะรับรู้สุดท้ายมันอาจจะไม่ได้อะไรกลับมาเลยนอกจากความร้าวรานที่พรั่งพรูออกมาซ้ำๆ ซากๆ

“อ้าวพวกเรามาฉลองให้กับชีวิตใหม่ของไอ้รันมันหน่อย” ล้อมเดชยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นมาประกาศเสียงดังกังวานพอสิ้นเสียงของชายหนุ่ม บรรดาเพื่อนและคนที่นั่งร่วมโต๊ะต่างหยิบแก้วของตัวเองขึ้นมาชนกับแก้วใบอื่นๆ กันอย่างสนุกสนาน

“รันมีข่าวดีอีกเรื่องมาบอกพวกเราด้วย ล้อมฉันว่าแกไปหาแชมเปญมาฉลองดีกว่า” ภรัณยาหันไปบอกล้อมเดชสีหน้าจริงจัง

“เอาจริงเหรอไอ้รัน แกนี่นะริอาจจะกินแชมเปญแกก็รู้ว่าตัวเองแพ้แอลกอฮอลล์แค่จิบก็เพี้ยนจะแย่ วันนี้แกกล้าออเดอร์แชมเปญเชียวเหรอ ฉันขอปฏิเสธว่าไม่อนุมัติ” ล้อมเดชที่รู้ฤทธิ์ของเพื่อนเป็นอย่างดีถึงกับส่ายหน้าพัลวัน

“แค่แชมเปญมันจะเป็นอะไรนักหนาหลับหูหลับตาจิบๆ มันไม่ถึงกับออกอาการหรอกน่า” ภรัณยายังดึงดันจะเอาให้ได้

“พวกแกว่าไงไอ้วิไอ้ทิว” เมื่อเห็นว่าภรัณยายังยืนกรานจะเอาให้ได้ล้อมเดชจึงหันไปหาตัวช่วย

“เอาน้ำเปล่าให้มันน่ะดีแล้ว ถ้ามันดื้อมากๆแกก็ไปเอาโค้กมาไป ฉันไม่เสี่ยงกันมันหรอก” ทั้งวิลาสินีและทิวารีบส่ายหน้าปฏิเสธ

“กลัวไม่เข้าเรื่อง” ภรัณยาทำท่าฮึดฮัดขัดใจ

“มีอะไรเหรอคะ” จิราภาถามขึ้นด้วยความสงสัย

“ก็ตอนรับน้องสมัยปีหนึ่งน่ะสิครับ รุ่นพี่ไม่รู้ว่าไอ้รันมันแพ้แอลกอฮอลล์ดันบังคับให้มันจิบสปายไปอึกหนึ่ง ไอ้นี่ก็ปากหนักไม่ยอมบอกใคร ส่ายหน้าทำตาแอ๊บแบ๊วรุ่นพี่ก็เลยให้มันจิบ พอแอลกอฮอลล์เข้าปากไปเท่านั้นแหละไอ้นี่ไม่พูดพล่ามทำเพลงจับรุ่นพี่ขึ้นมาอัดหน้าตาเฉย ถ้าคุณจิ๊บมีเรื่องกับใครไม่ต้องกลัวนะครับจับไอ้รันกรอกเหล้าแป๊บเดียวรับรองมันรำหมัดเมาให้เถิดเทิง” ล้อมเดชพูดไปขำไป

“แกก็พูดเกินไป” ภรัณยายิ้มอายๆ

“พูดเรื่องจริงนะเนี่ยตอนแรกพวกผมไม่เชื่อว่าในโลกนี้จะมีคนแพ้แอลกอฮอลล์ได้พิสดารแบบมัน ก็เลยพามันไปทดลองที่ผับ พอเหล้าเข้าปากมันอัดเจ้าถิ่นซะพวกผมพาหนีดงคอนเวิร์สแทบไม่ทัน” ล้อมเดชยังสาธยายไม่หยุด

