ดาวปาฏิหาริย์ : บทที่ 31
ดาวประกายลืมตามาด้วยความรู้สึกปวดหนึบๆที่ศีรษะ ภาพตรงหน้าเคลื่อนไหวไปมาแต่ทว่าพร่ามัวต้องกระพริบตาถี่ๆ อยู่หลายครั้งกว่าอาการเหล่านั้นจะหายไป หญิงสาวร่างบางค่อยๆประคองตัวขึ้นด้วยความมึนงง ที่นี่ที่ไหน เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้ว.... ตื่นแล้วเหรอ เสียงที่ดังขึ้นด้านบนทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมองพบร่างหนึ่งยืนอยู่ใต้แสงสว่างจากโคมไฟ ซึ่งปรากฏออกมาเป็นเงาดำทะมึน ดูไม่ออกว่าใครต้องรออยู่อึดใจนั้นแหละว่าดวงตาจะปรับสภาพได้ คุณ...เทียนแก้ว!?! ใช่ฉันเอง ที่นี่ที่ไหนไม่ใช่บ้านฉันนี่ ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง จำอะไรไม่ได้เลยเหรอ หญิงสาวนิ่งคิดก่อนเริ่มกวาดตามองไปทั่วตรงหน้าเต็มไปด้วยหนังสือที่กองเป็นตั้ง เรียงกันเป็นระเบียบ ส่วนด้านหลัง...ความสูงเป็นสิ่งแรกที่เธอตระหนัก คนขี้กลัวจึงรีบกระเถิบตัวออกห่างก่อนพิจารณาเบื้องล่างหลังรั้วเหล็กซี่ห่างอีกครั้ง ไม่ต่างจากที่เห็นเมื่อครู่ตั้งหนังสือวางเรียงเต็มพื้นที่ เงยหน้ามองขึ้นไปโครงหลังคาเหล็กดูอย่างไรก็ไม่น่าใช่บ้าน ที่นี่ที่ไหน โกดังเก็บหนังสือของมหาคำ แล้วฉันมาทำอะไรที่นี่ คุณมาหาคุณสิตะไง คุณสิตะ!?! คุณสิตะอยู่ที่นี่เหรอคะถามออกไปแม้จะเริ่มรู้สึกแปลกๆ... เธอ ถูก พามาหาสิตะที่นี่โดยที่เธอจำอะไรไม่ได้ ตื่นมาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนพื้นที่เปื้อนฝุ่น ขณะที่หญิงสาวตรงหน้ากลับยืนดูเฉยๆไม่ช่วย หรือไม่ตกใจ... ทำไม!?! เดี๋ยวคุณสิตะก็มาหาคุณ ฉันขอถามเพื่อความแน่ใจคุณไม่ได้จับฉันมาใช่ไหม เทียนแก้วเหยียดยิ้มหัวเราะในลำคออย่างเห็นเป็นเรื่องขำ ฉันจะจับคุณมาทำไมล่ะคะ ก็ไม่รู้เรียกค่าไถ่ หรืออะไรก็ตาม ฉากแบบนี้มันเหมือนในหนัง อยู่ในโกดัง ไม่มีคน แล้วก็มีการต่อสู้ นักสืบสาวหัวเราะอีกครั้งแต่คราวนี้แววตากลับมีแต่ความสมเพช ถ้าคุณจะคิดแบบนี้ก็ไม่น่าขึ้นรถมากับฉันตั้งแต่แรกนะ แม้จะไม่คนฉลาดปราดเปรื่องแต่ดาวประกายก็สำเหนียกได้ถึงกระแสเสียงที่ผิดปกติ เธอจึงรีบลุกขึ้นจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างคาดคั้น สรุปว่าคุณจับตัวฉันมาจริงๆ เหรอ แล้วเห็นว่ามีโซ่ล่ามคุณเหมือนในละครหรือเปล่าล่ะ สาวร่างบางมองมือและเท้าตัวเองไม่มีอะไรพันธนาการไว้ แต่เมื่อสังเกต ก็เห็นรอยฝุ่นที่เปื้อนเต็มตัวไปหมด ฉันว่าฉันไปรอที่อื่นดีกว่าเธอว่า ก่อนเดินตรงไปยังประตูบานเดียวที่มองเห็น เทียนแก้วไม่ได้ห้าม เพราะรู้ว่าผลจะเป็นอย่างไรดาวประกายหมุนลูกบิด แต่ก็ไม่มีอะไรขยับ มันถูกล็อคจากด้านนอกด้วยแม่กุญแจเปิดไม่ได้หรอก หา!?!