sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
6 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 
ตอนที่ 1 หักหลัง



ในมุมหนึ่งของห้องนั่งเล่น ชายกลางคนรูปร่างสันทัดกำลังนอนคุดคู้อยู่ที่พื้น “เป็นไงดนัยแกคิดเหรอว่าจะหนีฉันไปได้ง่ายๆ” เสียงทุ้มกังวานที่ตะคอกออกมาสร้างความคับแค้นใจกับคนฟังไม่น้อย

“ปล่อย ฉันนะไอ้ลูกหมา” ดนัยเข่นเขี้ยวพลางดิ้นรนขัดขืน

“ปล่อยให้โง่น่ะสิแกรู้ไหมกว่าฉันจะหาตัวแกเจอมันใช้เวลานานแค่ไหน ฉันต้องใช้เวลานับเดือนในการอดทนรอให้แกซมซานกลับมาที่นี่” ภูนเรศตะคอกเสียงใส่ก่อนจะใช้ขาเหยียบไปบนมือหนาแล้วบดขยี้

“อ๊าก....ไอ้พวกสารเลว ไอ้พวกหมาหมู่” ดนัยร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“แกกล้าด่าฉันว่าเลวเหรอ ถ้าหากการที่ฉันมาทวงความยุติธรรมให้กับตัวเองมันเรียกว่าเลว แล้วคนที่ทำลายชีวิตของคนอื่นมันเรียกว่าอะไร วันนี้ฉันควรจะฆ่าแกด้วยซ้ำ แกกล้าดียังไงถึงได้คิดหาญกล้ามาหักหลังคนอย่างฉัน จำไว้ดนัยจำใส่สมองแกไว้ว่าคนอย่างนายภูนเรศ วรเดชา ไม่เคยให้ใครมาโค่นล้มได้ง่ายๆ”

“ไอ้ลูกหมาบริษัทนั่นฉันกับพ่อแกช่วยกันสร้างมา มันมีมาก่อนที่แกจะเกิดเสียอีก ฉันช่วยให้พวกแกลืมตาอ้าปากมาได้แล้วฉันได้อะไร” ดนัยตะคอกเสียงกลับไปบ้าง

“ได้อะไรงั้นเหรอ? แกถามมาได้ยังไงตลอดระยะเวลาที่แกอยู่กับพ่อฉันแกกล้าปฏิเสธไหมว่าคนอย่างแกไม่ได้อะไรจากบริษัท หุบปากของแกได้แล้วดนัยก่อนที่ฉันจะอดใจไม่ไหว” ภูนเรศชี้หน้าอาฆาต

“แกมันก็แค่ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ฉันอยากจะรู้ว่าคนอย่างแกมันจะทำให้บริษัทอยู่รอดได้ยังไง ในสถานการ์แบบนี้” ดนัยทำเสียงดูแคลน

“ฉันทำได้แน่และจะทำได้ดีกว่าที่แกเคยทำ ถึงบริษัทที่พ่อฉันสร้างมากับมือมันจะถูกแกโกงจนง่อนแง่นอย่างที่เป็นอยู่ฉันก็ไม่หวั่นหรอกนะ แกทำแบบนี้กับพ่อฉันได้ยังไงดนัยแกหักหลังท่านได้ยังไง” ภูนเรศใช้มือจิกไปที่เส้นผมสีดอกเลาแล้วดึงใบหน้าบูดเบี้ยวขึ้นมา

“แกคิดผิดดนัยแกคิดผิดมหันต์ที่หาญกล้ามาลองภูมิกับคนอย่างฉัน ฉันจะบอกแกให้เอาบุญว่าถึง เอเชียอมฤต จะง่อนแง่นแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรที่ฉันจะทำให้มันกลับมาผงาดได้อีกครั้ง ฉันจะระดมทุนจากบริษัทของฉันเข้ามากอบกู้ และการกลับมาครั้งนี้ฉันจะทำให้มันยิ่งใหญ่กว่าเดิมอีกหลายเท่า และฉันจะทำให้แกแทบกระอักเลือดตายที่หาญกล้ามาท้าทายคนอย่างฉัน”

