เมษายน 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
22 เมษายน 2551

ตอนที่ 8 หลอมรังกันใหม่

โรงเรียน ฮ นกฮูก
เรื่องราวของหม่าม้า ที่ร้างราตำราเรียนร่วม 30 ปี แล้วตัดสินใจกลับสู่ห้องเรียนใหม่ในวัย ฮ นกฮูก




ตอนที่ 8 หลอมรังกันใหม่

มะม่วงที่มุมบ้านแผ่กิ่งก้านโค้งมาถึงหน้าเทอเรซ หน้าฝนใบยิ่งดกครึ้ม
ฉันเห็นนกบินหายเข้าไปในพุ่มไม้แล้วก็บินกลับออกมาวันละหลายๆเที่ยว บางครั้งก็มีเสียงปีกกระพือพึ่บพั่บ พลอยเขย่ากิ่งไม้ให้เอนไหว
คงมีรังนกสร้างอยู่ในนั้น เพราะเห็นมูลนกตกเรี่ยราดบนพื้นดิน
ป่านดำเคยขึ้นไปเขย่ากิ่งไม้ หวังให้นกบินออกไป

“เดี๋ยวพอลูกๆมันโต ก็พากันบินหายไปเองแหละ”

ฉันบอกลูกชาย ตาก็สอดส่องมองว่า รังที่สร้างอยู่ตรงไหน
แข็งแรงดีหรือเปล่า ถ้าโดนลมแรงๆจะถูกพัดปลิวว่อนไปที่อื่นหรือไม่
ท้ายที่สุด แม้ลูกนกโตๆไปแล้ว รังเก่าก็ยังอยู่ พลอยให้ครอบครัวนกคู่อื่น
มาพักพิงอาศัยต่อ ฉันเห็นนกคาบกิ่งไม้ใบหญ้ามาเสริมให้รังเดิมแข็งแรงหนาแน่นยิ่งขึ้น เลยเป็นหน้าที่ของลูกชายที่ต้องหมั่นกวาดมูลนกที่ตกค้างต่อเนื่อง

ป่านดำจัดการฝังกลบดผสมดินเป็นปุ๋ยคืนโคนต้นมะม่วง
เงยหน้าพูดกับบรรดาเหล่าครอบครัวนกน้อย

“อย่าหล่นใส่หัวแล้วกัน”

หลังคืนพายุหนักพัดผ่าน พวกเรา 3 คนจับตามองคู่กรณีในกลุ่มว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป สองสามวันให้หลัง คลื่นลมก็เริ่มกลับสู่ปกติ อาจมีหางพายุเหวี่ยงซัดถูกบ้างก็แค่พอให้ตัวเปียกชื้น

กรณีที่เลวร้ายที่สุดที่ฉันคิดก็คือ กวินอาจจะไปหากลุ่มใหม่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายนักเพราะกลุ่มอื่นก็มีสมาชิกเต็มๆอยู่แล้ว ถ้าเหลือสมาชิกในกลุ่มเพียง 4 คน นั่นหมายถึงแต่ละคนจะมีงานเพิ่มทับถมหนักกว่าเดิม ทุกกลุ่มเท่าที่ได้ยินมาก็มีปัญหากระจุกกระจิกมากน้อยต่างกันไปทั้งสิ้น

“หม่าม้า ปรายอยากขอย้ายกลุ่มจัง”

ปราย เพื่อนร่วมชั้นในกลุ่มลูกเจี๊ยบเอ่ยกับฉันในเย็นวันหนึ่ง ก่อนเข้าชั้นเรียน ปรายเคยทำงานมาก่อน แล้วขอลาออกเพื่อมาเรียนเต็มที่ เธอเป็นคนเดียวในกลุ่มที่มีประสบการณ์ทำงานจึงเป็นที่พึ่งของเพื่อนๆที่เหลือ

“ ไม่ใช่ปรายจะใจดำนะคะ แต่เพื่อนในกลุ่ม มีอะไรก็ยกให้ปรายตัดสินใจอยู่เรื่อย”

“ แล้วคนอื่นเขาไม่ช่วยเลยเหรอ”

สาวปรายส่ายหน้า “ ช่วยก็เหมือนไม่ช่วย แค่ให้หาข้อมูลเพิ่มก็ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร จบตรีแบบไหนมาเนี่ย”

