|
9 เมษายน 2551
|
|
|
|
ตอนที่ 2 สอดส่ายหารังใหม่
โรงเรียน ฮ นกฮูก เรื่องราวของหม่าม้า ที่ร้างราตำราเรียนร่วม 30 ปี แล้วตัดสินใจกลับสู่ห้องเรียนใหม่ในวัย ฮ นกฮูก
ตอนที่ 2 สอดส่ายหารังใหม่ ตะเบบูย่าทิ้งกลีบดอกสีชมพูอ่อนโรยทั่วพื้นถนนหน้าบ้าน ละลิ่ว ซ้ายที..ขวาทีเหมือนเริงร่ายตามจังหวะลม กลีบเบาบางสีชมพูอ่อนใสชวนให้นึกแก้มระเรื่อของเด็กทารกที่นุ่มนิ่มละเอียดเบาบางไม่แพ้กัน ถ้าเป็นช่วงเวลาที่ฉันว่างจากภารกิจงานบ้าน ก็มักจะทอด สายตามองฉากระบำดอกไม้อย่างรื่นรมย์ ( แล้วก็ต้องลุกไปกวาดถนนก่อนกลีบดอกจะร่วงรกเต็มไปหมด) ฉันมักจะเฝ้ามองธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงผ่านต้นไม้ ใบหญ้า เช่น ตะเบบูย่าจะทิ้งดอกเหมือนร่ำลาสายลมหนาว ดอกคูณหรือชาวบ้านรู้จักกันในชื่อดอกลมแล้ง ชูช่อเหลืองละออกลางมีนาคมตามด้วยหางนกยูงแดงเพลิงทั้งต้นต้อนรับเด็กๆเปิดเทอม ส่วนหน้าฝนต้นไม้เล็กใหญ่จะสงวนดอกขออวดแต่ใบเขียวๆ จนถึงหน้าหนาวอีกครั้งค่อยผลิแต้มแปลงโฉมใหม่ ฉันมองความเปลี่ยนแปลงของพรรณพฤกษ์เหล่านี้ด้วยใจที่รื่นรมย์ จนลูกๆตั้งฉายาหม่าม้าของเขาเป็น ผู้เฝ้าฤดูกาล
ทว่า...นับจากนี้ ตั้งแต่เริ่มตัดสินใจจะกลับไปเป็นนักเรียนใหม่ ซึ่งต้องจัดสรรเวลาให้เข้มงวดขึ้น ไม่สามารถจะเอ้อระเหยปล่อยความคิดลอยละล่องไปมาเหมือนก่อนได้อีกแล้ว
เมื่อตั้งเข็มทิศว่าจะเรียนต่อด้านธุรกิจ ลำดับต่อมาที่ฉันต้องสืบเสาะค้นหาก็คือ จะมีสถาบันไหนบ้างที่เปิดโอกาสให้คนวัย ฮ นกฮูก ซึ่งไม่มีประสบการณ์ด้านธุรกิจเลยเข้าเรียนได้บ้าง คำตอบที่ได้มาก็คือ แทบไม่มี หากไม่ไปเรียนร่วมกับเด็กๆหน้าอ่อนที่เพิ่งจบปริญญาตรีมาหยกๆ
หม่าม้าเรียนโปรแกรม Executive มั๊ยละคะ เรียนกับพวกคนทำงาน เป็นผู้ใหญ่ๆหน่อย จะได้คุยภาษาเดียวกัน
ลินินเปิดหลักสูตรต่างๆที่กองอยู่เบื้องหน้า ดูรายละเอียดของแต่ละมหาวิทยาลัย ทั้งรัฐและเอกชนมีชื่อ
หม่าม้ากลัวจะเรียนไม่ทันพวกเขานะสิ ทุกคนจะมีพื้นฐานการทำงานอยู่แล้ว คุยไม่เท่าไรก็กลมกลืนกันได้ เราจะกลายเป็นตัวถ่วงของชั้น
นี่คือข้อกริ่งเกรงที่ฉันกังวล จริงอยู่ การเรียนร่วมกับวัยเดียวกันอาจจะลดความเคอะเขินลงได้บ้าง แต่ประสบ การณ์ ความสำเร็จที่ต่างกัน ยิ่งเพิ่มความประหม่าและกระดากอายสำหรับคนที่ไม่มีเรื่องเล่าโอ้อวดในชีวิตอย่างฉัน เออ...ถ้ามีใครอยากรู้ว่าปลูกพริกปลูกกะเพราให้ปลอดแมลงทำอย่างไร ต้นตำลึงมีทั้งตัวผู้และตัวเมีย ดูต่างกันอย่างไร หรือปลาจาระเม็ดขาวนึ่งกินอร่อยกว่าจาระเม็ดดำซึ่งเหมาะเอาไปทอด อย่างนี้ค่อยมีเรื่องให้เล่าหน่อย