“แน่จริงแกก็ฆ่าฉันสิ คนอย่างฉันไม่เคยกลัวตาย” ดนัยกัดฟันท้าทาย

“แกได้ตายแน่ แต่ก่อนตายแกต้องบอกฉันมาก่อนว่าไอ้สารเลวที่แกส่งไปจัดการฉันมันเป็นใคร มันมุดหัวอยู่ที่ไหน บอกมาว่าไอ้หน้าไหนมันกล้าเข้าไปกระตุกหนวดคนอย่างฉัน” ภูนเรศเข่นเขี้ยวด้วยความแค้น

ก่อนที่ทุกอย่างจะเลวร้าย อยู่ๆเสียงใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น “คุณพ่อ!....” หญิงสาวรูปร่างเพรียวใบหน้าสวยเฉี่ยวอุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นบิดากำลังถูกทำร้าย เท้าบางชะงักงันเมื่อเห็นคนแปลกหน้าสี่ห้าคนยืนอออยู่ในห้องนั่งเล่น “คุณพ่อ!” ฐานิตา อุทานเสียงดังลั่นก่อนจะทิ้งกระเป๋าแล้ววิ่งเข้าไปหาบิดาที่นอนคุดคู้อยู่ตรงพื้น

“พวกคุณเป็นใคร? เข้ามาทำร้ายพ่อฉันทำไม?” ด้วยความเป็นห่วงบิดาหญิงสาวจึงไม่หวั่นกับคนกลุ่มใหญ่ตรงหน้า

“อยากรู้ก็ถามพ่อคุณดูสิ” ภูนเรศบอกเสียงเย็นแล้วหรี่ตามองไปที่เรือนร่างงามตรงหน้า “ลูกแกเหรอดนัยรูปร่างดีนี่” ชายหนุ่มเหยียดเสียงถาม

“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะคุณพ่อ” ฐานิตาหันไปถามบิดา

“ไม่มีอะไรหรอกนิต้า แค่เรื่องเข้าใจผิดกัน” ดนัยหลบตาบุตรสาวแล้วหันไปจ้องหน้าปรามอีกฝ่าย

“ทำไมแกไม่บอกความจริงเธอไปล่ะ หรือไม่กล้าเล่าความชั่วของตัวเองให้เธอฟัง แน่จริงแกบอกเธอไปสิไอ้สารเลวบอกเธอไปว่าแกไปทำชั่วอะไรมาบ้าง” ภูนเรศตะคอกเสียง

“คุณเอาอะไรมาพูด คุณจะพูดให้ร้ายคุณพ่อฉันหรือไง คุณพ่อฉันท่านเป็นคนดีท่านไม่มีทางไปทำเรื่องที่ไม่ดีแน่ๆคุณออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้ ออกไป” ฐานิตาบอกอย่างมั่นใจก่อนจะชี้มือแล้วตวาดไล่

“อยากรู้ก็ลองถามพ่อคุณดูสิว่าเคยทำเรื่องเลวๆอะไรไว้บ้าง” ภูนเรศปรายตาเย้ยหยันจนดนัยกัดฟันด้วยความคับแค้น

“ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้นะ ถ้าพวกแกไม่ออกไปฉันจะโทรไปแจ้งตำรวจให้มาลากคอพวกแกเข้าตะราง” ฐานิตาที่สุดจะทนกับคำพูดหยามเหยียดลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วผลักไปที่ร่างกำยำ

“เรียกมาสิเรียกมาเลย นี่โทรศัพท์โทรไปสิ” ภูนเรศโยนโทรศัพท์ให้แล้วยืดตัวท้าทาย

“คุณคิดว่าฉันไม่กล้าเหรอ?” ฐานิตาก้มลงหยิบโทรศัพท์แล้วทำท่าจะต่อสาย

“นิต้าอย่าโทรลูก” ดนัยขยับตัวแล้วร้องห้าม

“ทำไมคะคุณพ่อ คนพวกนี้เข้ามาบุกรุกบ้านเราในยามวิกาล แล้วไหนจะมาทำร้ายร่างกายคุณพ่ออีก พวกเขาทำถึงขนาดนี้คุณพ่อจะไม่ให้นิต้าเอาเรื่องเลยเหรอคะ” ฐานิตาหันไปถามบิดาอย่างงงๆ

“ดนัยฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้ง แกจะบอกฉันได้หรือยังว่าไอ้ลูกหมาที่แกส่งไปเล่นงานพวกฉันมันเป็นใคร” ภูนเรศถามเสียงเย็นยะเยือกจนคนฟังเริ่มร้อนๆหนาวๆ