ล็อคจากด้านนอก ใครล็อค เทียนแก้วแสยะยิ้มอีกครั้งพร้อมชูลูกกุญแจในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา ดาวประกายถึงกับเบิ่งตากว้างด้วยความตกใจ นี่มันอะไรกันคุณเทียนคุณกำลังคิดจะทำอะไร ฉันไม่ได้ลักพาตัวคุณมาแต่ว่าคุณขึ้นรถมากับฉันเอง แล้วฉันก็ไม่จับตัวคุณด้วย คุณยังมีอิสรภาพเต็มที่ถ้าคุณอยากไปที่อื่น นั่นไง หน้าต่าง... ไม่ก็กระโดดลงจากระเบียง ความสูงแค่สองชั้นไม่ทำให้ตายหรอกค่ะ คุณ!?!เพราะมัวแต่ตื่นตะลึงดาวประกายจึงพูดอะไรไม่ออก เธอได้แต่อ้าปากค้างมองอีกฝ่ายอย่างคาดไม่ถึง คุณ...ต้องการอะไร เดี๋ยวคุณสิตะก็ตามมาช่วยคุณรอฟังพร้อมกันตอนนั้นดีกว่า หมายความว่าไง?ถามออกไปแล้วก็เริ่มคิดได้ เหตุการณ์แบบนี้เธอเคยผ่านตามานับไม่ถ้วนทั้งละครทั้งนิยายนักเขียนที่เต็มไปด้วยจินตนาการจึงพยายามปะติดประต่อเรื่องด้วยตัวเอง คุณพาฉันมาที่นี่เพื่อให้คุณสิตะตามมาคุณรู้ใช่ไหมว่าฉันกลัวความสูงเลยคิดวิธีนี้ แสดงว่าคุณต้องวางแผนมาอย่างดีแต่ว่าคุณต้องการอะไร อ๋อ หรือว่าคุณเป็นพวกเดียวกับที่ไล่ยิงคุณสิตะ แล้วก็ลอบเข้ามาทำร้ายฉันในห้องนอนใช่ไหม!?! เอ๊ย นี่คุณเทียน นี่คุณกลายเป็นคนร้ายได้ยังไงกันเนี่ย ฉันไม่ได้อยากร้ายแต่ในเมื่อคนร้ายตัวจริงมันลอยนวล ฉันก็ทนไม่ไหว แต่ฉันไม่ได้เป็นพวกเดียวกับที่ไล่ยิงคุณแล้วเรื่องที่ห้องนอนของคุณ... ฉันก็ไม่ตั้งใจจะทำร้ายคุณด้วย ความจริงฉันก็ไม่ได้คิดจะฆ่าคุณสิตะแค่อยากจะสั่งสอนให้เขารู้ว่าช่วงจังหวะที่ใกล้จะขาดใจตายมันเป็นยังไงแต่พวกคุณดันแลกห้องกัน มันก็ช่วยไม่ได้ แล้วถ้าคุณหมดสติไปตั้งแต่ฉันพ่นยาสลบใส่คุณคุณก็คงไม่ต้องเจ็บตัว ส่วนเรื่องที่คุณสิตะโดนแทง...มันเป็นการป้องกันตัวเท่านั้นฉันจำเป็นต้องทำ เทียนแก้วเอ่ยยาวเหยียดเหมือนเตรียมคำพูดเหล่านี้ไว้นานแล้วน้ำเสียงราบเรียบ แต่แววตากลับหวั่นไหว บางทีเธอคงต้องการแก้ตัวให้ใครสักคนฟัง เหมือนที่พยายามบอกตัวเองซ้ำๆว่าเธอไม่ใช่คนเลว คุณเทียนคุณพูดเหมือนว่ามันเป็นเรื่องปกติได้ยังไง สั่งสอนให้รู้จักช่วงจังหวะที่จะขาดใจตายนั่นมันไม่เรียกว่าพยายามฆ่าหรอกเหรอ.... ฉันงงไปหมดแล้วจริงๆนี่มันเรื่องอะไรกันแน่ คุณทำอย่างนี้ทำไม ต้องการอะไร ฉันไม่เข้าใจจริงๆอธิบายฉันหน่อยเถอะ ฉันเกลียดคุณสิตะเกลียดมาก ฉันต้องการให้เขาเจ็บปวดมากที่สุด ให้สมกับที่เขาเคยทำกับฉัน ทำไม?