|
11 เมษายน 2551
|
|
|
|
ตอนที่ 3 ขยับปีกโผผิน
โรงเรียน ฮ นกฮูก เรื่องราวของหม่าม้า ที่ร้างราตำราเรียนร่วม 30 ปี แล้วตัดสินใจกลับสู่ห้องเรียนใหม่ในวัย ฮ นกฮูก
ตอนที่ 3 ขยับปีกโผผิน
แล้วฉันก็ได้รับการตอบรับกลับคืนสู่ห้องเรียนอีกครั้ง.... ในที่สุด ทั้งตื่นเต้น ดีใจ แกมวิตกนิดๆ ว่า จะไปตลอดรอดฝั่งหรือเปล่าหนอ เฮอ สอบติดก็กังวล สอบไม่ติดก็กังวล คนแก่นี่ขี้กังวลแบบนี้ทุกคน
ได้อยู่แล้วน่า หม่าม้าไม่เคยแพ้อะไรง่ายๆนี่ เสียงเชียร์ของปออ่อนทำให้หัวใจเบ่งบานนิดๆ
ตอนเด็กๆ ปออ่อนต้องส่งงานถักแทตติ้ง หม่าม้าอุตส่าห์ไปหาหนังสือต้นแบบแล้วลองถักตามจนด้ายหมดเป็นม้วนๆ แล้วค่อยมาสอนหนูไง
ฉันนึกถึงภาพในอดีต ที่ต้องช่วยลูกสาวส่งงานฝีมือเย็บปักถักลูกไม้ ร้อยมาลัยต่างๆ ทั้งที่ตัวเองไม่เคยชอบงานประดิดประดอยพวกนี้มาก่อน ดูเป็นงานของเหล่ากุลสตรีเสียจริงๆ ให้ฉันขุดดิน ฟันจอบจนเหงื่อออกยังสนุกเสียกว่า
มีเวลาเตรียมการอีกไม่มาก มีเรื่องส่วนตัวอีกพะเรอที่ต้องจัดการ ฉันบอกลามีตติ้งเพื่อนฝูงชั่วคราว ทุกคนล้วนอวยพรให้โชคดีพร้อมสำทับว่า สามารถกลับใจใหม่ได้ตลอดเวลา ฉันหัวเราะเบาๆกับความปรารถนาดีเหล่านั้น ดูเอาเถอะ จนถึงป่านนี้แล้ว พวกเขายังไม่เชื่อว่า ฉันอยากจะเรียนต่อจริงๆ ( บางคนยังหยอกแรงๆว่า ปีศาจหลงวัยตนเดิมยังสิงอยู่ในร่าง รอวันออกมา ฉันถึงจะกลับมาเป็นคนเดิม)
พอมีเวลาว่างชั่วครู่ ฉันนั่งครุ่นคิดว่าต้องเตรียมพร้อมอะไรบ้างสำหรับการเปลี่ยนแปลงสู่วิถีชีวิตใหม่ที่เปิดประตูควักมือรับ
ข้อแรก เงินทุน ฉันพอมีเงินเก็บส่วนตัวอยู่บ้างสำหรับค่าลงทะเบียนทั้ง 5 เทอมตลอดหลักสูตร รวมทั้งค่าตำราเรียน เอกสาร อุปกรณ์เครื่องเรียนและค่ารักษาสถานภาพนักศึกษา(ซึ่งจะคืนให้เมื่อเรียนจบ) รวมยอดทั้งหมดก็เกือบสองแสนบาท แบ่งจ่ายทีละเทอม อาจจะหนักสักหน่อยสำหรับคนที่ไม่มีรายได้ประจำหรือว่างงาน
พวกเราจะช่วยออกค่าเทอมให้ค่ะ หม่าม้าเก็บเงินไว้เถอะ เผื่อต้องใช้ยามฉุกเฉิน
ลินินเจ้ากี้เจ้าการชักชวน(แกมบังคับ)น้องอีก 2 คนให้เห็นดีเห็นงามร่วมขันกันออกทุนให้หม่าม้าเรียน เจ้าตัวทำงานในหน่วยงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งมีรายได้พอประมาณ จึงสามารถวางแผนบริหารการเงินส่วนตัวระยะยาวได้ดี
โบนัสของป่านก็พอโปะได้สักเทอมสองเทอมล่ะ
ลูกชายใจดียอมสละโบนัสให้ฉันล่วงหน้า ป่านดำทำงานในแวดวงไอทีซึ่งเป็นที่ต้องการของหน่วยงานทุกแห่ง งานหนัก เลิกดึก แต่จ่ายดีเมื่อเทียบกับเพื่อนฝูงที่จบสาขาอื่น
หนูจะช่วยออกด้วย เอาแตะเฮียสมัยที่ปะป๊า หม่าม้า อาม่า อากง ให้ รับรองอยู่ครบทุกบาท