“ฉันไม่ได้ส่งใครไป” ดนัยยังปากแข็ง

“ได้ถ้าแกไม่บอกดีๆ ฉันก็จะหาวิธีของฉันเอง” ภูนเรศทำท่าไม่แยแสกับอะไร ชายหนุ่มนิ่งคิดชั่วครู่แล้วหันไปมองร่างบอบบางที่กำลังยืนจ้องหน้าเอาเรื่อง “แกคงรักลูกสาวแกมากสินะ แกจะตีราคาค่าตัวลูกสาวแกกับความแค้นของฉันประมาณซักเท่าไหร่ดีล่ะดนัย” ภูนเรศปรายตามองหญิงสาวตรงหน้าเหมือนกำลังประเมินราคา

“ไอ้สารเลวแกอย่าแตะต้องลูกสาวของฉันนะ” ดนัยลุกขึ้นเอาตัวบังลูกสาวคนเดียวไว้

“แกคิดว่าจะขวางฉันได้เหรอ?” ภูนเรศเบะปากเย้ยหยัน

“ลูกสาวฉันไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าแกเป็นลูกผู้ชายแกต้องไม่แตะเธอ”

“ฉันว่าถ้าประเมินแล้วตัวลูกแกกับความแค้นครั้งนี้มันยังเทียบราคากันไม่ได้ด้วยซ้ำ หรือแกว่าไง” ภูนเรศเบะปากน้อยๆ

“คุณพูดแบบนี้มันหมายความว่ายังไง?” ฐานิตาที่ยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่ถามเสียงเขียวปั๊ด

“ลูกสาวแกปากกล้าดีนี่ดนัย” ภูนเรศยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นท่าทางเอาเรื่องของหญิงสาว

“คุณอยากรู้ความหมายเหรอ ได้สิเดี๋ยวผมจะสงเคราะห์บอกให้ หิรัญ กำจร พาผู้หญิงคนนี้ตามผมขึ้นข้างบน” ภูนเรศหันไปสั่งคนติดตามเสียงกังวานชัด “ส่วนแกดนัยแกเลือกเอาก็แล้วกันว่าจะบอกฉันดีๆ หรือจะยอมให้ฉันเป็นลูกเขยแกในคืนนี้ แกก็รู้นี่ว่าฉันชอบนอนกับผู้หญิงของศัตรูแค่ไหน”

“อย่า! อย่าทำอะไรลูกสาวฉัน ไอ้ภูไอ้หน้าตัวเมีย ไอ้คนสารเลว แกอย่าแตะต้องลูกสาวฉันนะ อย่ายุ่งกับเธอ” ดนัยลุกขึ้นปัดป้องบุตรสาวจากการฉุดกระชากของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ทั้งสอง

“ปล่อยฉันนะไอ้พวกบ้า” ฐานิตาตะโกนเสียงตระหนกพลางสะบัดตัวไปมา

“ริต้ารีบหนีไปลูก หนีไป” ดนัยตะโกนบอกในขณะที่มือก็ปัดป้องพัลวัน

“แกจะบอกฉันได้หรือยัง” ภูนเรศยิ้มเยาะอย่างเป็นต่อ

“ถ้าฉันบอกแกจะยอมปล่อยลูกสาวฉันใช่ไหม?” ดนัยถามเสียงลนลาน

“แล้วแกคิดว่ายังไงล่ะ?” ภูนเรศยักไหล่นิดๆ

“ปล่อยเธอก่อนแล้วฉันจะบอกว่าคนๆนั้นเป็นใคร” ดนัยขบกรามแน่นด้วยความคับแค้นใจ เขาประมาทเจ้าสิงห์ร้ายคนนี้ไปได้ยังไง

“แกยังคิดว่าจะมาต่อรองคนอย่างฉันได้อีกเหรอดนัย ตอนนี้ฉันไม่อยากจะรู้แล้วล่ะว่าไอ้เวรนั่นมันเป็นใคร จะว่าไปถ้าวันนี้ฉันนอนกับลูกแกแก้เบื่อมันก็เข้าท่าดีเหมือนกัน” ภูนเรศปรายตาไปมองเรือนร่างงามตรงหน้าตาเป็นประกาย

