นามปากกา...ปลายสี

enterstep
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




Group Blog
 
<<
เมษายน 2556
 
12 เมษายน 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add enterstep's blog to your web]
Links
 

 
ดาวปาฏิหาริย์ : บทที่ 16



“ว่ายังไงนะ ไอ้สิมันหนีไปอีกแล้ว!?! ”

สาธิตทวนคำด้วยเสียงดัง เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เขาควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ชายวัยกลางคนที่ยังคงนั่งอยู่ในห้องทำงานแม้ที่เมืองไทยจะล่วงเข้าวันใหม่กระแทกลมหายใจ นักสืบสาวเพิ่งตามไปถึงวันนี้ ลูกชายตัวดีของเขาก็หนีไปอีก

“มันหนีเธอเหรอ”

“เปล่าค่ะ แต่ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา คุณสิตะเจอกับลูกสาวของชัชวาล”

“ว่ายังไงนะ!!!” ประธานใหญ่แห่งมหาคำดีรักกรุ๊ปอุทานอีกครั้ง ใบหน้าตึงเครียดยิ่งกว่าเก่า “ช่อชมพูงั้นหรือ เจอกันได้ยังไง”

“เธอมาหาคุณสิตะที่บ้านพัก ฉันเฝ้าดูอยู่ข้างนอก ไม่ได้ยินว่าข้างในคุยอะไรกัน แต่หลังจากที่คุณอนณไปส่งเธอ คุณสิตะก็พาดาวประกายหนี”

“ไปกับดาวประกาย!?!” ไม่มีอะไรจะเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว สาธิตคิดในใจ ก่อนยกมือขึ้นกุบขมับ “หาทางตามไปให้ได้ ยังไง...ก็ต้องตามไปให้ได้”

นั่นเป็นคำสั่งสุดท้ายก่อนที่เขาจะวางสาย สีหน้าของชายวัยกลางคนยังไม่คลายความตึงเครียด ยามปรารภกับคนสนิท

“นี่ไอ้สิมันคิดจะหนีไปตลอดชีวิตเลยหรือไง”

คมน์ที่ยืนเงียบ แต่ได้ยินบทสนทนาจากปากเจ้านาย พอจะเดาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ชายวัยเดียวกันในชุดซาฟารีประจำตัวตัดสินใจเอ่ยออกมา

“แล้วเพราะอะไร คุณสิตะถึงต้องหนีล่ะครับ”

“ไอ้สิมันเจอช่อชมพู ฉันว่าต้องเป็นแผนของไอ้ชัชแน่ๆ ส่งลูกสาวไป เพื่อหาทางทำร้ายไอ้สิ”

“แล้วเพราะอะไร คุณชัชวาล ถึงต้องหาทางทำร้ายคุณสิตะละครับ”

คมน์ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แววตาและสีหน้าไม่บอกอารมณ์ใดๆ แต่เพราะความใกล้ชิดทำให้สาธิตรับรู้ความหมายที่อีกฝ่ายต้องการสื่อทันที

“นี่นายกำลังว่าฉันอยู่ใช่ไหม” ท่านประธานใหญ่ตวัดเสียงถามอย่างฉุนเฉียว แต่คนสนิทก็ยังรักษาอาการสงบได้อย่างดีเยี่ยมแม้ในขณะที่ตอบ

“ถ้าคุณตั้งคำถามนี้ขึ้นมาได้ ก็แสดงว่าลึกๆ แล้ว คุณเองก็ต้องรู้ว่าใครเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ผมไม่ได้ต้องการตำหนิ แต่ขนาดผมไม่ใช่คุณสิตะผมยังเหนื่อย นี่ก็นานมากแล้ว คุณสิตะก็คงเหนื่อยที่จะหนีแล้วเหมือนกัน”

ถ้าเป็นคนอื่น สาธิตคงไล่ตะเพิดออกไปด้วยความโมโหตั้งแต่ได้ยินประโยคแรก แต่เพราะเป็นคนที่สนิทที่สุด รู้ตื้นลึกหนาบางในชีวิตของเขามากที่สุด ชายวัยกลางคนจึงนิ่งฟังจนจบ และนิ่งจมอยู่ในความคิดตัวเองต่ออีกพักใหญ่

“นายคิดว่าฉันควรทำยังไง”

“ก็แค่เลือก... ไปต่อ หรือ ยุติ”

“มันไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิ เรื่องมันมาไกลขนาดนี้ ถึงฉันอยากจะจบ ไอ้ชัชมันก็คงไม่ยอม”

