|
พระดี ที่โลกรอ 2
เจ้าอาวาสร่างกายสมบูรณ์ค่อยๆทรุดกายลงนั่งบนอาสนะซึ่งน่าจะเรียกว่าเบาะมากกว่าเพราะทั้งหนาและนุ่มด้วยอัดยัดนุ่นอย่างดี ท่านเลื่อนมือไปล้วงหยิบซองยาวสีขาวซึ่งโยมได้ถวายให้จากบ้านงาน ท่านฉีกซองออกหร้อมเบิกตาดูจำนวนเงินแล้วบ่นอุบ ใบหน้าที่เบิกบานอยู่บูดบึ้งทันใด
จัดงานเสียใหญ่โต ทำบุญใส่ซองมาได้แค่พันเดียว
ปากว่า แต่มือพับแบ็งค์สีเทาใส่ในกระเป๋าหนังวัวแท้สีน้ำตาล เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังขึ้นสองครั้ง ทำให้เจ้าอาวาสขยับหยิบแว่นสายตามาจากโต๊ะตัวเตี้ยใกล้ๆมาสวมเพื่อขยายสายตาดูเบอร์ที่แสดงหน้าจอ เมื่อเห็นว่ามาจากใครทำให้ใบหน้ากลมเผยยิ้มแจ่มใส กรอกเสียงหวานรับสาย
แหมกำลังคิดถึงอยู่เชียวคุณกระทาย
ปากหวานกับคุณอนุ มาก่อนกระทายใช่ไหมคะปลายสายพ้อ เจ้าอาวาสรีบปฏิเสธทันควัน
ไม่ใช่จ้ะๆ โธ่น้องกระทายจ๋า นี่พี่พึ่งกลับจากทำงาน เอ๊ยบ้านงานแต่ง เจ้าภาพเขามีแขกมาก พวกผู้หลักผู้ใหญ่เข้ามาฟังธรรมจากพี่อยู่นานสองนานไม่ได้สวดเสียที ทำเอาพี่ทั้งปวดทั้งเมื่อยไปทั้งตัวทีเดียว
แหม อยากปรนนิบัติหลวงพี่จังเลยหญิงปลายสายทำเสียงระริกตอบ ไม่ได้รับใช้หลวงพี่มาเกือบเดือนแล้วนะคะ
หลวงพี่สำลักน้ำลายไอค่อกแค่กออกมา ด้วยชะรอยลืมหายใจไปชั่วครู่ ซึ่งอีกฝ่ายรีบละล่ำละลักถามด้วยความห่วงใยสุดหัวใจ
หลวงพี่ขา เบาหวานขึ้น หรือว่าหัวใจกำเริบคะ
กำเริบรักจ้ะ
แหมปากหวานอีกแล้ว กระทายห่วงนะคะกลัวว่าสุขภาพจะไม่ดี
โถ....ลากเสียงยาวเท่าอายุหลวงพี่แข็งดี
อุ๊ย หลวงพี่แกล้งพูดอะไรตกไปหรือเปล่าคะ
เสียงหัวเราะประสานกันดังคิกคัก ก่อนที่เจ้าอาวาสกระซิบเบาๆ
จะไปรับที่เดิมนะคุณกระทาย
แหม อย่าให้เก้อเชียวนะคะ ไม่งั้นทายจะบุกถึงวัดเชียวล่ะ
......................................................................................
กลางดึกคืนเดียวกันนั้น
บรรดาหมาในวัดต่างพากันหอนเสียงโหยอย่างไม่ทราบสาเหตุ จะว่าเป็นวันพระก็ไม่ใช่ หรือคืนปล่อยผีของไทยฟหรือเทศก็ไม่ใช่อีก
เหตุที่เกิดนี้ทำให้ทั้งพระทั้งเณร ภายในวัดใหญ่นี้เกิดปฏิกิริยาต่างๆกัน บางรูปรีบคลุมโปงหลับ ไม่รับรู้ บางรูปหันไปสวดมนต์งึมงำ ต่างจากรูปอื่นคือหลวงพี่เถร ซึ่งท่านอยู่ตามลำพังในกุฏิ หากท่านไม่มีความหวั่นไหว เมื่อมีลมพัดเอื่อยพร้อมความเย็นยะเยือกแปลกๆท่านก็เดินไปที่หน้าต่างบานสับตะขอ
หลวงพี่เถรชะโงกหน้าออกไปพิจารณาฝ่าความมืดสลัว มองรอบๆภายในบริเวณวัด แล้วท่านก็รู้สึกกระตุกใจทันทีเมื่อเห็นเงาตะคุ่มเดินออกจากกุฏิเจ้าอาวาส ท่านหันกลับมาใคร่ครวญด้วยเวลาไม่นานนัก และระลึกได้ว่า...เจ้าอาวาสมีทรัพย์สินเยอะ อาจมีคนใจบาปจะเข้าไปทำร้ายก็เป็นไปได้
เมื่อหวนคิดเช่นนั้นแล้วหลวงพี่เถรจึงรีบเปิดประตูกุฏิออกมาทันที ทันใดนั้น เงาร่างดำใช้หมวกไหมพะรมสวมคลุมปิดหน้าจรดคอมิดชิด เปิดเผยเพียงดวงตาแดงกล่ำด้วยความโกรธแค้น มันกระโจนเข้าใส่ท่านเต็มตัว ทำให้หลวงพี่เถรผงะหลบ
เดชะบุญทำให้ท่านหลบทันก่อนที่ไม้หน้าสามจะฟาดโดนร่างกายท่าน ไม้หนักหวดพลาด ฟาดโครมไปที่ผนังเสียงดัง
ปัง
ทำร้ายผมทำไมหลวงพี่เถรคอยหลบเลี่ยงไม้ที่หวดลงมาที่ท่านให้พ้นพร้อมถามเสียงดังปนเสียงเหนื่อย