“ไอ้สารเลวปล่อยฉันนะ ฉันยอมตายดีกว่าต้องตกไปเป็นผู้หญิงของคนโสมมอย่างแก” ฐานิตาพยายามดิ้นรน

“ได้ลองซักครั้งขี้คร้านจะเรียกหาไม่หยุด อยากลองดูไหมล่ะกับลีลารักของผม” ผู้หญิงเพศที่อ่อนแอ เพศที่ไวต่อรสสัมผัส เพศที่ปากกับความรู้สึกเดินเป็นเส้นขนาน ชายหนุ่มเบะปากแล้วปรายตามองหญิงสาวอย่างดูแคลน
ภูนเรศกัดกรามแน่นเมื่อนึกถึงหญิงสาวหลายต่อหลายคนที่วนเวียนอยู่รอบๆกาย ผู้หญิงกี่คนต่อกี่คนที่มักจะเชิดหน้าอวดตัวว่าเธอเก่งและแน่จนไม่มีทางก้มหัวให้ใครกับง่ายๆ แต่สุดท้ายเมื่อถูกไฟพิศวาสลามเลียสิ่งที่พวกเธอต้องการมีเพียงสิ่งเดียวก็คือการเป็นเจ้าของและครอบครองแต่เพียงผู้เดียว

“ไอ้คนโรคจิต” ฐานิตาโกรธจนควันออกหูเมื่อเจออีกฝ่ายดูแคลนซึ่งๆหน้า

“ไอ้ภูฉันยอมแกแล้ว ฉันจะบอกแกทุกอย่าง แต่แกต้องให้สัญญากับฉันว่าจะปล่อยเธอไป” ดนัยบอกสีหน้าจริงจัง

“แกก็บอกมาสิ ฉันกำลังรอฟังอยู่” ภูนเรศหันไปจ้องมองผู้สูงวัยด้วยสีหน้าเหมือนไม่ได้แยแสซักเท่าไหร่

คนที่ช่วยฉันคือ ดิสรณ์” ดนัยตัดใจพูดชื่อใครคนหนึ่งขึ้นมา

“ดิสเหรอ? มันคือไอ้ดิสงั้นเหรอ? แกโกหกฉันใช่ไหมดนัย แกจงใจให้ฉันกับไอ้ดิสแตกคอกันใช่ไหม?” ภูนเรศส่ายหน้าไม่ยอมรับง่ายๆ ‘จะเป็นไปได้ยังไงที่ดิสรณ์จะหักหลังเขา ดิสรณ์เป็นเพื่อนรักที่เขาไว้วางใจที่สุด เป็นไปไม่ได้ไม่มีทาง’ ภูนเรศบอกตัวเอง

“แกมันโง่ที่ไว้วางใจคนใกล้ตัว แกคงไม่รู้ว่าดิสรณ์มันหลงรักนิต้า มันรักนิต้ามาก ฉันจึงใช้ความรักที่มันมีดึงมันมาช่วยฉัน” ดนัยพูดเสียงเยาะอย่างสะใจ จนคนฟังกัดกรามแน่น ‘เขาถูกคนที่ไว้เนื้อเชื่อใจที่สุดหักหลังงั้นเหรอ’ ภูนเรศถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา

“หิรัญพาผู้หญิงของไอ้ดิสขึ้นไป ถ้าผู้หญิงคนนี้เป็นของรักของมันก็คุ้มค่าแล้วที่เราจะทำลาย” ภูนเรศเหยียดยิ้มที่มุมปากแล้วเดินตามร่างบอบบางที่ถูกลากขึ้นไปด้านบน

“ไอ้ภู ไอ้คนถ่อย ไอ้สารเลว ปล่อยลูกฉันนะ ปล่อยเธอ” พอได้ยินดนัยก็แทบล้มทั้งยืน ชายกลางคนพยายามวิ่งตามบุตรสาวคนเดียวไป แต่ก็ถูกขวางไว้ด้วยกลุ่มของชายฉกรรจ์ ด้วยความที่เป็นห่วงบุตรสาวจนลืมความกลัวดนัยจึงกำหมัดแล้วฟาดฟันไปยังกำแพงมนุษย์ที่ตระหง่านกั้นขวางอยู่ ชายฉกรรจ์สามคนช่วยกันจับยึดร่างสันทัดของดนัยแล้วลากไปนั่งที่โซฟา หนึ่งในสามดึงเชือกเส้นหนึ่งขึ้นมาแล้วมัดเขาไว้ ก่อนจะดึงผ้าสีขาวผืนยาวมามัดปากเพื่อไม่ให้ส่งเสียง

