เมษายน 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
18 เมษายน 2551

ตอนที่ 7 รังกระเจิง

โรงเรียน ฮ นกฮูก
เรื่องราวของหม่าม้า ที่ร้างราตำราเรียนร่วม 30 ปี แล้วตัดสินใจกลับสู่ห้องเรียนใหม่ในวัย ฮ นกฮูก




ตอนที่ 7 รังกระเจิง

ท่านผู้อ่านหลายท่านที่อยู่ในวัย ฮ นกฮูกเช่นเดียวกับฉัน
คงจำนิทานสั้นๆอ่านประกอบสมัยเรียนประถมเรื่อง “นกกางเขน”*ได้
เรื่องราวของพ่อนก-แม่นกกางเขนที่ต่างสูญเสียสมาชิกที่ตนรักไปทั้งคู่
ได้มาเจอกันในเช้าวันอากาศแจ่มใส แล้วเริ่มต้นสร้างครอบครัวเล็กๆใหม่ มีลูกๆเป็นกำลังใจ 4 ตัว คือ นิ่ม นิด หน่อยและน้อย

นิ่มเป็นพี่คนโต ดื้อรั้น ชอบถือตัวเป็นใหญ่ รังแกน้องๆจนต้องถูกทำโทษเนืองๆ ส่วนนิดและหน่อยเป็นพี่น้องคู่กลางที่รักใคร่ คอยป้องกันไม่ให้นิ่มระรานน้องๆ ภายหลังทั้งคู่ถูกมนุษย์จับและตรอมใจตายไป คงเหลือแต่นิ่มกับน้อยน้องนกตัวสุดท้อง

“นกกางเขน”เป็นหนังสือที่คลาสสิค ของวงการกรรณกรรมหนังสือเด็กที่สอนให้รู้จักความรัก อดทนและให้อภัยซึ่งกันของสมาชิกในรังน้อยๆที่ถือกำเนิดมา

ฉันไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสพลิกจับหนังสือนิทานเล่มดังกล่าวอีก หลังจากผ่านพ้นกาลเวลามาถึงขณะนี้

หลังจากคืนนั้น คืนที่งานกลุ่มผิดพลาด ไม่สามารถนำเสนอได้อย่างสมบูรณ์ ทุกคนกลับบ้านด้วยใจโหวงเหวง ทั้งผิดหวังและเสียใจ อยากจะตำหนิกล่าวโทษกวิน แต่เมื่อเห็นสีหน้าต้นเรื่องยอมรับผิดเต็มที่ ก็ได้แต่ปลอบใจไม่ให้คิดมาก

“ไม่เป็นไร วิน พรุ่งนี้แก้ตัวใหม่” พงษ์ทำหน้าที่พี่ใหญ่ได้อย่างเหมาะสม

“คราวหลัง มีปัญหาอะไร รีบกริ๊งกร๊างมาบอกเลย อย่าเก็บไว้จวนตัวคนเดียว”

วันรุ่งขึ้น ขณะที่ฉันกำลังจิบกาแฟครุ่นคิด ตามองนกกระจิบ 2-3 ตัวที่มาเกาะล้อบนกิ่งไม้ข้างรั้ว ใจก็นึกว่าจะเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้นุ่มฟังอย่างไร จึงจะ ไม่ทำให้หนุ่มน้อยในกลุ่มถูกตำหนิมากไปกว่านี้ ก็ได้รับเสียงทักทายจากเธอตั้งแต่เช้าตรู่ ไม่น่าจะเป็นเช้าที่สวยงามสำหรับเธอเท่าไหร่

“ เมื่อคืนโทรไปหาทุกคน ทำไมปิดโทรศัพท์กันหมดเลยล่ะคะ หรือว่าหมดแรงกันแล้ว”

“ อ๋อ คุยรายงานค้างกันอยู่น่ะจ้ะ...คืออย่างนี้นะนุ่ม ใจเย็นๆนะ หม่าม้าจะเล่าให้ฟัง....”

