<<
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
14 พฤษภาคม 2551

ตอนที่ 9 เฮือกแรก... ผ่านพ้น

โรงเรียน ฮ นกฮูก
เรื่องราวของหม่าม้า ที่ร้างราตำราเรียนร่วม 30 ปี แล้วตัดสินใจกลับสู่ห้องเรียนใหม่ในวัย ฮ นกฮูก


ตอนที่ 9 เฮือกแรก...ผ่านพ้น

รายงานฉบับล่าสุดที่ฉันมีส่วนออกความคิดเห็นมากกว่าครั้งไหนๆ ก็ได้กลายเป็นของขวัญวันเกิดที่ทำให้ฉันปลื้มเพราะได้คะแนนกลุ่มสูงสุดในชั้น
อีกทั้งได้รับเกียรติให้นำเสนอหน้าห้อง มีกวินช่วยเสริมสีสันการเล่าเรื่อง อย่างสนุกสนานถึงบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ถ่ายภาพเก่าแก่กับก้าวที่พลาดเพราะไม่ปรับตัวทันเทคโนโลยีสมัยใหม่ กว่าจะรู้ตัวก็ถูกคู่แข่งที่เติบโตจากอุตสาหกรรมดิจิตอลกวาดลูกค้าไปหมดแล้ว

“ คงเป็นเพราะเรื่องราวเข้าใจง่าย หม่าม้าเลย “in” กว่าเคสอื่น” ฉันเริ่มใช้ศัพท์วัยรุ่น ออกจะตะขิดตะขวงใจอยู่บ้างเหมือนกัน ทว่าอยู่ในกลุ่มเด็กๆเลยไม่เขิน

“ หม่าม้าไม่ใช่พวก Hi-So เป็นพวก Ro-So ไม่ใช่ Lo-So นะ” กวินรัวลิ้น ออกเสียงชัดๆ เมื่อฉันขอให้เขาพูดซ้ำอีกครั้ง

“ ก้อพวก Romance Society ไง กลุ่มคนวัย ฮ นกฮูกที่ยังมีความทรงจำแสนหวานในอดีตให้รำลึกถึงเสมอ”

แล้วกวินก็จาระไนต่อถึงพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้ ซึ่งเขาเจอบ่อยมากเพราะมีลูกค้าสูงวัยใช้บริการที่ห้องค้าหลักทรัพย์ที่ตัวเองทำงานอยู่ทุกวัน

“ ว่างๆก็ชอบเล่าเรื่องอดีตสมัยสาวๆให้ฟังอยู่เรื่อย พวก Nostalgia เดี๋ยวก็ชวนกันไปฟังคอนเสิร์ตประมาณแอนดี้ วิลเลียม แฟรงค์ ซิเนตร้า หยุดหลายวันก็ชวนไปเที่ยวหัวหิน นอนโรงแรมรถไฟ เนี่ยจะรวมกลุ่มกันเรียนเต้นรำตอนเย็นหลังห้องค้าปิด”

“ แล้วพี่วิน ไม่เฉาหูแย่หรือ” ยายกระเซ้า

“ ไม่หรอก ฟังๆแล้วก็สนุกดี เหมือนได้เดินทางกลับอดีตไปกับพวกป้าๆน้าๆ”

กวินเป็นคนรุ่นใหม่น้อยคนนักที่เข้าใจและมีโอกาสโอภาปราศรัยอย่างถูกอารมณ์กับผู้คนต่างวัย อันเนื่องมาจากลักษณะงานบริการของเขานั่นเอง นี่คงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขามีความระรื่นสดใสติดตัว ทิ้งความขุ่นข้องหมองใจได้ง่าย พร้อมจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ทั้งนุ่มและกวินน่าจะได้ปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว กวินคงเป็นฝายขอโทษนุ่มก่อนอย่างไม่มีชั้นเชิง ส่วนนุ่ม...แน่นอน ต้องยังไว้มาดนิดๆก่อนให้อภัย