ดนัยนั่งฮึดฮัดอยู่กับโซฟาเมื่ออิสรภาพที่มีถูกจำกัด ชายกลางคนเริ่มใจเสียเมื่อเห็นความร้ายกาจของชายหนุ่มรุ่นลูกที่สำแดงออกมา หยาดน้ำตาเริ่มรื้อคลอดวงตาสีเทาหม่น ‘เขากำลังนำหายนะเข้ามาในชีวิตของบุตรสาวเพียงเพราะความโลภอย่างนั้นหรือ’ ดนัยถามตัวเองอย่างเหนื่อยล้า

****************************

ฐานิตาถอยหลังกรูเมื่อถูกชายสองคนผลักให้เดินเข้าไปในห้องของเธอ ภูนเรศพยักหน้าให้กับคนติดตามแล้วกด ล๊อคประตู “แกจะทำอะไร อย่าเข้ามานะ” ฐานิตาเริ่มเสียขวัญเมื่อเห็นอีกผ่ายกำลังเดินเข้ามาหา

“นี่คงเป็นห้องนอนของคุณล่ะสิ ถ้าใช่ผมก็เลือกใช้ห้องเผด็จศึกได้เหมาะเหม็งนะเนี่ย” ภูนเรศไล่สายตาสำรวจไปทั่วห้องแล้วยิ้มน้อยๆ

“แกพูดอะไร? กรี๊ด!! ออกไปนะออกไป” ฐานิตายกมือขึ้นฟาดไปที่ร่างสูงกำยำที่กำลังถาโถมเข้ามา ภูนเรศ โอบรัดร่างบางไว้แน่นแล้วเหวี่ยงหญิงสาวไปที่เตียงนุ่ม ฐานิตาใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดฝืนกายต่อต้านร่างบางจึงเซไปข้างหน้าเพียงเล็กน้อย

“อย่ามาทำเป็นตื่นเลยมารยาของพวกผู้หญิงอย่างคุณน่ะผมเจอมาเยอะแล้ว แรกๆก็ไม่ พอผ่านไปซักพักขี้คร้านจะเรียกร้องจนตัวสั่นระริก” ภูนเรศเหยียดปากเย้ยหยัน

“แก แก ไอ้คนสารเลวในชีวิตแกคงจะมีแต่เรื่องกามโลกีย์อยู่เต็มสมองถึงได้คิดเป็นแต่เรื่องต่ำทรามแบบนี้”

“ปากดีนี่ แบบนี้สิมันถึงจะสนุก ผมก็อยากจะรู้ว่าปากจัดจ้านของคุณมันจะเก่งได้ซักแค่ไหน อย่าร้องขอผมก็แล้วกันถ้าหากร่างกายของคุณมันปรารถนาขึ้นมา” ภูนเรศคว้าหมับไปที่ท่อนแขนกลมกลึงแล้วบีบกระชับ จนหญิงสาวนิ่วหน้าอย่างเจ็บปวด

“ปล่อยฉันนะฉันเจ็บ คุณจะทำอะไร อย่านะ” ฐานิตาเบิกตาโพลงเมื่อใบหน้าคมสันกำลังโน้มเข้ามา

“อยากรู้เหรอว่าผมจะทำอะไร?” เสียงทุ้มเยาะหยันก่อนจะดันตัวหญิงสาวให้ติดกับผนังห้องแล้วกางมือทั้งสองทาบไว้กับผนัง ฐานิตาพยายามดิ้นรนออกจากปราการที่ชายหนุ่มสร้างขึ้น เมื่อร่างกายถูกกักไว้เธอจึงทำได้แค่เบียดแผ่นหลังแนบกับฝาผนังแล้วหวังให้ใครซักคนเข้ามาช่วย

“คุณไม่ต้องกลัวหรอกเรื่องแบบนี้มันมีแต่ความหรรษา เท่าที่ผมประเมินได้ตัวคุณก็น่าจะเคยผ่านเรื่องอย่างว่ามาแล้ว ผมถามหน่อยสิว่าคุณเคยนอนกับไอ้ดิสมากี่ครั้งแล้ว” ภูนเรศถามด้วยน้ำเสียงดูแคลนจนหญิงสาวแทบกรี๊ดออกมา