ฉันค่อยๆลำดับเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง โดยไม่ทิ้งน้ำหนักกล่าวโทษกวินมากนัก อีกฝ่ายนิ่งเงียบไปนาน จนคนฟังอึดอัดใจ แล้วก็ได้เสียงเรียบๆของเธอตอบมาว่า

“นุ่มบอกแต่แรกแล้ว ใช่มั๊ย ไม่มีใครฟัง หม่าม้าไม่เชื่อ พงษ์ไม่เชื่อ”

“เรื่องมันผ่านไปแล้วน่ะ กวินก็เสียใจนะ เขาก็รู้ตัวว่าผิด”

“ ผิดก็ผิดไปคนเดียวซิ นี่ลากทั้งกลุ่มผิดไปด้วยได้อย่างไร จู่ๆก็ให้อาจารย์มาว่าพวกเราสมองทึบ ไม่มีปัญญาทำรายงานดีๆส่ง”

“แต่เรายังมีโอกาสส่งรายงานใหม่ ถึงจะโดนหักคะแนนไปบ้าง ก็ยังดี”

“หม่าม้าน่ะ แก้ตัวให้กวินอีกล่ะซิ มีอะไรดีนักหนานะ นายคนนี้ ”

ฉันฝากคำขอโทษและอาการเสียใจของกวินต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เล่าซ้ำอีกครั้ง เสียเวลาไปหลายนาทีก็ยอม เพื่อให้นุ่มเข้าใจ แต่ดูเหมือนจะไร้ผล เมื่อเธอตอบกลับ

“เย็นนี้ นุ่มไม่ว่างนะคะ ขอโทษที”

นักบัญชีสาวกล่าวสวัสดีก่อนวางหู แม้เจ้าตัวจะย้ำว่าไม่ว่าง แต่เชื่อได้เลยว่า นุ่มต้องไปแน่ๆและไปถึงก่อนใคร จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างนุ่มกับกวิน ซึ่งจะต้องเห็นการกระทบกระทั่งกันจะจะ

ฉันโทรศัพท์ปรึกษาพงษ์ ผู้ชายอาจจะเข้าใจผู้(ค่อน)ชายได้ดี โทรครั้งแรกติดประชุม โทรครั้งที่สองถึงได้เจอเจ้าตัว

“หม่าม้าว่า ให้กวินส่งแต่งานมาก็ได้ ไม่ต้องมาประชุมหรอก ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมว่าเจอกัน คุยเปิดใจกันให้จบๆดีกว่า” พงษ์แก้ปัญหาแบบผู้ชายแท้ๆ ด้วยวิธีการพูดเปิดอกให้เรื่องยุติลง

“ แต่นุ่มเขาโกรธมากนะ งอนหม่าม้าด้วย หาว่าเข้าข้างอีกฝ่าย” ฉันอดฟ้องไม่ได้ พงษ์หัวเราะอย่างอารมณ์ดี

“ปล่อยเขาไปเถอะครับ หม่าม้าก็รู้ เขาเป็นคนคาดหวังอะไรสูง ทุกอย่างต้องดีพร้อมไปหมด”


*นกกางเขน เรียบเรียงโดย หลวงกีรติวิทโยสาร (กี่ กีรติวิทโยสาร) และ นายอร่าม สิทธิสาริบุตร กระทรวงศึกษาธิการ เคยกำหนดเป็นหนังสืออ่าน สำหรับเด็ก เมื่อปี พ.ศ. 2482 และใช้เป็นหนังสืออ่านเพิ่มเติม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 หลักสูตรประโยคประถมศึกษา ตอนต้น พ.ศ. 2503 ปัจจุบันหลักสูตร ดังกล่าวได้เลิกใช้แล้ว




 

Create Date : 18 เมษายน 2551
5 comments
Last Update : 18 เมษายน 2551 20:19:59 น.
Counter : 1699 Pageviews.