อย่าบอกนะว่าเขาเคยหักอกคุณ คุณก็เลยจะแก้แค้น หึ...เรื่องของฉันไม่งี่เง่าเหมือนนิยายของคุณหรอก ฉันเกลียดเขา เพราะเขาเคยฆ่าแม่ฉัน หา!!!ฆ่าแม่!?! หมายถึงแม่ของคุณนะเหรอ... ไม่จริงหรอกเป็นไปไม่ได้ ดาวประกายส่ายหน้าไม่เชื่อ เทียนแก้วเลยตวาดด้วยความไม่พอใจ ทำไมจะเป็นไปไม่ได้เขาฆ่าแม่ฉัน เหมือนที่ฆ่าพ่อของคุณไง อุบัติเหตุคราวนั้นนั่นแหละคุณก็รู้แล้วนี่ว่าเป็นฝีมือเขา แต่ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณหายโกรธเขาเร็วนัก ทั้งๆที่พ่อคุณตายเพราะเขา ไม่ใช่.... เธอมันโง่สรรพนามเปลี่ยนไปเพราะความโมโห ดูไม่ออกหรือไงว่าเขาเลวแค่ไหน ครอบครัวของเขาก็เหมือนกันเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น แล้วภาพเหตุการณ์เมื่อ8 ปีก่อนก็ปรากฏขึ้น ร่างหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ริมฟุตบาท ถูกรถหรูพุ่งชนจนกระเด็นไปตกอยู่ในพงหญ้าลูกสาวรีบวิ่งไปหาพบว่าแม่ยังไม่ตาย เธอร้องสุดเสียงเพื่อขอความช่วยเหลือแต่กลับไม่มีใครเหลียวแล เนิ่นนานกับความเจ็บปวดแม่รอคอยด้วยลมหายใจรวยรินสุดท้ายแม่ก็ทนไม่ไหว รถพยาบาลมาถึง...มารับแม่เป็นคนสุดท้าย แต่มันก็ไม่ช่วยอะไรเพราะแม่ขาดใจตายตั้งแต่อยู่ในอ้อมแขนฉันแล้ว ผู้ชายคนนั้นฆ่าแม่ฉันพ่อของเขาก็เหมือนกัน ฟาดเงินก้อนใหญ่มาเพื่อปิดปากฉันที่เห็นเหตุการณ์พวกเขาไม่ต้องการให้สื่อรู้ว่ามีคนตายเพราะเขาไม่อยากให้ตระกูลมหาคำสุวรรณเสียชื่อเสียง ทุเรศสิ้นดี เขาทำให้คนสองคนต้องตายแต่กลับไม่สำนึกผิด ฉันเกลียดเขา.... เทียนแก้วเอ่ยด้วยเสียงรอดไรฟันอย่างโกรธเกรี้ยวมือกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูนโปน ดาวประกายกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่เรื่องที่ได้ฟังมันยิ่งใหญ่กว่าที่เธอคาดไว้ เธอเพิ่งตระหนักว่าความเกลียดชังนั้นมีอานุภาพมากมายสามารถทำลายความดีงามจากหัวใจได้อย่างน่ากลัว ดาวประกาย...