ฉู่ฉี่ปลาอะจิเมนูนี้เพื่อเธอ...
เหตุที่ต้องทำเมนูนี้ก็เพราะว่าเจ้าของทุนซื้อพริกแกงแดงที่ลดราคามา จากห้างใกล้ๆบ้าน แล้วถามว่าซื้อมาแพงหรือเปล่า เราก็บอกว่า แพงกว่าซื้อร้านตั้ง ๒๐ เยน แน่ะ (แต่ถ้าคิดค่ารถไปซื้อที่ร้านก็ถูกกว่านะ) จากนั้นก็คิดเมนูว่าจะทำอะไรกินดีนะเรา เพราะเมนูจากพริกแกงแดงนี้สามารถทำได้หลากหลายเมนูมาก คิด คิด คิด จากนั้นก็ได้ข้อสรุปว่า ทำฉู่ฉี่กินดีกว่า (ดีกว่าอะไร) ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรกิน เพราะถ้าไม่คิดจะทำอะไรกินก็คงจะเก็บพริกแกงนั้นไว้ในตู้เย็นไปจนกว่าจะหมดอายุไปข้างนึงเลยเชียว อีกอย่างไม่ได้กินฉู่ฉี่มานานแล้วด้วย เจ้าของทุนเป็นคนชอบกินปลามาก (ได้ทีฉันล่ะ) ปลาสดเยอะแยะเลย ทำเมนูนี้ดีกว่า ไปดูส่วนผสมและเครื่องปรุงกันเลยค่ะ ส่วนผสมก็มี ปลาอะจิ ๒ ตัว เครื่องแกงหรือพริกแกงแดง ๑ ห่อ น้ำปลา น้ำตาลทราย(ถ้าได้น้ำตาลมะพร้าวหรือน้ำตาลอ้อยล่ะก้อสุดยอด) กะทิกระป๋อง (หาได้ดีที่สุดแค่นี้แหละค่ะ) พริกชี้ฟ้าแดงสำหรับตกแต่ง ใบมะกรูด เครื่องแกงที่ขายในห้างใกล้บ้านตราแม่พลอยราคาก็ตามที่เห็นในรูปนั่นแหละค่ะ เป็นราคาที่ลดแล้วนะคะ แต่ถ้าเป็นร้านขายเครื่องปรุงของไทยราคาจะถูกกว่าค่ะ ปลาอะจิที่ซื้อมาจากซุปเปอร์ใกล้บ้าน จะเป็นปลาที่ทำสำเร็จมาแล้ว ปลากระสือไม่มีหัวปลามาให้ ก็สะดวกดีค่ะในปรุงอาหาร ได้ดูส่วนผสมและเครื่องปรุงกันแล้ว เริ่มทำฉู่ฉี่กันดีกว่าค่ะ ว่ามีขั้นตอนอะไรบ้าง (ตามใจฉันเช่นเคย) ก่อนอื่นก็หั่นใบมะกรูดให้เป็นฝอย แต่ในรูปไม่ค่อยฝอยเท่าไรนะคะเพราะส่วนตัวชอบแบบนี้จะได้เคี้ยวได้บ้าง ตราบใดที่ยังมีฟันครบอยู่ต้องใช้ให้เต็มศักยภาพ พริกชี้ฟ้าแดงสดเม็ดเป้งๆ ก็เช่นกันค่ะ จัดการหั่นไว้เพื่อเป็นส่วนผสมและตกแต่งให้สวยงาม จากนั้นก็หันมาเปิดกะทิกระป๋อง แนะนำว่าถ้าต้องการหัวกะทิอย่าเขย่ากระป๋องนะคะ เพราะถ้าเราตั้งกระป๋องเอาไว้มันจะตกตะกอน ส่วนบนของกระป๋องก็จะเป็นหัวกะทิ ส่วนล่างของกระป๋องก็จะเป็นหางกะทิ (ตรรกะนี้ยังใช้ได้อยู่) ทุกสิ่งอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้วก็ลงมือปฏิบัติกันดีกว่าค่ะ ฉากพร้อม แสงพร้อม กล้องพร้อม แอ็คชั่น เปิดแก๊ส ตั้งกะทะ ใส่หัวกะทิลงไปเพื่อผัดพริกแกง พริกแกงสำเร็จรูปอาจจะต้องปรุงเพิ่มนะคะถ้าต้องการสีสรรก็เติมพริกแห้งแช่น้ำแล้วตำผสมลงไป แต่เราไม่ได้เติมอะไรไปเลยค่ะ เดิมเดิม พื้นพื้น เพราะต้องการทดสอบการปรุงอาหารจากพริกแกงสำเร็จ ใช้ไฟอ่อนถึงปานกลางนะคะสำหรับผัดพริกแกงให้หอม พอใส่กะทิลงไปก็หมั่นคนบ้างนะคะ พอเห็นกะทิเริ่มแตกมันและมีกลิ่นหอมก็ใส่พริกแกงแดงลงไปเลยค่ะ คนให้พริกแกงละลายเข้ากับน้ำกะทิ จากนั้นก็สังเกตว่ากะทิเริ่มมีมันและมีกลิ่นหอมมากขึ้น กะทิก็จะเริ่มแห้งลง สามารถเติมน้ำกะทิเพิ่มได้ค่ะ กรณีที่ชอบน้ำมากหน่อย แต่เมนูนี้น้ำขลุกขลิกค่ะ จากนั้นก็ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน ชิมนิดหน่อยเพื่อไม่ให้รสชาติรสใดรสหนึ่งโดดจนเกินไป จากนั้นก็ใส่ปลาอะจิลงไป ประมาณ ๓-๕ นาที แล้วพลิกปลาอีกด้านนึ่ง จากนั้นก็ได้เวลาพลิกปลาแล้วค่ะ แต่ก่อนที่จะพลิกปลาก็โรยใบมะกรูดซอยนิดหน่อยและพริกชี้ฟ้าแดงเพื่อเพิ่มความหอมให้เข้าถึงเนื้อปลามากขึ้น หลังจากที่ปลาทั้งสองด้านสุกแล้วก็ชิมรสชาติอีกครั้งนึงค่ะ เพราะก่อนที่เราจะใส่ปลาลงไปกับหลังจากที่ใส่ปลาไปแล้ว รสชาติอาจจะไม่เหมือนกัน สามารถปรุงรสชาติหรือแก้ไขรสชาติได้ในขั้นตอนนี้เลยค่ะ ปิดแก๊ส ตักใส่จาน โรยด้วยพริกชี้ฟ้าแดงและใบมะกรูดซอย เป็นอันเสร็จพิธี แต่ถ้าเป็นสูตรต้นตำรับก็ต้องราดด้วยกะทิสดและผักชีบนตัวปลา (วันนี้ไม่มีผักชีกะทิไม่ได้ราดเพราะใส่ในน้ำแกงหมดแล้ว) แชะ แชะ แชะ เนื้อปลาหวานมากค่ะ เข้ากันได้ดีกับพริกแกงเป็นอย่างดี ไม่มีกลิ่นคาวเลย เจ้าของทุนชอบมาก และทั้งหมดนี้ก็คือเมนูนี้ทำเพื่อเธอ (เฉพาะกิจ) สุดท้าย ขอขอบคุณทุกคนที่ได้เข้ามาเยี่ยมชม Blog นี้ แล้วพบกันใหม่ ขอบคุณค่ะ
Create Date : 15 กันยายน 2555 |
|
5 comments |
Last Update : 15 กันยายน 2555 0:46:56 น. |
Counter : 2623 Pageviews. |
|
|
|
ตามมาชมอีกเมนุอร่อยๆค่ะ