Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2559
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
9 พฤษภาคม 2559
 
All Blogs
 

อยากจะอยู่กับความจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง มันทำไม่ได้



  สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกที่ตั้งและไม่เคยคิดจะตั้งกระทู้ในพันทิปมาก่อนเลยแต่เราอยากรู้จริงๆว่าเราควรทำยังไงต่อไป และก็อยากจะระบายสิ่งที่อยู่ในใจ มันยากสำหรับเรามากค่ะ

    เรากำลังจะเข้าเป็นนักศึกษาปี1 มหาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ล่ะมั้ง? หรือไม่เราอาจจะไม่ได้เรียนค่ะเพราะที่บ้านไม่มีเงินเลย(เการเดินทางไปกลับกรุงเทพไม่ได้เป็นเรื่องสนุกสำหรับเราเลย) ครอบครัวฝืนให้เราขึ้นไปสอบรับตรงสองครั้งที่กรุงเทพซึ่งแต่ละครั้งใช้เงินมากแต่เพราะเค้าอยากให้เรามีอนาคตที่ดีเราเลยไปสอบดูและเราสอบติด เราไม่ได้เรียนพิเศษอะไรเลยอาศัยอ่านเองและชีทจากเพื่อนๆเอาเพราะเราไม่มีเงินมากพอที่จะไปเสียค่าเรียนตรงนั้นทำให้เราต้องเสียโอกาสที่จะติดรับตรงที่แรกไปเพราะสู้เด็กติวไม่ได้แม้เราจะพยายามมากก็ตาม เราเป็นคนชอบวาดรูปค่ะ ถือว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลในการมีชีวิตของเราไปเลย เราพลาดที่แรก(ซึ่งไม่ได้เสียใจเพราะพยายามที่สุดแล้ว)ก็มาสอบที่ที่สองนี่เอง เราคิดว่าเราก็อยากเป็นครูศิลปะค่ะเพราะที่โรงเรียนของเราไม่มีการสนับสนุนด้านนี้ ศิลปะกลายเป็นอะไรที่เรียนผ่านๆ ไม่มีชมรมหรืออะไรที่เหมือนเด็กกรุงเทพมี ถ้าเราได้เป็นครูจริงเราอาจจะช่วยผลักดันเด็กที่ไม่มีโอกาสเหมือนเราให้ก้าวไปสู้ฝันได้ การเป็นครูจึงเป็นฝันที่สองของเรา และเราตั้งใจกับมันมากเพราะเรามีโอกาสจะได้เรียนในมหาลัยที่ฝัน
     แต่พอมาตอนนี้โอกาสนั้นมันเริ่มริบหรี่ลงทุกวัน อย่างที่บอกไปว่าครอบครัวเรามีปัญหาทางการเงินมากๆค่ะ ตอนเรายังเด็กเราได้อยู่อย่างสุขสบายแต่มันก็เริ่มแย่ลงจนพ่อแทบจะล้มละลาย เรากินข้าวกับไข่เจียวทุกมื้อต่อวันเป็นเดือนๆเกือบครึ่งปีตอนนั้นลำบากมากค่ะเพราะยังเด็กและพ่อก็เป็นคนโมโหร้าย บางครั้งทำผิดเล็กๆน้อยๆก็จะโดนด่าว่าอย่างรุนแรง เรากลายเป็นคนที่ไม่สามารถเข้าสังคมได้ เราไม่มีเพื่อนเลยและเราก็ไม่รู้ว่าเราจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร ความสุขคืออะไร บางครั้งเจ้าหนี้ก็มาหาที่บ้านพ่อต้องแอบและปล่อยหนูกับแม่ไว้เจอกับพวกเค้าบางครั้งก็ต้องถูกเจ้าหนี้ข่มขู่ต่างๆนานาจนต้องปิดบ้านหนีและแอบอยู่ในบ้านตอนที่พ่อไม่อยู่ 
