|
18 เมษายน 2551
|
|
|
|
ตอนที่ 7 รังกระเจิง
โรงเรียน ฮ นกฮูก เรื่องราวของหม่าม้า ที่ร้างราตำราเรียนร่วม 30 ปี แล้วตัดสินใจกลับสู่ห้องเรียนใหม่ในวัย ฮ นกฮูก
ตอนที่ 7 รังกระเจิง
ท่านผู้อ่านหลายท่านที่อยู่ในวัย ฮ นกฮูกเช่นเดียวกับฉัน คงจำนิทานสั้นๆอ่านประกอบสมัยเรียนประถมเรื่อง นกกางเขน*ได้ เรื่องราวของพ่อนก-แม่นกกางเขนที่ต่างสูญเสียสมาชิกที่ตนรักไปทั้งคู่ ได้มาเจอกันในเช้าวันอากาศแจ่มใส แล้วเริ่มต้นสร้างครอบครัวเล็กๆใหม่ มีลูกๆเป็นกำลังใจ 4 ตัว คือ นิ่ม นิด หน่อยและน้อย
นิ่มเป็นพี่คนโต ดื้อรั้น ชอบถือตัวเป็นใหญ่ รังแกน้องๆจนต้องถูกทำโทษเนืองๆ ส่วนนิดและหน่อยเป็นพี่น้องคู่กลางที่รักใคร่ คอยป้องกันไม่ให้นิ่มระรานน้องๆ ภายหลังทั้งคู่ถูกมนุษย์จับและตรอมใจตายไป คงเหลือแต่นิ่มกับน้อยน้องนกตัวสุดท้อง
นกกางเขนเป็นหนังสือที่คลาสสิค ของวงการกรรณกรรมหนังสือเด็กที่สอนให้รู้จักความรัก อดทนและให้อภัยซึ่งกันของสมาชิกในรังน้อยๆที่ถือกำเนิดมา ฉันไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสพลิกจับหนังสือนิทานเล่มดังกล่าวอีก หลังจากผ่านพ้นกาลเวลามาถึงขณะนี้
หลังจากคืนนั้น คืนที่งานกลุ่มผิดพลาด ไม่สามารถนำเสนอได้อย่างสมบูรณ์ ทุกคนกลับบ้านด้วยใจโหวงเหวง ทั้งผิดหวังและเสียใจ อยากจะตำหนิกล่าวโทษกวิน แต่เมื่อเห็นสีหน้าต้นเรื่องยอมรับผิดเต็มที่ ก็ได้แต่ปลอบใจไม่ให้คิดมาก
ไม่เป็นไร วิน พรุ่งนี้แก้ตัวใหม่ พงษ์ทำหน้าที่พี่ใหญ่ได้อย่างเหมาะสม
คราวหลัง มีปัญหาอะไร รีบกริ๊งกร๊างมาบอกเลย อย่าเก็บไว้จวนตัวคนเดียว
วันรุ่งขึ้น ขณะที่ฉันกำลังจิบกาแฟครุ่นคิด ตามองนกกระจิบ 2-3 ตัวที่มาเกาะล้อบนกิ่งไม้ข้างรั้ว ใจก็นึกว่าจะเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้นุ่มฟังอย่างไร จึงจะ ไม่ทำให้หนุ่มน้อยในกลุ่มถูกตำหนิมากไปกว่านี้ ก็ได้รับเสียงทักทายจากเธอตั้งแต่เช้าตรู่ ไม่น่าจะเป็นเช้าที่สวยงามสำหรับเธอเท่าไหร่
เมื่อคืนโทรไปหาทุกคน ทำไมปิดโทรศัพท์กันหมดเลยล่ะคะ หรือว่าหมดแรงกันแล้ว
อ๋อ คุยรายงานค้างกันอยู่น่ะจ้ะ...คืออย่างนี้นะนุ่ม ใจเย็นๆนะ หม่าม้าจะเล่าให้ฟัง....