“พอได้แล้วมั๊งล้อมเดี๋ยวน้องเขาไม่เชื่อขึ้นมา ขอให้ทดลองแบบจะๆ งานนี้จะซวยกันหมดนะเว้ย แกมีเรื่องอะไรจะบอกพวกเราเหรอรัน” วิลาสินีปรามแล้วหันไปถามภรัณยา

“ก็คุณธีรดลย์ลูกค้าประจำของฉันไงเขาบอกว่าต้องการภาพวาดพวกธรรมชาติแล้วก็พวกผลไม้ไปประดับร้านที่กำลังจะเปิดสิบภาพภายในสามถึงสี่เดือน”

“หือ....แกว่าอะไรนะ?” ทั้งวิลาสินี ทิวา และล้อมเดชต่างถามขึ้นพร้อมๆกัน

“เรามีงานใหญ่” ภรัณยากลับตอบไปสั้นๆแต่ได้ใจความ

“โอ้โหงามมหาหินเลยนะนั่นสิบภาพจะเอาสามสี่เดือนเวลาแค่นั้นเราจะทำทันเหรอ?” ล้อมเดชหันไปมองคนโน้นทีคนนี้ที

“ไอ้รันแกกลับไปอกหักเหมือนเก่าเถอะไป อย่างน้อยแกก็น่าจะวาดได้ซักห้าหกภาพ” วิลาสินีพูดขึ้นบ้าง

“เสียใจฉันเลิกเฮิร์ทแล้ว” ภรัณยายักไหล่ยียวน

“เขาให้ภาพเท่าไหร่?” ทิวาถามขึ้นบ้าง

“ไม่จำกัดเรียกได้ตามความยากง่ายของงาน” ภรัณยาตอบพลางตักขนมเข้าปาก

“แบบนี้ค่อยโอเคหน่อย” ล้อมเดชพยักหน้าน้อยๆ

“พวกแกไหวไหมล่ะถ้าไม่ไหวฉันจะได้กระจายไปให้คนอื่นช่วยทำด้วย” ภรัณยาจ้องหน้าเพื่อนๆแล้วรอคำตอบ

“งานนี้ฉันสู้ใจขาด พวกแกคิดดูสิถ้าเราทำเสร็จทันเราก็จะมีเงินไปเปิดแกลลอลี่พวกแกว่าไงไหวไหม?” ล้องเดชยกมือสนับสนุนทันที

“ไหว..” วิลาสินีและทิวารีบยกมือขึ้นสมทบ

“สรุปพวกแกเอาด้วยใช่ไหม?” ภรัณยาถามย้ำเมื่อเห็นทุกคนพยักหน้าเออออด้วยหญิงสาวจึงพูดขึ้นช้าๆ “และข่าวดียังไม่หมดเท่านี้ คุณธีรดนย์กำลังจะไปเปิดห้องอาหารที่เชียงราย เขาก็เลยชวนพวกเราไปวาดรูปที่โน่นพวกแกว่าไง”

“หืม.....ขอฟังอีกครั้งหนึ่งสิเพื่อน” ล้อเดชแคะหูแล้วเอียงหูไปทางภรัณยา
“เขาชวนพวกเราไปวาดรูปที่เชียงรายบรรยากาศดีๆ อากาศสดชื่นๆ สมองจะได้แล่นอารมณ์ตีสก็จะได้พุ่งพวกแกคิดว่าไง”

“ไอ้รันแกยังต้องมาถามอีกเหรอว่าพวกฉันคิดว่าไง นาทีนี้ใครมันจะไม่อยากไปล่ะ เก็บกระเป๋าเลยดีกว่าใช่มั๊ย วิ ทิว” ล้อมเดชที่ดี้ด๊ากว่าใครรีบสรุปแบบไม่ต้องรอมติ

“นั่นสินานๆ ได้ออกไปเขียนรูปกับธรรมชาติงานนี้ฉันก็คนหนึ่งล่ะที่จะไปเก็บกระเป๋า” วิลาสินีรีบบอก

