ความทรงจำเก่า ๆ ก่อนจะลืมเลือนหายไปกับกาลเวลา
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2558
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
11 สิงหาคม 2558
 
All Blogs
 

การทดลองการกัดเซาะของดิน



ข้อตกลงเบื้องต้น

การทดลองครั้งนี้เป็นของชาวพุทธเกศ/โพธิเกศ (โปรตุเกส)
(ตามพงศาวดาร/จดหมายเหตุโบราณของไทยเรียกชื่อนี้)
ที่เผยแพร่ใน //bit.ly/1DCIeKm
เพื่อใช้เป็นสื่อการสอนเรื่องการกัดเซาะของดิน
ให้นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา
แล้วมีการแชร์ภาพกันโดยมีข้อเท็จจริงไม่ถูกต้อง
ทำนองว่าป่าไม้ทำให้มีน้ำมากขึ้น
(ภาพน่าจะไม่ถูกต้องมากนัก)
เลยอยากจะนำที่มาของภาพเพื่อเผยแพร่
และนำมาเป็นแบบช่วยการสอนเรื่องอนุรักษ์ธรรมชาติกับนักเรียนได้


การทดลองวิทยาศาสตร์เรื่องการกัดเซาะของดิน
ผลการทดลองครั้งนี้ตามภาพตัวอย่าง
จะสร้างผลกระทบได้อย่างมาก
เพราะความเรียบง่ายของการทดลองครั้งนี้
ที่แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างอัตราการเร่ง
ของการกัดเซาะของดิน กับการป้องกันการไหลของน้ำ
ด้วยพืชผักจากการทดลองวิทยาศาสตร์ที่ป้องกันการกัดเซาะของดิน
การทดลองนี้เรียบง่ายมากมาก โดยเน้นความสำคัญของพืชคลุมดิน




การทดลองการกัดเซาะของดิน ให้ใช้ 3 แบบ
1. การเตรียมการปลูกต้นกล้า
2. การใช้พืชพร้อมที่จะปลูก
3. การใช้ตัวอย่างดินในการทดลอง

อันดับแรก ให้เตรียมขวดพลาสติกเหมือนกันสามขวด
แล้วตัดตามภาพที่นำเสนอแล้ววางไว้บนพื้นผิวที่เรียบ
(ผู้ทดลองติดขวดพลาสติดด้วยกาวร้อนบนแผ่นไม้อัด)






ตัดผ่าด้านบนของขวดทั้งสามขวดให้มีความสูงเท่าเทียมกัน
พร้อมกับใส่ดินประเภทเดียวกันลงด้านในของขวดทั้งสามใบ
ให้มีขนาดและความหนาของระดับพื้นดินเท่ากัน
และให้มีระดับผิวดินต่ำกว่าระดับขวดเล็กน้อย

ตัดท้ายขวดพลาสติคใสอีกจำนวนสามขวดไว้ทำถ้วยรองน้ำ
ถ้วยสามใบนี้จะทำหน้าที่ในการเก็บรวบรวมน้ำ
ระหว่างการทดสอบการใช้น้ำจากการการดน้ำ
เพื่อทำการเปรียบเทียบปริมาณน้ำจากขวดทดลอง

ขวดที่ 1. จะปลูกเมล็ดประเภทพืชโตเร็ว (แพงพวย โหระพาและกระเทียม)
ขวดที่ 2. ใส่เศษซากของพืชที่ตายแล้ว (กิ่งไม้เปลือกใบรากที่หมดสภาพแล้ว)
ขวดที่ 3. ใส่ดินเปล่าประเภทเดียวกัน/เหมือนกัน

จัดการรดน้ำทั้งสามขวดในปริมาณที่เท่ากันทั้งสามขวด








ในการทดลองนี้สามารถใช้เศษชิ้นส่วนจากการตัดพลาสติกจากขวด
เพื่อให้ครอบขวดที่เพาะเมล็ดไว้ในดิน
จะมีสภาพเหมือนเรือนกระจกซึ่งจะช่วยให้เมล็ดงอกได้เร็วขึ้น
(สร้างความชุ่มชื้น/อุณหภูมิภายในขวด)
ให้นำขวดไปไว้ในที่สัมผัสกับแสงแดด
แล้วดูแลการเพาะปลูกพืชจนมีการงอกและเจริญเติบโต/พัฒนาการที่ดีตามที่ต้องการ




การทดลองที่เกิดขึ้นจริง ถ้าสามารถทำได้ครบถ้วนกระบวนการแล้ว
การทดลองแบบนี้เหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้สอนกับเด็กที่อายุน้อย
เพราะสร้างความอยากรู้อยากเห็นและความคาดหวัง
ด้วยการดูแลการหว่านเมล็ดรอจนกว่าจะงอกขึ้นมา
ช่วยการกระตุ้นการเรียนรู้การสังเกต
ของกระบวนการของการพัฒนาของพืชจากเมล็ด

