sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
14 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 
ตอนที่ 7 แรงยุ



ดิสรณ์นั่งหน้าซีดเซียวอยู่ที่หน้าระเบียงบ้านไม้หลังเก่า ชายหนุ่มทอดสายตาเศร้าสร้อยไปมองกระถางกล้วยไม้ที่แขวนระโยงระยางอยู่บนราว เกือบอาทิตย์แล้วที่เขามานั่งเฝ้าภรัณยาอยู่ที่บ้านของเธอ ใบหน้าคมสันแหงนเงยไปมองรอบๆตัวถึงบ้านที่เขากำลังนั่งหลบแดดฝนอยู่ในขณะนี้จะมีอากาศถ่ายเทดีแต่ภายในใจเขากลับร้อนรุ่มดังถูกไฟเผา สายลมอ่อนๆพัดมาเอื่อยๆ ไม่ได้ทำให้ความร้อนลุ่มลดลงแต่อย่างใด บรรยากาศรอบๆบ้านมีต้นไม้หลากหลายชนิดจนดูร่มรื่นเหมือนเป็นป่าเล็กๆในเมืองใหญ่ ถึงจะมีเสียงรถราขับไปมาขวักไขว่แต่ก็ไม่ถึงกับหนวกหู ในบางครั้งก็มีเสียงนกร้องทำให้รู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่กลางป่ากลางสวน

“พ่อดิสกินข้าวกินปลามั่งเถอะลูก” ยายทิพย์เดินยกสำรับมาวางไว้บนเสื่อกกผืนเล็กๆที่เก่าคร่ำคร่า แล้วเดินเลี่ยงไปนั่งที่เก้าอี้หวายตัวเก่าที่ข้างบันได

“ขอบคุณครับคุณยาย” ดิสรณ์ยกมือขึ้นไหว้ผู้สูงวัยแล้วก้มลงมองอาหารที่
อยู่ในถาด “น้องรันไม่กลับบ้านเลยเหรอครับคุณยาย” ดิสรณ์ตักข้าวเข้าปากแล้วกลืนลงคอชายหนุ่มก้มมองข้าวบนจานในมือถึงกับข้าวที่วางอยู่บนถาดจะมีรสชาติที่อร่อยและสีสันน่าทานแต่ในยามกลืนลงคอช่างฝืดเฝื่อนจนยากที่จะกล้ำกลืน

“เห็นมันบอกว่าไม่มีกำหนดว่าจะกลับ งานมันคงเยอะพ่อดิสไม่แวะไปที่ห้องภาพล่ะลูก” ยายทิพย์ที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวแนะนำ

“ผมไปมาแล้วครับแต่น้องรันไม่ว่างเจอ” ดิสรณ์บอกด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย

“พ่อดิสถ้าไม่หนักหนาบอกยายได้ไหมลูกว่าพ่อดิสกับไอ้รันมีปัญหาอะไรกัน”

“ถ้าผมพูดไปคุณยายจะให้อภัยผมมั๊ยครับ เรื่องนี้ผมผิดเอง....ผม...เอ่อ...” ชายหนุ่มยังคงอ้ำอึ้งเพราะไม่กล้าเล่าต่อ

ก่อนที่ดิสรณ์หรือยายทิพย์จะทันพูดอะไรต่ออยู่ๆ เสียงแหวๆของใครคนหนึ่งก็ดังมาจากหน้าบ้าน “ดิสกลับบ้านกับนิต้าเดี๋ยวนี้นะ”

“นิต้า! คุณมาที่นี่ได้ยังไง” ดิสรณ์ถามน้ำเสียงตกใจ

“นิต้าก็ตามคุณมาน่ะสิ ดิสกลับบ้านเดี๋ยวนี้นะคุณทนนั่งอยู่ได้ยังไงกับบ้านโกโรโกโสแบบนี้” นิต้าปรายตาผ่านรั้วเข้าไป ดวงตาคู่สวยจ้องมองสภาพบ้านไม้หลังเก่าๆเบื้องหน้าด้วยสายตาเหยียดหยันและขยะแขยง ถึงรอบบ้านจะมีต้นไม้อยู่หนาแน่นและมีดอกไม้ปลูกแซมอย่างเป็นสัดเป็นส่วน แต่สภาพของตัวบ้านที่ดูเล็กๆแคบๆเก่าๆก็ทำให้เธอรู้สึกรังเกียจอยู่ดี

