นามปากกา...ปลายสี

enterstep
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2556
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
2 พฤษภาคม 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add enterstep's blog to your web]
Links
 

 
ดาวปาฏิหาริย์ : บทที่ 33

คงไม่มีอะไรเหมาะสมกับเขามากไปกว่าการเฝ้ารออีกแล้ว

ตอนแรกที่มาถึงโรงพยาบาลเขาต้องเฝ้ามองประตูห้องฉุกเฉินด้วยหัวใจว้าวุ่น ภาวนาให้คนข้างในปลอดภัยแต่เมื่อเธอถูกย้ายไปพักที่ห้องพิเศษ เขาก็ได้แต่มองดูประตูที่ปิดสนิท ด้วยความหวังว่ามารดาของเธอจะอนุญาตให้เขาเข้าไปเยี่ยมเธอสักครั้ง

มันเป็นความผิดของเขาเองที่โพล่งบอกหญิงวัยกลางคนออกไปอย่างนั้นมารดาของดาวประกายเป็นลมทันทีที่รู้ว่าเขาคือใคร ผู้ชายที่เคยพรากชีวิตของสามีไปตอนนี้กลับมาทำร้ายลูกสาว.... เป็นเขา เขาก็คงทำใจไม่ได้ แต่ทำอย่างไรได้เล่า ในเมื่อมันเป็นความจริงที่เขาไม่อาจหลีกเลี่ยง

เขาจำเป็นต้องยืนอยู่ตรงนี้ตามที่หมื่นอาสาขอร้อง ทั้งที่หัวใจร้อนรุ่มยิ่งกว่าเพลิงไหม้เมื่อตอนบ่ายไม่รู้กี่เท่า

“คุณสิตะ....คุณเทียนฟื้นแล้วนะครับ” เสียงของอนณดังขึ้นข้างกายชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เพียงพยักหน้า ไม่พูดอะไร ใบหน้าคมสันเศร้าหมองจนน่าสงสาร

“หมอบอกว่าคุณปลาดาวหมดสติไปเพราะความตกใจอาจสูดควันไฟไปมากทำให้ต้องนอนที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการ แต่หมอก็บอกว่าเธอปลอดภัยแล้วไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วนะครับ”

“ใช่ เธอปลอดภัยหลังจากที่ต้องตกอยู่ในอันตรายเพราะฉัน”

“มันไม่ใช่ความผิดของคุณ”บอดี้การ์ดหนุ่มพยายามปลอบ แต่สิตะก็ส่ายหน้าเป็นจังหวะเดียวกับที่บานประตูที่เขาเฝ้ารอเปิดออกมา หมื่นอาสาก้าวมาหาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

“น้าเดือนขอให้ผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังผมรู้เท่าที่จูนบอกผม น้าเดือนอยากคุยกับคุณ เชิญในห้องครับ”

สิตะผ่อนลมหายใจหนักๆออกมา ก่อนก้าวตามอีกฝ่ายเข้าไป อนณทำท่าจะก้าวตาม เขาจึงหันมาบอกสั้นๆ “นายรอตรงนี้แหละ”

ภายในห้องพักพิเศษดาวประกายยังคงนอนหมดสติ ข้างๆ คือมารดาของเธอที่นั่งเฝ้าส่วนบนโซฟาคือร่างของปันปรีดาที่เขาเคยผ่านตาตามหน้านิตยสาร...สิตะยกมือไหว้ทุกคนด้วยความลำบาก

“ไม่ต้องเสียเวลาทักทายหรอกฉันจะพูดสั้นๆ คุณแค่ฟัง... ต่อไปอย่ามายุ่งกับลูกสาวของฉันอีก” หญิงวัยกลางคนร่างบอบบางที่ลุกขึ้นประกาศลั่นด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดทั้งที่เตรียมใจมาแล้วแต่สิตะก็ยังชะงักไปเมื่อได้ยิน

“ผมอยากอธิบาย”

“ฉันไม่ต้องการคำอธิบายแต่ต้องการให้คุณเลิกติดต่อกับลูกสาวฉัน ไม่ว่าทางใดทั้งนั้น”

“แต่ผมรักเธอ”

“รักประสาอะไรทำให้เจ็บตัวไม่รู้กี่ครั้งถ้าลูกสาวฉันเป็นอะไรขึ้นมา ความรักของคุณมันช่วยอะไรได้บ้าง ยายดาวมันเจ็บตัวเพราะคุณนี่นะเหรอ สิ่งที่คุณเรียกว่ารัก ฉันว่าคุณไม่เข้าใจหรอกว่ารักคืออะไร เพราะถ้าคุณเข้าใจคุณจะไม่ดึงดาวให้เดือดร้อนไปพร้อมกับคุณ”