หมดฤดูรายงานแล้ว ก็ต้องหันมาทบทวนตำราเรียนเพื่อเตรียมสอบปลายภาคอย่างขะมักเขม้น แต่ละกลุ่มจะนัดวันติววิชาและเก็งข้อสอบกัน ใครเก่งวิชาไหนก็จะเป็นคนนำ พร้อมเปิดกว้างให้คนนอกกลุ่มร่วมฟังได้
ฮ นกฮูกคนเดียวของชั้นเลยได้รับอานิสงค์ไปด้วย ตารางติวเต็มเหยียดทั้งอาทิตย์ แต่ไปๆมาๆเนื้อหาที่ติวชักกระจาย ดูจะไม่จบ ฉันเลยกลับมาจำกัดอยู่แค่กลุ่มย่อยของพวกเราตามเดิม มีนุ่ม พงษ์และกวิน สลับเปลี่ยนกันเป็นติวเตอร์ใหญ่

“หม่าม้า ลงทะเบียนล่วงหน้าหรือยังคะ”

ยายถามเย็นวันหนึ่งที่เรานัดมาติวกัน ขณะที่รอสมาชิกที่เหลือมาสมทบ กองเอกสาร ตำราวางเต็มโต๊ะ

“ ยังไม่ได้ดูละเอียดเลย หมดเขตลงทะเบียนล่วงหน้าเมื่อไหร่ล่ะ”
ฉันมัวแต่ใจจดจ่อกับวิชาเรียนที่ต้องสอบเร็ววันนี้มากกว่า

“ศุกร์หน้าค่ะ คราวนี้ ต้องลงวิชาการเงินพื้นฐานด้วย”

คนพูดทำหน้าแหยๆ ราวกับหยั่งรู้อนาคตของภาคการศึกษาต่อไป ฉันเองก็หวั่นสะพรั่นพึงไม่น้อยไปกว่ายาย แม้จะเข้าชั้นเรียนติวพิเศษเฉพาะวันอาทิตย์ แต่ผลออกมาก็ยังไม่ค่อยน่าพอใจนัก สมองขี้เลื่อยเรื้อมานานเต็มทีแล้วกับตัวเลข

“ เพี้ยง ขอให้พวกเราเกาะกลุ่มกันตามเดิมเถอะ ยายจะได้พึ่งใบบุญของพี่พงษ์กับพี่วิน”

ยายไม่สนิทพอที่จะขอความช่วยเหลือส่วนตัวจากนุ่มนัก บุคลิกที่แตกต่างและอายุที่ห่างกันของทั้งสองสาว ก็เป็นเหตุให้ฝ่ายที่อ่อนวัยกว่ากล้าๆกลัวๆในการเข้าหา นี่ อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่กวินไม่ยอมทิ้งกลุ่ม

“ขืนหนีเอาตัวรอดไปคนเดียว เธอโดนข่มแน่ๆเลย ยาย ” กวินกระซิบบอกสาวน้อยสุดของกลุ่ม




Create Date : 14 พฤษภาคม 2551
Last Update : 14 พฤษภาคม 2551 20:15:46 น. 3 comments
Counter : 772 Pageviews.  

 

ฉันสลัดความกังวลเรื่องลงทะเบียนล่วงหน้าไว้ชั่วคราว ไว้สอบเสร็จ สมองโล่งๆค่อยกลับมาคิด ระหว่างนี้ก็หัดฝึกขีดๆเขียนๆคำตอบไว้ก่อน เพราะรู้อยู่แล้วว่าจะต้องตอบเป็นความเรียงอธิบาย มีหัวข้อเน้นย้ำ ตามด้วยเหตุผลสนับสนุน จบท้ายด้วยบทสรุป ที่กระชับและหนักแน่น ไม่ใช่สไตล์การเขียนนิยายหรือเรียงความเหมือนสมัยที่เรียนเมื่อสามสิบปีก่อน ฉันพยายามหาตัวอย่างการเขียนบทความเรียงเชิงธุรกิจจากนิตยสารหลายฉบับ แล้วลองเริ่มต้นเขียนในแบบฉบับของตัวเองบ้าง เอาให้ลูกๆอ่าน