ฉันค่อยๆลำดับเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง โดยไม่ทิ้งน้ำหนักกล่าวโทษกวินมากนัก อีกฝ่ายนิ่งเงียบไปนาน จนคนฟังอึดอัดใจ แล้วก็ได้เสียงเรียบๆของเธอตอบมาว่า
นุ่มบอกแต่แรกแล้ว ใช่มั๊ย ไม่มีใครฟัง หม่าม้าไม่เชื่อ พงษ์ไม่เชื่อ
เรื่องมันผ่านไปแล้วน่ะ กวินก็เสียใจนะ เขาก็รู้ตัวว่าผิด
ผิดก็ผิดไปคนเดียวซิ นี่ลากทั้งกลุ่มผิดไปด้วยได้อย่างไร จู่ๆก็ให้อาจารย์มาว่าพวกเราสมองทึบ ไม่มีปัญญาทำรายงานดีๆส่ง
แต่เรายังมีโอกาสส่งรายงานใหม่ ถึงจะโดนหักคะแนนไปบ้าง ก็ยังดี
หม่าม้าน่ะ แก้ตัวให้กวินอีกล่ะซิ มีอะไรดีนักหนานะ นายคนนี้
ฉันฝากคำขอโทษและอาการเสียใจของกวินต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เล่าซ้ำอีกครั้ง เสียเวลาไปหลายนาทีก็ยอม เพื่อให้นุ่มเข้าใจ แต่ดูเหมือนจะไร้ผล เมื่อเธอตอบกลับ
เย็นนี้ นุ่มไม่ว่างนะคะ ขอโทษที
นักบัญชีสาวกล่าวสวัสดีก่อนวางหู แม้เจ้าตัวจะย้ำว่าไม่ว่าง แต่เชื่อได้เลยว่า นุ่มต้องไปแน่ๆและไปถึงก่อนใคร จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างนุ่มกับกวิน ซึ่งจะต้องเห็นการกระทบกระทั่งกันจะจะ
ฉันโทรศัพท์ปรึกษาพงษ์ ผู้ชายอาจจะเข้าใจผู้(ค่อน)ชายได้ดี โทรครั้งแรกติดประชุม โทรครั้งที่สองถึงได้เจอเจ้าตัว
หม่าม้าว่า ให้กวินส่งแต่งานมาก็ได้ ไม่ต้องมาประชุมหรอก
ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมว่าเจอกัน คุยเปิดใจกันให้จบๆดีกว่า พงษ์แก้ปัญหาแบบผู้ชายแท้ๆ ด้วยวิธีการพูดเปิดอกให้เรื่องยุติลง
แต่นุ่มเขาโกรธมากนะ งอนหม่าม้าด้วย หาว่าเข้าข้างอีกฝ่าย ฉันอดฟ้องไม่ได้ พงษ์หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
ปล่อยเขาไปเถอะครับ หม่าม้าก็รู้ เขาเป็นคนคาดหวังอะไรสูง ทุกอย่างต้องดีพร้อมไปหมด
*นกกางเขน เรียบเรียงโดย หลวงกีรติวิทโยสาร (กี่ กีรติวิทโยสาร) และ นายอร่าม สิทธิสาริบุตร กระทรวงศึกษาธิการ เคยกำหนดเป็นหนังสืออ่าน สำหรับเด็ก เมื่อปี พ.ศ. 2482 และใช้เป็นหนังสืออ่านเพิ่มเติม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 หลักสูตรประโยคประถมศึกษา ตอนต้น พ.ศ. 2503 ปัจจุบันหลักสูตร ดังกล่าวได้เลิกใช้แล้ว
Create Date : 18 เมษายน 2551 |
|
5 comments |
Last Update : 18 เมษายน 2551 20:19:59 น. |
Counter : 1699 Pageviews. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 21 เมษายน 2551 15:02:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: กูรูขอบสนาม IP: 124.121.100.120 21 เมษายน 2551 18:36:53 น. |
|
|
|
| |
|
|
รุ้งพลบ |
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]
|
ใช้ชีวิตแสวงหามาหลายปี ปัจจุบันก็ยังแสวงหาไม่รู้จักเสร็จ บางอารมณ์เหนื่อยๆ ก็หยุดพัก แล้วตรองนิ่งเขียนบันทึกในสิ่งที่พบเห็น
