นิยาย ดราม่า ดี ฮา หื่น สนุก เลิฟซีนภาษาสวย
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
9 มิถุนายน 2554
 
All Blogs
 
พระดี ที่โลกรอ 2


เจ้าอาวาสร่างกายสมบูรณ์ค่อยๆทรุดกายลงนั่งบนอาสนะซึ่งน่าจะเรียกว่าเบาะมากกว่าเพราะทั้งหนาและนุ่มด้วยอัดยัดนุ่นอย่างดี ท่านเลื่อนมือไปล้วงหยิบซองยาวสีขาวซึ่งโยมได้ถวายให้จากบ้านงาน ท่านฉีกซองออกหร้อมเบิกตาดูจำนวนเงินแล้วบ่นอุบ ใบหน้าที่เบิกบานอยู่บูดบึ้งทันใด

“จัดงานเสียใหญ่โต ทำบุญใส่ซองมาได้แค่พันเดียว”

ปากว่า แต่มือพับแบ็งค์สีเทาใส่ในกระเป๋าหนังวัวแท้สีน้ำตาล เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังขึ้นสองครั้ง ทำให้เจ้าอาวาสขยับหยิบแว่นสายตามาจากโต๊ะตัวเตี้ยใกล้ๆมาสวมเพื่อขยายสายตาดูเบอร์ที่แสดงหน้าจอ เมื่อเห็นว่ามาจากใครทำให้ใบหน้ากลมเผยยิ้มแจ่มใส กรอกเสียงหวานรับสาย

“แหมกำลังคิดถึงอยู่เชียวคุณกระทาย”

“ปากหวานกับคุณอนุ มาก่อนกระทายใช่ไหมคะ”ปลายสายพ้อ เจ้าอาวาสรีบปฏิเสธทันควัน

“ไม่ใช่จ้ะๆ โธ่น้องกระทายจ๋า นี่พี่พึ่งกลับจากทำงาน เอ๊ยบ้านงานแต่ง เจ้าภาพเขามีแขกมาก พวกผู้หลักผู้ใหญ่เข้ามาฟังธรรมจากพี่อยู่นานสองนานไม่ได้สวดเสียที ทำเอาพี่ทั้งปวดทั้งเมื่อยไปทั้งตัวทีเดียว”

“แหม อยากปรนนิบัติหลวงพี่จังเลย”หญิงปลายสายทำเสียงระริกตอบ “ไม่ได้รับใช้หลวงพี่มาเกือบเดือนแล้วนะคะ”

หลวงพี่สำลักน้ำลายไอค่อกแค่กออกมา ด้วยชะรอยลืมหายใจไปชั่วครู่ ซึ่งอีกฝ่ายรีบละล่ำละลักถามด้วยความห่วงใยสุดหัวใจ

“หลวงพี่ขา เบาหวานขึ้น หรือว่าหัวใจกำเริบคะ”

“กำเริบรักจ้ะ”

“แหมปากหวานอีกแล้ว กระทายห่วงนะคะกลัวว่าสุขภาพจะไม่ดี

“โถ....”ลากเสียงยาวเท่าอายุ“หลวงพี่แข็งดี”

“อุ๊ย หลวงพี่แกล้งพูดอะไรตกไปหรือเปล่าคะ”

เสียงหัวเราะประสานกันดังคิกคัก ก่อนที่เจ้าอาวาสกระซิบเบาๆ

“จะไปรับที่เดิมนะคุณกระทาย”

“แหม อย่าให้เก้อเชียวนะคะ ไม่งั้นทายจะบุกถึงวัดเชียวล่ะ”

......................................................................................