ถึงเวลาที่หล่อนต้องช่วยฉันอีกแล้วนะ ช่วยด้วย ช่วยบอกชะนีคนนี้ด้วย ว่าฉันขอโทษ เสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวซึ่งเธอก็รู้ว่าเป็นเสียงใคร เธอพยักหน้าเข้าใจ นี่สินะสาเหตุที่ทำให้เธอได้ยินเสียงของสิทธา ฉันเสียใจเรื่องแม่ของคุณนะคะแต่ว่า คุณสิตะไม่ได้เป็นคนทำนะ เทียนแก้วตวัดสายตามามองด้วยความเคืองขุ่นเธอก็เข้าข้างเขายังโง่เง่าไม่เลิกเลยนะ ตอนแรกฉันก็โกรธเขามากเหมือนกันแต่บังเอิญว่าฉันได้รู้ความจริงบางอย่าง ถ้าคุณได้อยู่ในเหตุการณ์คุณน่าจะเห็นนะคะคุณสิตะถูกไล่ยิงและรถของเขาก็ถูกตัดสายเบรก ตอนที่เกิดเรื่องคุณสิทธา...น้องชายของคุณสิตะ เป็นคนหักพวงมาลัยหนีคนร้าย รถก็เลยพุ่งมาหารถของพ่อฉันแล้วก็ชนแม่ของคุณ แต่คุณสิทธาก็ไม่ได้ตั้งใจนะคะเขาเองก็เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนกัน เธอพูดเรื่องอะไร อย่าโกรธคุณสิตะเลยนะคะแล้วก็ให้อภัยคุณสิทธาด้วยนะคะ เพราะว่าเขาก็ต้องเสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้เหมือนกัน ไม่
.เทียนแก้วส่ายหน้า ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เพิ่งได้ยินเท่าไร คุณอยู่ในเหตุการณ์คุณลองนึกดีๆ สิว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น รถของคุณสิตะโดนไล่ยิง มันเกิดอุบัติเหตุเพราะถูกไล่ยิงถ้าคุณจะโกรธ ก็ต้องโกรธคนที่ยิงเขานะ นักสืบสาวส่ายหน้าอีกครั้งก่อนหลับตาแล้วภาพที่เธอทะเลาะกับแม่ริมถนนย้อนกลับสู่ความทรงจำ ตอนนั้นเธอจำอะไรไม่ได้หรอกเพราะมัวแต่โกรธที่แม่ไม่อนุญาตให้เธอไปค่ายอาสาจึงเดินหนีออกมาแล้วหลังจากนั้นก็มีเสียงล้อเบียดถนนดังลั่น ก่อนตามมาด้วยเสียงโครมใหญ่ที่สนั่นสะเทือนไปทั้งหัวใจ ไม่...ไม่ใช่ฉัน เพราะพวกมัน เพราะพวกมันต่างหาก หญิงสาวร่างสูงโปร่งพยายามบอกตัวเอง ท่าทางรุ่มร้อนจนดาวประกายแปลกใจ คุณเทียนคุณใจเย็นๆ นะคะ ฉันรู้ว่ามันยากที่จะยอมรับ แต่ว่าให้อภัยเถอะ เราทุกคนก็สูญเสียไม่ต่างกันไม่มีใครอยากให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ เทียนแก้วยังคงส่ายหน้าเหมือนไม่ต้องการรับรู้อะไรมากกว่า ดาวประกายเลยไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วนาทีที่เธอเงียบไป เธอก็กลิ่นบางอย่าง สาวร่างบางทำจมูกฟุตฟิตและเมื่อสูดดมจนแน่ใจ เธอก็ร้องถามด้วยความสงสัย คุณเทียนคุณได้กลิ่นไหม้หรือเปล่า กลิ่นไหม้? เทียนแก้วทวนคำก่อนเงียบไปคราวนี้ไม่ใช่แค่กลิ่นไหม้ แต่เธอยังเห็นกลุ่มควันลอยขึ้นมาจากเบื้องล่าง ไวเท่าความคิดนักสืบสาวชะโงกศีรษะไปดูที่ระเบียง เห็นเพลิงสีแดงร้อนแรงกำลังลุกลามไปบนกองหนังสือที่วางเรียงอยู่ไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้ว เธอหันกลับมาบอกอีกคนด้วยใบหน้าตื่นตระหนกทันที ไฟไหม้!!!! สิตะมองเห็นควันไฟสีดำลอยอยู่เหนือที่ตั้งของโกดังขณะที่รถของเขาซึ่งมีอนณเป็นคนขับกำลังมุ่งหน้าไป ชายหนุ่มรู้สึกกระวนกระวายตั้งแต่ช่อชมพูโทรศัพท์มาเตือนให้เขาระวังทรัพย์สินของตนเองตอนนั้นเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรเพราะเธอเองก็ไม่แน่ใจว่าพ่อจะลงมือทำอะไรกันแน่ แต่ตอนนี้...เขาคิดว่าเขาพบคำตอบแล้ว ชัชวาลสั่งเผาโกดังของเขาซึ่งมีแต่หนังสือเก่าๆ ที่ถูกตีกลับจากร้านค้า มันอาจเป็นเหตุเพลิงไหม้ธรรมดาถ้าหากว่าดาวประกายจะไม่อยู่ข้างใน ด้วยความหวัง...ชายหนุ่มภาวนาขอให้ตัวเองเดาที่อยู่จากรูปถ่ายผิดพลาด จะยังไงก็ได้แต่ขอให้เธอไม่อยู่ที่นี่ นั่นรถของคุณเทียนนี่ครับ เสียงร้องของคนสนิททำลายความหวังของเขาไม่เหลือชิ้นดีสิตะมองตรงไป เห็นรถญี่ปุ่นคันเล็กจอดอยู่ข้างโกดัง ไม่สิ...จะต้องไม่เป็นอย่างที่เขาคิด ชายหนุ่มยังพยายามให้ความหวังตัวเอง ขณะวิ่งลงจากรถไปยังประตูเหล็กที่ปิดอยู่แต่ทันทีที่เขาเห็นชายคนหนึ่งในชุดรปภ. นอนสลบอยู่ไม่ไกลจากรถของเทียนแก้ว ความหวังของเขาก็พังลงอีกครั้ง โทรเรียกรถดับเพลิงสิตะสั่ง ขณะมองซ้ายมองขวาหาทางเข้าไปด้านในทั้งที่ไม่รู้ว่าดาวประกายอยู่ที่นี่จริงไหม แต่เขาก็เป็นห่วงเธอเหลือเกิน อนณยกโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายโชคดีที่เขาบันทึกหมายเลขฉุกเฉินแทบทุกหน่วยงานเอาไว้ทำให้ไม่เสียเวลาหา ชายหนุ่มยืนคุยไม่นานรถตำรวจของเสกสาระก็แล่นเข้ามา เป็นจังหวะเดียวกับที่สิตะได้ยินเสียงแว่วดังมาจากที่ห่างไกล ช่วยด้วย...ช่วยด้วยทางนี้... เสียงหนึ่งที่คุ้นหูเขาจำได้ว่าเคยได้ยินมาก่อน แต่ก็ไม่ใช่เวลาระลึกความหลัง เขารีบวิ่งตามเสียงเรียกนั้นก่อนจะเห็นใครคนหนึ่งกำลังโบกไม้โบกมือมาจากหน้าต่างชั้นสอง เทียนแก้ว!!! ------------------ มาต่ออีกตอนแล้วนะคะ เป็นยังไงบ้างคะ หวังว่ายังไม่ลืมกันนะคะ
Create Date : 30 เมษายน 2556 |
|
1 comments |
Last Update : 30 เมษายน 2556 0:12:30 น. |
Counter : 810 Pageviews. |
|
|
|