เป็นกระบวนการสอนที่สมบูรณ์แบบ
ที่สอนให้เด็กได้มีแนวความคิดหลายอย่าง
กับปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
ไม่ใช่ปรากฎการณ์ที่สลับซับซ้อนเกินไป
ช่วยสร้างการเชื่อมโยงกับโลกแห่งความจริง
ว่าพืชงอกจากเมล็ด (ไม่ได้มาจากซูเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านดอกไม้)



หลังจากที่รอคอยมานานและมีพืชจำนวนมากที่ได้รับการดูแล
จะมีพืชในขวดแรกที่งอกงาม ขวดทีสองและสี่สามที่ไม่มีพืชอยู่
และหลังจากวันที่เด็กได้ดูแลตลอดระยะเวลาในช่วงการทดลอง
รวมทั้งน้ำในถ้วยทั้งสามใบที่แตกต่างกันทั้งสามขวด
จะทำให้ตอบคำถามทั้งหมดของพวกเด็ก ๆ
ตามที่พวกเขาเห็นและเป็นเรื่องที่น่าจดจำ
โดยไม่ต้องให้คำอธิบายด้วยคำพูด/ถ้อยคำเฉพาะ

มีคนจำนวนน้อยคนมากที่สามารถเรียนรู้แนวคิดที่เป็นนามธรรม
ผ่านประสบการณ์ของพวกเขาและไม่ต้องอธิบายด้วยคำพูดของคนเรา
เพราะ ภาพหนึ่งภาพแทนคำพูดนับพันคำ




เรื่องเหล่านี้แทนที่จะให้เด็กรู้แต่เพียงเรื่องการกัดเซาะของดิน
ตามหนังสือเรียนหรือคำบอกเล่าแต่อย่างเดียว (หรือให้มโนเอา)
แต่เด็กนักเรียนจะได้เกิดความคิดเชื่อมโยงเรื่องโลกสีเขียว = ความสะอาด

ถ้าทำการทดลองแบบนี้กับเด็กโรงเรียนระดับประถมศึกษา
ในการศึกษาเกี่ยวกับระบบนิเวศน์เสื่อมโทรมของที่ดิน
การกัดเซาะ การถล่มทะลายของดิน การตัดไม้ทำลายป่า
การคุ้มครองป่าต้นธารน้ำ ฯลฯ

เรื่องราวทั้งหมดของแนวคิดนี้
จะกลายเป็นประสบการณ์เรียนรู้ของเด็ก
เพราะเมื่อพืชเติบโตขึ้นแล้ว
จะสามารถมองเห็นน้ำใสไหลออกจากขวดแรก
และน้ำที่มีความสกปรกไหลออกจากขวดที่สองและขวดที่สาม

นี่คือภาพที่ถ่ายสองสัปดาห์หลังหยอดเมล็ด






การสังเกตการทดลองในสัปดาห์ต่อมา






ผลการทดลอง

การใช้พืชที่งอกงามเต็มที่แล้ว
จะสามารถดูน้ำจากภาชนะบรรจุครั้งแรก
เปรียบเทียบกับตอนสิ้นสุดการทดลอง
(หลีกเลี่ยงไม่ได้จะมีเศษดินบางส่วนรอบ ๆ จากราก)

น้ำในขวดแรกจะมีความสะอาด
เมื่อเทียบกับน้ำที่มีอยู่ในอีกสองขวด
การทดลองการกัดเซาะของดินนี้
เหมาะสมสำหรับเด็กระดับประถมศึกษาและชั้นอื่น ๆ
อาจจะเพิ่มความรุนแรงการกัดเซาะด้วย
"การเก็บตัวอย่างของดิน "
ใช้กับเด็กที่อายุน้อยกว่า

ให้ระมัดระวังการใช้ตัวอย่างของดินที่มีพืชขึ้นอยู่แล้ว
จะไม่สามารถสร้างความประทับใจในเชิงบวกกับเด็กนักเรียนได้
การสร้างแรงจูงใจจากการทดลองครั้งนี้
จะมีผลในระยะยาวกับเด็กนักเรียนได้

ขัอสังเกต

ขนาดขวดพลาสติคตัวอย่างต้องเท่ากัน
ปริมาณน้ำที่มารดในขวดทดลองต้องเท่ากัน
รดน้ำในเวลาใกล้เคียงกัน
ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดในตัวอย่างที่สาม
รูปแบบของดินที่แตกต่างกันตามตัวอย่างทดลอง

ดินที่มีพืช/หญ้ามีชีวิตอยู่เป็นพื้น
ดินที่ปกคลุมไปด้วยสารตกค้างของพืชที่ตายแล้ว
ดินที่ไม่มีองค์ประกอบอย่างอื่น ๆ

ให้รดน้ำช้า ๆ เพื่อให้น้ำหยดลงอย่างช้า ๆ ในแต่ละขวด
การเฝ้ารอและสังเกตจากน้ำที่หยดลงในถ้วยน้ำรองไว้
นอกจากนี้ยังสามารถหาการทดลองอื่น ๆ ที่น่าสนใจมาก
และวัสดุการศึกษาในหัวข้อของการกัดเซาะของดิน
จากสิ่งแวดล้อมใกล้เคียง/ในพื้นที่ได้