นั่นซินะ ฉันได้ยินบรรดาเพื่อนๆที่เป็นอาจารย์หลายคนบ่นถึงมาตรฐานการเรียนรู้ของเด็กรุ่นใหม่ซึ่งนับวันยิ่งด้อยตกต่ำลงทุกที ขาดซึ่งความกระตือรือร้น เอาใจใส่หรือขวนขวาย วันๆใช้เวลาหมดไปกับเรื่องแฟชั่น เกมส์โชว์ มิวสิควีดีโอและเรื่องฉาบฉวยอื่นๆ

เทคโนโลยีสมัยใหม่เช่น อินเตอร์เน็ท จะว่ามีประโยชน์ก็คือช่วยย่นระยะเวลาหาข้อมูล ซึ่งสมัยที่พวกเราเรียนไม่พ้นต้องเข้าห้องสมุด กว่าจะได้หนังสือเล่มที่ต้องการสักเล่มหนึ่ง เสียเวลาไปค่อนวัน ขณะที่การเรียนสมัยใหม่ นั่งๆนอนๆอยู่ไหน เพียงกดปุ่มหาเวปไซค์ที่ต้องการก็เจอทันที ช่างสะดวกสบาย ง่ายดายแต่ง่ายเกินไปหรือเปล่า

“ รายงานของวิชา......มีคราวหนึ่งได้ศูนย์เลยค่ะ”

ปรายพูดถึงวิชาทฤษฎีการจัดการ ซึ่งอาจารย์ผู้สอนค่อนข้างจะเข้มงวดในการตรวจรายงาน เริ่มตั้งแต่การตีความโจทย์ การค้นคว้าเพิ่มเติม วิธีการเขียนและสรุปภายในกระดาษ 5 แผ่น ห้ามส่งเลยวันขีดเส้นตาย โชคดีที่ในกลุ่มฉันมีนุ่มเป็นคนนำกลุ่มทำรายงานเธอจับไม่ปล่อยในรายละเอียดอยู่แล้ว

“เห็นเป็นรายงานแรกๆ ปรายเลยให้เพื่อนๆลองทำกันดู ปรากฏไปลอกคำเฉลยจากที่ไหนมาไม่รู้ แล้วอาจารย์ก็มีคำเฉลยนั้นอยู่ในคู่มือการสอนด้วย เสร็จเลย ”

สำหรับคนที่มีเงินทองพอสมควรและไม่อยากขวนขวายใด โจทย์กรณีศึกษาหลายข้อจะมีคำเฉลยปรากฏอยู่ในอินเตอร์เนท โดยบางเว็ปไซค์ก็ฟรี บ้างก็เป็นมืออาชีพที่รับเฉลยคำตอบอย่างเดียว เพียงแต่ผู้อ่านกดคำสั่งและจ่ายเงินตามที่ระบุก็ได้คำตอบสำเร็จรูปมาเสร็จสรรพ ขนาดสั้น ขนาดยาวตามต้องการ มิหนำซ้ำยังมีการรับเขียนบทความอื่นๆให้อีกด้วย ในมาตรฐานของการศึกษาระดับชาติ ไม่น่าปล่อยให้เกิดช่องทางทำมาหากินเช่นนี้ขึ้น



Create Date : 22 เมษายน 2551
Last Update : 22 เมษายน 2551 22:20:28 น. 3 comments
Counter : 568 Pageviews.  

 

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ปรายเลยกลายเป็นแม่ไก่โดยฉับพลัน ต้องคอยโอบ เกี่ยว ประคองและดันบรรดาลูกเจี๊ยบที่เกบ้าง อืดบ้าง ออกนอกลู่นอกทางบ้าง ให้มุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเป็นภาระที่หนักไม่น้อย จนเจ้าตัวเริ่มท้อ สอดส่ายมองหากลุ่มใหม่เผื่อไว้

“กลุ่มหม่าม้าน่าจะเข้ากันได้ดีนะ มีแต่ผู้ใหญ่ ยาย..ก็เลยดูเป็นผู้ใหญ่ด้วย”