“คุณมาทำไม? กลับไปซะนิต้า” ดิสรณ์วางจานข้าวลงแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ ชายหนุ่มจ้องปรามหญิงสาวที่กำลังแหวเสียงอย่างเกรงใจเจ้าของบ้านที่กำลังนั่งจ้องหน้าเขาอยู่เงียบๆ

“ถ้าคุณไม่กลับไปพร้อมกับนิต้า นิต้าก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น”

“กลับไปซะผมยังไม่อยากมีปัญหากับคุณ”

“ดิสจะมามั่วกับยัยผู้หญิงกะโปโลนั่นบนบ้านเน่าๆหลังนี้น่ะเหรอใฝ่ต่ำสิ้นดี” นิต้าเหยียดเสียงดูแคลน

“หยุดนะนิต้าหยุดคำพูดต่ำๆของคุณแล้วกลับไปซะ”

“กรี๊ด!!!! ดิสคุณกล้าว่านิต้าเหรอ” ฐานิตาเต้นเร่าๆอยู่หน้าบ้าน

“โอ๊ย...ใครก็ได้เอาน้ำมาราดแม่นกหวีดนี่หน่อยเถอะหูฉันจะแตกอยู่แล้ว” ยายทิพย์ที่นั่งนิ่งเงียบมาซักพักเริ่มเดือดขึ้นมาบ้างเมื่อเจอแม่สาวเสียงนกหวีดกำลังเปร่งเสียงปริ๊ดๆออกมา

“อีแก่แกว่าใครเป็นนกหวีดห๊า” ฐานิตาที่เกรี้ยวกราดจนไม่มองว่าใครจะหัวหงอกหัวดำกางปีกขึ้นเตรียมระเบิดศึกทันที

“อ้าว...เจริญแล้วฉันคราวนี้” ยายทิพย์สะดุ้งจนแทบตกเก้าอี้เมื่อเจอแม่นกหวีดเสียงแหลมท้าวสะเอวแต้แล้วชี้มือขึ้นมาคุกคามถึงบนบ้าน

“นิต้าคุณอย่ามาทำกิริยาก้าวร้าวกับคุณยายท่านนะ คุณกลับไปเดี๋ยวนี้ก่อนที่ผมจะหมดความอดทนกับคุณ” ดิสรณ์หน้าเริ่มเสียเมื่อเห็นท่าทางของสายทิพย์กำลังควานมือหายาดมในกระเป๋าเสื้อคอกระเช้าสีฟ้าอ่อน

“ดิสถ้าคุณไม่ลงมานิต้าจะขึ้นไปหาคุณเอง คุณจะลงมามั๊ย” ฐานิตาเริ่มขู่
“คุณยายครับผมต้องขอประทานโทษด้วยนะครับกับเหตุการณ์วันนี้” ดิสรณ์คลานเข่าเข้าไปหายายทิพย์แล้วก้มลงกราบแทบเท้าหญิงชรา

ยายทิพย์สูดยาดมเข้าปอดสองปื๊ดแล้วก้มลงมองชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาตรงหน้า หญิงชราส่ายหน้าน้อยๆเมื่อเริ่มจะรู้รางๆว่าเพราะเหตุใดหลานสาวถึงต้องหลบลี้หนีหาย “พ่อดิสกลับไปก่อนไป ยายยังไม่อยากหัวใจวายตายเพราะเสียงแม่หนูนั่น”

“แต่ผมยังอยากจะรอรันอยู่ที่บ้านนะครับ” ดิสรณ์ยังลังเล

“ไอ้รันมันคงไม่กลับมาหรอกยายเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้วล่ะ ถึงจะรอจนถึงพรุ่งนี้มันก็ไม่กลับหรอกวันนี้ พาแม่หนูคนนั้นกลับไปซะขืนตะโกนโหวกเหวกอยู่แบบนั้นคนทั้งซอยจะครหาไอ้รันมัน เห็นแก่ไอ้รันมันซักครั้ง
เถอะนะพ่อ” ด้วยความที่อาบน้ำร้อนมาก่อนยายทิพย์จึงสรุปความบาดหมางของหลานสาวไว้ตรงรักสามเศร้าที่ไม่รู้ว่าใครเป็นมือที่สามของใคร