“ นึกว่า อ่านนิยายสืบสวนธุรกิจเสียอีก “ป่านดำอ่านไป หัวเราะไป

“ หม่าม้าเขียนได้ดีแล้ว อ่านแล้วสนุก ไม่เหมือนบทความซีเรียสๆ ที่เห็นทั่วไป” ปออ่อนช่างเจรจาเอาใจผู้เป็นแม่เสมอ

“ ลองตัดพวกคำพรรณนาออก แล้วใส่พวกชาร์ท โครงสร้าง ผังกราฟฟิค ต่างๆอาจจะช่วยให้เข้าใจได้เร็วขึ้น”

ลินินทำงานเป็นวิทยากรประจำหน่วยที่สังกัด มักจะเคยชินกับการใช้ภาพโมเดลต่างๆอธิบายเนื้องานเสมอ
3 คน 3 ความเห็น ฉันรับคำวิจารณ์ของลูกสาวคนโตมาประยุกต์บ้างแต่พองาม เพราะตัวเองก็ไม่ได้เก่งกาจเรื่องการสร้างชาร์ทหรือผังกราฟฟิค การมีโครงสร้างหรือโมเดลต่างๆก็เพื่อให้จดจำและเข้าใจง่ายโดยไม่ต้องมีคำบรรยายมากนัก แต่ก็อดไม่ได้ที่ต้องเขียนสาธยายเพิ่มลงไปด้วยเกรงว่าตัวเองจะลืม เลยทำให้เนื้อหาขยายเทอะทะแทนที่จะกระชับรวบยอด

แล้วที่สุดพวกเราก็ผ่านพ้นการสอบปลายภาค ฉันนั่งเขียนคำตอบจนหมดเวลา 3 ชั่วโมงทุกวิชา บางวิชาอาจารย์กรุณาให้เกินเวลาอีกเล็กน้อย เพื่อนบางคนส่งคำตอบภายในชั่วโมงครึ่ง เดินตัวปลิวออกจากห้องไป ไม่ทราบว่าทำได้อย่างไร พลอยให้พวกที่เพิ่งลงมือเขียนคำตอบใจเสียไปตามๆกัน ฉันและนุ่มส่งคำตอบเป็นคนสุดท้ายตลอด

“ หม่าม้าเขียนอะไรเยอะแยะ” กวินถาม ขณะที่ฉันสะบัดมือคลายเมื่อย

“ หม่าม้าคิดไม่เร็วอย่างเราเนี่ย กว่าจะเริ่มเขียนคำตอบข้อแรก ก็ปาเข้าไปเกือบครึ่งชั่วโมงแรก”

ฉันยอมเสียเวลาร่างโครงสร้างคำตอบสักครู่ ให้รู้ว่าเริ่มต้นและจบอย่างไร ดีกว่าจะเขียนเรื่อยเปื่อย จบไม่ลง ถามเพื่อนคนอื่นๆ มีเพียงนุ่มเท่านั้นที่วางแผนแบบเดียวกัน สงสัยเราสองคนจะหัวโบราณกว่าใครๆ

สงสัยฉันจะเป็นพวก Nostalgia อย่างที่กวินกล่าวไว้จริงๆนั่นแหละ มีข้อสอบอยู่ข้อหนึ่งของวิชาพื้นฐานธุรกิจที่ถามถึงวีธีสร้างสัมพันธภาพระหว่างบริษัทกับลูกค้า พร้อมยกตัวอย่างในอดีตที่ประสบความสำเร็จมาให้ดู ฉันนั่งคิดอยู่นาน ในวัยที่ผ่านปฎิทินชีวิตมากว่าครึ่งศตวรรษแล้ว

