sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
16 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 

ตอนที่ 8 เป้าหมาย




ภูนเรศนั่งนิ่งเงียบมาพักใหญ่ ชายหนุ่มเหลือบสายตาไปมองหญิงสาวสวยเฉี่ยวที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขับรถไปเรื่อยๆอย่างสงสัย ถึงจะอยากรู้ว่าเธอกำลังพาเขาไปไหน แต่ชายหนุ่มก็เลือกที่จะนั่งอยู่เฉยๆ เมื่อรถสปร์ตคันหรูเลี้ยวเข้าไปในร้านขายภาพชายหนุ่มจึงเหยียดตัวตรงแล้วขมวดคิ้วน้อยๆ

“คุณพาผมมาที่นี่ทำไม?” ภูนเรศหันไปถามเสียงห้วน

“ก็พาคุณมาดูหน้าผู้หญิงของดิสไงถามได้”

“ผู้หญิงของไอ้ดิสมันอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?”


“อยากรู้ก็ลงมากับฉันสิ รับรองคุณจะอึ้งกับรสนิยมเห่ยๆของดิสเลยล่ะ”

“คนอย่างมันคงไม่เลือกหรอกว่าผู้หญิงที่มันจะนอนด้วยเป็นแบบไหน?” ภูนเรศไล่สายตาไปที่เรือนร่างงามตรงหน้าแล้วยิ้มน้อยๆที่มุมปาก

พอเจอสายตาดูถูกซึ่งๆหน้าฐานิตาก็แทบปรี๊ดแตก มันอะไรกันนักกันหนาหญิงสาวเริ่มเดือดปุดๆเมื่อดูท่าผู้ชายอย่างภูนเรศจะไม่ยอมหยุดเหยียดหยามผู้หญิงคนไหน ‘ก็ดีเหมือนกันไหนๆก็เลวร้ายแล้วฉันหวังว่าคุณคงจะเลวจนถึงที่สุด และจำไว้เลยภูนเรศหากวันใดหัวใจคุณรู้จักที่จะรักใครฉันสาบานว่าฉันจะทำทุกอย่างที่จะพรากความรักของคุณให้มันสูญสิ้นไปตลอดกาล’ ฐานิตายืนเข่นเขี้ยวอาฆาตชายหนุ่มอยู่เงียบๆ

เมื่อเห็นว่าขืนยืนอยู่แบบนี้เธอก็คงไม่พ้นโดนเหน็บแนมด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่พร้อมถากถางเธอให้เจ็บปวดได้ในทุกวินาที หญิงสาวรีบเดินนำเข้าไปในห้องภาพด้วยท่วงท่าที่สง่างามหวังเพื่อตอกย้ำให้ผู้หญิงอีกคนที่อยู่อีกฟากหนึ่งของบานประตูจะดูย่ำแย่และเทียบเธอไม่ติด ภูนเรศมองตามร่างเพรียวระหงที่กำลังเยื้องย่างอยู่เบื้องหน้า เมื่อเห็นท่วงท่าทุกย่างก้าวของหญิงสาวดูสวยสง่าเหมือนนางพญาที่สูงส่งชายหนุ่มก็อดที่จะชื่นชมไม่ได้ หากผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ลูกดนัย หากผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่แฟนของดิสรณ์ วันนี้เขาคงลิ้มลองความหยิ่งทะนงของเธอให้สาสมกับท่วงท่าที่แสนจะถือดีที่หล่อนแสดงออกมา

******************

“สวัสดีครับ...” เมื่อได้ยินเสียงผลักบานประตู ทศพลที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้โยกตัวโปรดก็ผุดลุกขึ้นแล้วเอ่ยทักทายลูกค้าที่กำลังเดินเข้ามา พอเห็นหน้าของลูกค้าหนุ่มชัดๆใบหน้าอบอุ่นใจดีของชายกลางคนก็ถึงกับเผือดลง ‘วันนี้จะมีระเบิดลูกไหนลงมาอีกนะ’ ทศพลแอบนั่งลุ้นอยู่ในใจ

“ฉันมาหาผู้หญิงที่ชื่อรัน” ฐานิตาที่ไม่อยากจะรั้งรอกับอะไรรีบบอกจุดประสงค์ของการมาในทันที ภูนเรศรู้สึกสะดุดหูเล็กน้อยเมื่อฐานิตากำลังเอ่ยถึงชื่อของใครคนหนึ่ง