เขาคุยฟุ้งถึง Einstein เราได้แต่ส่ายหน้ากังวัลใจ I worry ฉันเล่นคำพ้องแต่เปรียบนัยให้ลูกสาวฟังชัดเจน
หม่าม้าจะทนพวกเด็กๆได้เหรอคะ กระวี๊ดกระว๊าด ชิ้ทแช้ทกันทั้งวัน ลูกสาวไม่คลายห่วง ความจริงลินินก็เลยวัยสาวรุ่นมาไม่เท่าไหร่ แต่เพราะความเป็นพี่สาวคนโตจึงทำตัวเป็นผู้ใหญ่เกินอายุ จนน้องๆอดค่อนไม่ได้ว่าเป็น แม่แก่ ประจำบ้านอีกคน
ได้ซิ ทนพวกเรามาตั้งกี่ปีแล้วล่ะ จะทนอีกสักปีสองปี เป็นไรไป
สองแม่ลูกช่วยกันค้นหารังเรียนใหม่สักพักใหญ่ ล้วนเจอข้อจำกัดสารพัดไปหมด เช่นอายุต้องไม่เกิน 35 ปี พื้นฐานปริญญาตรีด้านบัญชี ธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ วิศวกรรมหรือสายวิทยาศาสตร์อื่นๆ ประสบการณ์อย่างน้อย 3-5 ปี ตำแหน่งงานที่ดำรงอยู่ต้องเป็นผู้จัดการระดับกลางขึ้นไป ค่าเล่าเรียนที่แพงลิบจากหนึ่งแสนจนถึงเกือบหกเจ็ดแสนแล้วแต่โปรแกรม
อันนี้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเมืองนอก มีโปรเฟสเซอร์บินมาสอน จ่ายแพงหน่อยค่ะ
อันนี้รับแต่ผู้บริหารทำงาน 10 ปีขึ้นไป สอบสัมภาษณ์อย่างเดียว
โอ้โฮ โปรแกรมสำหรับผู้ต้องการจะเป็น CEO ในอนาคต สงสัยอีกหน่อยต้องมีโปรแกรมประธานบริษัท
อันนี้ยากหน่อยต้องสอบทั้ง G-Math ภาษาอังกฤษและความรู้ทางธุรกิจ
หม่าม้าต้องไปสอบ โทเฟล ให้ผ่าน 550 เพราะเป็นโปรแกรมอินเตอร์
สนใจอันนี้มั้ยคะ ทั้งชั้นเรียนรับไม่อั้น ฟังเลคเชอร์รวม สอบครั้งเดียวปลายเทอมแถมมีทริปต่างประเทศด้วย
หรือจะเรียนโปรแกรมหลักสูตร 2 ภาษา เรียนเมืองไทย 1 ปี แล้วไปออสเตรเลียอีก 1 เทอม
แต่ข้อกำหนดไหนก็ไม่ตลกคันๆเท่ากับข้อนี้
หม่าม้าต้องมีจดหมายแนะนำจากอาจารย์เก่าด้วย 3 คน
โอ้โฮ... ป่านนี้อาจารย์ที่เคยสอนจะกระจัดกระจายไปอยู่ไหนแล้วบ้างหนอ พวกท่านจะยังจดจำลูกศิษย์รายนี้ได้หรือ แล้วจะให้ท่านเขียนแนะนำอะไรได้เล่า เพราะพวกเราเรียนแต่เรื่องภาษา กาพย์ กลอน ปรัชญาและจินตนาการทั้งสิ้น
Create Date : 09 เมษายน 2551 |
|
4 comments |
Last Update : 9 เมษายน 2551 22:26:32 น. |
Counter : 477 Pageviews. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 10 เมษายน 2551 0:48:30 น. |
|
|
|
| |
|
|
รุ้งพลบ |
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]
|
ใช้ชีวิตแสวงหามาหลายปี ปัจจุบันก็ยังแสวงหาไม่รู้จักเสร็จ บางอารมณ์เหนื่อยๆ ก็หยุดพัก แล้วตรองนิ่งเขียนบันทึกในสิ่งที่พบเห็น
บางอารมณ์ที่โมแรนติค ชอบดูสายรุ้งตอนโพล้เพล้
|
|
|