ไม่หรอก...ปราย หม่าม้ายังไม่รู้ว่าปลายพายุสลาตันในกลุ่มจะจบลงตรงไหน เห็นเงียบๆอย่างนี้ อาจจะมีแรงสะสมปะทุขึ้นมาอีก ถึงจะยินดีให้ปรายหรือใครคนใหม่เข้ามาอยู่ในกลุ่มด้วยก็คงเป็นไปไม่ได้ ตราบเท่าที่พายุในใจของคนบางคนยังไม่สงบลง

กวินมาเรียนมาปกติ แต่จะแยกตัวออกไปนั่งข้างหลัง นับจากคืนวันนั้นแล้ว กวินพูดน้อยลง หน้าขรึมไม่ระรื่นเหมือนเช่นเคย เมื่อต้องเข้าประชุมแจกจ่ายงานกลุ่ม กวินจะพูดกับทุกคนปกติยกเว้นนุ่ม

“ วิน เป็นอย่างไงบ้าง โอเค หรือเปล่า” ฉันพยายามตรวจสอบความรู้สึกของเขาบ่อยๆว่ายังมีใจอยู่กับพวกเราหรือไม่

“ สบายมากครับ หม่าม้า”

ส่วนนุ่มก็สามารถทำหน้าเฉยๆเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เธอคืนหนังสือ “นกกางเขน” ให้ฉันหลังอ่านเสร็จ

“ เรื่องก็น่ารักดีค่ะ เหมาะให้เด็กประถมอ่าน”

เป็นคำวิจารณ์สั้นๆ เหมือนกับไม่เข้าใจว่า ทำไมฉันถึงเอาหนังสือพื้นๆอย่างนี้ให้เธออ่าน ยากจริงๆหนอในการเตือนคนที่ยึดมั่นความสมบูรณ์แบบไปเสียหมด

ส่วนคนที่ไม่สมบูรณ์แบบอย่างฉัน หลังจากได้รับคำวิจารณ์กลายๆจากเพื่อนต่างวัย ทำให้ต้องเร่งปรับปรุงตัวให้กระฉับกระเฉงขึ้น

ฉันใช้เวลากับการอ่านเอกสาร ข่าวและข้อมูลต่างๆมากขึ้น ขณะเดียวกันทุกครั้งที่ได้รับแจกกรณีศึกษาที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษ ฉันจะแปลเป็นบทคัดย่อให้ทุกคนเข้าใจเนื้อหาในแนวทางเดียวกัน แจกจ่ายกันอ่านล่วงหน้า ก่อนจะมาเจอกันในช่วงทำงานกลุ่ม ฉันวงเครื่องหมายคำถามในบริบทที่ไม่แน่ใจ แล้วขอความกระจ่างจากพงษ์ นุ่ม กวินอย่างไม่กระดากอาย (อายทำไม มีเพื่อนเก่งในกลุ่ม ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์)

บางทีเพื่อนกลุ่มอื่นๆก็ขออ่านบทคัดย่อนั้นด้วยเพื่อเทียบเคียงความเข้าใจกัน ซึ่งฉันก็ไม่ขัดข้อง ดีเสียอีก ช่วยๆกันเช็คว่าแปลถูกหรือเปล่า เพราะบางคำเป็นศัพท์เฉพาะวิชาซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญของเจ้าของอาชีพ


โดย: กูรูขอบสนาม วันที่: 22 เมษายน 2551 เวลา:20:35:46 น.  

 

เหลืออีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะสอบปลายภาคแล้ว รายงานต่างๆเริ่มทะยอยกันทำให้เสร็จเพื่อส่งอาจารย์ทีละฉบับ ช่วงเวลาที่เหลือนักเรียนจะได้เตรียมตัวอ่านหนังสือสอบ

นั่นหมายถึงการเผชิญหน้าในกลุ่มก็จะลดน้อยลงไปด้วย กลุ่มเรายังมีรายงานชิ้นสุดท้ายที่ต้องทำให้ลุล่วง กะจะทิ้งฝีมือให้เต็มที่กันเลย ความวิตกเบาบางลง เมื่อกวินไม่มีวี่แววจะขอย้ายกลุ่ม

เรากำลังถกกันถึงการบริหารจัดการของบริษัทที่เพิกเฉยต่อเทคโนโลยีสมัยใหม่ หรือคาดการณ์ผิดคิดว่าเป็นแค่ความหวือหวาชั่วชั่วคราวที่เรียกว่า กระแส ภาษาอังกฤษคือ Fad โดยมีกรณีศึกษาของบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ถ่ายภาพยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งเป็นตัวตั้ง