“คุณมีธุระอะไรกับเธอ ตอนนี้หนูรันกำลังใช้สมาธิในการวาดรูป” ทศพลบอกไปตามความจริง

“ฉันมีธุระรบกวนไปบอกเธอหน่อยสิว่าถ้าแน่จริงก็ให้ออกมาฉันมีเรื่องที่จะเคลียร์กับเธอ” ฐานิตาบอกแกมสั่ง

“คุณมีธุระอะไรกับฉันงั้นเหรอ?” เสียงหวานถามดังขึ้นมาจากอีกด้านเมื่อฐานนิตาพูดจบลง

“มีสิฉันต้องการมาคุยกับเธอเกี่ยวกับเรื่องของดิส” ฐานิตาปรายตาไปมองรูปร่างซูบซีดของคู่กรณี สายตาคมแข็งกร้าวกระตุกวูบเมื่อเห็นสภาพของผู้หญิงมอซอตรงหน้า ไม่น่าเชื่อว่าแค่เวลาไม่กี่วันผู้หญิงคนนี้จะเปลี่ยนไปมากมายขนาดนี้ ถึงแม้เธอจะเคยเห็นผู้หญิงของดิสรณ์แค่ครั้งเดียว แต่ครั้งนั้นเธอจำใบหน้าสวยหวานที่ดูโศกเศร้าได้ติดตา รูปร่างสูงเพรียวระหงตามแบบผู้หญิงรูปร่างดีที่เคยเห็นแปรเปลี่ยนเป็นซูบผอมเหมือนเจ้าของร่างกายไม่ได้แตะต้องอาหารมาหลายวัน ใบหน้าสวยหวานที่ใครเห็นเป็นต้องสะดุดก็ซีดเซียวเหมือนกับเจ้าของใบหน้าไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ ‘หากนี่คือผลที่หญิงสาวที่เธอเรียกว่ามารหัวใจได้รับจากความเสียใจ มันเพียงพอแล้วหรือยังกับความเจ็บแค้นที่เธอมี’ ฐานิตาเริ่มลังเล ‘หากดิสรณ์เลือกผู้หญิงคนนี้เธอควรจะมีความสุขสิ แปลกจังทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้เฮิร์ทหนักขนาดนี้นะ’

“หนูรันออกมาทำไมล่ะลูก” ทศพรที่เป็นห่วงสวัสดิภาพของภรัณยาเอ่ยถามขึ้นอย่างห่วงใย

“เดี๋ยวคุณธีรดนย์จะมารับภาพค่ะ” ภรัณยาหันไปบอกชายกลางคนน้ำเสียงแผ่วเบา

“อือ...ถ้าอย่างนั้นหนูจะไปนั่งคุยกับคุณคนนี้ที่ห้องรับรองก่อนไหมลูก” ทศพลแนะนำ

“ไม่เป็นไรค่ะรันไม่คุยกับเธอนานหรอกค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณอา”

“คุณมีอะไรก็ว่ามาแต่ถ้าคุณจะมาโวยวายเรื่องพี่ดิสฉันคงไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับคุณ ฉันกับพี่ดิสเราไม่มีอะไรต่อกันแล้วคุณสบายใจได้” ภรัณยาหันไปบอกฐานิตาด้วยน้ำเสียงขมขื่นจนได้รับสายตาดูแคลนจากใครอีกคน

‘แค่ผิดหวังเธอก็ซังกะตายขนาดนี้เลยเหรอยัยผู้หญิงอวดดี น่าสมเพชกับความรักที่มันจอมปลอม ผู้หญิงโง่ๆที่ภาวนาหาแต่รักแท้สุดท้ายมีใครได้อะไรกลับไปบ้าง ความสุขประเดี๋ยวประด๋าวที่ไม่อาจคงมั่นอยู่ไปตราบชั่วนิจนิรันด์ ความรักมันก็มีแต่ความขมขื่นเท่านั้นแหละที่จะอยู่ติดคาไปตลอดกาล พวกโง่เง่าสมแล้วที่จะต้องระทมทุกข์จนร่างกายใกล้ดับสูญ’ ภูนเรศมองไปที่ร่างมอซอของภรัณยาด้วยแววตาที่เหยียดหยามปนสมเพช

ภรัณยามองสีหน้าและแววตาที่ชายหนุ่มกำลังส่งผ่านมาให้เธออย่างกังขา ‘สายตาที่มองมานั่นเขาสมเพชเวทนาเราอย่างนั้นเหรอ? รอยยิ้มเยาะเย้ยที่ผุดออกมาจากริมฝีปากน่าเกลียดนั่นเขากำลังเยาะหยันเราอย่างนั้นเหรอ?‘

ใบหน้าสวยสีซีดเหลือบไปมองตัวเองในกระจกพอเห็นสภาพอันย่ำแย่ของตัวเองหญิงสาวก็ถึงกับผุดรอยยิ้มบางๆออกมา ‘เออแฮะทุเรศลูกกะตาเป็นที่สุด สมแล้วที่ถูกมองด้วยความรู้สึกแบบนั้น ปวดร้าวมาพอหรือยังภรัณยา เธอจะปล่อยตัวเองออกมาอยู่กับความเป็นจริงที่จะยืนหยัดอยู่ในโลกที่เธอควรจะมีความสุขกับชีวิตที่กำลังเดินไปข้างหน้าหรือยัง’ หญิงสาวถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาเมื่ออีกฝ่ายหยามหยันภรัณยาจึงเลือกที่จะหยัดยืน หญิงสาวยืดตัวขึ้นแล้วสลัดทิ้งความทุกข์ระทมที่ฝังรากอยู่ในความรู้สึกให้หลุดออกไป เมื่อคิดได้ใบหน้าสวยหวานเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วปรับความสมดุลให้กับร่างกายเพื่อยืนหยัดอย่างมั่นคง

ภูนเรศรู้สึกงุนงงเล็กน้อยที่อยู่ๆ ผู้หญิงที่เหี่ยวเฉาจนจะตายแหล่มิตายแหล่ยืดตัวแล้วแสดงความแข็งกร้าวขึ้นมา ร่างป้อแป้อ่อนแรงที่เห็นเริ่มเข้มแข็ง เหมือนกับต้นกล้าที่กำลังแห้งเฉาได้รับน้ำจากสายฝนที่ฉ่ำชุ่มจนเริ่มแตกยอดผลิใบ แววตาระโหยโรยแรงที่เห็นฉายแววมาดมั่นจนแทบไม่หลงเหลือความขมขื่นๆใดๆ

“ที่เธอพูดมันหมายความว่ายังไง?” ฐานิตาที่เงียบไปซักพักเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าคนอื่นๆยังคงนิ่งงัน

“ก็หมายความอย่างที่ฉันพูดนั่นแหละ ขอตัวก่อนนะคะพอดีลูกค้าฉันมารับภาพ” ภรัณยาบอกสีหน้าเรียบเฉยแล้วเบี่ยงตัวเดินออกไปรับลูกค้าหนุ่มหน้าตาขาวตี๋ที่กำลังเดินยิ้มเข้ามา

“สวัสดีครับคุณรันภาพของผมเสร็จแล้วใช่ไหมครับ” ธีรดนย์เดินยิ้มและเอ่ยทักทายมาแต่ไกล

“เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณธีรดนย์จะให้รันห่อให้เลยไหมคะ” พอได้ยินน้ำเสียงร่าเริงของภรัณยาภูนเรศก็เริ่มอยู่ไม่สุข

“ผมสนใจภาพนี้และอยากจะซื้อเหมือนกัน ขายให้ผมได้ไหม?” ถึงจะรู้สึกทึ่งเล็กๆ เมื่อเห็นภาพสีน้ำมันที่เขาแกล้งซื้อไปกลับมามีชีวิตอยู่บนผืนผ้าใบอีกครั้งในเวลาอันรวดเร็ว ภูนเรศรู้สึกขัดเคืองใจไม่น้อยที่ต้องเสียเงินก้อนใหญ่ไปแต่ผลกลับไม่ได้เป็นอย่างที่ใจต้องการ ‘เมื่อแกล้งลับหลังมันไม่สำเร็จวันนี้ก็แกล้งมันซึ่งๆหน้านี่แหละวะ’

“คงไม่ได้หรอกครับเพราะภาพนี้ผมจองไว้แล้ว ถ้าคุณชอบก็คงต้องรบกวนคุณรันวาดให้ใหม่ภาพนี้ใช้เวลาไม่กี่วันหรอกครับ” ธีรดนย์บอกปฏิเสธ

