นามปากกา...ปลายสี

enterstep
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




Group Blog
 
<<
เมษายน 2556
 
27 เมษายน 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add enterstep's blog to your web]
Links
 

 
ดาวปาฏิหาริย์ : บทที่ 29

การเดินทางกลับเมืองไทยของดาวประกายเกิดขึ้นรวดเร็วเสียยิ่งกว่าตอนมา

จากซกโซมุ่งหน้าสู่โซลเพื่อเก็บของและเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นเธอก็ขึ้นเครื่องจากไป โดยขอร้องให้เขาเลื่อนไปอีกไฟล์ทเพราะยังทำใจไม่ได้ที่จะเห็นหน้า เขายอม... เพราะรู้ว่ามันไม่ง่ายสำหรับเธอ เหมือนที่มันก็ยากเย็นเกินยอมรับสำหรับเขาเหมือนกัน

ใครจะนึกล่ะว่าผู้หญิงที่เขาเพิ่งบอกรัก จะเป็นคนเดียวกับผู้หญิงที่เขาเคยขับรถชนเมื่อ 8 ปีก่อน เธอเกือบไม่รอดและยังต้องเสียพ่อไป การสูญเสียของเธอ มีต้นเหตุมาจากเขา... เขาไม่เคยรู้เลยจนกระทั่งวันนี้

โชคชะตามักเล่นตลกกับเขาเสมอ

“คุณจูนบอกว่าให้รอสักพักแล้วค่อยคุย คุณปลาดาวน่าจะยอมฟังบ้าง”

เสียงจากคนสนิทที่นั่งติดกันเอ่ยขึ้นเบาๆภายในโบอิ้งที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวไทยอย่างน้อยก็เทียนแก้วและพลัชที่อยู่เบาะหลัง เขาไม่อยากให้ใครได้ยินบทสนทนาเหล่านี้มากนัก

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่นั่งริมหน้าต่างถอนหายใจหนักๆออกมา ก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือมาพิมพ์ข้อความส่งให้คนข้างกายอ่าน

“ส่งรูปขวดแก้วที่เจอในกระเป๋าของพู่ไปให้สารวัตรเสกแล้วใช่ไหมทางนั้นว่ายังไงบ้าง”

อนณรับมาพิมพ์ตอบกลับไป“คุณเสกโทรมาบอกก่อนขึ้นเครื่องว่าซีโวฟลูเรน(Sevoflurane)เป็นยาสลบจริงๆ ใช้ทางการแพทย์ แต่ก็มีขายตามอินเตอร์เนท ดมเข้าไปจะน็อคภายใน 2-3วินาที แล้วก็จะไม่รู้สึกตัวประมาณ 5-7 ชั่วโมง”

สิตะอ่านแล้วขมวดคิ้วก่อนพิมพ์ถามอีก “เป็นไปได้ไหมที่จะมีใครจงใจใส่ไว้ในกระเป๋าพู่”

“คุณสิตะเชื่อว่าไม่ใช่ฝีมือของคุณช่อชมพู

“ฉันรู้จักพู่มานานฉันอยากจะลองเชื่อดู”

“ถ้าอย่างนั้นคุณสิตะสงสัยใคร”

“คนเดียวที่หายไปก่อนดาวประกายจะรู้เรื่องเมื่อ8 ปีก่อน นายคิดว่ายังไง”

“ผมเห็นด้วยแล้วคุณสิตะจะทำยังไงต่อไป”

“ถามตอนนี้คงไม่บอกฉันอยากสืบให้รู้ก่อนว่าเพราะอะไร บางทีเธออาจเป็นคนที่พวกนั้นส่งมา”เขาพิมพ์ถึงตรงนั้น และนึกคำที่ช่อชมพูทิ้งท้ายไว้ก่อนจะกลับไปหาพิพัฒน์ได้ “พู่บอกว่าจะไปถามพ่อให้แต่ฉันก็ไม่แน่ใจว่าคำตอบจะเป็นความจริงสักแค่ไหน”

“ถึงเมืองไทยคงถามจากคุณคมน์ได้ว่าคุณเทียนแก้วเป็นใครมาจากไหนกันแน่”

สิตะพยักหน้าก่อนยุติบทสนทนาเพียงแค่นั้น เขาเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าแล้วหลับตาลงต่อให้พยายามคิดเรื่องอื่นเพื่อหยุดคิดถึงดาวประกาย แต่สุดท้ายเขาก็ลืมเธอไม่ได้

ดาวประกาย...ยกโทษให้ฉันได้ไหม

อากาศที่แตกต่างกันราวตู้เย็นกับเตาอบทำให้ดาวประกายป่วยทันทีหลังกลับมา

หญิงสาวร่างบางนอนซมเพราะพิษไข้อยู่บนเตียงสี่เสาซึ่งตั้งอยู่กลางห้องนอนขนาดใหญ่ภายในคฤหาสน์ของปันปรีดา.... มารดาของหมื่นอาสา เพราะไม่สบายหนักเธอจึงได้พักที่นี่แทนที่จะเป็นบ้านเช่าหลังเล็กที่อยู่รั้วถัดไป ซึ่งเธอใช้พำนักตลอดเวลาตั้งแต่เข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯและนั่นก็เป็นสมบัติของคุณนายปันอีกเช่นกัน