“ตรงนี้น่าจะหมายถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะแนวโน้มตลาดขาลง มากกว่าการบริหารภายในนะ” พงษ์ตั้งข้อสังเกต

“เป็นปัญหาที่สืบเนื่องกันมากกว่า ฝ่ายบริหารไม่ยอมเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเฉพาะกล้องดิจิตอลที่ไม่ต้องใช้ฟิลม์” นุ่มแย้งกลับ

“ยายว่า เขาคิดว่า กล้องดิจิตอลเป็นแค่แฟชั่นในกลุ่มวัยรุ่น เดี๋ยวก็ไปแล้ว เหมือนกล้องถ่ายรูปใช้ครั้งเดียวทิ้งได้ ที่เคยออกมาชนกับคู่แข่ง”

“หม่าม้าคิดว่าอย่างไรครับ”

พงษ์กระตุ้นให้ฉันได้ออกความเห็นบ้าง ฉันนิ่งอึดใจหนึ่ง พยายามนึกถึงเรื่องราวของบริษัทดังกล่าวที่เคยติดอันดับว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีการจัดการชั้นเยี่ยมเมื่อหลายสิบปี ก่อนจะหงายหลังหกคะเมนไม่กี่ปีให้หลัง

“คนในระดับบริหารเขาต้องเป็นคนยุคเก่าเหมือนหม่าม้าแน่เลย ไม่เชื่อในเทคโนโลยี และยังคิดว่า High Touchไม่สามารถไปกับ High Tech ได้”

“ บราโว...หม่าม้านี้ ลึกจริงๆ”

กวินพูดเสียงดัง เป็นครั้งแรกในรอบอาทิตย์ที่เขากลับสู่ความเป็นเด็กหนุ่มหน้าระรื่นเหมือนเดิม นุ่มชักสีหน้านิดหนึ่งเหมือนจะแสดงว่า ..เอาอีกล่ะ นิสัยขี้เล่น ขี้โวย เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องสนุกไปหมด อย่างนี้จะให้เชื่อใจว่าทำงานจริงจังได้อย่างไร

“ คือคนยุคก่อน จะชอบเก็บความทรงจำไว้ในรูปภาพธรรมดาๆ คิดถึงเมื่อไหร่ก็เปิดดูได้ ไม่ต้องมีเครื่องมือเครื่องไม้พิเศษ ดูรูปไหนก็จะนึกถึงว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างระหว่างนั้น มันเป็นการย้อนเวลาแห่งความสุขชั่วขณะ ”

ฉันพยายามอธิบายความรู้สึกของคนที่ผ่านชีวิตทุกข์สุขมาแรมปี ให้กับเพื่อนในกลุ่มฟังตาแป๋ว เออ...เล่าความหลังให้ฟังกันอีกแล้ว

“ต่อให้รูปเหลืองหรือสีจางก็ตามเถอะ มันเป็นตัวบอกถึงระยะเวลาความผูกพันที่มีต่อกัน”

“ บริษัทเลยคิดว่า ลูกค้ากลุ่มดั้งเดิมนี้ไม่แคร์เรื่องกล้องดิจิตอลไร้ฟิล์ม” พงษ์พยายามวิเคราะห์ต่อ ในมือจับกล้องดิจิตอลที่เอามาจากบ้านพลิกซ้าย ขวา ดูรูปลักษณ์ ดีไซน์และฟังก์ชั่นใช้งาน

“ ทั้งๆที่สะดวกกว่าแบบเดิมตั้งเยอะนะครับ ถ่ายปุ๊บดูได้เลย ไม่ต้องเข้าห้องอัด ล้าง ถ่ายไม่ดีก็ลบทิ้ง เอาไปใช้ต่อกับอินเตอร์เน็ทก็สบาย”

“ มันง่ายและเร็วเกินไป ไม่เกิดการรอคอย รอลุ้น หม่าม้าว่าวิธีการแบบเก่า มันระทึก ตื่นเต้น โรแมนติคกว่า”