“ผมจะเอา” ภูนเรศแสดงอาการอยากได้นักหนาเหมือนเด็กที่เอาแต่ใจ

“คุณมีสิทธิอะไรที่จะมายื้อแย่งภาพนี้” ภรัณยาหันไปปรายตาเอาเรื่องเมื่อเห็นความงี่เง่าของชายหนุ่ม

“ไม่ได้ยินรึไงว่าผมต้องการ และคนอย่างผมถ้าลองได้ต้องการอะไรผมก็จะเอาให้ได้” ภูนเรศตอบน้ำเสียงเรียบๆไม่สะทกสะท้านกับท่าทางเอาเรื่องของอีกคนนัก

ทศพลหันไปมองใบหน้าของชายหนุ่มรูปหล่อนิสัยแย่ด้วยสีหน้าเอือมระอา พอเห็นความงี่เง่าของเจ้าหนุ่มหน้าใสบาทาที่สงบอยู่นิ่งๆก็เริ่มประท้วง ถ้าไม่เกรงใจว่าเขาเป็นผู้ใหญ่กว่าใคร วันนี้พ่อจะวิ่งไปสวมรองเท้าคอมแบตแล้วเอามาเสริฟลงบนหน้ากวนอารมณ์นั่นให้หายหมั่นไส้ซักสองสามตุ๊บ

“ถ้าอยากได้มากก็ลองก้มลงกราบเท้าขอร้องฉันดูสิ บางทีฉันอาจจะสงสารแล้วกัดฟันขายให้” ภรัณยาเชิดหน้าท้าทายจนได้สายตาาฆาตจากคู่กรณี
ทศพลถึงกับยิ้มสะใจแบบไม่ต้องแอบให้อึดอัด เมื่อได้ยินภรัณยาตอกกลับเจ้าคนงี่เง่าได้อย่างดุเด็ดเผ็ดแสบชนิดที่เห็นชัดๆว่าไอ้หนุ่มหน้าหล่อโกรธจนไอน้ำพุ่ง

“คุณกล้าพูดแบบนี้กับผมเหรอ? คุณอยากลองดีกับคนอย่างผมงั้นเหรอ?” ภูนเรศทำท่าจะเข้าไปรุกรานร่างบองบางที่เชิดหน้าถือดี

พอเห็นเหตุการณ์เริ่มบานปลายและดูท่าชายหนุ่มเลือดร้อนจะเดือดจนทะลุองศาธีรดนย์ที่ยืนอยู่ใกล้สุดจึงแทรกตัวเข้าขัดขวาง

“ถอยออกไป” ภูนเรศชี้มือไล่

“คุณจะทำอะไร?” ถึงธีรดนย์จะดูผิวขาวบอบบางแต่ก็มีรูปร่างสูงใหญ่ไม่แพ้ใคร เขาจึงไม่ได้หวั่นเกรงอะไรกับท่าทางเดือดของชายหนุ่มอีกคน

“มันไม่ใช่กงการอะไรของคุณ ถ้าไม่อยากมีปัญหาก็ถอยออกไปซะดีๆ”

“มันจะใช่กงการของผมถ้าคุณยังแสดงกิริยาก้าวร้าวกับคุณรัน” ธีรดนย์จ้องหน้าอีกฝ่ายสีหน้าเอาเรื่องไม่เบา

ทศพลยืนมองความวุ่นวายตรงหน้าแล้วก็ถึงกับส่ายหน้าน้อยๆ เมื่อเห็นดิสรณ์กำลังผลักประตูเข้ามา “ไอ้ภูแกมาทำอะไรที่นี่” ดิสรณ์ที่เดินหน้าเครียดเข้ามาชี้มือถามแววตากร้าว

“แกยอมโผล่หัวออกมาแล้วเหรอไอ้ดิส” ภูนเรศหันไปจ้องคนมาใหม่ด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด

“แกมาระรานรันเหรอ ไอ้ภูฉันขอเตือนแกด้วยความหวังดีว่าอย่าวุ่นวายกับเธอ” ดิสรณ์เดินเข้าไปดึงร่างบอบบางของภรัณยาเข้ามาหาตัวอย่างระวังภัย
“ดิสคุณทำแบบนี้กับนิต้าได้ยังไง” ฐานิตาที่ยืนสะอกสะใจถึงกับปรี๊ดขึ้นมาบ้างเมื่อเห็นแฟนหนุ่มคว้าร่างบอบบางของภรัณยาเข้าหาตัว