“ผมกับนิต้าเลิกกันแล้ว ผมตั้งใจจะแต่งงานกับน้องรัน คุณยายครับผมรักน้องรันจริงๆ ผมอาจจะเคยพลาด แค่ครั้งเดียวผมก็ไม่อาจแก้ไขได้เลยหรือครับ” ดิสรณ์ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงเต็มที

“ยายคิดแทนไอ้รันมันไม่ได้หรอกถ้าเหตุการณ์มันเป็นแบบนี้ยายก็จนใจ แล้วแต่เวรแต่กรรมเถอะพ่อดิส ไปเถอะกลับไปได้แล้ว” ยายทิพย์ส่ายหน้าไปมาแล้วพยักหน้าเชิงไล่

“แล้วผมจะมาใหม่นะครับคุณยาย”

“ถ้ามาแล้วพกแม่หนูนั่นมาด้วยพ่อดิสก็อย่ามาทำความเดือดร้อนให้กับคนแก่อย่างยายเลย”

“ผมจะไปบอกให้เธอเข้าใจขอเวลาผมอีกซักหน่อยนะครับคุณยายผมจะทำรีบจัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อย” ดิสรณ์ก้มลงกราบที่เท้าของหญิงชราอีกครั้ง ชายหนุ่มค่อยๆลุกขึ้นแล้วเดินลงบันไดไปช้าๆ

ฐานิตามองใบหน้าคมสันของคนรักแล้วพาลรู้สึกหวาดหวั่น ใบหน้าหล่อเหลาอบอุ่นที่คุ้นเคยบัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาจนน่าใจหายเกิดอะไรขึ้นกับดิสรณ์

“กลับบ้านเดี๋ยวนี้นิต้า” ดิสรณ์เดินไปบีบไหล่ของหญิงสาวแล้วพลักแรงๆไปที่รถของเธอ

“โอ๊ย !..ดิสนิต้าเจ็บนะ”

“คุณจะได้เจ็บมากกว่านี้แน่ถ้าคุณยังมาระรานคนที่นี่ จำไว้นิต้าผมไม่มีวันแต่งงานกับคุณแน่”

“ดิสพูดแบบนี้มันหมายความว่ายังไง? คุณพูดกับนิต้าแบบนี้ได้ยังไง” ฐานิตารู้สึกหน้าชาวาบเหมือนถูกใครตบหน้าแรงๆ ความรู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจจุกแน่นจนขอบตาร้อนผ่าว มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอมันเกิดอะไรขึ้นความรักที่ราบรื่นและสุกงอมจนพร้อมที่จะร่อนการ์ด ทุกอย่างกำลังไปได้สวยเธอคิดไว้ว่าในอีกไม่นานเธอคงได้สวมชุดวิวาห์สีขาวบริสุทธ์สะอาดตาและเธอคงจะงดงามราวเจ้าหญิงเมื่อเดินหรูหราอยู่ในชุดนั่น

ปึง! เสียงประตูรถที่กระแทกปิดดังขึ้นปลุกให้หญิงสาวออกจากภวังค์ ไม่นานเสียงติดเครื่องยนต์ก็กระหึ่มตามมา ฐานิตาหันไปมองรถที่กำลังกระชากออกไปด้วยความรู้สึกที่สับสน หญิงสาวหันกลับไปที่บ้านไม้หลังเก่าๆตรงหน้าด้วยสายตารังเกียจ

“คุณเลือกผู้หญิงที่มีชีวิตอยู่ในที่อับๆแคบๆแบบนี้เหรอดิส..” ฐานิตากัดริมฝีปากล่างน้อยๆแล้วหมุนตัวกลับไปที่รถของตัวเอง หญิงสาวพิงตัวลงบนเบาะแล้วนิ่งคิด เธอจะมาแพ้ผู้หญิงที่แทบไม่มีอะไรมาเทียบเทียมเธอได้อย่างนั้นเหรอ “ไม่มีทางฉันไม่แพ้แกแน่” ฐานิตาเชิดหน้าขึ้นติดเครื่องแล้วกระชากรถออกไปเร็วๆ