บางอารมณ์ที่โมแรนติค ชอบดูสายรุ้งตอนโพล้เพล้
|
|
|
แล้วนุ่มก็มาถึงที่นัดหมายก่อนใครในกลุ่ม นั่งรอหน้านิ่วในห้องคอมพิวเตอร์ สายตาหมางเมินไม่เป็นมิตรเหมือนเคย ฉันมาทีหลังแกล้งพูดไถลเสียงทีเล่นทีจริง
ไหนบอกว่า ไม่ว่างไงจ๊ะ
ร้อนใจมากกว่าค่ะ ก็เลยต้องทำตัวให้ว่าง เสียงตอบแข็ง รู้สึกได้เลยว่าเจ้าตัวยังไม่หายโกรธ
ในไม่ช้าพวกเราที่เหลือก็มากันครบ นุ่มพลิกดูเนื้อหารายงานที่ส่งไปแล้วถูกตีกลับ สีหน้าเรียบเฉย ไม่ยอมมองหน้าหนุ่มหล่อประจำกลุ่ม ทำให้กวินเก้อนิดๆ เมื่อพยายามจะอธิบายต้นสายปลายเหตุให้ฟัง เขากางกระดาษที่เขียนด้วยลายมือหวัดๆให้ดูโครงวิเคราะห์คร่าวๆที่เตรียมไว้ในสมอง โบรกเกอร์หนุ่มทำการบ้านดีมาพอสมควรสำหรับเหตุการณ์วิกฤตที่เพิ่งผ่านเพียงข้ามคืน
จะเริ่มที่สภาพของตลาดทุนไทยในฐานะดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจภาคการเงิน ต่อด้วยปัญหาและวิกฤตที่เกิดขึ้นปัจจุบัน แนวทางป้องกันแก้ไข จบด้วยอนาคตของตลาดทุนไทยที่ควรจะเป็น
เออ..ไปค้นเจอบทความน่าสนใจอันหนึ่งเรื่องการฟื้นฟูบริษัทเมื่อเจอวิกฤต พงษ์พลิกแฟ้มดึงเอกสารออกมาชุดหนึ่ง
เปรียบวิธีการเยียวยาบริษัทเหมือนกับหมอในสมรภูมิรบที่รักษาเหล่าทหาร เรียกวิธีนี้ว่า Triage (อ่าน ทริอาจ) ในภาวะที่หยูกยาเวชภัณฑ์มีจำกัด ต้องเลือกใช้ให้ถูกเป้าจริงๆ
แล้วพงษ์ก็อธิบายต่อถึงวิธีการของ Triage ก็ตือ แบ่งคนไข้ทหารในสนามรบออกมเป็น 3 ระดับ
ระดับแรก เจ็บป่วยไม่มาก หัวแตก แผลถลอก ใส่ยานิดหน่อย นั่งพักให้หายงงออกไปรบต่อ
ระดับที่สอง อาการหนักหน่อย อาจต้องผ่าตัด พักฟื้นนาน แต่มีโอกาสหาย หรือถ้าไม่หายก็ยังสามารถทำงานประเภทอื่นได้ ใช้เครื่องมือและบุคคลากรที่มีอยู่รักษาให้หายเต็มที่
ระดับที่สาม หมดหวัง ไม่เห็นอนาคต ต้องปล่อยให้เป็นไปตามสังขาร ไม่สมควรเอาเวชภัณฑ์ซึ่งยังมีประโยชน์ต่อคนเป็นอื่นๆมาใช้
โหดจังเลยนะ ฉันเปรยเบาๆ
ทีนี้เอามาเปรียบกับการฟื้นฟูบริษัทบ้าง พงษ์กล่าวต่อ
ระดับแรก อัดฉีดเงินหรือสภาพคล่องเข้าไปหน่อย บริษัทก็พอจะประคองตัวกลับขึ้นมาใหม่ได้ ระดับที่สองอาจต้องผ่าตัดองค์กรภายในเอาเนื้อร้ายออก หรือตัดขายให้คนอื่นๆ เหลือเฉพาะธุรกิจหลัก เติมสภาพคล่องเข้าไปให้ทำงานได้ ส่วนระดับที่สาม โคม่า อย่าเสียเวลาหรือทรัพยากรต่อไป ต้องปิดหรือเลิกกิจการไปเลย
กวินผงกหัวฟังอย่างตั้งใจจนจบ มีรอยยิ้มแรกผุดออกมาบนใบหน้าที่เหนื่อยล้า
โอ้โฮ เฮียพงษ์ ยอดเยี่ยมไปเลย ผมนึกทั้งคืนก็นึกไม่ออกจะเอาเนื้อหาส่วนไหนมาเติมอีก
ส่งช้าหน่อย แต่มีประเด็นใหม่มาเสนอ พอชดเชยได้หรอกน่า เอ้า..ลุยกันดีกว่า
โอ้โฮ จะเสร็จทันคืนนี้หรือ พี่พงษ์ ยายร้องเสียงดัง หน้าแหยหน่อยๆ
ทันอยู่แล้ว เดี๋ยวแยกย้ายไปทำคนละหัวข้อ แล้วมาสรุปตบท้ายกัน พงษ์รีบตัดบท เพราะเห็นนุ่มเริ่มจะแยกเขี้ยวใส่กวิน ไม่พอยังค้อนควับยายด้วยโดยไม่รู้สาเหตุ