“นิต้าคุณมาที่นี่ได้ยังไง?” พอได้ยินเสียงแหวๆของฐานิตาดิสรณ์ก็เริ่มเดือด

“นิต้าก็ขับรถมาน่ะสิถามได้” ฐานิตาทำสีหน้ายียวน

“ไปรันกลับบ้านเดี๋ยวพี่ไปส่ง” ดิสรณ์หันไปชวนหญิงสาวข้างกายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง

“รันไม่กลับค่ะพี่ดิสกลับไปเถอะ” ภรัณยาบิดข้อมือเรียวเล็กออกจากมือหนา แล้วเดินไปที่ภาพเขียนหญิงสาวเดินตรงไปข้างหน้าด้วยท่าทางที่เรียบเฉยทำเหมือนไม่ได้สนใจกับอะไรอีก มือเรียวเอื้อมจะปลดภาพลงจากขาตั้ง

ธีรคนย์ที่อยู่ใกล้หญิงสาวที่สุดรีบเข้าไปช่วยแล้วเดินกันร่างบอบบางไปทางเคาน์เตอร์ พอเห็นมีหนุ่มหล่ออยู่ข้างกายแฟนสาวดิสรณ์ก็เริ่มงุ่นง่าน

ทศพลที่ยืนลุ้นระทึกมาพักใหญ่เดินเร็วๆ ตามร่างบอบบางไปที่เคาน์เตอร์ ชายกลางคนรีบกุลีกุจอหยิบอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับห่อภาพยื่นไปให้ภรัณยาแล้วช่วยเธอจัดวางรูปภาพให้เรียบร้อย ธีรดลย์ยังคงยืนระวังภัยให้หญิงสาวกรายๆ พอเห็นว่าเจ้าหนุ่มเลือดร้อนที่เตรียมฟัดหญิงสาวได้เปลี่ยนเป้าหมายไปแยกเขี้ยวใส่ผู้ชายที่เพิ่งเข้ามา ชายหนุ่มจึงคลายใจ

ภูนเรศยืนหน้าตึงเอาเรื่องเมื่อมาเจอดิสรณ์เข้าโดยบังเอิญ “แกหักหลังฉันเหรอดิส เพราะผู้หญิงคนเดียวแกถึงกับหักหลังฉันงั้นเหรอไอ้คนทรยศ” ภูนเรศเข่นเขี้ยวอาฆาต

“ใครบอกว่าแค่ผู้หญิงคนเดียว ความแค้นของฉันมันฝังรากลึกมากกว่านั้นและคนอย่างแกก็ไม่มีวันเข้าใจ” ดิสรณ์จ้องภูนเรศแววตากร้าว

“แกแค้นเรื่องอะไรใครไปทำเรื่องเลวระยำอะไรให้แกงั้นเหรอ ฉันให้ความไว้วางใจแกพ่อฉันท่านก็รักและเอ็นดูแก แต่ดูผลตอบแทนที่แกให้กับพวกเราสิแกทำได้ยังไงไอ้ดิส” ภูนเรศชี้หน้าดิสรณ์มือสั่นด้วยความโกรธเกรี้ยว

“ฉันทำไปแล้วแกจะทำไมฉัน ไอ้ภูเรื่องทั้งหมดมันเป็นความบาดหมางของเราแกอย่าได้คิดมาแตะต้องคนรักของฉัน”

“คนรักของแกงั้นเหรอคนไหนล่ะ ผู้หญิงคนนี้หรือคนนั้นคนไหนล่ะที่แกรักมากกว่า คนไหนล่ะที่แกจะเจ็บปวดหากฉันจะเข้าไปย่ำยี” ภูนเรศชี้มือไปที่ฐานิตาแล้วชี้ไปทางภรัณยา

“ไอ้ภูฉันฆ่าแกแน่ถ้าแกคิดที่จะทำอะไรรัน ฉันจะล่าแกจนถึงนรกเลยล่ะถ้าแกอาจหาญไปแตะต้องเธอ” ดิสรณ์ผลักมือไปที่อกกว้างแล้วชี้หน้าบอก