**********************

ฐานิตาขับรถเข้าไปในบริษัท เอเชียอมฤต ด้วยท่าทีที่กล้าๆกลัวร่องรอยบางอย่างที่ชายแปลกหน้าเคยสัมผัสเริ่มปรากฏขึ้นรางๆจนกลายเป็นความร้อนรุ่มไปทั้งร่าง ถึงแม้สัมผัสที่เขาแตะต้องตัวเธอจะเต็มไปด้วยความชิงชังรังเกียจและขยะแขยงแต่เธอกลับโหยหาความสุขที่เขากำลังหยอกเย้ายั่วยุ หญิงสาวนั่งนิ่งๆอยู่ในรถเพื่อถามตัวเองให้แน่ชัดว่าเธอต้องการทำอย่างนี้จริงๆหรือเปล่า

เธอจะทนกับสายตาหยามเหยียดของผู้ชายคนนั้นได้ซักแค่ไหน เธอจะหวั่นไหวกับสรีระที่เร้าใจของเขาได้หรือเปล่า และเธอจะเดินเข้าไปหาเขายังไง ฐานิตานั่งตอบคำถามของตัวเองที่ผุดออกมาเหมือนดอกเห็ดคำถามแล้วคำถามเล่า ใบหน้าสวยเฉี่ยวเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวเมื่อนึกถึงความปวดร้าวที่กำลังสุมแน่นอยู่ในอก แต่หากการทำลายผู้หญิงของดิสรณ์คือเป้าหมายของผู้ชายร้ายกาจคนนั้น เธอก็จำเป็นที่จะมาร้องขอเพื่อยืมมือผู้ชายคนนั้นไปทำลายล้าง ฐานิตาพ่นลมหายใจออกมาดังๆแล้วตัดสินใจเปิดประตูรถ หญิงสาวกราดสายตาไปทั่วบริเวณก่อนจะหยัดตัวให้มั่นคงแล้วเดินเข้าไปในตัวอาคารด้วยท่วงท่าที่แสนสง่างาม

เกือบสิบนาทีหญิงสาวรูปร่างสูงเพรียวก็มายืนอยู่ที่หน้าโต๊ะของเลขาฯ ที่จัดวางกั้นขวางเป็นประตูหน้าอย่างดี ฐานิตายิ้มน้อยๆให้กับหญิงสาวรูปร่างกึ่งท้วมที่พอจะเดาอายุได้ว่าน่าจะเลยเลขสี่มาแล้วซักสองสามปี “ดิฉันมาพบคุณภูนเรศ วรเดชา ค่ะ” ฐานิตาเหลือบไปมองป้ายชื่อที่ติดอยู่หน้าห้องแล้วแจ้งความประสงค์ให้อีกฝ่ายทราบ

“ไม่ทราบว่าคุณนัดท่านไว้หรือเปล่าคะ”

“เปล่าค่ะรบกวนช่วยเรียนคุณภูนเรศว่าดิฉันฐานิตา มาพบ”

“ไม่ทราบว่าคุณฐานิตามีธุระอะไรกับท่านคะ ดิฉันจะได้เรียนท่านถูกน่ะค่ะ”

“ดิฉันมีเรื่องจะมาตกลงกับคุณภูนเรศเล็กน้อยถ้าคุณภูนเรศสะดวกที่จะให้ดิฉันเข้าพบ” ฐานิตาบอกน้ำเสียงราบเรียบจนอีกฝ่ายเริ่มอึกอัก “ให้เธอเข้ามาเถอะพี่เยาว์” แต่ก่อนที่เลขาฯของชายหนุ่มจะทันตอบรับและหาทางหลบเลี่ยงการเข้าพบเจ้านายในขณะที่ยังไม่ได้ขอนัด เสียงทุ่มคุ้นหูก็ดังขึ้นเบาๆ