แน่นอนล่ะ ได้พบเรื่องราวต่างๆมากมาย แต่มีความทรงจำในวัยเด็กที่ฉันประทับใจจนอยากจะแบ่งปันให้อาจารย์ผู้สอนรับรู้ด้วยนั่นก็คือ ความสัมพันธ์ดีๆเกี่ยวกับรถเมล์ประจำทาง


โดย: กูรูขอบสนาม วันที่: 14 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:05:54 น.  

 

ย้อนไปหลายสิบปี เมื่อยังเป็นเด็กนักเรียนผูกคอซองอยู่ ฉันเป็นลูกค้าประจำของรถเมล์สีขาว ซึ่งแล่นผ่านหน้าบ้านไปไหนต่อไหนเป็นยานพาหนะสาธารณะเดียวที่รู้จักและใช้บริการ

ยังจำเครื่องแบบสีขาวของกระเป๋ารถเมล์ - คนขับสะอาดสะอ้าน (แม้ดูใกล้ๆก็เห็นรอยขะมุกขะมอมบ้างเหมือนกัน) ทุกครั้งที่ขึ้นรถเมล์ ด้วยความเป็นเด็กนักเรียนตัวเปี๊ยก บรรดากระเป๋ารถจะเอ็นดูเป็นพิเศษ โดยหาที่นั่งให้ คงเวทนาที่เห็นพวกเราแบกกระเป๋าหนักอึ้ง ตัวโยกเยกไปมาหรือบางครั้งก็ถลาเซเมื่อรถเบรคกะทันหัน

ไม่ใช่เอื้อเฟื้อต่อเด็กเล็กๆเท่านั้น คนแก่ก็ได้รับการดูแลใส่ใจเช่นกัน ด้วยกิริยามารยาทที่สุภาพ ขับรถเรียบร้อย (จอดทุกป้าย) หลายๆคนที่รู้จักล้วนชื่นชม นิยมใช้บริการรถเมล์ขาวทั้งนั้น ผิดกับรถเมล์สายสีส้มหรือสีเขียวของคู่แข่ง ซึ่งขับค่อนข้างโลดโผน กระเป๋ารถก็ดูจะเป็นนักเลงจนน่ากลัว ในความรู้สึกของเด็กๆอย่างพวกเรา

นอกจากบริการที่สุภาพแล้ว รถเมล์ขาวยังสร้างสัมพันธภาพที่แน่นแฟ้นไปอีกด้วยคูปองส่วนลดสำหรับเด็กนักเรียนในราคาพิเศษ

ก่อนเปิดเทอมทุกภาคเรียน ฉันและเพื่อนๆจะต้องไปซื้อเล่มคูปองรถเมล์ราคาเด็กนักเรียนที่ออฟฟิศ ต้นสังกัดซึ่งอยู่แถวประตูน้ำ (ปัจจุบันถูกรื้อทิ้งสร้างศูนย์การค้าไปเรียบร้อยแล้ว)ซื้อทีหนึ่งหลายๆเล่มแบ่งกันระหว่างพี่ๆน้องๆ ช่วยประหยัดเงินผู้ปกครองได้โขทีเดียว แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เกิดความประทับใจผูกพันใช้บริการต่อเนื่องได้อย่างไร

มีครั้งเดียวที่บริษัทรถเมล์ขาวสไตร์คหยุดเดินรถ ทำให้ปั่นป่วนไปหมด นั่นก็คือ เกิดเหตุการณ์ นักเรียนอาชีวะเทคนิคทะเลาะกับกระเป๋ารถเมล์ถึงขั้นลงไม้ลงมือทำร้ายกัน ทำให้บรรดาคนขับรถประท้วงไม่ยอมรับนักเรียนเทคนิคขึ้นรถ ขยายวงถึงไม่ยอมออกรถวิ่งบริการทั้งวัน พร้อมประกาศให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบกับการกระทำครั้งนี้ด้วย หลังจากนั้น สองสามวัน บริษัทต้นสังกัดก็จัดการให้เดินรถได้ตามปกติ