“ดิสคุณพูดแบบนี้มันหมายความว่ายังไง คุณพูดเหมือนนิต้าไม่ได้มีความ
หมายกับคุณเลยซักนิด” ฐานิตาถามน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความปวดร้าว

“ผมพูดชัดเจนขนาดนี้คุณยังจะต้องให้ผมอธิบายอะไรอีกนิต้า” ดิสรณ์หันไปจ้องใบหน้าสวยเฉี่ยวด้วยสายตาว่างเปล่าจนฐานิตาแทบเข่าอ่อนกับความเฉยชาในแววตาคู่นั้น

“คุณกำลังจะบอกว่าคุณเลือกแม่นั่นงั้นเหรอดิส นิต้าไม่ยอม นิต้าไม่ย๊อม” ฐานิตาฟาดมือไม่ยั้งไปที่ท่อนแขนของ ดิสรณ์แล้วแผดเสียงออกมาดังๆ

“นิต้าหยุด คุณจะบ้ารึไง” ดิสรณ์คว้าข้อมือเรียวเล็กของฐานิตาแล้วออกแรงบีบจนหญิงสาวถึงกับเบ้หน้า

“คุณนั่นแหละบ้า คุณทำกับนิต้าแบบนี้ได้ยังไง คุณทำได้ยังไง ฮือๆ” ฐานิตาปล่อยโฮออกมาด้วยความอัดอั้นใจ ทั้งเสียใจที่ถูกคนรักผลักไส ทั้งอับอายที่ดิสรณ์ทำเหมือนตัวเธอไม่มีคุณค่าอะไรอีก

*******************

“ดูท่าไอ้พวกนั้นมันคงเพิ่งหลุดออกมาจากเขตแน่ๆเลย” ทศพลที่นิ่งเงียบดูฉากแอ๊คชั่นมาพักใหญ่เอ่ยขึ้นเบาๆ

“ไม่รู้มีเชื้อบ้าหรือเปล่าดูแต่ละตัวตาขวางๆ น้ำลายยืดพิกล” ภรัณยาที่กำลังมัดเชือกพูดขึ้นมาบ้าง

“ผมว่าเราโทรไปแจ้งเขตมาจับกลับไปดีกว่าไหมครับ” ธีรดลย์ที่ยืนยิ้มขบขันแนะนำเสียงกระซิบ

“หึหึ ผมว่าเขาคงไม่เอาแล้วล่ะ อยู่ที่เขตท่าจะกัดกันเก่งเขาถึงได้ปล่อยออกมา” ทศพลยังสรรเสริญไม่เลิก

“เออคุณรันช่วงนี้คุณรับงานนอกไว้เยอะไหมครับ” ธีรดลย์ถามขึ้นเบาๆ
“ช่วงนี้ยังค่ะ ทำไมเหรอคะ”

“คือตอนนี้ผมกำลังจะเปิดห้องอาหารใหม่ ผมต้องการภาพธรรมชาติแล้วก็พวกผลไม้อีกซักสิบภาพภายในสามถึงสี่เดือนคุณพอที่จะวาดให้ผมได้ไหมครับ”

“คุณธีรดลย์จะให้รันวาดเองทั้งหมดหรือเปล่าคะ”

“ผมไม่กะเกณฑ์ขนาดนั้นหรอกครับขอแค่ภาพส่วนใหญ่เป็นภาพที่คุณวาดผมก็พอใจแล้วล่ะ ส่วนราคาคุณรันเรียกมาได้เลยเท่าไหร่ผมก็ไม่เกี่ยง”

“ถ้าเวลากระชั้นแล้วคุณต้องการจำนวนเยอะขนาดนั้นรันคงให้เพื่อนๆมาช่วย” ภรัณยาบอกยิ้มๆ

“ร้านอาหารของผมที่กำลังจะเปิดอยู่ที่เชียงรายถ้าคุณไม่ได้รับงานของใครไว้ ชวนเพื่อนๆไปวาดที่โน่นก็ได้นะครับ วาดท่ามกลางธรรมชาติและอากาศที่ถ่ายเทผมว่าดีกว่าอยู่อุดอู้ในกรุงเทพเยอะเลยนะครับ” ธีรดลย์แนะนำ

“ขอรันปรึกษาเพื่อนๆก่อนก็แล้วกันค่ะ”