ภูนเรศที่เปิดประตูออกมาพอดีหันไปบอกเลขาฯ แล้วหมุนตัวกลับเข้าไปในห้อง ฐานิตายิ้มน้อยๆให้กับเลขาฯสาวใหญ่ก่อนจะเดินตามร่างสูงที่กะจากสายตาแล้วความสูงน่าจะเกินร้อยแปดสิบ หญิงสาวเดินตามแผ่นหลังกว้างแกร่งภายใต้เสื้อเชิ้ตสีหม่นเนื้อดีราคาแพงไปด้วยหัวใจที่เต้นระทึก ความรู้สึกวูบวาบแปลกๆกำลังลามเลียไปตามเนื้อผิวจนรู้สึกอยากลูบไล้สัมผัสกับความเซ็กซี่ของผู้ชายเบื้องหน้า

“มาทำไมติดใจผมรึไง” ก่อนที่ความรู้สึกวาบหวามจะเชิญชวนให้เธอเตลิดไปมากกว่านี้เสียงห้วนๆของชายหนุ่มก็เข้ามาแทรกทำลายและกระชากเธอให้ออกจากความเพ้อฝันที่มันแทบจะไม่มีโอกาสเป็นจริงได้เลย

“ถ้าฉันบอกว่าใช่คุณจะช่วยตอบสนองฉันไหม?” พอพูดจบฐานิตาก็ลมแทบใส่ ‘เธอถามคำถามไร้ยางอายแบบนั้นออกไปได้ยังไง เธอเปิดช่องว่างให้ผู้ชายที่มองเธอเหมือนผู้หญิงไร้ค่ามาเหยียดหยามเธอแบบนั้นได้ยังไง’

“ถ้าหิวกระหายนักผมก็จะสงเคราะห์ให้ แต่ขอโทษนะผมไม่นิยมเสพย์สุขแบบไม่เลือกที่ ถ้าจะให้เขี่ยๆจับๆแล้วส่งคุณขึ้นสวรรค์ผมก็พอที่จะสงเคราะห์ได้อยู่หรอก แต่จะให้มามั่วในที่ทำงานผมคงไม่ทำ” ภูนเรศสอดมือลงในกระเป๋ากางเกงแล้วจ้องผู้หญิงตรงหน้าเหมือนเธอเป็นตัวอะไรซักอย่าง

ฐานิตาแทบกรี๊ดออกมาเมื่อเจอคำพูดถากถางจากชายหนุ่มตรงหน้า ถึงจะโกรธจนเนื้อตัวสั่นระริกแต่หญิงสาวก็เลือกที่จะสะกดความพลุ่งพล่านนั้นไว้ ‘หากนี่คือคมดาบที่เธอกำลังจะนำไปเข่นฆ่าใคร มันก็สาสมแล้วไม่ใช่เหรอกับบาดแผลที่เธออาจจะได้รับจากคมดาบที่เธอเลือก และมันจะสาแก่ใจแค่ไหนหากคมดาบอันนี้จะไปกรีดเฉือนศัตรูของเธอให้ได้รับความเจ็บปวดบ้าง’

“ฉันไปทำอะไรให้คุณเหรอทำไมคุณถึงได้ทำร้ายฉันขนาดนี้” ฐานิตาข่มเสียงที่สั่นเครือให้ราบเรียบเมื่อโพล่งคำถามออกไป

“มันก็ช่วยไม่ได้ในเมื่อคุณเกิดมาเป็นลูกของไอ้ดนัย และซ้ำร้ายคุณยังเป็นคนรักของไอ้ดิส ผมจะทำลายทุกอย่างที่มันรัก”

“แล้วสิ่งที่คุณทำร้ายฉันคุณคิดเหรอว่ามันจะทำให้เขาสะเทือน น่าขัน..” ฐานิตาบอกเสียงเยาะจนภูนเรศถึงกับจ้องหน้าเธอเขม็ง

“คุณพูดแบบนี้มันหมายความว่ายังไง?” ภูนเรศดึงมือออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วก้าวฉับไปจับหัวไหล่ของหญิงสาวที่กำลังยืนเหยียดยิ้มเย้ยหยัน