กลางดึกคืนเดียวกันนั้น

บรรดาหมาในวัดต่างพากันหอนเสียงโหยอย่างไม่ทราบสาเหตุ จะว่าเป็นวันพระก็ไม่ใช่ หรือคืนปล่อยผีของไทยฟหรือเทศก็ไม่ใช่อีก

เหตุที่เกิดนี้ทำให้ทั้งพระทั้งเณร ภายในวัดใหญ่นี้เกิดปฏิกิริยาต่างๆกัน บางรูปรีบคลุมโปงหลับ ไม่รับรู้ บางรูปหันไปสวดมนต์งึมงำ ต่างจากรูปอื่นคือหลวงพี่เถร ซึ่งท่านอยู่ตามลำพังในกุฏิ หากท่านไม่มีความหวั่นไหว เมื่อมีลมพัดเอื่อยพร้อมความเย็นยะเยือกแปลกๆท่านก็เดินไปที่หน้าต่างบานสับตะขอ

หลวงพี่เถรชะโงกหน้าออกไปพิจารณาฝ่าความมืดสลัว มองรอบๆภายในบริเวณวัด แล้วท่านก็รู้สึกกระตุกใจทันทีเมื่อเห็นเงาตะคุ่มเดินออกจากกุฏิเจ้าอาวาส ท่านหันกลับมาใคร่ครวญด้วยเวลาไม่นานนัก และระลึกได้ว่า...เจ้าอาวาสมีทรัพย์สินเยอะ อาจมีคนใจบาปจะเข้าไปทำร้ายก็เป็นไปได้

เมื่อหวนคิดเช่นนั้นแล้วหลวงพี่เถรจึงรีบเปิดประตูกุฏิออกมาทันที ทันใดนั้น เงาร่างดำใช้หมวกไหมพะรมสวมคลุมปิดหน้าจรดคอมิดชิด เปิดเผยเพียงดวงตาแดงกล่ำด้วยความโกรธแค้น มันกระโจนเข้าใส่ท่านเต็มตัว ทำให้หลวงพี่เถรผงะหลบ

เดชะบุญทำให้ท่านหลบทันก่อนที่ไม้หน้าสามจะฟาดโดนร่างกายท่าน ไม้หนักหวดพลาด ฟาดโครมไปที่ผนังเสียงดัง

“ปัง”

“ทำร้ายผมทำไม”หลวงพี่เถรคอยหลบเลี่ยงไม้ที่หวดลงมาที่ท่านให้พ้นพร้อมถามเสียงดังปนเสียงเหนื่อย

คนร้ายไม่หยุดบ้า หวดซ้ำทั้งซ้าย ขวา สุดแรง ส่วนหลวงพี่เถรหลบพัลวัน และในที่สุดท่านก็เป็นพระหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งตามประสาที่ท่านยังมีอารมณ์ปุถุชนคนธรรมดาอยู่ จึงสวนเท้าซัดผางเข้าชายโครงคนร้าย

“พลั่ก”แข้งหนักซัดคนร้ายเข้าชายโครงถนัดถนี่ ทำให้อีกฝ่ายเซแซดเสียหลักล้มลง

สภาพคนร้ายนั่งก้นจ้ำเบ้าทำให้หลวงพี่รู้สึกตัวทันที ท่านระลึกได้ว่าท่านเป็นศิษต์ตถาคตต้องไม่มีความหวั่นไหวในความตาย

และท่านเป็นผู้ไม่มีศตรูหรือไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับใคร จึงเห็นว่าไม่น่าทำร้ายคนร้าย ท่านจึงรีบโบกมือห้าม พร้อมกล่าว

“หยุดเถอะ ถ้าผมทำอะไรให้คุณเดือดร้อน หรือเข้าใจอะไรผิดไป ผมขออโหสิกรรมด้วย”

อีกฝ่ายไม่รับฟัง ตรงแน่วเข้าไปหวดไม้ใส่หลวงพี่เถร ครานี้หลวงพี่ตั้งสติระลึกให้ได้ถึงความไม่โกรธ ท่านจึงคว้าจับปลายไม้ยุดไว้ได้ คนร้ายยื้อกลับ ทั้งสองจึงยื้อยุดกันอยู่พร้อมๆกับหลวงพี่เถรคอยหลบเท้าคนร้ายที่หวดลมหวีด ใส่ท่านไม่ถูก