     จากนั้นก็ดีขึ้นตรงที่เพื่อนมาร่วมลงทุนกับพ่อทุกอย่างกำลังจะไปได้สวยตอนนั้นคิดว่าอาจจะเป็นไปได้ที่จะได้เรียนต่อม.ปลายอย่างสบายใจ แต่มันไม่ง่ายแบบนั้นเพราะเกิดการประท้วงระหว่างคนสองฝ่ายขึ้นมาก่อน(น่าจะรู้ใช่มั้ยคะ) เศรษฐกิจที่กำลังจะดีในตอนนั้นก็แย่ลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับการหมดตัวครั้งที่สองของครอบครัวเรา มันกลับมาเป็นเหมือนเดิมแต่หนักยิ่งขึ้นเพราะพ่อไปกู้เงินนอกระบบมาโดยที่ไม่เคยบอกอะไรเราเลย พ่อบอกกับเจ้าหนี้ว่าพ่ออยู่ที่บ้านเราแต่ความจริงแล้วพ่อไปอยู่กับเมียน้อยที่บ้านเค้าพวกเราต้องหลบเจ้าหนี้โดยปิดไฟทุกดวงในบ้านตอนสามทุ่มเปิดแค่พัดลมนอนกันเงียบๆระแวงทุกครั้งที่มีรถผ่านหน้าบ้าน
     จากนั้นเราก็ต้องขายบ้านเพราะพ่อเอาบ้านเข้าธนาคารและจะถูกแบงค์ยึดไปเลยต้องขายให้กับคนอื่นก่อนเพื่อที่เราจะได้เงินบางส่วนบ้าง เราย้ายมาอยู่บ้านเช่าที่สภาพปานกลางแห่งหนึ่งแต่เงียบสงบดีตอนกำลังจะขึ้นม.6 พ่อหย่ากำบแม่โดยไม่บอกเราจนกระทั่งเราไปเจอใบหย่าเข้าโดยบังเอิญ (พ่อกับแม่แยกกันอยู่มานานแล้ว) เรารู้ว่าเค้าไม่รักกันมานานแล้วแต่คิดไม่ถึงว่าจะหย่ากันโดยไม่บอกทั้งๆที่เราโตพอจะเข้าใจแล้วและเราจะไม่โกรธด้วยซ้ำกับการเลือกของเค้า เราเก็บทุกอย่างไว้ในใจไม่ได้โวยวายอะไรแต่ก็ถามอย่างมีเหตุผลและปล่อยมันไป  
     ช่วงปิดเทอมก่อนเข้าม.6เราตั้งใจอ่านหนังสือและฝึกวาดรูป เราฝึกภาษาอังกฤษ ฝึกทำข้อสอบแกทเก่าๆ อ่านเนื้อหาที่น่าจะต้องใช้ในการสอบ เราอ่านวันละหลายชั่วโมงสลับกับการฝึกวาดรูปไปด้วย ซึ่งคะแนนสอบแกทรอบแรกออกมาดี(สำหรับเรา)จนน่าแปลกใจเมื่อเทียบกับเพื่อนที่เรียนพิเศษ และการวาดรูปของเราก็ดีขึ้นทำให้เราผ่านข้อเขียนของรับตรงได้ เราคิดว่าเราโชคดีพี่ติดที่นี่และเราจะตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด
     จนมาถึงช่วงปิดเทอม ฐานะของครอบครัวเราก็แย่ลงไปกว่าเดิมอีก เราพยายามหางานพิเศษทำแต่ก็หาไม่ได้เลยเพราะเวลาที่เหลือแค่ไม่กี่เดือนเลยรับวาดรูปแทนซึ่งก็ต้องใช้เวลา พ่อเราทะเลาะกับทางนู้นเลยกลับมาอยู่บ้านเป็นบางครั้ง(ซึ่งเป็นอะไรที่ทำให้เรากลัวมากค่ะ ถึงประตูจะปิดระหว่างเรากับเขาแต่เราก็ยังรู้สึกไม่สบายใจและกระวนกระวายตลอดเวลาที่เค้าตื่นอยู่) พ่อเราไม่มีงานทำแล้วเพราะไม่ได้ทำสวนกับทางนู้นและแม่เองก็ได้เงินเดือนไม่พอค่าเช่าบ้านด้วยซ้ำ ถามว่าทำไมเราไม่พยายามหางานมากกว่านี้ นี่แหละค่ะสิ่งที่ทำให้เราต้องตัดสินใจให้แน่ๆและหนีจากสิ่งที่พ่อกับแม่ชอบบอกว่าให้รอดูไปก่อน หรือยังไงพ่อกับแม่ก็ส่งเราจนจบได้ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้นอกจากจะไปกู้เงินซึ่งเราไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย ตอนนี้รถมอเตอร์ไซค์ที่บ้าน(เพื่อนแม่ให้ยืม)กับของป้าโดนพ่อนำไปจำนำหมดโดยที่คันนึงโดนยึดไปเพราะพ่อเล่นการพนัน(เราพยายามพูดกับพ่อหลายๆครั้ง พยายามให้เค้าเลิก แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่มีใครเคยฟังอะไรที่เราพยายามบอกเลยสักครั้งเดียว) ตอนนี้เรียกได้ว่าเราไม่มีอะไรเลยค่ะแม้แต่ความกล้า
     เราอยากจะเชื่อว่ามันจะไม่เป็นไรต่อไป แต่แน่นอนเราหนีความจริงไปไม่ได้ แต่ทุกๆครั้งที่ปรึกษาคนอื่นเค้าก็บอกแค่ว่าไม่เป็นไรนะ อย่าสละสิทธิ์มหาลัยเลยน่าเสียดาย พ่อกับแม่ส่งไหว รอดูไปก่อน เดี๋ยวพ่อก็หาได้ มันทำให้เราสับสน เราไม่รู้ว่าเราควรทำอะไร ควรก้าวไปทางไหน ควรจะหยุดหรือควรจะไปต่อ ควรจะทิ้งความฝันของตัวเองไหม มันอาจจะดูว่าทำไมแค่นี้ยังคิดไม่ได้จะไปสอนคนอื่นได้ยังไง มันไม่ง่ายสำหรับเราเลยค่ะที่จะถามว่าตัวเองรู้สึกยังไง เราผ่านอะไรมามากตลอดหลายปีเราไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าร้องไห้แต่เราไม่รู้ว่าเราควรทำยังไงต่อไปในเมื่อเราไม่รู้จะปรึกษาใครเพราะเค้าก็อยากให้เรามองแต่ในแง่ดี เราควรจะสละสิทธิ์ไปสมัครที่อื่นหรือหยุดไปทำงานหาเงินก่อนรึเปล่าคะเพราะที่นี่ถ้าไม่กี่เดือนเค้าก็กลัวเสียเวลาไม่รับอยู่แล้ว ค่าเทอมมหาวิทยาลัยที่เราติดก็สองหมื่นไปแล้วต่อให้กู้กยศก็ยังไม่พอที่จะจ่ายอยู่ดี ไหนจะค่าชุดค่าหอค่าอยู่อีก เรามีเงินที่เราแอบเก็บไว้แค่5พันกว่าบาทเท่านั้นซึ่งเป็นทุนที่เราได้มาแล้วพ่อไม่ได้เอาไป 
     หลายๆคนที่นี่มีประสบการณ์บางคนก็เลวร้ายกว่าเราบางคนก็ดีกว่ารู้อะไรต่างๆมากกว่าเรา มีมุมมองที่แตกต่างจากเรา ช่วยแนะนำเราด้วยเถอะค่ะจะติจะว่าอะไรจะขอน้อมรับไว้ค่ะ





 

Create Date : 09 พฤษภาคม 2559
0 comments
Last Update : 9 พฤษภาคม 2559 16:37:08 น.
Counter : 546 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


สมาชิกหมายเลข 2533784
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 2533784's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.