“ก็หมายความว่าคุณมันโง่น่ะสิ ฉันจะบอกอะไรให้ต่อให้คุณทำลายฉันจนไม่เหลืออะไรดิสเขาก็ไม่ชายตามาแลหรือเคียดแค้นอะไรหรอก เขาไม่ได้รักฉันเขาไม่เคยรักฉันเลย เขาไม่จะแคร์ด้วยซ้ำว่าฉันจะเป็นยังไง” ดวงตาสีสวยสลดวูบความปวดร้าวที่ฉายออกมาจากแววตาเริ่มเด่นชัดเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่เธอกำลังใกล้จะสูญเสีย ริมฝีปากสีแดงอมส้มสั่นระริกเหมือนกำลังพยายามกลั้นก้อนสะอื้น

“ไม่จริงคุณกับมันกำลังจะแต่งงานกันไม่ใช่เหรอ? “

“เขากำลังจะไปแต่งงานกับคนอื่น ที่ฉันมานี่ก็เพราะฉันอยากแก้แค้นดิส ถ้าคุณเกลียดเขาต้องการทำลายสิ่งที่เขารักฉันก็จะช่วยคุณ ฉันไม่ยอมเจ็บคนเดียวแน่” ฐานิตาเชิดหน้าแล้วจ้องไปที่ชายหนุ่มเหมือนกำลังขอคำตอบว่าจะเอาด้วยไหม

“มันหมายความว่ายังไง? คุณจะมาช่วยอะไรผม”

“ฉันพาคุณไปเอาตัวผู้หญิงคนนั้นได้”

“ทำไมผมต้องให้คุณช่วยเรื่องแค่นี้ผมมีปัญญาทำเองได้”

“แล้วคุณรู้เหรอว่าเธอเป็นใคร”

“ถ้าผมต้องการจะรู้มันไม่ยากเกินไปหรอกที่จะไปค้นหา” ภูนเรศบอกอย่างมั่นใจในศักยภาพของตัวเอง

“คุณจะเสียเวลาไปค้นหาทำไมถ้าข้อมูลมันกำลังวิ่งเข้ามาหาคุณ” ฐานิตาปรายตาอย่างผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า

“คุณนี่นะอยากจะช่วยผม” ภูนเรศเหยียดริมฝีปากถามเสียงเยาะ

“แล้วคุณคิดว่าที่ฉันยอมแบกหน้ามาหาคุณแบบนี้เพราะอะไรล่ะ”

“เพราะร่างกายของคุณมันเรียกร้องหาผมน่ะสิ หรือไม่ใช่” ภูนเรศยังถากถางไม่เลิก “ทำไมลีลาไอ้ดิสมันไม่เร้าใจเลยเหรอถึงได้เต้นเร่าๆมาให้ผมช่วยสงเคราะห์ถึงนี่”

ฐานิตาข่มความคับแค้นใจที่ใกล้ปะทุไว้ในอก ถึงจะรู้สึกร้อนหน้าจนไฟแทบลุกที่อีกฝ่ายดูถูกเธอจนไม่เหลือชิ้นดี แต่หากการมาของเธอจะต้องกลับไปมือเปล่ามันจะไปคุ้มค่าอะไรกับคำพูดถากถางที่อีกฝ่ายยิงกราดใส่เธอไม่ยั้งจนความรู้สึกของเธอพรุนยับขนาดนี้ “หยุดเหยียดหยามและดูแคลนฉันซักที”

“รับไม่ได้เลยเหรอกับความรู้สึกเบื้องต่ำของตัวเอง”

“คุณมาถากถางฉันแบบนี้คุณได้อะไรกลับไปเหรอ? คุณคิดว่าการที่คุณพูดให้ฉันเจ็บช้ำน้ำใจมันจะทำให้ดิสเจ็บปวดอย่างนั้นเหรอ? ถ้าคุณอยากที่จะแก้แค้นดิส ถ้าคุณอยากจะเห็นความบ้าคลั่งของดิส คุณจะเลือกทำร้ายฉันที่ไม่ได้มีผลอะไรกับเขา หรือว่าคุณจะเลือกไปทำลายหัวใจที่หล่อเลี้ยงความรู้สึกของเขา คุณลองตอบฉันมาหน่อยสิว่าคุณจะเลือกสิ่งไหน?” ฐานิตาเชิดหน้าถามขึ้น ถึงจะรู้สึกปวดแปลบไปทั้งอกเมื่อพูดถึงความสำคัญของผู้หญิงอีกคนที่มีผลต่อคนรักของเธอ แต่เพื่อให้อีกฝ่ายได้คิดเธอจำต้องนำความจริงข้อนี้มาชี้นำ