น่าเสียดายที่รถเมล์ขาวถูกยกเลิกกิจการต่อมา ในสมัยรัฐบาลชุดหลัง ไปรวมอยู่ในโครงการรถเมล์ขนส่งมวลชนของกรุงเทพฯ สังกัดหน่วยงานรัฐบาล ภาพสุดท้ายของเหล่ากระเป๋ารถเมล์ชุดขาวที่โบกมือลาผู้โดยสารยังกระจ่างชัดอยู่ในความทรงจำ

ไม่ทราบว่าคำตอบของฉันจะตอบโจทย์ข้อสอบหรือไม่ หลังจากออกห้องสอบมา ทุกคนต่างถามว่าใครยกตัวอย่างอะไรกันบ้าง คำตอบเซ็งแซ่ล้วนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บริการปัจจุบันทั้งสิ้น ไม่ว่าเป็นบัตรเครดิต ร้านสุกี้ยากี เครื่องสำอางค์ ร้านหนังสือ เป็นต้น ถึงคราวของฉันบ้าง เพื่อนต่ำกว่าวัยถึงกับวงแตก หน้าเหรอหรา เพราะนึกภาพไม่ออก

“ โอ้โฮ คนเลยหลักสี่ไปทางดอนเมือง จวนเจียนเข้าเขตรังสิตนี่ มีเรื่องเล่าโหยหาอดีตลึกซึ้ง”

กวินแสร้งทำหน้าเคร่งขรึม ก่อนจะทะเล้นใส่ประโยคต่อมาตามประสา “แต่ไม่รู้ว่าอาจารย์คนตรวจข้อสอบเกิดทันหรือเปล่าเนี่ย เดี๋ยวนึกว่าหม่าม้าฝันเฟื่องไปคนเดียว"

“กลับไปถามหม่าม้า ปะป๊า ที่บ้านดูแล้วกันจ้ะ” ฉันอมยิ้มบอกเด็กๆไป



โดย: กูรูขอบสนาม วันที่: 14 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:07:28 น.  

 

แล้วโรงเรียนก็ปิดภาคลง หยุดการสอน 2 อาทิตย์ ปล่อยให้พวกเราได้คอยลุ้นคะแนน และเตรียมลงทะเบียนในเทอมใหม่ หากวิชาไหนสอบไม่ผ่านก็ต้องลงเรียนซ้ำ

ฉันเก็บเอกสารประกอบการเรียนมาจัดเรียงใหม่ในแต่ละวิชา นึกถึงชั่วโมงแรกๆที่เฉิ่มช้าต้องคอยถามคำบรรยายของอาจารย์ซ้ำตอนพักทานของว่าง ส่วนใหญ่ทุกท่านจะยินดีให้ความกระจ่างอีกครั้ง คงสงสารแกมสมเพชลูกศิษย์ ฮ นกฮูกคนนี้ที่มาเรียนโดดเดี่ยว เอกา

“ อ่านเยอะๆ ถ้าคุณไม่เคยมีประสบการณ์หรือพื้นฐานมาก่อน”

นี่คือคำแนะนำที่ไม่เคยล้าสมัยจากอาจารย์ผู้สอนแทบทุกท่าน หยุดเรียน 2 อาทิตย์ รอบตัวฉันจึงมีแต่หนังสือที่ขอยืมมาจากห้องสมุด กะจะอ่านให้ฉ่ำใจ เพราะระหว่างที่เรียนพวกเราไม่มีเวลาพลิกดูหนังสืออื่นเลย