“เลยกลายเป็นหลุมพรางสำหรับความโรมานซ์ ว๊าว....”
กวินสรุปได้ยอดเยี่ยมมาก ฉันหัวเราะกับสำนวนของเขา บรรยากาศการสนทนาเริ่มมีสีสัน พงษ์ยกประเด็นอื่นๆมาเพิ่ม

“โรแมนติคประมาณฮอลมาร์คมั้ยครับ หม่าม้า”

คนพูดหมายถึงบริษัทผู้ผลิตการ์ดอวยพรที่ใหญ่ที่สุดของโลก มีการ์ดนับร้อยๆชนิดในวาระต่างๆให้เลือกสรรอย่างจุใจ ฉันเองสมัยวัยรุ่นก็เคยแวะเวียนเป็นลูกค้าประจำของร้านนี้ ในสาขาบ้านเรา อุตส่าห์อดออมค่าขนมไว้ซื้อการ์ดสำหรับส่งให้คนสำคัญ

โธ่...ก็ใบหนึ่งกินก๋วยเตี๋ยวได้หลายชามอยู่นะ

“ การ์ดอวยพร มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าภาพถ่าย ภาพถ่ายเอาไว้อวด แต่การ์ดเอาไว้อ่านชื่นชมเงียบๆคนเดียว”

ฉันเปรียบเทียบความรู้สึก การเขียนการ์ดส่งให้ใครสักคนเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก หมายถึงคนๆนั้นต้องมีความหมายสำหรับเราจริงๆ ต้องเลือกแบบ ต้องคิดประดิดประดอยถ้อยคำเป็นวันๆ ส่งไปใจก็ระทึกต่ออีก 2-3 วันว่าเขาจะตอบเราอย่างไร เป็นเรื่องของการเดาใจจริงๆ


โดย: กูรูขอบสนาม วันที่: 22 เมษายน 2551 เวลา:20:38:00 น.  

 

“ แต่เดี๋ยวนี้ เห็นมีการ์ดอีเล็คทรอนิคส์ คลิกๆ ก็ส่งถึงล่ะ แถมยังมีข้อความให้เลือกส่งเหมาะสำหรับคนที่เขียนอธิบายความรู้สึกไม่เก่งหรือเขินอาย ”

นุ่มใช้ดินสอเคาะหน้าผากเบาๆ กล่าวเสริม
“แสดงว่าบริษัทผู้ผลิตการ์ดอวยพรทั้งหลายไหวทันต่อเทคโนโลยีมากกว่า เลยได้ลูกค้ากลุ่มดิจิตอลเข้ามา อีการ์ด เลยสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำอย่างไม่น่าเชื่อ”

ฉันพลิกหาตัวเลขจากข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทฮอลมาร์คซึ่งได้เรียนเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ยกเปรียบเทียบ

“ เห็นมั้ย ตลาดแยกกันเป็นคนละกลุ่ม ขณะที่คนรุ่นโรมานซ์ก็ยังชอบเขียนส่งการ์ดแบบเดิม ยอดขายไม่ตกเลย ”

“เหมือนการ์ดแบบนี้ ใช่มั๊ยคะ”

ยายยิ้มหวาน ชูซองที่แอบอยู่ข้างหลังขึ้นแล้ว โบกสะบัดๆเหมือนกำความลับบางอย่างอยู่ ก่อนจะยื่นส่งมาให้ต่อหน้า

“Happy Birth Day ค่ะ หม่าม้า”

ขณะที่ฉันกำลังงงๆอยู่ นุ่มก็หยิบช่อดอกไม้สีสวยจากถุงข้างๆที่ฉันเพิ่งสังเกตเห็น ส่วนกวินก็เปิดกล่องใส่เค้ก 3 ปอนด์แต่งหน้าเป็นนกฮูกชวนเกรงขามมาวางบนโต๊ะ

“ ขอให้หม่าม้าเป็นแม่นกฮูกที่แข็งแรง มีแรงปราบและปรามพวกเราชาวลูกนกฮูกตลอดรอดฝั่งนะคะ”

นุ่มกล่าวอวยพรพร้อมเสียงเฮๆจากคนในกลุ่ม ฉันยิ้มตื้นตัน นึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องน่ารักๆแบบนี้เกิดขึ้นระหว่างเรียนด้วย