 


แล้วนุ่มก็มาถึงที่นัดหมายก่อนใครในกลุ่ม นั่งรอหน้านิ่วในห้องคอมพิวเตอร์ สายตาหมางเมินไม่เป็นมิตรเหมือนเคย ฉันมาทีหลังแกล้งพูดไถลเสียงทีเล่นทีจริง

“ไหนบอกว่า ไม่ว่างไงจ๊ะ”

“ร้อนใจมากกว่าค่ะ ก็เลยต้องทำตัวให้ว่าง ” เสียงตอบแข็ง รู้สึกได้เลยว่าเจ้าตัวยังไม่หายโกรธ

ในไม่ช้าพวกเราที่เหลือก็มากันครบ นุ่มพลิกดูเนื้อหารายงานที่ส่งไปแล้วถูกตีกลับ สีหน้าเรียบเฉย ไม่ยอมมองหน้าหนุ่มหล่อประจำกลุ่ม ทำให้กวินเก้อนิดๆ เมื่อพยายามจะอธิบายต้นสายปลายเหตุให้ฟัง เขากางกระดาษที่เขียนด้วยลายมือหวัดๆให้ดูโครงวิเคราะห์คร่าวๆที่เตรียมไว้ในสมอง โบรกเกอร์หนุ่มทำการบ้านดีมาพอสมควรสำหรับเหตุการณ์วิกฤตที่เพิ่งผ่านเพียงข้ามคืน

“ จะเริ่มที่สภาพของตลาดทุนไทยในฐานะดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจภาคการเงิน ต่อด้วยปัญหาและวิกฤตที่เกิดขึ้นปัจจุบัน แนวทางป้องกันแก้ไข จบด้วยอนาคตของตลาดทุนไทยที่ควรจะเป็น”

“ เออ..ไปค้นเจอบทความน่าสนใจอันหนึ่งเรื่องการฟื้นฟูบริษัทเมื่อเจอวิกฤต” พงษ์พลิกแฟ้มดึงเอกสารออกมาชุดหนึ่ง

“ เปรียบวิธีการเยียวยาบริษัทเหมือนกับหมอในสมรภูมิรบที่รักษาเหล่าทหาร เรียกวิธีนี้ว่า Triage (อ่าน ทริอาจ) ในภาวะที่หยูกยาเวชภัณฑ์มีจำกัด ต้องเลือกใช้ให้ถูกเป้าจริงๆ”

แล้วพงษ์ก็อธิบายต่อถึงวิธีการของ Triage ก็ตือ แบ่งคนไข้ทหารในสนามรบออกมเป็น 3 ระดับ

ระดับแรก เจ็บป่วยไม่มาก หัวแตก แผลถลอก ใส่ยานิดหน่อย นั่งพักให้หายงงออกไปรบต่อ

ระดับที่สอง อาการหนักหน่อย อาจต้องผ่าตัด พักฟื้นนาน แต่มีโอกาสหาย หรือถ้าไม่หายก็ยังสามารถทำงานประเภทอื่นได้ ใช้เครื่องมือและบุคคลากรที่มีอยู่รักษาให้หายเต็มที่

ระดับที่สาม หมดหวัง ไม่เห็นอนาคต ต้องปล่อยให้เป็นไปตามสังขาร ไม่สมควรเอาเวชภัณฑ์ซึ่งยังมีประโยชน์ต่อคนเป็นอื่นๆมาใช้

“ โหดจังเลยนะ ” ฉันเปรยเบาๆ

“ ทีนี้เอามาเปรียบกับการฟื้นฟูบริษัทบ้าง” พงษ์กล่าวต่อ

“ ระดับแรก อัดฉีดเงินหรือสภาพคล่องเข้าไปหน่อย บริษัทก็พอจะประคองตัวกลับขึ้นมาใหม่ได้ ระดับที่สองอาจต้องผ่าตัดองค์กรภายในเอาเนื้อร้ายออก หรือตัดขายให้คนอื่นๆ เหลือเฉพาะธุรกิจหลัก เติมสภาพคล่องเข้าไปให้ทำงานได้ ส่วนระดับที่สาม โคม่า อย่าเสียเวลาหรือทรัพยากรต่อไป ต้องปิดหรือเลิกกิจการไปเลย”