เหมือนคมมีดกรีดลึกที่หัวใจตอกย้ำความเลวร้ายที่เขาพยายามปฏิเสธ ชายหนุ่มก้มหน้านิ่ง เจ็บปวดจนพูดอะไรไม่ออก

“ไม่ต้องมาอ้างความรักอีกแล้วนะเพราะมันไร้ค่าเหลือเกิน...” สิ้นเสียงของเดือนทอสิตะก็ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าลงต่อหน้า ท่ามกลางความตกใจของทุกคน ชายหนุ่มเงยหน้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้า ทว่าหนักแน่น

“ถึงคุณจะเกลียดผมแต่ได้โปรด อย่าดูถูกความรักของผม”

ดวงตาคมเงยสบหญิงวัยกลางคนอย่างแน่วแน่เดือนทอเป็นฝ่ายชะงักไปบ้างเมื่อจับต้องได้ถึงความจริงจังและจริงใจของอีกฝ่าย คิ้วบางจะขมวดเข้าหากันด้วยความหนักใจ

ความจริงเธอก็ไม่ได้อยากใจร้ายแต่สถานการณ์ก็บีบคั้นให้เธอต้องทำเช่นนี้

“คุณสิตะลุกขึ้นเถอะ แล้วก็กลับไปซะ”

“ผมอยากยืนยันความรักที่ผมมีต่อดาวประกายไม่ว่ายังไง ผมก็รักเธอ ผมเสียใจกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น เสียใจ ที่ทำให้คุณสูญเสียสามีของคุณทุกอย่างเป็นเพราะผมเอง ไม่มีอะไรจะแก้ตัว ผมขอโทษ... และถึงแม้ว่าคุณจะมองว่ามันไร้ค่าแต่ผมก็สัญญา ด้วยความรักของผม... จนกว่าผมจะจัดการเรื่องยุ่งยากของผมได้ผมจะไม่มาพบดาวประกายอีก ผมจะไม่ทำให้หัวใจของผม เจ็บปวดเพราะผมอีก”

เอ่ยจบชายหนุ่มก็ลุกขึ้นก้มหัวให้อีกฝ่ายแล้วก้าวยาวๆ จากไป แผ่นหลังยังคงตั้งตรงไม่หวั่นไหว แต่เมื่อประตูปิดลงเท่านั้นน้ำตาของลูกผู้ชายก็รินไหล ไหล่กว้างลู่ลงเพราะเหนื่อยล้าเหลือเกิน

อนณที่รออยู่มองเจ้านายด้วยความเห็นใจ เขายืนเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร พักใหญ่ เสกสาระก็เดินเข้ามา

“ขอโทษนะครับคุณสิตะคุยได้ไหม”

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่พยักหน้าสูดลมหายใจเพื่อไล่หยาดน้ำใสให้เหือดหาย “คุณเสกมีอะไรครับ”

“คุณเทียนแก้วให้ปากคำกับเราแล้วนะครับบอกว่าเธอพาดาวประกายไปที่นั่นจริงๆ เธอแค่ต้องการคุยกับคุณ ส่วนเรื่องไฟไหม้...เราได้ตรวจสอบพบคราบน้ำมันในที่เกิดเหตุ เป็นการวางเพลิงจริงๆอย่างที่คุณสันนิษฐาน”

“ฝีมือเทียนแก้ว

“เธอปฏิเสธครับ”

“ถ้าอย่างนั้น...” เอ่ยสั้นๆก่อนหันไปทางคนสนิท ซึ่งฝ่ายนั้นก็พยักหน้าสนับสนุนความคิดของเขา สิตะถอนหายใจอีกครั้งเบาๆก่อนที่ดวงตาจะเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่น อย่างคนที่ตัดสินใจได้แล้วว่าจะทำอย่างไร

“ฉันต้องจัดการเรื่องนี้สักที”

ชัชวาลคาดไม่ถึงกับการมาเยือนกลางดึกของลูกชายคู่อริ ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายมาด้วยเรื่องอะไร เพราะเห็นเฝือกที่แขนขวากับเนื้อตัวมอมแมมเพราะเขม่าควันแต่สำหรับเขา สิตะคือเด็กหนุ่มขี้ขลาด ที่ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรก็เอาแต่วิ่งหนี ดังนั้นการที่อีกฝ่ายมาหาเขาถึงบ้านในค่ำคืนนี้คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่