“ได้คุณบอกผมมาว่าผู้หญิงของไอ้ดิสมันอยู่ไหน?” เมื่อเจอแรงยุจากหญิงสาวภูนเรศจึงไม่อยากที่จะลังเลอีกต่อไป

“ไปกับฉันสิ” ฐานิตายิ้มน้อยๆเมื่อภูนเรศยอมเดินตามความต้องการของเธอ
ภูนเรศเดินตามร่างเพรียวระหงของหญิงสาวไปที่ลานจอดรถอย่างว่าง่าย ชายหนุ่มก้าวขึ้นไปนั่งบนรถแล้วเหลือบไปมองผู้หญิงข้างๆด้วยสายตาที่ไม่ค่อยจะวางใจเธอนัก วันนี้การที่ฐานิตายอมแบกหน้ามาหาเขามันก็ดูแปลกประหลาดจนน่าพิศวงอยู่แล้ว ดูท่าเธอคงจะเจ็บแค้นดิสรณ์ไม่เบาลองผู้หญิงได้โกรธพายุอารมณ์ของการทำลายล้างย่อมมีมหาศาล ผู้หญิงเพศที่น่าหวาดเกรงและเดาใจได้ยากยิ่ง เพราะหากผู้หญิงตกอยู่ในห้วงของความรักโลกทั้งโลกของเธอก็จะเป็นสีชมพู เธอพร้อมที่จะอ่อนหวานและน่าทะนุถนอม แต่หากเธอตกอยู่ในห้วงของความสูญเสียโลกทั้งโลกของเธอก็จะมืดดับ และพวกเธอก็พร้อมที่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้โลกสีหม่นดำมันหลุดออกไปได้เช่นกัน

“คุณมองฉันทำไม?” ฐานิตาหันไปถามเมื่อเห็นภูนเรศกำลังจ้องเธอชนิดที่ไม่ยอมวางตา

“ผมกำลังมองว่าคุณจะร้ายกาจได้ซักแค่ไหน”

“ถ้าฉันโกรธจนถึงขีดสุดคนอย่างฉันก็สามารถที่จะฆ่าคุณได้เลยล่ะ”

“อารมณ์ผู้หญิงต่อให้เกรี้ยวกราดแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องสิโรราบหากเจอบทโอ้โลมทางกาย” ภูนเรศเบะปากเยาะ

“ดูคุณจะมั่นใจในตัวเองเหลือเกินนะกับลีลาของตัวเอง” ฐานิตาเหยียดริมฝีปากกลับบ้าง

“ผมเคยทำสำเร็จมาแล้วไม่ใช่เหรอ และคุณก็รู้นี่ว่ามันเป็นยังไง หรืออยากจะให้ผมตอกย้ำอีกซักครั้งว่าร่างกายของคุณมันสั่นระริกแค่ไหนในยามที่คุณร้องขอ หึหึ”

ฐานิตากัดริมฝีปากล่างไว้แน่นขนาดจะจับมือร่วมหัวจมท้ายกันอยู่แล้ว เขาก็ไม่วายที่จะวกหาคำพูดมาทำร้ายความรู้สึกของเธอ ทำไมผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาราวเทพบุตรคนนี้ถึงได้จิตใจโหดร้ายดังอสูร ความเกรี้ยวกราดในน้ำเสียงถึงจะเหมือนเหยียดหยามแต่ในเสี้ยวหนึ่งเธอสาบานได้ว่าน้ำเสียงที่เปล่งออกมามันเจือปนกับความเจ็บปวด ผู้ชายคนนี้ไปเจอเรื่องราวอะไรมานักหนาทำไมถึงได้เกลียดผู้หญิงถึงขนาดนี้