กวินผงกหัวฟังอย่างตั้งใจจนจบ มีรอยยิ้มแรกผุดออกมาบนใบหน้าที่เหนื่อยล้า
“โอ้โฮ เฮียพงษ์ ยอดเยี่ยมไปเลย ผมนึกทั้งคืนก็นึกไม่ออกจะเอาเนื้อหาส่วนไหนมาเติมอีก”

“ ส่งช้าหน่อย แต่มีประเด็นใหม่มาเสนอ พอชดเชยได้หรอกน่า เอ้า..ลุยกันดีกว่า”

“ โอ้โฮ จะเสร็จทันคืนนี้หรือ พี่พงษ์ ” ยายร้องเสียงดัง หน้าแหยหน่อยๆ

“ ทันอยู่แล้ว เดี๋ยวแยกย้ายไปทำคนละหัวข้อ แล้วมาสรุปตบท้ายกัน” พงษ์รีบตัดบท เพราะเห็นนุ่มเริ่มจะแยกเขี้ยวใส่กวิน ไม่พอยังค้อนควับยายด้วยโดยไม่รู้สาเหตุ

 

โดย: กูรูขอบสนาม 18 เมษายน 2551 20:10:44 น.  

 


เย็นนั้น พวกเราทุกคนทำงานอย่างเร่งรีบ โชคดีที่ห้องคอมพิวเตอร์ไม่มีคนใช้ ฉัน ยาย และกวิน นั่งกระจุกกันแก้ไขเนื้อหารายงาน มียายที่คล่องคอมพิวเตอร์กว่าอาสาเป็นคนพิมพ์ ส่วนนุ่ม พงษ์คู่นี้ต่างมีโน้ตบุ๊คส่วนตัวจึงแยกไปทำงานอีกมุมต่างหาก

สองทุ่มกว่าแล้ว ยังไม่มีใครรามือ ท้องก็หิว ฉันนำขนมปังที่ซื้อไว้ก่อนมาแจกจ่ายให้ทุกคน กวินผลัดมาเป็นคนพิมพ์งานบ้าง อดชื่นชมไม่ได้ว่า เด็กสมัยใหม่ เก่งคอมพิวเตอร์กันทุกคน คิดไปพิมพ์ไปได้เลย ไม่ต้องมีการร่างล่วงหน้า

ต่อเมื่อได้อ่านข้อความที่พิมพ์เสร็จ ก็เลยเข้าใจว่า ทำไมบรรดาครูบาอาจารย์หลายท่านบ่นระอากับภาษาไทยของเด็กรุ่นหลังซึ่งเขียนไม่ค่อยได้รูปประโยคอ่านไม่ได้ใจความ เว้นวรรคผิดที่บ้าง สะกดคำผิด ใช้ภาษาพูดแทนภาษาเขียน เลยเป็นหน้าที่ ฮ นกฮูกต้องสวมบทบาทบรรณาธิการข้ามคืนเฉพาะกาล

“ โอ๊ย จะเสร็จก่อนเที่ยงคืนมั๊ยเนี่ย” ยายเริ่มหาว บริหารบิดต้นคอไปมา “ ท้องร้องจ๊อกๆแล้ว”

“ ถามต้นเรื่องดูซิ ใครล่ะที่ต้องทำให้อยู่ดึกๆ ข้าวปลาไม่ได้กิน” นุ่มตอบลอยๆ ไม่เจาะจง แต่กวินหันขวับจากจอทันที

“ เอา ไหงพูดอย่างนี้ล่ะครับ ไม่สวยนะ”

“ก็จริงมั๊ยล่ะ ถ้าได้ทำอย่างนี้ตั้งแต่แรก ก็ไม่ต้องมานั่งหลังขดหลังแข็ง หิ้วท้องหิวแกว่งอย่างนี้หรอก”