ครึ่งหลับครึ่งตื่นตอนเกือบเที่ยงคืนดาวประกายในเสื้อยืดสีขาวและกางเกงขาสั้นพลิกตัวไปมาอย่างกระสับกระส่าย มองตุ๊กตาที่ใครบางคนให้มาก่อนจะได้ยินเสียงคุ้นเคยเรียกขานเบาๆ

“ดาวประกาย....ดาวประกาย”

หญิงสาวหันมองฝ่าความมืดเห็นเงาลางเลือนอยู่ข้างเตียง

“คุณนั่นคุณใช่ไหม เสียงปริศนา... คุณสิทธา”

“ในที่สุดหล่อนก็รู้ว่าฉันเป็นใคร”

“คุณหายไปนาน....”

“ฉันไปพักฟื้นมาต้องรอให้พลังแกร่งกล้าถึงจะสื่อสารกับหล่อนได้”

“คุณรู้แล้วใช่ไหม เรื่อง...คุณสิตะ”

“ใช่”

“ฉันควรทำอย่างไรดี ฉันไม่อยากโกรธเขาแต่ฉันก็ทนเห็นหน้าเขาไม่ได้ ฉันคิดถึงเขา คิดถึงมาก แต่ก็...”

“ให้อภัย” ร่างนั้นเอ่ยออกมาสั้นๆทำให้ดาวประกายขมวดคิ้ว

“คุณพูดเพราะว่าเขาเป็นพี่ชายของคุณใช่ไหม”

“ไม่ใช่… มันถึงเวลาที่เธอควรรู้”

“รู้อะไร”

สิ้นคำถามภาพบางอย่างก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า บ้านหลังใหญ่ บันไดหินอ่อน ตรงเข้าไปเป็นห้องโถง....กว้างตกแต่งด้วยดอกไม้สวยงาม มีเสียงคนแว่วมา ดัง...ค่อยๆ ดัง ฟังคล้ายทะเลาะกัน ภาพเปลี่ยนเป็นห้องรับแขกชายวัยกลางคนนั่งเป็นประธานบนโซฟาตัวใหญ่ ฝั่งขวามือคือหญิงวัยเดียวกันผิวขาวสะอาดงดงามหมดจด ตรงข้ามคือชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในชุดนักศึกษา ข้างๆคือผู้ชายที่หน้าตาละม้ายคล้ายกัน

‘ฉันไม่ให้แกเป็นนักเขียนไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีก’

‘ทำไมละฮะพ่อบ้านเราเป็นสำนักพิมพ์ ผมเป็นนักเขียน ทำไมจะไม่ได้ล่ะฮะ’

‘อาชีพที่ส่วนใหญ่มีแต่ผู้หญิงแกไม่ต้องคิดเลยนะว่าจะเป็น’

‘แต่นักเขียนหลายคนก็เป็นผู้ชายนะฮะพนมเทียน มาลาคำจันทร์ ประภัสสร เสวิกุล เขมชาติ ยาขอบ ลาวคำหอม ชาติ กอบจิตแล้วก็อีกตั้งหลายคนที่เป็นผู้ชาย’

‘แล้วแกมันเป็นผู้ชายหรือไง’

‘คุณสาธิต!!!’ คำนี้ดังมาจากผู้หญิงหนึ่งเดียวตรงนั้นสีหน้าของเธอทั้งหวาดหวั่น ทั้งวิตกกังวล

‘อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าจริงๆแล้วแกเป็นยังไง กระตุ้งกระติ้งเกินชาย แค่นี้ฉันก็อับอายจะแย่อยู่แล้วให้เกิดมาเป็นผู้ชาย แต่ดันอยากเป็นผู้หญิง ไม่รู้มันเลี้ยงกันยังไง ขายขี้หน้า เสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูลอย่างแกมันไม่น่าจะเกิดมาเป็นมหาคำสุวรรณเลย”

‘พ่อ!!!พอเถอะครับ’ คราวนี้คนตัวใหญ่เป็นคนเอ่ยหลังปิดปากเงียบมานานเขามองหน้าแม่ที่ร้องไห้ ก่อนมองน้องชายที่เม้มปากแน่นอย่างอดกลั้น

‘ไอ้สิแกไม่เห็นหรือไงว่าน้องชายแกกลายเป็นกระเทยไปแล้ว แกเป็นพี่แกไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือไง เข้าข้างมันเข้าไปสิ เลี้ยงมันอย่างนี้ไง มันถึงได้ผิดเพศ’

‘พ่อผมคิดว่าพ่อพูดเกินไป ผมไม่เห็นว่ามันเสียหายตรงไหน ธาไม่ได้ทำอะไรเลวร้าย ไม่ได้ฆ่าใครธาเป็นยังไงผมก็รับได้ เพราะธาเป็นน้องของผม พ่อเองก็ควรรับให้ได้เหมือนกันเพราะว่าธาเป็นลูกของพ่อ’

‘พวกลักเพศวิปริตอย่างนี้ ฉันไม่ถือว่าเป็นลูกฉันหรอก’

‘พ่อ!!!’