“ถ้าคุณตัดสินใจยังไงก็โทรไปแจ้งผมตามเบอร์นี้นะครับ” ธีรดลย์ยื่นนามบัตรไปให้หญิงสาวแล้วยิ้มอย่างมีหวัง

“ขอบคุณค่ะ ภาพคุณห่อเสร็จแล้วจะให้รันยกไปไว้ที่รถเลยไหมคะ”

“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมยกไปเองดีกว่า นี่ครับเงินค่าภาพ” ธีรดลย์ยื่นธนบัตรฉบับละหนึ่งพันบาทปึกใหญ่ให้กับหญิงสาว

“ขอบคุณค่ะ” ภรัณยายื่นมือออกไปรับแล้วยื่นเงินไปให้ทศพล

“คุณรันไม่นับก่อนเหรอครับ” ธีรดลย์บอกอย่างรอบคอบ

“ไม่ล่ะค่ะรันบอกราคาไปแล้วและคุณคงเตรียมจำนวนเงินมาตามราคาที่ได้ตกลงกันไว้ รันเชื่อใจค่ะ” หญิงสาวตอบยิ้มๆ

“ผมขอตัวก่อนนะครับยังไงผมจะติดต่อมาใหม่ อย่าลืมเอาข้อเสนอของผมไปคิดนะครับผมจะยินดีมากถ้าคุณไปวาดภาพที่โน่น”

“แล้วรันจะรีบโทรบอกค่ะถ้าได้มติจากเพื่อนๆ”

“ผมกลับก่อนนะครับคุณทศพล แล้วยังไงผมจะแวะมาอุดหนุนอีก” ธีรดลย์หันไปลาชายกลางคนแล้วโค้งศรีษะน้อยๆให้กับภรัณยา ชายหนุ่มถือภาพเดินไปตรงไปที่ประตูด้วยท่าทีที่มาดมั่น ภูนเรศจ้องชายหนุ่มหน้าตี๋ที่เดินผ่านไปแล้วเข่นเขี้ยวด้วยความขัดเคือง พอเห็นอีกฝ่ายเริ่มเปลี่ยนเป้าหมายธีรดลย์ก็ถึงกับยิ้มขบขัน ‘เออแฮะเจ้านี่มันเป็นอะไรใจคอจะกัดทุกคนที่เดินผ่านหน้าเลยหรือไง’
“คุณอาคะเดี๋ยวรันกลับไปที่สวนหลังบ้านก่อนนะคะ จะได้ไปบอกคุณจิ๊บด้วยว่าอีตาอสูรร้ายมา” ภรัณยาหันไปบอก ทศพลสีหน้าเหนื่อยๆ

“ไปเถอะหนูรันพ่อว่าถ้าเจ้าสองตัวนั่นมันยังกัดกันไม่เลิกเห็นทีคงจะต้องโทรไปที่เขตแล้วล่ะ” ทศพลบอกยิ้มๆ

“ถ้าไล่ไม่ไปคุณอาก็ให้แม่บ้านต้มน้ำแล้วสาดไล่เลยค่ะ” ภรัณยาบอกทิ้งท้ายแล้วหมุนตัวเดินไปอีกทาง

ทศพลถึงกับขำก๊ากเมื่อเจอคำแนะนำของภรัณยา เท่าที่ได้พูดคุยและสังเกตมาพักใหญ่ดูท่าภรัณยาจะเลิกเฮิร์ทกับความผิดหวังแล้วกลับมาเป็นภรัณยาคนเดินที่เข้มแข็งและไม่ยอมใคร ชายกลางคนอมยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นความอึมครึมของบรรยากาศรอบๆตัวเริ่มกลับมาสดชื่นและสดใสอีกครั้ง และความมืดครึ้มที่ว่าคลายก็เริ่มตั้งเค้าเมื่อมีเสียงทุ้มของใครคนหนึ่งดังขึ้น

“รัน รันจะไปไหนรอพี่ก่อน” ดิสรณ์สะบัดแขนแล้วทำท่าจะวิ่งตามร่างบอบบางของหญิงสาวไป

“ไปไม่ได้นะดิสมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน” ฐานิตายึดแขนของแฟนหนุ่มไว้แน่นแล้วออกแรงฉุดกระชากร่างหนาให้ออกไปข้างนอก