นุ่มพูดไป มือก็ยังไม่หยุดพิมพ์งาน แถมไม่ยอมมองตอบกวินเลย หนุ่มน้อยเจ้าของรายงานทำท่าฮึดฮัดแต่ก็สะกดอารมณ์ตัวเองได้ หันกลับพุ่งสมาธิพิมพ์งานต่อรวดเดียว คิ้วหนาขมวดหมกมุ่น ปากเม้มสนิท เงียบ

บรรยากาศอึมครึม ได้ยินแต่เสียงกระหึ่มของเครื่องปรับอากาศ ไม่มีใครโต้ตอบกระไร ทุกคนทั้งหิว ทั้งเหนื่อยและเร่งรีบ พนักงานดูแลห้องคอมพิวเตอร์เดินเข้ามาเยี่ยมๆมองๆหลายรอบ เลยเวลาใช้ห้องไปนานแล้ว แต่พวกเราขอร้องพิเศษเพราะมีความจำเป็นจริงๆ กระทั่งรายงานแผ่นสุดท้ายเสร็จลงพร้อมเย็บเข้าเล่มกับเนื้อหาชุดเดิม กวินลุกขึ้น เดินไปหา จ้องหน้านุ่ม พูดเรียบๆ

“ มีเจ๊คนเดียวกระมัง ที่เลิศเลอเพอร์เฟ็คท์ที่สุด จุติมาจากสวรรค์ขุมไหนล่ะครับ อยากเชิญให้กลับไปจริงๆ ”

ได้ผล นุ่มมองตอบทันที ไม่รู้ว่าโกรธที่ถูกอีกฝ่ายประชดประชันหรือเพราะถูกเรียกสมญานามว่าเจ๊ แสดงถึงวัยสูงอายุก็ไม่ทราบ เสียงโต้ดัง กร้าวอย่างไม่ยินยอม

“นี่ ไม่ต้องมาพูดเลย จะไปอยู่กลุ่มไหนก็ไป ฉันทำคะแนนดีๆมาตลอด จู่ๆก็มีคนมักง่าย สิ้นคิดมาเตะถ่วง บอกให้รู้เลยนะว่า ไม่เคยพิศวาสเลย ”

กวินขยับตัวใกล้คนพูด พงษ์รีบกระโดดเข้ามาฉุดแขนไว้ ดึงกันออกจากห้องไป เสียงปิดประตูดังปัง ฉันกำลังละล้าละลังตรวจต้นฉบับอีกครั้ง ส่วนยายหน้าตื่นตกใจ หายง่วงทันใด นุ่มปิดฝาเครื่องโน้ตบุ๊ค นั่งนิ่งแล้วก็เริ่มร้องไห้สะอื้น ฉันส่งกระดาษรายงานทั้งหมดให้ยาย ซึ่งยืนงงๆไม่รู้จะทำตัวอย่างไร

 

โดย: กูรูขอบสนาม 18 เมษายน 2551 20:13:12 น.  

 

“นุ่ม ไม่เอาน่า ไม่ต้องเสียใจ เราทำส่วนสุดท้ายเสร็จแล้ว ถึงจะไม่สมบูรณ์นักก็ไม่ถึงกับทำให้คะแนนตกมากไปหรอก”

นุ่มสะอึกสะอื้น ก่อนหากระดาษซับน้ำตา ตอนนี้เธอดูเหมือนเด็กสาวคนหนึ่งที่ผิดหวังในสิ่งที่ฝันไว้ มากกว่าสาวนักบัญชีผู้เคร่งขรึม

“ นุ่มขอโทษ แต่มันอดไม่ได้จริงๆ หม่าม้า ผิดด้วยเหรอ ถ้าต้องการให้งานออกมาดี ๆ ไม่มีพลาด”

“ หม่าม้ารู้ นุ่มคาดหวังไว้สูง ไม่มีใครตั้งใจจะให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหรอก แต่เมื่อมันเป็นไปแล้ว ก็ต้องหาทางแก้ไข นุ่มจะปล่อยให้แค่คะแนนมาตัดเพื่อนตัดฝูงหรือ”