“ไอ้เลวสมองแกมันมีแต่เรื่องเลวๆ หรือไง” ฐานิตาจ้องหน้าผู้ชายเลือดเย็นตรงหน้าอย่างอาฆาต

“ทำไมเหรอผมพูดถูกใจดำคุณเหรอ คงจะมีอะไรกับมันจนนับครั้งไม่ถ้วนล่ะสิถึงได้โกรธจนหน้าเขียวขนาดนี้ เอาเถอะผมไม่ถือสาอยู่แล้วที่จะนอนกับผู้หญิงแบบพวกคุณ อ้อแล้วอย่าลืมเอาลีลาของผมไปเทียบกับของไอ้ดิสล่ะว่าของใครมันถึงใจคุณกว่ากัน หึหึ” ภูนเรศยิ้มเยาะแล้วใช้มือข้างหนึ่งจับยึดแขนเรียวเล็กไพล่ไปด้านหลัง รอยยิ้มบางๆเยียดออกจากมุมปากหนา เมื่อมองไปที่ยอดอกตูมงามที่กำลังแอ่นหยัดเชิญชวน แคว่ก!...ชายหนุ่มใช้มือที่ว่างกระชากเสื้อหรูตัวบางแรงๆจนเนื้อผ้าราคาแพงขาดวิ่น

กรี๊ด!! ฐานิตาเบิกตาอย่างตกใจแล้วหวีดร้องขึ้นมาเมื่อเห็นหน้าอกของตัวเองเผยอวดความอวบอิ่มหมิ่นเหม่อยู่ใน บราเซียตัวจิ๋ว ภูรเรศฉกริมฝีปากลงมาอย่างรวดเร็วแล้วบดเบียดริมฝีปากบางอย่างร้อนแรง จนร่างแข็งขืนตรงหน้าเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ ชายหนุ่มทำเสียง “หึ” อยู่ในลำคอเมื่อเห็นเรือนร่างที่ต่อต้านมาตลอดเริ่มตอบรับกับอารมณ์หวามที่เขากำลังจุดประกายขึ้น ใบหน้าคมสันเริ่มเลื่อนไล้หยอกเย้าไปตามจุดอ่อนไหวของร่างงามอย่างชำนาญในเชิงรัก

ฐานิตาเงยหน้ากัดฟันเมื่อร่างกายของเธอกำลังถูกปลุกเร้าอย่างหนัก ร่างบอบบางเบียดหลังกับผนังห้องจนแทบจะทะลุผ่านไปอีกด้าน เสียงกรีดร้องในคราแรกเริ่มผ่อนเบาจนเปลี่ยนเป็นครางหวิวเมื่ออีกฝ่ายเดินเครื่องไม่หยุด

ภูนเรศยิ้มอย่างผู้มีชัยเมื่อเห็นหญิงสาวเริ่มสั่นสะท้านไปทั้งร่าง มือเรียวที่ผลักไสเริ่มไต่ไล้ไปตามเนื้อตัวของชายแปลกหน้า เสียงอื้ออึงที่ดังอยู่ในลำคอทำให้ชายหนุ่มถึงกับยิ้มรับอย่างสะใจ การกระตุ้นและปลุกเร้าของเขากำลังจะทำให้หญิงสาวใกล้ระเบิดความพลุ่งพล่านออกมาเต็มที เมื่อจุดไฟจนได้ที่ภูนเรศจึงหยุดการกระทำทั้งหมดแล้วยืนนิ่งอยู่เฉยๆ ฐานิตาปรือตาที่พร่าเลือนไปจ้องใบหน้าคมสันที่กำลังยิ้มเย้ายวนอยู่เบื้องหน้า “..... ได้โปรด....” หญิงสาวเบียดกายเชิญชวนด้วยน้ำเสียงเว้าวอนแหบพร่าจนอีกฝ่ายเหลือบมองอย่างสมเพช