ปออ่อนไม่ยอมน้อยหน้าพี่สาว พี่ชาย เพราะเพิ่งทำงานปีแรกจึงไม่มีเงินออมมากนัก ปออ่อนทำงานเป็นผู้ประสานงานในบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่ง เงินเดือนยังน้อยอยู่ ตามพี่ๆไม่ทัน แต่ด้วยนิสัยเก็บเงินเก่งอย่างนี้ อีกไม่กี่ปีคงแซงหน้าได้
ฉันมองดูลูกๆแต่ละคนอย่างซาบซึ้ง ครอบครัวเราเป็นคนชั้นกลาง ไม่ได้ร่ำรวยมากมายนัก แต่ทั้งสามีและฉันก็ทุ่มเทเรื่องการเรียนของลูกๆอย่างเต็มที่ เมื่อนึกถึงว่าพวกเขาจะต้องแข่งขัน ดิ้นรน ต่อสู้ เวียนวายตายเกิดในเมืองหลวง โดยที่พ่อแม่ไม่ได้วางหลักทรัพย์ หรือสะสมความมั่งคั่งไว้ให้ แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันไม่ลืมหยอดคำสอนลงไปเท่าที่ทำได้ก็คือ การมีน้ำใจกับคนอื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งยามที่เขาขัดสนจำเป็นจริงๆ
หม่าม้าขอบใจทุกคน แต่ไม่ต้องหรอก หม่าม้ามีเงินเก็บในธนาคารอยู่ก้อนหนึ่ง เบิกจ่ายค่าเทอมทีละงวด ก็ยังพอมีดอกเบี้ยเล็กๆน้อยๆหลงเหลือบ้าง ฉันไม่อยากจะเอาความมุ่งมั่นส่วนตัวไปเป็นภาระให้กับลูกๆ
เอาเป็นว่า หม่าม้าอาจจะต้องขอแรงพวกเราขับรถรับ-ส่งไปโรงเรียนหน่อยก็แล้วกัน บางวิชาต้องเรียนตอนเย็น กว่าจะเสร็จก็ดึก ปาไปเกือบ 4 ทุ่ม
ถ้าเป็นสมัยห้าหกปีก่อน ฉันยังคงขับรถไปไหนมาไหนเองได้อย่างปลอดโปร่ง หากเมื่อเริ่มวัยเกินห้าสิบ สายตาชักพร่ามัว โดยเฉพาะเมื่อต้องเพ่งถนนยามค่ำคืน คอยหลบหลีกการปาดซ้าย ขวา ของเหล่านักบิดและนักซิ่งทั้งหลาย เคยหวุดหวิดเกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง ทำให้ต้องหยุดกิจกรรมขับรถ กลายเป็นคุณนายมีคน(ลูก)ขับให้โดยปริยาย
ขาไปนั่งแท๊กซี่ได้ แต่ขากลับหม่าม้าไม่อยากกลับแท๊กซี่
แม้จะไม่ได้เรียกร้องเรื่องเงินค่าลงทะเบียนเรียนจากเด็กๆ พวกเขาสัญญาว่าจะนำซองเงินค่าขนมรวบรวมจากแต่ละคนมามอบให้ทุกสิ้นเดือน
Create Date : 11 เมษายน 2551 |
|
6 comments |
Last Update : 11 เมษายน 2551 10:45:13 น. |
Counter : 695 Pageviews. |
|
|
|
| |
โดย: นายแจม 11 เมษายน 2551 11:16:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: กูรูขอบสนาม IP: 124.121.99.111 12 เมษายน 2551 12:15:00 น. |
|
|
|
| |
|
|
รุ้งพลบ |
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]
|
ใช้ชีวิตแสวงหามาหลายปี ปัจจุบันก็ยังแสวงหาไม่รู้จักเสร็จ บางอารมณ์เหนื่อยๆ ก็หยุดพัก แล้วตรองนิ่งเขียนบันทึกในสิ่งที่พบเห็น
บางอารมณ์ที่โมแรนติค ชอบดูสายรุ้งตอนโพล้เพล้
|
|
|