“ฝากหม่าม้าอ่านแล้วสรุปให้พวกเราฟังตอนเปิดเทอมแล้วกัน”

เฮียใหญ่ของกลุ่มไม่วายฝากการบ้านประจำกลุ่มก่อนปิดภาค ทั้งพงษ์และนุ่ม ดูสบายใจขึ้นเมื่อสอบเทอมแรกเสร็จ การไม่ได้เจอหน้ากันสักพักหนึ่งช่วยผ่อนคลาย เปลี่ยนบรรยากาศ หันไปทุ่มเทกับงานประจำได้เต็มมือ

เมื่อได้รับมอบหมายหน้าที่มีหรือที่ ฮ นกฮูกอย่างฉันจะเมินเฉย ให้เสียหน้าเด็กๆ รายชื่อหนังสือแนะนำอยู่ในมือ ทั้งที่เป็นความเรียง และทฤษฎีนิพนธ์ของกูรูทั้งหลาย ( คนในกลุ่มแผลงเรียก กูรู้ คนเดียว ) บางเล่มก็อ่านเข้าใจง่าย เขียนเป็นนิทาน มีการ์ตูนประกอบด้วย เช่น Who Moved My Cheese ของ MD Spencer Johnson เกี่ยวกับเรื่องของมนุษย์แคระที่คร่ำครวญถึงชีส อาหารสุดโปรดว่าหายไปไหน

บางเล่มเขียนเป็นฉากละครสั้นๆ มีตัวละครดำเนินเรื่อง เช่น บรรดาซีรีส์ 1 Minute Manager ทั้งหลายของ Ph.D. Kenneth Blanchard, MD Spencer Johnson บางเล่มเปิดแค่บทแรกก็ต้องวางลงเพราะปัญญาไม่ถึง โดยเฉพาะกูรูที่ชอบนำเสนอทฤษฎีหนักๆของตัวเองผ่านโมเดลทางคณิตศาสตร์ตัวเลขซับซ้อน สันนิษฐานได้เลยว่าต้องจบการศึกษาเบื้องต้นด้วยปริญญาด้านคณิตศาสตร์ สถิติหรือไม่ก็เศรษฐมิติแน่ๆ และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

ฉะนั้นเพื่อไม่ให้ตัวเองเบื่อหน่ายเสียก่อน เลยขอเลือกกูรูที่นำเสนอความคิดเห็นในรูปแบบความเรียงสละสลวย เหมือนอ่านวรรณคดีหรือชีวประวัติส่วนตัว เช่น การเสนอมิติแห่งการเปลี่ยนแปลง ( Paradigm Change)ของ Charles Handy* ผ่านผลงานพ็อตเก็ตบุ๊ค อ่านระรื่นหู สำนวน(แสนจะ)อังกฤษแท้ๆ ใน The Age of Unreason, The Age of Paradox, The Empty Raincoat, The Elephant and The Fleaฯลฯ

พื้นฐานของผู้เขียนมาจากมนุษยศาสตร์ จึงมีมุมมองค่อยข้างเปิดกว้างต่อกระแสทัศน์ต่างๆ ไม่น่าเชื่อว่า เขาเคยมารับตำแหน่งผู้บริหารในบริษัทน้ำมันแห่งหนึ่งแถวๆบ้านเรานี้เอง จึงเข้าใจวิถีความคิดของชาวเอเชียพอสมควร ตลอด 2 สัปดาห์ที่หัวสมองว่างๆ ฉันเลยอัดเต็มความรู้ มุมมองจากสาระของหนังสือเหล่านี้

เพื่อนๆในชั้นโทรศัพท์ถามไถ่คะแนนวิชาต่างๆที่เริ่มทะยอยประกาศออกมา บางวิชา อาจารย์ตรวจไม่ทันก็คงจะประกาศตอนเปิดเทอม กระนั้นก็ตาม ฉันชิงให้คะแนนตัวเองล่วงหน้าแล้วด้วยเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดส่วนตัว