เมื่ออีกฝ่ายหยุดยั้ง หญิงสาวจึงไม่อยากรั้งรอกับอะไร ริมฝีปากบางจูบไล้อย่างเรียกร้องรุนแรงและร้อนรน มือเรียวที่ผลักไสในคราแรกเปลี่ยนเป็นไขว่คว้าปลุกเร้าสัมผัสร่างแกร่งกำยำ ภูนเรศกัดฟันแน่นเมื่อเจอบทรุกที่ช่ำชองของหญิงสาว มือหนาเริ่มสอดฝ่ามือทั้งสองข้างเข้าไปใต้กระโปรงตัวสั้นแล้วบีบเคล้นสะโพกงามงอนอย่างย่ามใจ ฐานิตากัดริมฝีปากตัวเองแล้วส่งเสียงร้องของความสุขออกมาหญิงสาวหลับตาพริ้มในขณะที่ร่างกายเริ่มขยับไปกับเพลิงพิศวาสที่กำลังลามเลียไปทั้งร่าง ใบหน้างามเชิดขึ้นแล้วส่ายศีรษะชิดผนังรับกับความรัญจวนที่กำลังดำเนินไป

“คุณต้องการผมไหม?” ภูนเรศถามเสียงสั่นพร่าเมื่อสัมผัสรับรู้ถึงพายุของสายฝนที่กำลังชุ่มฉ่ำจากกายสาว

“ได้โปรด....ฉันต้องการ” ฐานิตาที่พ่ายแพ้กับความโหยหาตามธรรมชาติ เริ่มไม่สนใจกับอะไรอีกแล้ว เสียงหวานออดอ้อนร้องขอเสียงกระเส่า

ภูนเรศรั้งสะโพกงามงอนเข้าประชิดตัวแล้วบดเบียดแก่นกายเสียดสีกับความพร้อมที่หญิงสาวเรียกร้องอย่างเร่าร้อน เมื่ออีกฝ่ายใกล้แตะดินแดนของความหวาน อยู่ๆร่างแกร่งก็ผลักไส “หึหึ” เสียงทุ้มหัวเราะในลำคออย่างพอใจ “เก็บไว้ร่านกับไอ้ดิสเถอะ ผมไม่มีอารมณ์แล้วล่ะ” ภูนเรศยกมือขึ้นเสยผมแล้วจ้องมองไปยังร่างเปล่าเปลือยที่ยืนปล่อยกายใจอยู่ตรงหน้าอย่างดูแคลน

ฐานิตาเหมือนถูกฉีกกระชากวิญญาณให้ขาดวิ่นเมื่อทุกอย่างถูกหยุดอยู่เพียงเท่านั้น ความอับอายยิ่งทวีคูณเมื่อได้ยินคำพูดดูถูกจากผู้ชายตรงหน้า “คุณ คุณ ทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง คนเลวคุณทำได้ยังไง” ฐานิตาแทบล้มทั้งยืนเมื่อถูกดูแคลนจนแทบไม่เหลือความภาคภูมิใจ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าหลั่งไหลออกมาจากดวงตาคู่งาม รู้สึกทั้งโกรธทั้งอายที่อีกฝ่ายทำเหมือนเธอเป็นเพียงผู้หญิงร่านรัก

“คุณเรียกร้องผมเองผมไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย คุณขอผมผมมีสิทธิที่จะทำหรือไม่ทำก็ได้ ถ้าค้างก็โทรไปเรียกไอ้ ดิสมาต่อสิ” ภูนเรศเหยียดริมฝีปากดูแคลนแล้วหมุนตัวเดินจากไปเงียบๆ

กรี๊ด!!! ฐานิตาหวีดร้องออกมาด้วยความแค้น เกิดมาเธอไม่เคยรู้สึกไร้ค่าได้เท่ากับวันนี้ หญิงสาวสะอื้นไห้ด้วยความคับแค้นใจ ร่างบอบบางค่อยๆทรุดลงพิงหลังกับผนังห้องแล้วชันเข่าขึ้นมากอด ความอับอายที่ถูกอีกฝ่ายเหยียดหยามทำให้เธอแค้นจนแทบกระอักออกมาเป็นเลือด เธอไปทำอะไรให้นักหนาทำไมถึงได้มาทำร้ายกันขนาดนี้ หญิงสาวสะอื้นไห้จนตัวโยนแล้วซบหน้าลงกับหัวเข่า ผู้ชายคนนั้นเป็นใครทำไมถึงได้เลวร้ายขนาดนี้






Create Date : 06 สิงหาคม 2552
Last Update : 7 สิงหาคม 2552 9:59:52 น. 0 comments
Counter : 670 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.