13 เมษายน 2551
ตอนที่ 4 กลับสู่รังเรียน
โรงเรียน ฮ นกฮูก เรื่องราวของหม่าม้า ที่ร้างราตำราเรียนร่วม 30 ปี แล้วตัดสินใจกลับสู่ห้องเรียนใหม่ในวัย ฮ นกฮูก ตอนที่ 4 กลับสู่รังเรียน ไม่อ้าว...จะกลับบ้าน..น..น ฮือ ฮือ ไม่ป้าย..ย โรงเรียน กลัวครูตีเหมือนในทอระทัศน์ หม่าม้ามารับเร็วๆนะ ฮือ ฮือ. หลายคนคงจำบรรยากาศกระจองงอแงในวันเปิดเรียนวันแรกกันได้ดี แทบทุกที่จะโกลาหลวุ่นวายโดยเฉพาะโรงเรียนอนุบาล บรรดาเด็กๆจะตื่น..กลัว งุนงง แสดงอาการเหรอรา แปลกที่แปลกตา แม้บางคนจะเก่งเก็บสีหน้าไว้อยู่ เมื่อเห็นเด็กคนอื่นๆ ร้องโฮ โฮ ความเก่งก็เริ่มมลาย หน้าเริ่มแหย ปากเบะและร้องไห้ ดึงมือแม่ก้าวเดินออกจากสถานที่นั้น เปิดเทอมวันแรกจึงเป็นวันอลเวงทั้งสำหรับผู้ปกครอง คุณครูและเด็กนักเรียนตัวจิ๋วๆทั้งหลาย เปิดเทอมของฉัน แม้จะไม่มีเสียงร่ำไห้หวาดหวั่น แสดงอาการดิ้นทุรนทุราย แต่ในใจก็ขอยอมรับว่ามีอาการวิตกจริตไม่แพ้กัน คณะวิชาที่จะกลายเป็นรังเรียนแห่งใหม่ในช่วงระยะเวลาเกือบ 2 ปี แยกออกมาจากมหาวิทยาลัยเดิมมาตั้งเป็นแคมปัสต่างหากในอาคารออฟฟิคใหญ่แห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากใจกลางเมืองมากนัก บริเวณนี้มีอาคารออฟฟิคใหม่ๆหลายแห่ง รองรับการขยายตัวของเมืองออกไปรอบนอก ผู้เรียนถ้าไม่ได้ขับรถมาเองก็สามารถใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ หรือถ้าขยันหน่อยก็เดินจากสถานีรถไฟฟ้าห่างออกไปประมาณ 1 ก.ม. เหงื่อออกกำลังดีก่อนเข้าห้องเรียนเย็นๆ เป็นที่น่าสังเกตว่าหลักสูตรปริญญาโทหลายสถาบัน ล้วนแยกออกมาบริหารและเช่าพื้นที่ในออฟฟิคสำนักงานสมัยใหม่ทั้งสิ้น เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าคนทำงานละแวกนั้นๆ บนเส้นทางสัญจรที่สะดวกกว่า มหาวิทยาลัยใหญ่ระดับภูมิภาคบางแห่งถึงกับต้องเปิดสาขาในกรุงเทพสำหรับให้คนเมืองกรุงมาเรียนโดยไม่ต้องเดินทางไกลไปถึงต้นสังกัด ดูเหมือนใครๆก็ต้องการจะเรียนต่อด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าด้วยวัตถุประสงค์เพื่ออยากเรียนจริงๆหรือเพื่อยกระดับวุฒิ ขั้นและเงินเดือน พื้นที่ของรังเรียนใหม่ มีถึง 3 ชั้น เป็นส่วนห้องเรียน1 ½ ชั้น ที่เหลือเป็นสำนักบริหาร ห้องสมุด ห้องพักอาจารย์พิเศษ และห้องคอมพิวเตอร์ มองสภาพทั่วไป ก็ไม่ได้ตกแต่งเลิศหรูมากนัก มีวัสดุ อุปกรณ์มาตรฐานสำหรับใช้ในโรงเรียนตามสมควร ฉันเคยรับรู้จากคำบอกเล่าเพื่อนๆที่เรียนด้วยภายหลังว่า บางสถาบันใช้เงินตกแต่งห้องผู้บริหารราวกับห้องสวีทในโรงแรม ทำให้เกิดเสียงครหาว่า เอาเงินค่าเล่าเรียนของเด็กๆ มาปรนเปรอความสุขและสถานภาพของตัวเอง ขณะที่ห้องคอมพิวเตอร์ต้องขี่คอกันแย่งใช้เครื่อง ห้องสมุดก็มีแต่ตำราสมัยโบราณ วันแรกที่เข้าชั้นเรียน ฉันกะเวลาพลาดไปนิด เพราะไม่ได้ออกจากบ้านตอนเย็นๆโพล้เพล้มานาน คิดไม่ถึงว่าจะเจอสภาพรถติดขนาดหนัก ไม่ขยับเลย แถมฝนก็ตกอีกด้วย จากระยะทางไม่ถึงยี่สิบกิโลเมตร คำนวณเวลาสบายๆน่าจะอยู่ในภายหนึ่งชั่วโมง กลายเป็นชั่วโมงครึ่ง ไม่น่าประทับใจนักสำหรับวันเปิดเรียนวันแรก พอมาถึงสถานที่ก็หน้าตาเลิ่กลักถามไถ่พนักงานธุรการนั่งเคาน์เตอร์ว่าชั้นเรียนเริ่มหรือยัง โชคดีที่อาจารย์ผู้สอนยังมาไม่ถึงเช่นกัน ฉันรีบจ้ำอ้าวเข้าห้องอย่างรวดเร็ว ในชั้นเรียนมีชายหญิงรออยู่กลุ่มใหญ่พอสมควร
Create Date : 13 เมษายน 2551
7 comments
Last Update : 13 เมษายน 2551 20:34:11 น.