หลังจากสาละวนหาข้อมูลหมดไปเป็นอาทิตย์ ในที่สุดพวกเรา ฉันและลูกๆก็ตกลงใจได้ว่าจะหารังเรียนที่ไหนดี เป็นคณะวิชาที่แยกตัวออกมาจากมหาวิทยาลัยเดิม เพื่อเปิดสอนหลักสูตรบริหารธุรกิจโดยเฉพาะ ตัวสถานที่ตั้งเป็นแคมปัสในตึกออฟฟิค ปะปนกับหน่วยงานเอกชนทั่วไป ค่อนข้างจะเปิดกว้างเรื่องอายุผู้สมัคร พื้นฐานปริญญาตรีจากสาขาไหนก็ได้ อีกทั้งไม่ได้ระบุว่าต้องมีประสบการณ์มาก่อน มีการสอบข้อเขียนและสัมภาษณ์ตามปกติ โดยสอบประมาณต้นเมษายน เปิดเรียนรุ่นใหม่มิถุนายนนี้
นั่นหมายถึงฉันมีเวลาเพียง 2 เดือนนับแต่นี้สำหรับเตรียมตัวดูหนังสือเพื่อสอบ ฉุกละหุกและกระทันหันพอสมควร
นึกถึงวันที่ไปขอใบสมัครและเข้าร่วมฟังการเปิดโรงเรียนบรรยายหลักสูตร (Open House) ให้บุคคลผู้สนใจ ฉันอดหัวเราะกับตัวเองไม่ได้ ใครๆก็คิดว่าฉันมารับฟังแทนลูกๆ ตามประสาแม่ที่ดีที่ใกล้ชิด ห่วงใย อยากปูทางอนาคตของพวกเขา ต่อเมื่อฉันเริ่มซักรายละเอียดจุกจิกมากขึ้นจนเจ้าหน้าที่ต้องเอ่ยปากตัดบทอย่างเสียมิได้
ให้น้องที่จะมาเรียนเข้าฟังอีกครั้งก็ได้นะคะ อาทิตย์หน้าก็จัดอีกวัน คุณป้าจะได้ไม่ต้องกังวลว่าถ่ายทอดไม่หมด
ระหว่างที่ฉันชั่งใจว่า จะบอกความจริงเธอดีหรือไม่ เจ้าหน้าที่คนเดิมก็หันไปอธิบายกับผู้เข้าฟังบรรยาย 2 แม่ลูกรายใหม่และรายอื่นๆ ฉันบอกตัวเอง ไม่เป็นไร...คงต้องเจอเหตุการณ์ทำนองนี้อีกเยอะ
ฉันกรอกใบสมัคร ระบุอายุลงไปชัดๆ แล้วส่งให้เจ้าหน้าที่รับสมัคร เธอมองอย่างไม่ค่อยแน่ใจว่า ฉันนี่หรือคือผู้สมัครเรียนที่นี่ต่อเมื่อได้รับคำตอบยืนกรานว่า เธอเข้าใจถูกแล้ว จึงไม่มีบทสนทนาต่อแต่อย่างใด นอกจากคำตอบสั้นๆว่า
ทางโรงเรียนจะติดต่อไปนะคะ ถ้ามีปัญหาอะไร
ฉันรอการติดต่อจากมหาวิทยาลัยอยู่นาน ก็ไม่มีใครโทรศัพท์หรือแจ้งจดหมายปฏิเสธมา จนกระทั่งได้รับเอกสารแจ้งกำหนดการสอบข้อเขียนเบื้องต้น แสดงว่า อย่างน้อยทางมหาวิทยาลัยก็ให้โอกาส ฮ นกฮูกตัวนี้เข้าไปสอบ
แหม ก้อหม่าม้าก็เสียค่าสมัครไปแล้ว เขาคงใจดีให้ไปทดสอบเคาะสมองเสียหน่อย ป่านดำพูด ไม่รู้ว่าเข้าข้างใคร
หม่าม้าไม่รับโทรศัพท์นะจ๊ะ บอกไปว่ากำลังอ่านหนังสือสอบอยู่
ฉันตะโกนบอกลูกๆเผื่อมีพรรคพวกคนไหนมาชวนออกไปสังสันทน์ตามภาษาคนว่างงาน บนโต๊ะทำงานมีแต่กองหนังสือเก็งข้อสอบสำหรับสอบเข้าระดับปริญญาโทเต็มไปหมด
ฉันพลิกดูแต่ละเล่มหนาๆแล้วต้องถอนใจยาว ยกเว้นภาษาอังกฤษแล้ว ความรู้เก่าสมัยเรียนมัธยมแทบจะใช้ไม่ได้เลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาที่เกี่ยวกับตัวเลขซึ่งฉันเคยทำหยิ่ง ยะโส ไม่ขอข้องเกี่ยวใดๆทั้งสิ้น ถึงตอนนี้ได้แต่ส่งสายตาอ้อนวอนขอคืนดีอย่างวาดหวัง ตัวเลขสวยๆจ๋า คงใจดีให้ฉันมีโอกาสรู้จักเธอมากกว่านี้ได้มั๊ย..... เชอะ...เจ้าตัวเลขได้ที สะบัดหน้าใส่เหมือนโลกนี้ไม่ต้องแคร์คนสมองตื้ออย่างยัยคนนี้อีกแล้ว