“แล้วทิวล่ะอยากไปไหม?” ภรัณยาหันไปถามสมาชิกที่เหลือ

“วิไปไหนทิวก็ไปนั่นแหละคร๊าบเราสองคนขายเป็นแพกเก็ตคู่แกก็รู้นี่” ทิวาบอกแบบไม่ต้องคิด พอชายหนุ่มพูดจบเสียงฮาก็ดังขึ้น

“ถ้าไปเชียงรายก็ดีสิคะจิ๊บก็จะได้ไปมาหาสู่พี่ๆ ได้สะดวกๆ” จิราภาที่นั่งฟังอยู่เงียบๆพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ

“นั่นสินะบ้านน้องจิ๊บอยู่ที่เชียงรายนี่นาเนอะแบบนี้มันก็เข้าทางคนบางคนน่ะสิ” วิลาสินีกระทุ้งข้อศอกไปที่สีข้างของล้อมเดชแล้วพยักพเยิดไปทางจิราภา

“เออคุณจิ๊บพี่ลืมบอกไปว่าเมื่อกี้พี่ชายคุณมาค่ะ” ภรัณยาบอกน้ำเสียงราบเรียบจนอีกฝ่ายถึงกับสะดุ้งโหยง

“พี่ภูมาเหรอคะ ตายแล้วพี่ภูไปกัดไปแทะพี่รันไหมคะวันนี้” จิราภาถามด้วยความเป็นห่วง แต่คนฟังถึงกับหลุดขำออกมาก๊ากใหญ่

“ท่าทางพี่ชายคุณจิ๊บจะกัดคนอื่นๆ จนเป็นเรื่องปกตินะคะเนี่ย ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะวันนี้พี่โดนแค่พอเหวอะหวะ” ภรัณยาบอกไปหัวเราะไป

“พี่ภูนี่แย่จริงๆ จิ๊บต้องขอโทษแทนพี่ชายของจิ๊บด้วยนะคะที่ทำกิริยาที่ไม่ดีกับพี่รัน พี่ภูเขาก็เป็นแบบนี้แหละคะขี้โมโห งี่เง่าด้วยนะคะ แต่เธอก็เป็นพี่ชายที่ดีของจิ๊บค่ะ” จิราภาบอกออกไปตามความรู้สึก

“โหถ้าพี่ชายคุณจิ๊บเป็นแบบนี้พี่ก็แย่น่ะสิ พี่ชายของแฟนโหดขนาดนี้ท่าทางพี่คงถูกอัดจนบอบช้ำ” ล้อมเดชทำเสียงอ้อนๆ จนจิราภาก้มหน้าเอียงอาย
“จีบกันแบบไม่เกรงใจใครเขาเลยนะไอ้ล้อม ฉันขออวยพรให้รักแรกที่ผลิบานของแกจงสุขสมหวังและปราศจากฝ่าเท้าของพี่ชายน้องจิ๊บไปจนถึงวันร่วมเรียงเคียงหมอนนะเพื่อน” พอทิวาพูดจบเสียงหัวเราะของคนอื่นๆก็ดังขึ้น

ภรัณยามองไปที่ล้อมเดชแล้วยิ้มบางๆ เท่าที่เห็นจิราภาก็น่าจะมีใจให้กับล้อมเดช แต่ถึงยังไงก็น่าห่วงอยู่ดีว่ารักครั้งนี้ของเพื่อนรักจะเดินไปในทิศทางใดเพราะอุปสรรค์จากอสูรร้ายยังไงเสียก็คงไม่ราบรื่นดังเส้นทางที่ราบเรียบ.....





Create Date : 17 สิงหาคม 2552
Last Update : 17 สิงหาคม 2552 11:34:19 น. 1 comments
Counter : 552 Pageviews.

 
ชอบเพื่อนๆของรันมากค่ะ รักกันดีจัง


โดย: karaked IP: 68.105.5.210 วันที่: 18 สิงหาคม 2552 เวลา:23:46:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.