คมน์ไม่ตอบ แต่ในความเงียบ สาธิตก็ดูออกว่าคนสนิทคิดอะไรอยู่ “อีกครั้งแล้วนะที่นายกำลังต่อว่าฉัน นายกำลังคิดว่า คนอย่างสาธิต มหาคำสุวรรณ ถ้าต้องการจบ ทำไมจะจบไม่ได้ใช่ไหม”

“เปล่าครับ ผมแค่คิดว่าถ้าผมเป็นพ่อคน ผมคงไม่ยอมให้ลูกต้องมีบอดี้การ์ดตามติดไปตลอดชีวิตเหมือนตัวเอง”บอดี้การ์ดวัยกลางคนตอบเสียงเรียบ แต่ก็ทำให้สาธิตนิ่งงันทันทีที่ได้ยิน

ทิฐิ ความถือตัว รวมทั้งอดีตที่ไม่อยากรื้อฟื้น อาจทำให้เขาเขี่ยความเห็นของคนสนิททิ้งไปอย่างไม่ใยดี แต่ภาพของลูกชายที่วิ่งหนีความตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็ทำให้เขาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง

มันถึงเวลาหรือยังที่เขาจะหยุด



ดาวประกายอดคิดไม่ได้ว่าค่ำคืนที่ผ่านมา มันคือความฝันหรือเปล่า

หลังเก็บกระเป๋าออกจากเกสเฮ้าท์กะทันหัน นั่งแท็กซี่ไปยัง Dongseoul Bus Terminal หาซื้อตั๋วเที่ยวสุดท้ายในเวลาห้าทุ่มเพื่อมุ่งหน้าสู่ซกโช (Sokcho) เกือบสองชั่วโมงในการเดินทาง เธอก็มาถึงเมืองท่าทางฝั่งทะเลตะวันออก สถานที่พักตากอากาศที่สวยงามและเงียบสงบตามคำแนะนำของจิลลา

ขณะที่ท้องฟ้ามืดสนิท เมืองทั้งเมืองกำลังหลับใหล อุณหภูมิติดลบ ต่ำกว่าทุกวันที่เธอเคยเผชิญ เธอได้แต่ยืนห่อตัวมองดูหิมะปลายฤดูโปรยปรายซ้ำเติมความเย็นเยือก ถ้าคนตัวใหญ่ไม่ให้ยืมวงแขนกว้างและไหล่อุ่นๆ ขณะที่รอคนจากที่พักมารับ ณ สถานีรถบัส เธอที่สวมเสื้อกันหนาวสามชั้นอาจกลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งไปแล้ว

มันคือค่ำคืนที่ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็วและไร้แผนการ ซึ่งควรดูดพลังทั้งหมดไปจากเธอ ควรทำให้เธอตื่นขึ้นมาด้วยความเหนื่อยล้า แต่ทำไมเช้านี้เธอถึงพบว่าตัวเองสดชื่นนักก็ไม่รู้... หรือจะเป็นเพราะความตื่นเต้นที่ได้เห็นสีขาวนวลตาที่ประดับอยู่ตามหลังคา ตามพื้น และยอดไม้ แต่ประเทศเขตหนาวที่ไหนก็มีหิมะกันทั้งนั้น แล้วอะไรล่ะ ที่พิเศษกว่าทุกวัน อะไร...ที่สร้างสุขให้เหมือนฝัน

พลันนั้น เหตุการณ์ตอนก่อนนอนก็ปรากฏเข้ามา

เมื่อล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม...เตียงเดียวกับที่เธอกำลังกลิ้งตัวเล่นอยู่ในขณะนี้ ดวงนีออนบนเพดานถูกปิดลง แต่ไฟนวลเหนือหัวเตียงยังคงเปิดอยู่ แสงสลัวส่องให้เห็นร่างใหญ่บนโซฟาปลายเตียงเป็นเงาดำเลือนราง

‘คุณสิตะ’ เธอเอ่ยเรียกเบาๆ หลังพลิกตัวไปมาอยู่พักใหญ่ ชายหนุ่มที่ต้องมาร่วมห้องตามคำขอร้องของเธอขานรับด้วยเสียงในลำคอ ‘อืม...’

‘หลับหรือยัง’

‘กำลัง...’

‘หนาวไหม’

‘ไม่...’

‘นอนสบายไหม’

‘ก็ดี…’

‘คุณสิตะ’

‘ว่าไง...’