หมายเหตุ

ในภาพยังมีข้อบกพร่องคือ
น้ำในขวดที่หนึ่งมากกว่าขวดที่สอง สาม
จริง ๆ ต้องน้อยกว่ามากเหมือนภาพข้างบน
เพราะรากพืชและใบพืชดูดซับน้ำไปแล้ว
แต่จากข้อมูลที่อ้างอิงมีการระบุว่า
มีการเปิดน้ำจากก๊อกน้ำที่อยู่ด้านหลังภาพ
เพื่อทดสอบความใสของน้ำในขวดที่หนึ่ง
ว่าแม้มีปริมาณน้ำไหลรดมากกว่าขวดที่สองขวดที่สาม
น้ำในขวดที่หนึ่งก็ยังมีความใสสะอาดกว่า


เรื่องเล่าไร้สาระ

ผู้เฒ่าผู้แก่มักจะบอกว่าต้นไม้ขนาดใหญ่
เวลาฝนตกหนักมักจะดูดซึมน้ำได้
ไม่น้อยกว่าต้นละหนึ่งปี๊บ
(ปี๊บหนึ่งประมาณ 20 ลิตร)
ลองคิดดูว่าถ้าป่าไม้ในป่าถูกตัดไปสักหนึ่งล้านต้น
จะมีน้ำไหลลงมาถึง 20,000,000 ลิตร
หรือประมาณ 20,000 คิว(ลูกบาศ์กเมตร)
หรือคิดเป็นน้ำหนัก 20,000 ตัน

รถบรรทุกน้ำมันขนาดทั่วไปหนึ่งคัน
จุน้ำมันได้เต็มที่ 15,000 - 45,000 ลิตร
หรือประมาณ 15-45 คิว(ลูกบาศก์เมตร)
หรือคิดเป็นน้ำหนัก 15-45 ตัน
(ยังไม่รวมน้ำหนักตัวรถยนต์)

ทั้งนี้ยังไม่รวมมวลน้ำที่ต้นไม้ดูดซึมไม่ได้
ที่จะไหลลงมาสู่ที่ราบแม่น้ำลำคลอง
จะรวดเร็วและมากมายมหาศาลขนาดไหน



ภาพตัวอย่างรถบรรทุกน้ำมัน (ขออนุญาตปิดตราสินค้า) ที่มา //bit.ly/1J3paFm

เช่นเดียวกับหญ้าคาหรือวัชชพืช
ก็ไม่ต่างกับผ้าขี้ริ้วที่ดูดซับน้ำได้
การฉีดยาฆ่าหญ้าหรือตัดหญ้า/วัชชพืชในฤดูฝน
ก็ไม่ต่างกับการโยนผ้าขี้ริ้วทิ้งลงถังขยะ

เรียบเรียบ/ที่มา //bit.ly/1DCIeKm

credit :  






 

Create Date : 11 สิงหาคม 2558
1 comments
Last Update : 4 เมษายน 2559 0:28:38 น.
Counter : 4326 Pageviews.

 

เห็นดอยหังโล้นแล้วเศร้าใจค่ะ

 

โดย: tuk-tuk@korat 24 สิงหาคม 2558 13:37:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ravio
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เกิดหาดใหญ่ วัยเด็กเรียนหนังสือโรงเรียน Catholic คณะ Salesian มีนักบุญประจำโรงเรียน Saint Bosco, Saint Savio ชอบอ่านหนังสือ godfather เกี่ยวกับ Mafio ของพวกซิซีเลียน เคยเล่นเกมส์ Mario แล้วได้คะแนนนำเลยนำสระโอมาต่อท้ายชื่อเป็น Ravio ได้กลิ่นอายแบบ Italino เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนวิชาชีพทำมาหากิน แต่ไม่ใช่วิชาที่ชื่นชอบมากนัก เรียนอยู่กว่าเจ็ดปี ต้องกลับมาทำงานเป็นกรรมกรที่บ้านเกิด จนเริ่มเกิดความหลงรักชีวิตบ้านนอก และวิถีชิวิตชุมชนท้องถิ่นที่ตนอยู่และไปร่วมวงเสวนา

เกิดเดือนมีนาคม แต่ลัคนาราศรีตุลย์ ชอบไปทุกเรื่อง สุดท้ายทำอะไรที่ได้เรื่องไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนมากมักไม่ได้เรื่อง

ชอบขับรถยนต์ท่องเที่ยวชมภูเขา ป่าไม้ น้ำตก แต่ไม่ชอบทะเลหรือชายหาด เพราะรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เมื่อคิดถึงชีวิตตนเองที่มาเปรียบเทียบกับสองสิ่งสองอย่างนี้ รู้สึกว่ามนุษย์เป็นเพียงชีวิตที่เล็กน้อยมากที่มาอยู่อาศัยในโลกใบนี้

ชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวใน Internet ชอบเดินทางท่องเที่ยวแถว ในละแวกท้องถิ่นบ้านเกิด นาน ๆ ครั้งจะขึ้นไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ หรือไปหาซื้อหนังสือแถวสยามสแควร์ ถิ่นเก่าที่อยู่และที่เรียน






Friends' blogs
[Add ravio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.