ชายวัยกลางคนในชุดนอนพยักหน้าให้คนของเขาคอยจับตาไว้สิตะมาพร้อมบอดี้การ์ด แม้จะค้นตัวแล้วไร้อาวุธ แต่ก็ยังไว้ใจไม่ได้ ทั้งหมดยืนประจันหน้ากันอยู่นอกตัวบ้านก่อนในที่สุดเจ้าของบ้านจะเอ่ยถามเพื่อหยั่งเชิง

“ไม่เจอกันนานนะลมอะไรหอบมาล่ะ”

“ผมอยากมาคุยกับคุณให้รู้เรื่อง” สิตะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังแม้ในแสงสลัวของดวงไฟบนสนาม ก็ยังคงเห็นความแน่วแน่ในสายตาคมกริบชัดเจน

“จะคุยเรื่องอะไร”

“แล้วเรื่องอะไรที่ทำให้คุณส่งคนไปทำร้ายผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าล่ะครับผมอยากมาคุยเรื่องนั้นนั่นแหละ” สิตะเอ่ยโดยไม่มีท่าทีกริ่งเกรง ผิดกับที่ชัชวาลคิดไว้ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า ต่างไปจากเด็กหนุ่มที่เคยคุ้นเมื่อนานมาแล้ว

“แกกล้ามาหาฉันที่นี่รู้ใช่ไหมว่าแกอาจจะไม่ได้กลับออกไป ฉันมีสิทธิ์ฆ่าแกได้ในฐานะที่แกกับพวกบุกเข้ามาทำร้ายฉันยามวิกาล ฉันและคนของฉันก็ต้องป้องกันตัว”

“ถ้าผมตายแล้วเรื่องมันจะจบหรือเปล่า” ชายหนุ่มเอ่ยกลับทันควันไม่มีความหวาดหวั่นใดๆ ให้เห็น ทุกคำพูด ทุกการกระทำที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้เขาเชื่อว่าเขาไตร่ตรองมาดีแล้ว

“ผมอยากจบปัญหาทั้งหมดถ้ามันเริ่มที่ผม ก็จัดการผมซะเถอะ แต่ถ้ามันเริ่มที่พ่อผม ก็ให้จบที่ผมเหมือนกันไม่ว่าความบาดหมางของคุณคืออะไร ในฐานะที่ผมเป็นลูกชาย ผมขอชดใช้เอง”

น้ำเสียงมั่นคงของอีกฝ่ายทำให้ชัชวาลเริ่มไม่พอใจ ความตายอยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่สิตะกลับไม่กลัวเลยสักนิด

“นี่แกคิดว่าตัวเองเป็นพระเอกหรือไงมาทำเท่ตอนนี้ คิดว่ามันมีประโยชน์เหรอ ต่อให้แกตาย ฉันก็ไม่หายแค้นหรอก”

“ถ้าอย่างนั้นคุณต้องการอะไร”

“ให้พ่อแกมากราบแทบเท้าฉันก่อนฉันอาจจะคิดออก ว่าฉันต้องการอะไร”

“ผมไม่คิดว่าพ่อจะขอโทษใครเป็น....”สิตะเอ่ยด้วยเสียงเครียด ซึ่งทำให้อีกฝ่ายหัวเราะเยาะในลำคอ

“เพราะมันไม่เคยสำนึกในสิ่งที่มันทำเอาไว้ไงฉันถึงได้เกลียด... มันเลวแค่ไหน ยังไง แกเป็นลูก แกก็ไม่เคยรู้ใช่ไหม คนอย่างมันทำชั่วเอาไว้แล้วยังเสวยสุข ลอยหน้าลอยตาเป็นคนดี ระยำจริงๆ”

“พ่อผมเคยทำอะไรคุณ”

สิ้นเสียงถามแสงไฟหน้ารถก็สาดส่องเข้ามาจากรั้วด้านหน้า ทุกคนหันมอง ขณะที่ประตูอัตโนมัติถูกเปิดออกรถยุโรปคันเล็กแล่นเข้ามาด้วยความเร็ว ตามมาด้วยรถอีกคันที่ใหญ่กว่า ทั้งสองจอดเทียบใกล้ๆก่อนที่สาวร่างบางระหงจะถลาลงมาจากรถคันแรกด้วยใบหน้าตื่นตกใจ เช่นเดียวกับชายวัยกลางคนที่ก้าวลงจากรถคันหลัง