คนร้ายไม่หยุดบ้า หวดซ้ำทั้งซ้าย ขวา สุดแรง ส่วนหลวงพี่เถรหลบพัลวัน และในที่สุดท่านก็เป็นพระหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งตามประสาที่ท่านยังมีอารมณ์ปุถุชนคนธรรมดาอยู่ จึงสวนเท้าซัดผางเข้าชายโครงคนร้าย
พลั่กแข้งหนักซัดคนร้ายเข้าชายโครงถนัดถนี่ ทำให้อีกฝ่ายเซแซดเสียหลักล้มลง
สภาพคนร้ายนั่งก้นจ้ำเบ้าทำให้หลวงพี่รู้สึกตัวทันที ท่านระลึกได้ว่าท่านเป็นศิษต์ตถาคตต้องไม่มีความหวั่นไหวในความตาย
และท่านเป็นผู้ไม่มีศตรูหรือไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับใคร จึงเห็นว่าไม่น่าทำร้ายคนร้าย ท่านจึงรีบโบกมือห้าม พร้อมกล่าว
หยุดเถอะ ถ้าผมทำอะไรให้คุณเดือดร้อน หรือเข้าใจอะไรผิดไป ผมขออโหสิกรรมด้วย
อีกฝ่ายไม่รับฟัง ตรงแน่วเข้าไปหวดไม้ใส่หลวงพี่เถร ครานี้หลวงพี่ตั้งสติระลึกให้ได้ถึงความไม่โกรธ ท่านจึงคว้าจับปลายไม้ยุดไว้ได้ คนร้ายยื้อกลับ ทั้งสองจึงยื้อยุดกันอยู่พร้อมๆกับหลวงพี่เถรคอยหลบเท้าคนร้ายที่หวดลมหวีด ใส่ท่านไม่ถูก
เสียงการต่อสู้ของคนทั้งสองดังครึกโครมจนปลุก พระ เณร กุฏิใกล้ๆ รวมทั้งนายเขียวคนดูแลวัด ต่างลุกขึ้นมาสดับฟังเหตุการณ์ ครั้นได้ยินชัดว่ามีคนตีกันที่กุฏิหลวงพี่เถร จึงรีบวิ่งขึ้นไปดู
ภาพที่เห็นคือหลวงพี่เถรกำลังต่อสู้กับชายลึกลับ ทั้งพระ ทั้งเณร ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้ชาย ต่างลืมสมณะศักดิ์ตัวเอง กระโจนเข้าร่วมวงการโรมรันพันตรูจนดูชุลมุนวุ่นวาย
นายเขียวผู้ดูแลวัดแย่งไม้หน้าสามไปได้ เขาทำท่าจะตีกลับไปที่คนร้าย แต่หลวงพี่รีบห้ามด้วยความมีเมตตาว่า
อย่าทำร้ายเขาคุณเขียว อย่าทำ เขาคงเข้าใจอาตมาผิดจึงเข้ามาหาเรื่อง
เณรหนุ่มวัยสิบแปดพูดแทรกขึ้นมาทันทีว่า
จะผิดถูกก็เอาไว้ไม่ได้หรอกหลวงพี่ ไอ้นรกพวกนี้พูดจบเตะซ้ำชายโครงผู้บุกรุกอีกพลั่ก ฝ่ายตรงข้ามลงไปนอนเจ็บจุกลุกไม่ขึ้น
สามเณรอีกรูปวัยสิบสี่เข้าไปดึงจุกหมวกไหมพรมออกทางหัว เปิดหน้าโฉมหน้าไอ้โม่ง
หลวงพี่ฉิบสามเณรใจร้อนอุทาน ผงะออกมาอย่างตกใจ หลายท่านรีบถาม เหตุใดจึงมาทำร้ายหลวงพี่เถร โดยเฉพาะเจ้าทุกข์ ต้องก้มหน้าเข้าไปถามเสียงเบา
ทำร้ายหลวงพี่ทำไมคุณฉิบ
มึงอย่าทำเป็นคนดีไอ้เถรพระฉิบตวาดกลับตาขวางใส่หลวงพี่เถร ทำให้คนในที่นั้นอุทานเพราะเห็นหลวงพี่เถรทำดีแล้วไม่ได้ดี
แล้วกัน
ไปบอกเจ้าอาวาสดีกว่า
คำว่าเจ้าอาวาสทำให้หลวงพี่เถรนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ท่านกำลังไปหา พอดีเกิดเหตุเสียก่อนท่านจึงโพล่งออกมา
จริงสิ ผมเห็นใครไม่รู้ออกจากกุฏิท่านเจ้าอาวาส
ขโมยหรือหลวงพี่ต่างละความสนใจในตัวพระฉิบและหันไปห่วงเจ้าอาวาสกันหมด หลวงพี่เถรปฏิเสธพร้อมกล่าวเพิ่มว่า
หลวงพี่ไม่รู้ว่าเป็นขโมยหรือเปล่าแต่เห็นเดินออกจากกุฏิ
ว่าแต่ไม่ต้องบอกท่านเรื่องคุณฉิบนะทุกคน หลวงพี่ขอให้จบแค่นี้พูดจบพลางเดินลิ่ว ทุกคนรีบตามหลวงพี่ไป เว้นพระฉิบ ลากสังขารที่ถูกทำร้ายลงมาจากกุฏิหลวงพี่เถร กลับกุฏิตน
Create Date : 09 มิถุนายน 2554 |
Last Update : 9 มิถุนายน 2554 11:31:38 น. |
|
0 comments
|
Counter : 575 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|