จบเรื่องเงินๆทองๆ ทีนี้มาถึงการจัดสรรเวลาให้ครอบครัว ดูซิ เมื่อไม่กี่เดือนก่อน วันหนึ่งๆช่างมีเวลายาวเหยียด นึกอยากจะทำอะไร เมื่อไร ที่ไหน ไม่มีข้อติดขัด เข็มนาฬิกาก็ดูเป็นมิตร ไม่เคยเร่งหรือบ่นอิดออด หากฉันผิดเวลา
เหลือบดูตารางเรียนของเทอมแรก มีเรียนตอนเย็น 2 วัน และวันเสาร์ ทั้งวัน ในฐานะนักเรียนเต็มเวลา (เพราะไม่ได้ทำงานอย่างอื่น) ฉันคงต้องจัดตารางชีวิตประจำวันให้สอดคล้องกับโลกใบใหม่ ถึงจะอยู่บ้านช่วงกลางวันเหมือนเดิม แต่ก็คงใช้โมงยามหมดไปกับการอ่านหนังสือ ค้นคว้าวิชาการ ทำรายงานและการบ้าน เหมือนอย่างที่เคยเห็นลินินหมกมุ่นสมัยเรียนปริญญาโทจนหน้าสาวน้อยลงไปชั่วระยะ
บ้านจะรก ฝุ่นจะเขลอะไปหน่อย ก็ไม่เป็นไรมั้ง
เรามองพื้นที่รอบๆบ้าน ซึ่งสะอาดสะอ้านเพราะปัดกวาดประจำ ที่บ้านเราเลี้ยงเจ้าเหมียวไว้ในบ้าน จึงต้องหมั่นเช็ดถูบ่อยๆ มิฉะนั้นขนแมวจะปลิวฟุ้งเกาะติดเก้าอี้ เบาะและเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ
เรางดรับแขกและเพื่อนฝูงสัก 2 ปีแล้วกัน
ป่านดำเสนอความเห็น แต่น้องสาวคัดค้าน เพราะเจ้าตัวมีเพื่อนมาหาบ่อยตามประสาเด็กสาวๆ ลินินจัดแจงเตรียมแบ่งหน้าที่ทำงานบ้านของแต่ละคน เฉพาะช่วงหยุดเสาร์ อาทิตย์
โอโฮ งานเยอะขนาดนี้ หม่าม้าเคยทำคนเดียวได้อย่างไร ทุกวันๆ
ป่านดำร้องอุบเมื่อถูกมอบหมายให้เช็ดกระจก ขัดมุ้งลวด กวาดหยักใย่บนเพดาน และตัดต้นไม้รอบบริเวณบ้าน ขณะที่ลินินจะดูแลเรื่องการซัก-รีดผ้า กวาดถู ทำความสะอาดบ้าน - ห้องครัว ปออ่อนขอช่วยทั่วไปและดูแลเจ้าเหมียวเป็นพิเศษ
หม่าม้าจะทำแกงเป็นหม้อๆไว้ หิวเมื่อไหร่ก็ตักแบ่งมาอุ่นแล้วกัน
ทำอย่างกับครอบครัวเราอยู่เมืองฝรั่งอย่างนั้นแหละ ปรุงกับข้าวกินทีเป็นหม้อใหญ่ๆใส่ในตู้เย็นตุนได้เป็นอาทิตย์ เสียรสชาติหน่อย ไม่เป็นไร นี่เป็นวิธีเดียวที่ทุกคนกลับบ้านมามีข้าวกินอิ่มแน่นอน หลังจากที่ฉันฟังลินินเตรียมจะจ้างบริการปิ่นโตแถวบ้านส่งเฉพาะมื้อเย็น ป่านดำจะซื้อบะหมี่สำเร็จรูปและอาหารแช่แข็งมาตุนไว้ ส่วนปออ่อนมองหาเมนูสารพัดจากไข่ ไข่เจียว ไข่ดาว ไข่ต้ม
ไข่ตุ๋น ฉันคงเป็นหม่าม้าที่ใช้ไม่ได้ ถ้าปล่อยให้ลูกๆกินอาหารตามยถากรรมโดยข้ออ้างเพียงว่าไม่มีเวลา
วันอาทิตย์ซึ่งเคยเป็นวันสบายๆของแม่ลูก 4 คน ก็จะกลายเป็นวันที่เผื่อไว้สำหรับติวทบทวนความรู้อีกต่างหาก เพราะโดนขู่ไว้นักหนาว่าเรียนหนัก ในเมื่อไม่มีพื้นฐานหรือประสบการณ์มาก่อน ฉันต้องพยายามมากกว่าคนอื่นสองเท่า ถ้าไม่อยากเป็นตัวถ่วงของชั้นเรียนซึ่งมีแต่คนหนุ่มสาว
ฉันขอเวลาลูกๆแค่ 2 ปีเท่านั้น หลังจากนั้นเราก็จะกลับมาเป็นครอบครัวสุขสันต์ตามเดิม