“เกิดอะไรขึ้น”ช่อชมพูร้องถามทันที พร้อมปราดเข้าไปยืนใกล้สิตะ สำรวจด้วยสายตาว่าได้รับอันตรายอะไรหรือเปล่าขณะที่ชัชวาลขมวดคิ้วเครียดเมื่อเห็นหน้าเพื่อนเก่า

“ไอ้สาธิต มึงกล้ามากที่มาเหยียบบ้านกู”เขาตะโกนใส่ด้วยความเคียดแค้น ก่อนคว้าปืนที่เหน็บเอวขึ้นมาชี้หน้าอีกฝ่าย “มึงมาทำไม”

สาธิตหันมองลูกชายก่อนเหลือบไปทางบอดี้การ์ดของฝ่ายนั้น...อนณเป็นคนโทรไปบอกเขาเองว่าสิตะมุ่งหน้ามาที่นี่ ทันทีที่รู้ เขาก็อยู่เฉยไม่ได้ “ฉันมาตามลูกชายของฉัน”

“เออก็ดี มากันให้หมด จะได้จัดการทีเดียว”

“พ่ออย่าทำอะไรนะ” ช่อชมพูร้องเสียงหลง เมื่อเห็นพ่อขึ้นลำปืน เธอเองก็มาที่นี่เพราะโทรศัพท์จากอนณแต่จะต่างก็ตรงคนที่เธอห่วง มีถึงสอง... “พ่อ อย่าทำอะไรเลยนะคะ พู่ขอร้อง”

“เงียบไปเลยพู่นี่ไม่ใช่เรื่องของแก”

“ถ้าพ่อฆ่าคนตายแล้วจะไม่ใช่เรื่องของพู่ได้ยังไงพ่อ พอเถอะนะคะ พู่ไม่อยากมีพ่อเป็นฆาตกร”

“ฆาตกร!?! แกเรียกฉันว่าฆาตกรแล้วคนที่ฆ่าแม่แกล่ะ แกเรียกมันว่าอะไร ไอ้ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าแกนั่นแหละเป็นคนทำให้แม่แกจากไป แกยังจะปกป้องมันอยู่อีกเหรอ”

“ฆ่าแม่ ช่อชมพูทวนคำก่อนหันขวับไปยังสาธิต เหมือนกับที่สิตะหันมองพ่อของตัวเอง

“พ่อ!?!พ่อทำจริงๆ เหรอ”

สาธิตยืนนิ่งขบกรามแน่น ทำให้ชัชวาลเอ่ยต่อ

“ยังไง พูดไม่ออกเลยหรือไงกล้าทำทำไมไม่กล้ารับล่ะวะ จะกลัวอะไร ในเมื่อมึงฆ่าเมียกูหลังจากที่มึงโกงบริษัทกูไปแล้ว”

“พ่อ...”สิตะครางออกมาด้วยความตกใจ ขณะที่ประธานมหาคำเงียบไปพักใหญ่... ใช่ เขากลัวเขากลัวมาตลอดว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น เขากลัวว่าความลับในอดีตจะถูกเปิดเผยเขากลัวว่าลูกชายจะเกลียดเขา... เขากลัว แต่อย่างที่เห็นความกลัวไม่มีประโยชน์อะไรเลย นอกจากจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่เขาและครอบครัวซ้ำแล้วซ้ำเล่ามันคงถึงเวลาแล้วที่เขาจะเผชิญหน้ากับความจริง

“ใช่ ฉันทำเอง”

“พ่อ!!!”

“ฉันนี่แหละที่โกงบริษัทแกฉันอยากให้โรงพิมพ์ที่เราก่อตั้งมาด้วยกันเป็นชื่อของฉันคนเดียวฉันเลยปลอมเอกสารให้แกเซ็นสัญญายกทุกอย่างให้ฉัน ฉันทำสำเร็จแต่แกก็ทำท่าจะฟ้องร้อง ฉันเลยต้องกำจัดแก ฉันให้คนไปตัดสายเบรกรถแกแต่ไม่คิด...ว่าคนในรถคันนั้นจะเป็นคุณทิพย์”

สาธิตเอ่ยด้วยเสียงสั่นที่พยายามบังคับให้มั่นคงในดวงตาของชายวัยกลางคนเต็มไปด้วยความสับสน ต่างจากลูกชายที่มีแต่ความตกใจ