จริงซิ..มัวแต่ยุ่งกับรายงานและเตรียมตัวสอบปลายภาค ลืมวันสำคัญของตัวเองสนิท ไม่ทราบว่าใครคนใดในกลุ่มแอบสืบรู้ความลับของแม่นกฮูกตัวนี้แน่เลย

“พี่พงษ์เขาวางแผน กะจะเซอร์ไพรส์หม่าม้า แล้วให้พี่นุ่มกับพี่วินเขาหันหน้าคืนดีกัน ได้ทั้ง 2 ต่อ” ยายแอบมากระซิบทีหลัง

มิน่า ระหว่างที่ถกเถียงกันในกลุ่ม เห็นขยิบตากระพริบๆส่งสัญญาณกัน นึกว่าเตือนให้ระมัดระวังคำพูดคำจาซึ่งกันและกันมิให้เกิดการประทุทางอารมณ์ขึ้นมาอีก

ฉันไม่คาดคั้นพวกเพื่อนๆในกลุ่มหรอกว่า พวกเขารู้วันเกิดได้อย่างไร แต่พอเดาได้... อาทิตย์ที่แล้วฉันได้เอาตัวอย่างบัตรอวยพร Hall Mark ซึ่งสะสมมาตั้งแต่วัยรุ่นให้คนรุ่นหลังๆได้ซาบซึ้งและเห็นพัฒนาการการดีไซน์การ์ด แม้ผ่านมือดีไซน์เนอร์หลากหลายจากรุ่นสู่รุ่น ก็ยังคงแนวความคิด แสนคลาสสิคดั้งเดิม
“ใส่ใจคนพิเศษ ด้วยสิ่งพิเศษสุด”(When you care enough to send the very best)

ทุกคนมีมารยาทพอที่จะไม่เปิดอ่านข้างในเนื่องด้วยมีข้อความส่วนตัวระหว่างผู้รับกับผู้ที่ส่งมา แต่คิดว่าต้องมีสักชั่วประเดี๋ยวเดียวที่ใครตาไวแอบเห็นวันเกิดฉันซึ่งเขียนไว้บนการ์ด

พงษ์เอากล้องดิจิตอลมาถ่ายพวกเราทั้งหมด แล้วให้ฉันดูรูปตัวเองในกล้องทันทีไม่ต้องลุ้น (แหม ไม่โรแมนติคเลย หน้าตาตัวเองก็แก๊แก่เมือเทียบกับคนแวดล้อม)

นอกเหนือจากถ่ายหมู่แล้ว ยังมีการถ่ายรูปคู่ด้วยกัน เด็กๆสอนเพื่อน ฮ นกฮูกหัดใช้กล้องดิจิตอลที่ง่ายแสนง่าย เพียงกดปุ่มอย่างเดียว

พงษ์รีบชิงถ่ายกับยาย นุ่มจึงต้องถ่ายกับกวินโดยปริยาย ฝ่ายชายแกล้งทำท่าหงอกลัวขณะถ่าย ฝ่ายหญิงชายตาไว้เชิงยังไม่ยอมโอนอ่อนเสียทีเดียว เจ้าของกล้องสัญญาจะส่งรูปไปให้ถึงหน้าจอคอมพิวเตอร์แต่ละคน

เราตัดเค้กแบ่งกันทาน เป็นเค้กวันเกิดที่อร่อยที่สุดชิ้นหนึ่งที่เคยได้ลิ้มรสมา

“ หม่าม้า นุ่มจะไม่ทำตัวเกะกะระรานเหมือนนิ่มในนิทานนกกางเขนแน่ๆ ”

เจ้าตัวแอบกระซิบก่อนงานเลี้ยงวันเกิดที่ไม่เป็นทางการสิ้น
สุดลง







โดย: กูรูขอบสนาม วันที่: 23 เมษายน 2551 เวลา:7:52:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รุ้งพลบ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ใช้ชีวิตแสวงหามาหลายปี ปัจจุบันก็ยังแสวงหาไม่รู้จักเสร็จ
บางอารมณ์เหนื่อยๆ ก็หยุดพัก แล้วตรองนิ่งเขียนบันทึกในสิ่งที่พบเห็น

บางอารมณ์ที่โมแรนติค ชอบดูสายรุ้งตอนโพล้เพล้
New Comments
[Add รุ้งพลบ's blog to your web]