Counter : 433 Pageviews.
รุ้งพลบ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [? ]
ใช้ชีวิตแสวงหามาหลายปี ปัจจุบันก็ยังแสวงหาไม่รู้จักเสร็จ บางอารมณ์เหนื่อยๆ ก็หยุดพัก แล้วตรองนิ่งเขียนบันทึกในสิ่งที่พบเห็น บางอารมณ์ที่โมแรนติค ชอบดูสายรุ้งตอนโพล้เพล้
อีกครั้งที่อดอมยิ้มไม่ได้ วินาทีแรกที่เดินเข้าห้องเรียน วงสนทนาเงียบชะงัก พร้อมจับจ้องอิริยาบถของผู้หญิงวัยเดียวกับคุณแม่ที่บ้านซอยเท้าเข้ามาอย่างเร่งรีบ ซึ่งถ้าฉันเดินไปบริเวณโต๊ะสอน ก็จะเปลี่ยนสถานภาพทันที ฮึมม์...ยังไม่ถึงเวลาอันเหมาะอันควร เลยมองหาที่นั่งว่างแถวหน้า หย่อนตัวลง หันไปยิ้มเปิดใจกับพวกเขาก่อน
มาเป็นนักเรียนเหมือนกันค่ะ
เสียงแปลกใจพึมพำต่อเนื่อง เด็กสาวๆ 4-5 คนจับกลุ่มคุยเสียงดัง คงเป็นเพื่อนเก่าหรือไม่ก้อทำงานที่เดียว ชวนมาเรียนด้วยกันอีก ที่เหลือในห้องนั่งเงียบไว้เชิง กระทั่งอาจารย์ผู้สอนมาถึง พร้อมคำขอโทษที่มาล่าในชั่วโมงแรกของการเปิดหลักสูตร
อาจารย์มองหน้าฉันครู่ใหญ่ระหว่างแนะนำชื่อให้รู้จัก แม้จะได้รับการบอก กล่าวล่วงหน้าว่ามีนักเรียนอาวุโสอยู่ในชั้นด้วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะสูงวัยขนาดนี้กระมัง ดูท่าทีคงอึดอัดใจเล็กๆเหมือนมีผู้ใหญ่มาจับผิดการสอน แต่ผ่านไปสักสองสามครั้งก็น่าจะผ่อนคลายขึ้น
ชั้นเรียนเริ่มแล้ว ด้วยการร่ายยาวถึงหัวข้อวิชาที่จะต้องศึกษาทั้งหมด ความคาดหวังที่ผู้สอน - ผู้เรียนจะได้รับ การอ่านเอกสารและบทเรียนล่วงหน้า การบ้าน รายงานที่ต้องส่งทั้งในนามบุคคลและนามกลุ่ม
เพียงแค่อธิบายรายละเอียดของเนื้อหา หลายคนแอบถอนใจเบาๆ มองเห็นงานหนักลอยอยู่เบื้องหน้า แค่ออร์เดิร์ฟวิชาแรกเท่านั้นเองนะ
เนื่องจากเป็นภาคเรียนแรกของปีการศึกษา พวกเราทุกคนในชั้นต้องเรียนวิชาพื้นฐานเหมือนกันหมด ก่อนจะแยกย้ายไปเลือกเรียนวิชาเฉพาะของตัวเองในเทอมที่ 3 และเทอมต่อๆไป
นั่นหมายถึงอย่างน้อยอีก 2 เทอมที่เราจะเจอหน้าเดิมๆกันตลอด ฉะนั้น ระหว่างนี้ ทุกคนยังพอมีเวลาสำรวจชั่งใจดูความถนัดของตัวเอง และปรับตัวเข้ากับวิธีเรียน ตลอดจนเพื่อนร่วมกลุ่มที่สมัครใจเลือกกันเอง
ขอย้ำว่า กลุ่มเพื่อนเรียน เป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จเบื้องต้นของการเรียนปริญญาโทให้ตลอดรอดฝั่ง เพราะการบ้านส่วนใหญ่จะถูกมอบหมายให้ทำงานเป็นกลุ่มย่อย ถ้าได้กลุ่มที่ขยัน รับผิดชอบและขวนขวายก็โชคดีไป
ถ้าได้สมาชิกกลุ่มที่รักสบาย เรียนสบาย กินแรงคนอื่น ก็ต้องพยายามเปลี่ยนกลุ่มใหม่ให้ได้ เป็นเรื่องลำบากใจพอสมควร หากได้กลุ่มเพื่อนที่ไม่ลงตัว(ซะที)
เรื่องเพื่อนร่วมกลุ่มต่างวัยนี้ ฉันจะขอเล่ารายละเอียดในตอนถัดๆไป มีทั้งเรื่องรักโรมานซ์ ทะเลาะเล็กๆ ขัดแย้งหน่อยๆพอเป็นสีสัน