คำสารภาพจากปากพ่อไม่ต่างจากน้ำป่าที่ไหลบ่าทะลักหัวใจสติของสิตะเกือบจะลอยละล่องไปกับกระแสเชี่ยวกราดของความจริง

ไม่ต้องสงสัยอะไรอีกแล้วทำไมรถที่เขาขับวันนั้นถึงเบรกไม่อยู่มันเป็นเพราะเหตุผลเดียวกับที่พ่อเคยทำไว้กับคนอื่น และเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมพ่อถึงปล่อยให้เรื่องเมื่อ 8 ปีก่อนนั้นเป็นแค่อุบัติเหตุ ทำไมพ่อถึงไม่ยอมให้เขาร่วมมือกับตำรวจสืบหาความจริงเพราะทั้งหมด... มันเริ่มต้นจากพ่อนี่เอง

สิตะหันมองพ่อขณะที่พ่อก็มองเขาอยู่เช่นกัน ไม่มีคำพูดใดๆ ระหว่างกันนอกจากความเสียใจในแววตาของทั้งสองเท่านั้น

“ฉันขอโทษ”พ่อเอ่ยต่อ เมื่อหันกลับไปหาเพื่อนเก่า ขณะที่ฝ่ายนั้นยิ้มเหยียดอย่างดูแคลน

“มึงมาขอโทษกูตอนนี้ไม่คิดว่าสายไปหน่อยหรือไง และก็แค่คำพูดแบบขอไปทีของมึง คิดว่ากูจะรับไว้เหรอ” ชัชวาลตวาดกลับดอกเบี้ยแห่งความโกรธเกลียด เปลี่ยนเป็นความเคียดแค้นที่ฝังรากลึก จนคำขอโทษไม่เพียงพอแล้วในยามนี้

“แล้วแกต้องการอะไรถึงจะเลิกวุ่นวายกับครอบครัวของฉันซะที”

“มากราบขอขมาฉันก่อนสิเผื่อฉันจะปราณี ไม่ฆ่าพวกมึง” เขาเอ่ยอย่างที่เคยบอกกับคนอื่นๆแต่สาธิตถึงกับชะงัก

รู้กันทั่วว่าประธานใหญ่แห่งมหาคำหยิ่งในศักดิ์ศรีเพียงใดเรื่องที่ขอคงไม่มีวันทำได้

“ให้ผมทำแทนเถอะ” สิตะเสนอตัวเมื่อเห็นสีหน้าหนักใจของพ่อเขาก้าวออกมาแล้วคุกเข่าลงกับพื้น เหมือนเช่นที่เมื่อกลางวันเขาได้ทำต่อหน้ามารดาของดาวประกาย

“ไอ้สิ!!!ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ต่อให้แกกราบมัน มันก็ไม่ให้อภัยเราหรอก”

“รู้จักกูดีนี่ไอ้สาธิตเหมือนที่กูก็รู้สันดานของมึงดี คนอย่างมึง ไม่มีวันสำนึกในสิ่งที่ตัวเองก่อไว้ ต้องรอให้มึงสูญเสียทุกอย่างก่อนมึงถึงจะเข้าใจสินะ ว่าไอ้ที่มึงทำ มันเลวระยำแค่ไหน.... ก็ดีถ้าอย่างนั้นกูก็จะเร่งเวลานั้นให้มาถึงเร็วขึ้น”

ปลายกระบอกปืนเปลี่ยนเป้าหมายมาเล็งตรงหน้าลูกชาย สาธิตเบิ่งตากว้าง รีบร้องออกมา

“ไอ้ชัชอย่า!!!”

“พ่อ!!!”

ก่อนที่ลูกกระสุนจะลั่นออกจากไกท่านประธานผู้ยิ่งใหญ่ก็ทรุดตัวลงนั่งพร้อมประนมมือไหว้ ก่อนที่เขาจะก้มกราบท่ามกลางความตกใจของทุกคน

“ทั้งหมดเป็นเพราะฉันเองฉันผิดเอง อย่าทำร้ายลูกชายฉันเลย”




-------------------------

เป็นยังไงกันบ้างคะ ปมปริศนาต่างๆ เหมือนอย่างที่คาดเดากันไว้หรือเปล่า
ยังไงก็ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ




Create Date : 02 พฤษภาคม 2556
Last Update : 2 พฤษภาคม 2556 0:24:45 น. 0 comments
Counter : 691 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.