“นิต้าถ้าคุณไม่อยากเจ็บตัวก็ปล่อยผมดีๆ” ดิสรณ์ฝืนตัวแล้วผลักหญิงสาวให้ถอยห่าง

“อ้าวๆเจ้าดิส อย่ามาทำตัวก้าวร้าวกับผู้หญิงในร้านอา ไปคุยกันให้เข้าใจไปที่นี่ร้านภาพอาไม่ชอบให้ใครมาทำตัวอันธพาล” ปากเตือนคิสรณ์แต่สายตากลับจ้องไปที่ภูนเรศที่ยืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ใกล้ๆ

“คุณอาผมขอโทษครับที่เสียมารยาท แต่ผมอยากคุยกับรันกรุณาเถอะครับ ผมอยากคุยกับเธอจริงๆ” ดิสรณ์ยกมือขึ้นไหว้แล้วขอร้องเสียงอ่อน

“อาว่าดิสกลับไปก่อนเถอะวันนี้หนูรันคงไม่คุยกับใครแล้วล่ะ ก่อนที่จะมาคุยกับหนูรันพ่อว่าดิสไปคุยกับแม่หนูคนนั้นให้เข้าใจก่อนไป”

“ผมคุยกับเธอจนเข้าใจแล้ว ทุกอย่างมันจบแล้วแต่รันไม่ยอมฟังผมอธิบายเลย” ดิสรณ์บอกน้ำเสียงน้อยใจ

ฐานิตายืนน้ำตาไหลพรากคำถามหลากหลายกำลังพรั่งพรูออกมา ตลอดเวลาเธอคิดว่าดิสรณ์รักเธอ และเขามีเธอเพียงคนเดียว หลายปีมานี้เธอโง่เง่าถึงขนาดที่ไม่เคยรู้เลยหรือว่าคนรักที่ที่ซื่อสัตย์และมั่นคงต่อเธอได้แอบมีผู้หญิงอีกคนซ่อนอยู่และซ้ำร้ายเขายังรักผู้หญิงคนนั้นจนหมดใจ ยิ่งเห็นความรักที่ถ่ายทอดออกมาจากแววตาในยามที่ดิสรณ์เอ่ยถึงผู้หญิงคนนั้นฐานิตาก็แทบทรุด ความรักความห่วงใย ความหวงแหนในแววตานั่นมันต่างจากในยามที่เขามองเธอจนเทียบชั้นกันไม่ติด

“เรากลับกันเถอะค่ะคุณภูนเรศ” เมื่อเห็นว่าเธอไม่อาจยื้อดิสรณ์ให้กลับคืนมาได้ ฐานิตาจึงตัดใจเก็บความปวดร้าวไว้ภายใน เท่าที่มองจากรูปการเธอมั่นใจว่ายังไงเสียภรัณยาก็คงไม่มีทางกลับมาคืนดีกับดิสรณ์อีกเป็นแน่ ‘คุณกลัวว่านังนั่นจะถูกทำร้าย ถ้าคุณห่วงมันขนาดนั้นฉันก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำลายมัน ดิสรณ์ในเมื่อคุณทำให้ฉันเป็นทุกข์ฉันขอสาบานว่านับจากนี้ไปฉันจะพรากความสุขทุกอย่างของคุณ ในเมื่อฉันไม่เหลือความสุขฉันก็จะทำลายความสุขของคนที่คุณแคร์’ ฐานิตาหยุดความปวดร้าวไว้แล้วเปลี่ยนความร้าวระทมเป็นความคับแค้น หญิงสาวจ้องหน้าคนรักด้วยแววตาที่ยากจะอ่านใจว่าในตอนนี้เธอกำลังคิดที่จะทำอะไร




 

Create Date : 16 สิงหาคม 2552
2 comments
Last Update : 16 สิงหาคม 2552 11:02:42 น.
Counter : 546 Pageviews.

 

ดูท่าทางธีรดลย์จะแอบชอบรัณอยู่นะ ...เป็นผู้ช่วยนางเอกหรือปล่าวน่ะเนี่ยะ น่าจะเป็นพระเอกเลยนะ ไม่ชอบผู้ชายเอาแต่ใจตัวเองแบบภูนเรศเหมือนหมาบ้าจริง ๆ เลย กัดไม่เลือก

 

โดย: ต่างแดน IP: 80.214.253.76 16 สิงหาคม 2552 17:02:46 น.  

 

เห็นด้วย

 

โดย: bee (wasi ) 16 สิงหาคม 2552 20:16:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.