“ไม่มีเขาสักคนในกลุ่ม เราก็อยู่กันได้” นุ่มยังยืนกราน “ส่วนเขาจะไปจี๋จ๋าหากลุ่มใหม่ที่ไหนก็ช่าง”

“ มาถึงกลางเทอมแล้ว จะให้พี่วินย้ายกลุ่มเหรอ ยายว่า...มันโหดไปหน่อย..มั้ยคะ”

ฉันขยิบตาไม่ให้ยายพูดต่อ แม้เด็กสาวจะมีความตั้งใจดีต่อเพื่อนชายรุ่นพี่ แต่สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ควรเก็บถ้อยคำไว้ในใจดีกว่า เกิดนุ่มอารมณ์พุ่งพล่านขึ้นมาอีกที ตะเพิดทั้งกวินและยายออกไปจากกลุ่มทั้งคู่ยิ่งโกลาหล

พวกเราผู้หญิง 3 คน 3 วัยนั่งล้อมวงกัน ต่างคนต่างนิ่งจมในความคิดส่วนตัว สักพัก นุ่มดูเหมือนจะตั้งสติได้ หยุดร้องไห้ อย่างน้อยคงสบายใจขึ้นที่ได้ระบายความรู้สึกอัดอั้นในใจออกมา พงษ์กลับเข้ามาสมทบแล้วบอกว่า กวินขอกลับก่อน

“ เรามาจัดหน้าที่ในกลุ่มกันใหม่ดีมั๊ย ” หนุ่มคนเดียวที่เหลือเอ่ยปาก เมื่อเห็นสมาชิกที่เหลือเงียบไปหมด

“ เอาอย่างนี้ นับแต่วันนี้ หม่าม้าจะเป็นตัวประสานงานในกลุ่มเอง หม่าม้าไม่มีงานประจำทำ มีเวลาว่างมากกว่าทุกคน” ข้อเสนอของฉันตั้งใจจะช่วยผ่อนแรงนุ่ม ไม่ต้องปล่อยให้เผชิญหน้ากับคนที่ไม่ถูกชะตา

“ อีกอย่างครับหม่าม้า..”พงษ์กล่าวอึกอักหน่อยๆ ซึ่งไม่ค่อยปรากฏบ่อยนัก

“คือพวกเรา ผม ยาย กวิน นุ่มด้วยนะ...”เขาเอ่ยเหมือนจะขอพูดแทนเจ้าตัว “ไม่ค่อยสันทัดพวกบทความภาษาอังกฤษเท่าไร กว่าจะอ่านจบทีก็เสียเวลาตั้งนาน อ่านจบแล้วยังเข้าใจไปคนละเรื่องเลย ถ้าหม่าม้าจะช่วยแปลและสรุปใจความสั้นๆ ก่อนจะมาทำการบ้านด้วยกัน จะช่วยได้เยอะเลย ”

“ เอาซิ ทำไมไม่บอกแต่แรกล่ะ หม่าม้าก็เพิ่งจะได้ฟื้นความรู้ทางภาษา ตอนเข้ามาเรียนนี้เอง”

ฉันนึกขอบคุณภูมิหลังทางภาษาที่เลือกเรียนสมัยปริญญาตรี ยังเอื้อประโยชน์ใช้หากินได้ถึงตอนนี้ แม้จะไม่คล่องแคล่วฟุดฟิดเป็นไฟ เหมือนสาวๆ ก็ยังพอใช้งานได้ คำขอร้องของพงษ์ ฟังดูเหมือนเด็กๆในกลุ่มต้องการพึงพิงความชำนาญด้านภาษาของฉันอยู่ไม่น้อย ชวนให้ภูมิใจลึกๆ รู้สึกตัวเองมีประโยชน์ขึ้นมาหน่อย