เสียงของลูกชายทั้งสองดังประสานกันก่อนที่คนเป็นน้องนั้นจะผุดลุกขึ้นแล้วก้าวหนี พี่ชายเห็นจึงลุกตามไป ร่างที่เล็กว่านำออกจากประตูใหญ่มุ่งตรงไปยังโรงจอดที่มีรถเกือบสิบคันจอดเรียงกันอยู่

ชายหนุ่มในชุดซาฟารีที่ยืนก้มๆเงยๆ อยู่แถวนั้นสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้น

‘เอากุญแจมา’

คนขับรถทำท่าเลิกลักแต่สุดท้ายก็ส่งกุญแจรถคันใหญ่ของคุณผู้ชาย ให้คุณหนูคนเล็กของบ้าน แต่ยังไม่ทันที่มือจะยื่นออกมารับใครคนหนึ่งก็คว้ามันตัดหน้าไป

‘พี่ขับเอง’

ภาพตัดมายังถนนในคืนเดือนมืดแสงสว่างจากดวงไฟสีส้มส่องเป็นระยะ ทันใดนั้น รถยุโรปหรูที่แล่นมาช้าๆก็เริ่มเร่งความเร็วขึ้น เมื่อคนขับเหลือบไปเห็นกระบอกปืนจากรถกระบะที่ขับตามมา

ไม่มีโอกาสหนีเพราะกระสุนถูกกระหน่ำเข้าใส่ กระจกนิรภัยช่วยป้องกันไว้ได้ แต่เมื่อยางล้อถูกทำลายรถก็เสียการควบคุม พยายามเบรกเท่าไรก็ไร้ผล รถปัดป่ายซ้ายขวาก่อนคนไล่ล่าจะตามมาประกบทางฝั่งคนนั่งกรีดร้องเสียงหลงด้วยความหวาดกลัวและเมื่อเห็นกระบอกปืนกำลังเล็งเป้ามา สัญชาตญาณเอาตัวรอดก็สั่งให้เอื้อมมือไปคว้าพวงมาลัยจากคนขับและหักหลบไปอีกทาง

รถทะยานข้ามเกาะกลางทำลายล้างทุกอย่างที่ขวางกั้น กี่ลมหายใจต้องสูญเสียไปเพราะการตัดสินใจครั้งนั้น ตราบาปจึงจรดลึกอยู่ในดวงจิตจนถึงวันนี้

…….

“ดาวประกายจำได้ไหม ฉันเคยบอกหล่อนว่ามีเรื่องให้หล่อนช่วย ตอนนี้แหละ หล่อนช่วยฉันได้ไหมฉันเป็นคนทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนั้นเอง เป็นฉันเอง...ให้อภัยฉันได้ไหม”

น้ำเสียงวิงวอนจากเสียงที่รู้แล้วว่าเป็นใครทำให้หยาดน้ำใสรินไหลจากหญิงสาวที่นอนอยู่

เธอหลับตาด้วยความรู้สึกที่เหนื่อยล้าแต่ไม่ว่าอย่างไร ก็ยังเปล่งเสียงออกไป

“ค่ะ...ฉันให้อภัยค่ะ”

ห้วงนิทรารอคอยอยู่ตรงหน้าไม่มีอะไรให้กังวลอีกต่อไปแล้ว หนึ่งเดียวที่คำนึงหาคือภาพของผู้ชายคนหนึ่งที่เธอปรารถนาจะเจอเขาอย่างที่สุด

คุณสิตะ...




---------------------------------------

จัดไป คลายไปอีกปมแล้วนะคะ

่อจากนี้จะยิ่งดราม่า ไม่รู้ผูกปมอะไรนักหนา 5555 ช่วยลุ้นกันต่อด้วยนะคะ ^^




Create Date : 27 เมษายน 2556
Last Update : 27 เมษายน 2556 0:26:09 น. 2 comments
Counter : 710 Pageviews.

 
ลุ้นตาม มาต่อเร็ว ๆ นะคะ


โดย: คุณย่ายังสาว IP: 61.219.36.91 วันที่: 27 เมษายน 2556 เวลา:9:55:12 น.  

 
ลุ้นด้วยคนค่า


โดย: crystal IP: 171.7.115.67 วันที่: 27 เมษายน 2556 เวลา:18:05:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.