‘เปล่า ไม่มีอะไร’

‘คุณสิตะ’

‘อืม...’

‘จะหลับแล้วเหรอคะ’

‘อืม...’

‘คุณสิตะ’

‘ดาวประกาย เธอมีอะไรกันแน่…’ ไม่ใช่การตวาดถามด้วยความหงุดหงิด แต่เป็นความสงสัยจากคนที่เหนื่อยล้า และต้องการพักผ่อนเต็มแก่มากกว่า เธอเงียบไปอึดใจ ก่อนในที่สุดจะสารภาพเสียงอ้อมแอ้ม

‘มันแปลกที่ ไม่คุ้น...ฉันแค่อยากแน่ใจว่าคุณยังอยู่’



แค่นั้น ความเงียบก็เข้าปกคลุมห้องสี่เหลี่ยมใต้หลังคา จนเธอไม่แน่ใจว่าเขาหลับไปแล้วหรือเปล่า ด้วยความอยากรู้จึงชะโงกคอดู แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นเงาตะคุ่มอยู่ข้างเตียง โดยปราศจากถ้อยคำใดๆ ร่างสูงใหญ่ก็ทรุดตัวลงบนที่ว่างข้างๆ เธอลุกพรวดพร้อมร้องถามเสียงหลงทันที ‘คุณสิตะ คุณทำอะไรน่ะ’

‘ก็ทำให้เธอแน่ใจว่าฉันจะอยู่กับเธอไง’ เขาตอบ ขณะซุกตัวเข้ามาใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน เธอมองตาค้าง ก่อนที่เขาจะตบหมอนของเธอ ‘นอนสิ’

‘จะ จะบ้าเหรอ...จะนอนด้วยกันได้ยังไง ถ้าเกิดคุณปล้ำฉันขึ้นมา’

‘เธอน่าจะกลัวก่อนจะชวนฉันมานอนห้องเดียวกันนะ’

‘ก็...’ เธอพูดอะไรไม่ออก ก็ตอนนั้นเธอคิดแค่ว่าไม่ต้องการให้เขาลำบาก ในเมื่อห้องพักเหลืออยู่ห้องเดียวเหมือนในละคร การนอนด้วยกันก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา ไม่นึกเลยว่าตอนนี้ เมื่อต้องอยู่ด้วยกันบนเตียงเดียวกัน ความอุ่นจะเปลี่ยนเป็นอบอ้าว ร้อนผะผ่าวทั่วใบหน้า ขณะที่หัวใจก็เต้นแรงราวจะระเบิดออก

‘นอนเถอะ ฉันเหนื่อย ไม่ทำอะไรเธอตอนนี้หรอก’

‘หมายความว่ายังไงตอนนี้ แล้วตอนอื่นล่ะ’

‘ค่อยว่ากันอีกที’

ฟังเขาพูดแล้วมันไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย แต่เธอก็ไม่มีเวลาคิดว่าจะเอาอย่างไร เพราะคนตัวใหญ่ได้เอื้อมมือมาดึงเธอลงไปนอนใกล้ ก่อนที่เขาจะเขยิบตัวเข้ามาเบียดชิดอย่างรวดเร็ว

‘นะ...ไหนคุณบอกว่าจะไม่ทำอะไรไง’

‘อย่างนี้เขายังไม่เรียกว่าทำอะไรหรอกนะ’ ชายหนุ่มกระซิบที่ข้างหู ทำให้หัวใจเธอเต้นระรัวขึ้นอีกสิบเท่า ‘นึกเสียว่าตัวเองเป็นหมอนข้างให้ฉันก็แล้วกัน’

‘ฉัน....’

‘นอนเถอะ ฉันเหนื่อยแล้ว’ เขาตัดบท นั่นแปลว่าเธอห้ามพูดอะไร และต้องยอมตกเป็นหมอนข้างของเขาตลอดทั้งคืนเลยใช่ไหม ให้ตายสิ... แล้วอย่างนี้เธอจะหลับลงได้อย่างไร

แต่นั่นแหละ ขนาดนอนไม่ค่อยหลับ แต่เช้านี้เธอก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่า พลังงานเต็มร้อยมากกว่าคนที่หลับสนิทเจ็ดวันเจ็ดคืนเสียอีก

ไม่รู้จริงๆ ว่าเพราะอะไร ยิ่งมองเห็นรอยยับย่นของผ้าปูที่นอนข้างกาย หัวใจก็ยิ่งพองโตด้วยความสุข เธอบิดตัวด้วยความเขินอายอยู่ใต้ผ้าห่ม ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงดัง

หญิงสาวเอื้อมมือไปรับ แล้วก็ต้องตกใจยิ่งกว่า เมื่อเห็นว่าใครโทรเข้ามา

“สวัสดีค่ะแม่”

“ทำไมเสียงสั่นอย่างนั้น เป็นหวัดหรือเปล่า”

“อ๋อ เอิ่ม ก็นิดหน่อยค่ะ แม่มีอะไรหรือเปล่าคะ ปกติแม่ไม่โทรมา” หรือว่าแม่จะรู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ไม่นะ... นี่เธอไม่ได้ทำผิดจารีตประเพณีเลยนะ เธอยังคงรักษาพรหมจรรย์เพื่อรอวันแต่งงานตามที่พ่อกับแม่พร่ำสอนอย่างเคร่งครัดเลย แม่จะตำหนิเธอไม่ได้…ไม่

“ก็เพราะเมื่อวานเราไม่ยอมโทรหาแม่ แม่ก็เลยเป็นห่วง แล้วเป็นยังไง เที่ยวเพลินจนลืมแม่แล้วใช่ไหม”

“เปล่านะคะ หนูก็แค่... เอิ่ม ก็ลืมจริงๆ น่ะล่ะค่ะ แต่หนูแค่ลืมโทรหานะ ไม่ได้ลืมแม่สักหน่อย” ดาวประกายรีบอ้อน หลังลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อแม่ไม่ได้โทรมาด้วยเรื่องที่เธอกังวล “หนูคิดถึงแม่จะตาย แต่ตอนนี้หนูลืมง่าย สงสัยต้องกินแปะก๊วยซะหน่อยแล้ว” เธอว่าอย่างนั้น ซึ่งก็ทำให้แม่บ่นต่ออีกแค่สองสามประโยค ก่อนเปลี่ยนเรื่อง

“นี่ พี่อิ่มเขามีเรื่องจะคุยด้วยแหนะ แปปนึงนะ” สายถูกยื่นให้หมื่นอาสา... พี่ชายต่างสายเลือดกรอกเสียงทักทายอย่างอบอุ่นเช่นเดิม “ว่าไงยายตัวเล็ก”

“พี่อิ่ม สวัสดีค่ะ” เธอตอบรับเสียงร่าเริง ก่อนเขาจะถามไถ่ความเป็นไป พักใหญ่ถึงจะเริ่มเข้าเรื่อง ซึ่งก็ไม่มีอะไรมาก นอกเสียจาก

“บริษัทของเพื่อนพี่กำลังรับสมัครพนักงานบัญชี ดาวสนใจไหม”

ใช่... เหมือนหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา และก็เดาได้ว่าไม่แม่ของเธอก็แม่ของเขานี่แหละ ที่คงขอร้องให้เขาโทรมาช่วยพูดให้เธอลองยื่นใบสมัคร สำหรับพวกแม่ๆ แล้ว งานอะไรก็ตามที่ไม่ใช่การทำบัญชีอยู่ในร้านอาหารและวิ่งไล่ตามความฝันลมๆ แล้งๆ ถือเป็นงานที่ดี ที่เหมาะสมกับเธอทั้งนั้น

“พี่ส่งรายละเอียดไปให้แล้วนะทางอีเมล์ ดาวก็ลองดูล่ะกัน... แต่ถ้าไม่ชอบก็โทรมาบอกพี่ เดี๋ยวพี่หาคำตอบให้แม่ของพวกเราเอง” ประโยคหลัง หมื่นอาสากระซิบบอกอย่างรู้ใจ ดาวประกายไม่รู้จะขอบคุณพี่ชายคนนี้อย่างไร เธอวางสาย ก่อนคิดว่าจะเช็คดูสิ่งที่พี่ส่งมาให้สักหน่อย เผื่อแม่ถาม

ร่างบางลุกไปหยิบเนทบุ๊คสีชมพูแปร๋นออกจากกระเป๋าสะพายที่วางอยู่ใกล้ตู้เสื้อผ้า โชคดีที่เมื่อวานเธอตัดสินใจขอให้สิตะพกมันมาด้วย หญิงสาวเปิดเครื่อง รอจนเชื่อมต่ออินเตอร์เนทเรียบร้อย จึงเข้าไปดูกล่องข้อความโดยไม่ได้คิดอะไร แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นชื่อล่าสุดของคนที่ส่งจดหมายมาหาเธอ

‘พลัช!!!’