“ฉันถามจริงๆเถอะคุณเคยถูกผู้หญิงหักอกมาเหรอ?” เมื่อสุดที่จะทนกับความอยากรู้ฐานิตาจึงเอ่ยถามออกไป

“มันไม่ใช่เรื่องอะไรของคุณ” ภูนเรศสะบัดเสียงตอบห้วนเสียจนอีกคนไม่กล้าถามต่อ

“ผมจะบอกให้ว่าชั่วชีวิตนี้ผมจะไม่มีวันรักใคร ผู้หญิงสำหรับผมมันก็เป็นแค่ที่ระบายอารมณ์ใคร่ หิวเมื่อไหร่ก็กวักมือเรียกอยากได้แบบไหนก็แค่ชี้ ไม่มีคุณค่าอะไรซักนิด”

“คุณยังไม่เคยรักใครล่ะสิถึงพูดแบบนี้ เอาไว้ถ้าคุณรู้สึกรักใครซักคนฉันจะกลับมาถามคุณใหม่ว่าผู้หญิงของคุณจะมีค่าซักแค่ไหน”

“เก็บเอาไว้ถามผมชาติหน้าก็แล้วกัน เพราะชาตินี้ผมคงไม่รักใคร”

“ถ้าวันหนึ่งคุณรู้สึกว่ารักใครคุณก็ลองนึกถึงคำถามนี้ของฉันไว้นะคุณภูนเรศ แล้วลองตอบตัวเองดูว่าผู้หญิงที่หัวใจคุณสั่งให้รักมันมีค่าซักแค่ไหนและคุณจะยอมทำอะไรเพื่อเธอได้บ้าง”

“คุณจะมาหว่านล้อมผมให้รักคุณงั้นเหรอ อย่ามาอ่อยผมเสียให้ยากผมไม่นิยมใช้ผู้หญิงคนเดียวกับไอ้ดิสหรอก ยิ่งผู้หญิงที่มีหัวใจให้กับมันผมยิ่งไม่มีวันจะแตะต้อง คุณเก็บทุกอย่างของคุณไปปรนเปรอให้มันเถอะไม่ต้องเอามายั่วผมหรอก” ภูนเรศปรายตามองหญิงสาวข้างกายแล้วสะบัดหน้ากลับไปจ้องที่ท้องถนน

ฐานิตาแอบกระหยิ่มอยู่ในใจ ถ้าวันนี้เธอใช้ภูนเรศแก้แค้นดิสรณ์โดยยุแยงให้ชายหนุ่มไปทำลายผู้หญิงอีกคน หากงานนี้สำเร็จเธอก็จะได้ดิสคืนมา เท่าที่สัมผัสกับความโกรธเกลียดที่อยู่ในความรู้สึกของอสูรร้ายที่กำลังนั่งหน้านิ่งอยู่ข้างๆ เธอเดาได้ไม่ยากเลยว่าผู้หญิงของดิสรณ์จะต้องเจอกับความทุกข์ระทมแบบไหน ‘มันช่วยไม่ได้นะแกอยากมาเป็นมารหัวใจฉันทำไม ในเมื่อฉันทุกข์ใจจนแทบคลั่งแกก็จะต้องเจ็บปวดยิ่งกว่า’





Create Date : 14 สิงหาคม 2552
Last Update : 14 สิงหาคม 2552 10:24:52 น. 2 comments
Counter : 501 Pageviews.

 
สนุกมาก ๆ เลยค่ะ มาอัพเร็ว ๆ นะค่ะ

เป็นกำลังใจให้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับ รัน มั๊ยเนี๊ยะ

สงสารรันจัง...-_-


โดย: kate IP: 61.47.26.155 วันที่: 14 สิงหาคม 2552 เวลา:15:26:14 น.  

 
ร้ายเนอะ พิษรักแรงหึงนี่น่ากลัวนะ ยิ่งจากผู้หญิงที่จิตใจต่ำ ๆ ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่ สงสารรันคงต้องเจอลูกหลงอย่างเลี่ยงไม่ได้แน่ ๆ เลย


โดย: ต่างแดน IP: 80.214.253.75 วันที่: 14 สิงหาคม 2552 เวลา:16:38:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.