เสียงการต่อสู้ของคนทั้งสองดังครึกโครมจนปลุก พระ เณร กุฏิใกล้ๆ รวมทั้งนายเขียวคนดูแลวัด ต่างลุกขึ้นมาสดับฟังเหตุการณ์ ครั้นได้ยินชัดว่ามีคนตีกันที่กุฏิหลวงพี่เถร จึงรีบวิ่งขึ้นไปดู

ภาพที่เห็นคือหลวงพี่เถรกำลังต่อสู้กับชายลึกลับ ทั้งพระ ทั้งเณร ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้ชาย ต่างลืมสมณะศักดิ์ตัวเอง กระโจนเข้าร่วมวงการโรมรันพันตรูจนดูชุลมุนวุ่นวาย

นายเขียวผู้ดูแลวัดแย่งไม้หน้าสามไปได้ เขาทำท่าจะตีกลับไปที่คนร้าย แต่หลวงพี่รีบห้ามด้วยความมีเมตตาว่า

“อย่าทำร้ายเขาคุณเขียว อย่าทำ เขาคงเข้าใจอาตมาผิดจึงเข้ามาหาเรื่อง”

เณรหนุ่มวัยสิบแปดพูดแทรกขึ้นมาทันทีว่า

“จะผิดถูกก็เอาไว้ไม่ได้หรอกหลวงพี่ ไอ้นรกพวกนี้”พูดจบเตะซ้ำชายโครงผู้บุกรุกอีกพลั่ก ฝ่ายตรงข้ามลงไปนอนเจ็บจุกลุกไม่ขึ้น

สามเณรอีกรูปวัยสิบสี่เข้าไปดึงจุกหมวกไหมพรมออกทางหัว เปิดหน้าโฉมหน้าไอ้โม่ง

“หลวงพี่ฉิบ”สามเณรใจร้อนอุทาน ผงะออกมาอย่างตกใจ หลายท่านรีบถาม เหตุใดจึงมาทำร้ายหลวงพี่เถร โดยเฉพาะเจ้าทุกข์ ต้องก้มหน้าเข้าไปถามเสียงเบา

“ทำร้ายหลวงพี่ทำไมคุณฉิบ”

“มึงอย่าทำเป็นคนดีไอ้เถร”พระฉิบตวาดกลับตาขวางใส่หลวงพี่เถร ทำให้คนในที่นั้นอุทานเพราะเห็นหลวงพี่เถรทำดีแล้วไม่ได้ดี

“แล้วกัน”

“ไปบอกเจ้าอาวาสดีกว่า”

คำว่าเจ้าอาวาสทำให้หลวงพี่เถรนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ท่านกำลังไปหา พอดีเกิดเหตุเสียก่อนท่านจึงโพล่งออกมา

“จริงสิ ผมเห็นใครไม่รู้ออกจากกุฏิท่านเจ้าอาวาส”

“ขโมยหรือหลวงพี่”ต่างละความสนใจในตัวพระฉิบและหันไปห่วงเจ้าอาวาสกันหมด หลวงพี่เถรปฏิเสธพร้อมกล่าวเพิ่มว่า

“หลวงพี่ไม่รู้ว่าเป็นขโมยหรือเปล่าแต่เห็นเดินออกจากกุฏิ…ว่าแต่ไม่ต้องบอกท่านเรื่องคุณฉิบนะทุกคน หลวงพี่ขอให้จบแค่นี้”พูดจบพลางเดินลิ่ว ทุกคนรีบตามหลวงพี่ไป เว้นพระฉิบ ลากสังขารที่ถูกทำร้ายลงมาจากกุฏิหลวงพี่เถร กลับกุฏิตน



Create Date : 09 มิถุนายน 2554
Last Update : 9 มิถุนายน 2554 11:31:38 น. 0 comments
Counter : 575 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นางแก้ว ดาราพร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add นางแก้ว ดาราพร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.