1. ความกระตือรือร้น ได้ A ยังสนุกกับการได้กลับเข้าเรียนในสาขาใหม่ๆ มีโอกาสรื้อฟื้นสมองอีกครั้ง (ข้อนี้ ให้กำลังใจตัวเองหน่อย คงไม่ว่ากัน)

2. ความใส่ใจและตั้งใจ ได้ B บางวิชาก็ตั้งใจดี บางวิชาเกๆหน่อยเพราะซับซ้อนเกินกว่าสมองสาวน้อย(ลงทุกวัน)ตามทัน

3. ความเข้าใจในเนื้อหาและสามารถถ่ายทอด ได้ C ค่ะ อันเป็นผลสืบเนื่องจากข้อที่ผ่านมา

4. การร่วมงานกับกลุ่ม ได้ B- เพราะเกรงว่าวัยจะเป็นอุปสรรคถ่วงกลุ่ม พูดอะไรออกไปก็กลัวปล่อยไก่ตัวเบ้อเร้อ เพิ่งมาปรับปรุงได้ช่วงหลังๆ เพราะแรงกระตุ้นจากเพื่อนๆที่ยอมรับความเชยเบอะของ ฮ นกฮูกตัวนี้ได้

5. การวิเคราะห์และริเริ่มเสนอแนะ C- ไปเลย ยังต้องเพิ่มเติม ฝึกฝนและศึกษาอีกขนานใหญ่

เฉลี่ยแล้ว เทอมแรกของนักเรียนวัย ฮ นกฮูก คนนี้เพียงแค่สอบผ่าน ยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่สบอารมณ์และอยากจะผลักดันตัวเองให้ดีกว่านี้

ฟ้าทะมึนมืดแต่บ่าย เมื่อฉันเก็บเอกสารแผ่นสุดท้ายมีตัวหนังสือเขียนโยงไปมาเต็มหน้ากระดาษ มองออกไปข้างนอก ฝนคงจะ ตกในไม่ช้า คอยชะความร้อนอ้าวไปได้อีกวัน เจ้าเหมียวแมวที่เลี้ยงไว้รีบวิ่งเข้ามาร้องออดอ้อนในบ้าน ก่อนละอองฝนจะเปียกถูก เป็นเย็นวันแรกในชีวิตหลังจากกลับสู่ห้องเรียน ที่ฉันได้นั่งสบายๆมองดูสายฝนทางยาวหล่นกระทบใบไม้เขียววามวาว



* Charles Handy นักปราชญ์ธุรกิจชาวไอริช ( 1932- ) เชี่ยวชาญพิเศษในเรื่อง พฤติกรรมองค์กรและการบริหาร จัดการ แนวความคิดที่สร้างชื่อเสียงแก่เขาคือ Shamrock Organization ว่าด้วยการแบ่งกลุ่มคนทำงานในองค์กรเป็น 3 ชั้นเช่นเดียวกับใบ Shamrockที่มีโครงสร้างใบ 3 แฉก คือ หน่วยทำงานหลัก (Core Unit) หน่วยทำงานครึ่งเวลา( Part-Time workers)และหน่วยทำงานจ้างอิสระ(Outsourcing)เพื่อให้องค์กรกระชับ มีประสิทธิภาพและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้เร็ว






โดย: กูรูขอบสนาม วันที่: 14 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:09:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รุ้งพลบ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ใช้ชีวิตแสวงหามาหลายปี ปัจจุบันก็ยังแสวงหาไม่รู้จักเสร็จ
บางอารมณ์เหนื่อยๆ ก็หยุดพัก แล้วตรองนิ่งเขียนบันทึกในสิ่งที่พบเห็น

บางอารมณ์ที่โมแรนติค ชอบดูสายรุ้งตอนโพล้เพล้
New Comments
[Add รุ้งพลบ's blog to your web]