มาทราบภายหลังว่า เพื่อนๆต้องการให้หม่าม้า ฮ นกฮูกคนนี้มีส่วนร่วมผลักดันการทำงานของกลุ่มมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะเท่าที่ผ่านมาฉันค่อนข้างสงวนเนื้อสงวนตัว ไม่ค่อยได้ออกความเห็นหรือถกเถียงกับใครๆ อายุที่มากแต่ไม่ได้มากประสบการณ์รอบรู้เชิงธุรกิจ จึงขอนั่งฟังเงียบๆเป็นหลัก นานๆจะขยายความคิดขี้เท่อออกมาสักที

เมื่อเพื่อนในรังเปรยๆอย่างถนอมน้ำใจออกมาเช่นนี้ เหมือนเป็นสัญญาณเตือนกลายๆที่ฉันต้องเร่งปรับตัวให้ดีขึ้น ก็ไม่ได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจประการใด

คืนนั้นต่างคนต่างแยกย้ายกลับบ้าน เราฝากรายงานไว้บนโต๊ะหน้าห้องอาจารย์ผู้สอน ป่านดำนั่งหลับสลบไศลคอยฉันอยู่ที่โซฟารับแขกบริเวณเคาน์เตอร์ข้างหน้า ฉันมองลูกอย่างสงสาร นึกถึงพรุ่งนี้เขาต้องตื่นไปทำงานแต่เช้าอีก

“นึกว่าหม่าม้าจะอยู่เป็นยามเฝ้าตึกเสียแล้ว”

กลับถึงบ้านเกือบเที่ยงคืน ฉันเปิดตู้หนังสือ ก็เจอนิทานเรื่องนกกางเขนเล่มบางๆที่ซื้อเก็บไว้ตั้งนานแล้ว ไว้เจอกันครั้งหน้า ฉันจะเอาไปให้นุ่มอ่าน

เอ...แต่จู่ๆจะยื่นให้เธออ่าน เจ้าแม่สมบูรณ์แบบอย่างนุ่มต้องไม่พอใจแน่ เผลอๆอาจจะคิดว่าฉันตำหนิเธอทางอ้อมก็ได้ ไม่เป็นไร เดี๋ยวเฉไฉพูดถึงนิทานอ่านประกอบในวัยเด็ก แล้วเอาตัวอย่างให้ลองอ่านเล่นๆ วิธีนี้อาจจะเนียนกว่า

คืนนั้น ฮ นกฮูกตัวนี้เลยกลายเป็นนกเค้าแมวตาค้าง กว่าจะข่มตาลงสนิทก็เกือบรุ่งสาง เสียงไก่ขันเอกอี้เอกไกล..ไกล จากที่ไหนสักแห่งแว่วเข้ามาในภวังค์


 

โดย: กูรูขอบสนาม 18 เมษายน 2551 20:15:41 น.  

 


พี่นี่มีความจำเลือนๆ จำไม่ได้ว่าเคยอ่านบ้างเปล่า?

"นกกางเขน"






 

โดย: yyswim 21 เมษายน 2551 15:02:00 น.  

 

อา..ใช่เลยพี่

เคยซื้อเก็บไว้แล้วแจกเด็กๆรุ่นใหม่ไปหมด
หาซื้อที่คุรุสภาก็ไม่มีอีกแล้ว
เสียดายจัง
แต่เล่มที่เรียนตอนนั้น
เป็นกระดาษเหลืองๆลายเส้นคลาสสิคขาว-ดำเอง
ไม่สี่สีเต็มรูปแบบอย่างนี้

 

โดย: กูรูขอบสนาม IP: 124.121.100.120 21 เมษายน 2551 18:36:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


รุ้งพลบ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ใช้ชีวิตแสวงหามาหลายปี ปัจจุบันก็ยังแสวงหาไม่รู้จักเสร็จ
บางอารมณ์เหนื่อยๆ ก็หยุดพัก แล้วตรองนิ่งเขียนบันทึกในสิ่งที่พบเห็น

บางอารมณ์ที่โมแรนติค ชอบดูสายรุ้งตอนโพล้เพล้
New Comments
[Add รุ้งพลบ's blog to your web]