ชื่อของบรรณาธิการหนุ่มทำให้เธอกดคลิกเข้าไปทันที เพราะคิดว่าอีกฝ่ายอาจมีข่าวดีเรื่องนิยายจะบอกจึงรีบอ่าน แต่เมื่อเห็นข้อความ คิ้วบางๆ ก็ขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ

‘คุณสิตะ คุณหายไปไหน คุณเทียนกำลังตามหาคุณอยู่ ทำไมคุณชอบหนีนัก...เอาเถอะ ผมรู้ว่าคุณคงไม่บอกผมหรอก เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างเรามันได้ถูกทำลายลงไปแล้ว แต่ในฐานะบรรณาธิการที่อุตส่าห์ตามคุณมาถึงที่นี่ คุณอย่าลืมส่งนิยายบทที่ 16 ให้ผมด้วย’

นิยาย? บทที่ 16!?!

ดาวประกายทวนคำในใจ ก่อนที่ความสงสัยจะทำให้เธอไล่กลับมาดูที่หน้าแรก

ชื่อพลัชยาวเป็นแถบ เธอไม่เคยคุยกับเขามากมายขนาดนี้ ไม่สิ...ความจริงแล้วเธอไม่เคยติดต่อกับเขาเลยต่างหาก พอเอะใจ จึงเงยหน้ามองชื่ออีเมล์บนมุมด้านขวา แล้วก็ต้องเบิ่งตากว้างเมื่อพบว่า ตัวภาษาอังกฤษเขียนว่า Sangsasi_ta

แสงสะสิ_ตา? หรือว่า....

'อีเมล์ของแสงศศิ'

เสียงหนึ่งตอบพร้อมกับที่เธอคิดออก ได้ยังไง เธอเข้าไปในอีเมล์ของนักเขียนในดวงใจตั้งแต่ตอนไหน แล้ว...

‘แล้วใครใช้คอมก่อนหน้าเธอล่ะ’ เสียงเดิมกระซิบบอก ดาวประกายชะงัก แล้วภาพคนตัวใหญ่ก็ปรากฏขึ้น

คุณสิตะ!!! นี่คุณสิตะใช้อีเมล์คุณแสงศศิได้ไง หรือว่าเขาแฮกอีเมล์คุณแสงศศิ!!! ทำไม? หรือว่าอยากรู้ว่าบรรณาธิการและนักเขียนในสำนักพิมพ์ของตนคุยอะไรกันบ้าง

‘จะบ้าเหรอไง คิดดีๆ สิ’

คิดอะไร มีอะไรให้คิดอีก หญิงสาวพยายามคิด ก่อนสุดท้าย จะลองกดคลิกที่ข้อความอื่นเพื่อหาคำตอบ

ผู้ส่งเดียวกัน แต่วันเวลาคือต้นเดือนที่แล้ว

‘คุณสิตะ อย่าหาว่าผมทวงเลยนะ แต่คุณช่วยเร่งงานให้ผมหน่อยได้ไหม งานสัปดาห์หนังสือก็ใกล้เข้ามาแล้วนะ ยังไงก็ต้องมีแสงศศิในงานนี้’

สิตะ... แสงศศิ นี่มันอะไรกัน ทำไมถึงมาพัวพันกันได้ ดาวประกายอยากกดอ่านอีกข้อความเพื่อหาคำอธิบาย แต่เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

หญิงสาวสะดุ้งโหยง เข้าใจความรู้สึกคนร้ายที่กำลังจะโจรกรรมข้อมูลลับ แต่ตำรวจดันกลับมาบ้านเสียก่อน เธอหันซ้ายหันขวาเพื่อหาทางรอด และในที่สุด.... ก่อนประตูจะเปิดเพียงเสี้ยวนาที





-------------------------------------------------------------

มาต่ออีกตอนรับสงกรานต์นะคะ ไม่รู้ว่าหนีไปเที่ยวกันหมดแล้วหรือเปล่า ยังไงก็ขอให้สาดน้ำกันให้สนุกสนานนะคะ ปลอดภัยทั้งไปทั้งกลับ อบอุ่นกับครอบครัวกันทั่วหน้านะคะ

ขอบคุณสำหรับการติดตาม ยังไงถ้าดาวประกายจะหายไปสักวันสองวันบ้าง อย่าเพิ่งลืมกันนะคะ ^^



Create Date : 12 เมษายน 2556
Last Update : 12 เมษายน 2556 0:11:20 น. 0 comments
Counter : 645 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.