เปลวไฟปรารถนา3
ที่โรงเรียนเอกชน จิตน้อมเกล้า ผู้อำนวยการคือหม่อมราชวงศ์รจิต บราวน์นาค นอกจากนี้ท่านยังเป็นกรรมการมูลนิธิ ดูแลเด็กด้อยโอกาสและกำพร้าวิลล์เลียม บราวน์ ซึ่งพี่สาวของท่าน คือ คุณหญิงจิตตรีเป็นประธาน โดยผู้ก่อตั้งคือ มิสเตอร์ จอห์น วิลล์เลียม บราวน์ สามีของคุณหญิงซึ่งล่วงลับไปแล้วได้สร้างเอาไว้ มูลนิธินี้สร้างประโยชน์ให้กับสังคมเป็นอันมาก โดยรับอุปการะเด็กชายหญิงไว้ในปกครอง ให้ได้มีโอกาสศึกษา หรือส่งเสริมทางด้านอาชีพ นับว่าเป็นมูลนิธิที่ใหญ่แห่งหนึ่งทีเดียว วันนี้ที่โรงเรียนจิตน้อมเกล้ามีการมอบรางวัลทุนการศึกษาแก่นักเรียนดีเด่นของโรงเรียน นักเรียนชั้นประถมหก เสียงปรบมือให้กับเด็กหญิงรุ่นวัยสิบสองปีเมื่อเดินขึ้นรับทุนนักเรียนดีเด่นและทำชื่อเสียงให้กับโรงเรียน หม่อมราชวงศ์หญิงรจิตผู้อำนวยการมอบทุนให้ด้วยตัวเอง วาสิฐี เก่งมากนะจ๊ะที่หนูสอบได้คะแนนติดหนึ่งในร้อยของประเทศเชียวนะ วิสิฐีปลาบปลื้มต่อคำชมของผู้อำนวยการเป็นอันมากเธอลงจากเวทีการมอบรางวัลไปนั่งยังที่โรงเรียนจัดไว้ให้ พรรณยุดา เพื่อนสนิท มีผิวพรรณผ่องใส ดวงหน้าบอกความเป็นลูกครึ่ง ดวงตาสีฟ้าเข้มจัด รัดแกละสองข้างหน้าใส กอดแขนวาสิฐีเพื่อนรักจนติดเป็นนิสัยเธอเอ่ยเสียงแจ้ว เรียกคุณหมอวาสิล่วงหน้าได้แล้ววาสิเรียนเก่งจริงๆ โถยุดาจ๋า วาพึ่งอายุสิบสองเท่านั้นเองอีกตั้งหลายปีกว่าจะได้เอนทรานซ์ ยุดาเชื่อว่าวาสิต้องได้สวมเสื้อกราวนด์ แล้วยุดาล่ะจะสวมเสื้ออะไร เสื้อสูทน่ะสิกล่าวพลาง ยุดาทำเดินวางมาดอวดเพื่อนรัก โดยการจับชายกระโปรงบานให้ดูแก่แดดมากขึ้น อีกหน่อยเรียนจบปริญญา ยุดาจะเข้าบริหารบริษัทของคุณยาย น้าวิลล์จะเป็นผู้อำนวยการ วาสิฐีฟังคำบอกเล่าด้วยการยิ้มรับสดใส พรรณยุดาเอ่ยชมรอยยิ้มพิมพ์ใจของเพื่อนรัก วาสิยิ้มส้วย สวย เรียนจบได้เป็นคุณหมอแล้ว วามาเป็นผู้บริหารบริษัทได้นะยุดายินดีต้อนรับเพราะยุดาเส้นใหญ่มากกกก วาสิฐีหัวเราะประสานไปกับพรรณยุดา สองเด็กรุ่นคุยกันกระหนุงกระหนิงถูกคอ ในขณะที่เด็กหญิงอีกคนอิจฉาวาสิฐี หนึ่งในสองคืองามพริ้ม เธอมักมองภาพสนิทชิดเชื้อของพรรณยุดาที่มีต่อวาสิฐีด้วยความริษยาจนอดปากไว้ไม่อยู่เสียทุกครั้งไป ยัยวาชอบเลียแข้งเลียขาคุณยุดา จนคุณยุดาทำสนิทด้วย แต่กับพวกเราคุณยุดาวางตัวเป็นเจ้านาย ฉันไม่ชอบให้เป็นอย่างนี้เลย ก็เราเป็นเด็กในปกครองคุณหญิงยายของคุณยุดา อยู่เรือนเล็กสำหรับเด็กกำพร้า ฐานะต่างกันกับวาสิฐีอยู่แล้วนี่เหมือนแขเอ่ยอย่างสำรวมตัวเอง วาสิก็ได้รับทุนเหมือนกัน งามพริ้มมีเค้าว่าจะงามจัดในวันหนึ่งที่โตเป็นสาวเต็ม หากนิสัยช่างอิจฉาริษยา โดยเฉพาะกับวาสิฐี อย่างที่เรียกว่าแสนเกลียดก็ได้ แต่เพื่อนผู้เงียบขรึมกลับไม่คิดเหมือนเธอ วาสิไม่ได้รับทุนเด็กกำพร้า แต่เป็นทุนนักเรียนดีเด่นต่างหาก ทำไมเธอต้องเข้าข้างยัยวาทุกทีเลยนะเหมือนแข เธอเป็นพวกใครกันแน่ เป็นพวกรักความจริงนะสิเหมือนแขโต้ออกไปแล้วหัวเราะ งามพริ้มหน้างอง้ำไม่พอใจ แต่ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ เพราะเหมือนแขเป็นเพื่อนคนเดียวที่ยอมคบกับเธอ สุภาเตรียมอาหารเย็นด้วยความจำเป็นมากกว่าความขยัน หลังจากวางสายโทรศัพท์ของเจ้าหนี้ไปแล้ว เธอเอาแต่คิด และค้นหาวิธีที่จะเอาเงินมาใช้หนี้ให้จงได้ จนกระทั่งเธอคิดได้วิธีหนึ่ง จากนั้นทนรอการกลับบ้านของสามีแทบรอไม่ไหวทีเดียว สาลิตปลดเน็กไทลงจากคอเพื่อคลายความอึดอัดลงบ้าง สุภานำเครื่องดื่มมาให้เธอหย่อนกายลงนั่งคุยอยู่ใกล้ ๆ ชายหนุ่มรับเบียร์ไปจิบบางๆ แม้วันนี้เขาจะกลับบ้านเร็ว แต่อดที่จะถามถึงลูกสาวทั้งสามไม่ได้ ลูกยังไม่กลับหรือ ยังค่ะ สุภาตอบ ถอนใจนิดหนึ่งแล้วเอ่ยเสียงซึมเพื่อให้อีกฝ่ายสงสารมากกว่าระแวง เทอมนี้ ลดาวัลย์ต้องเข้าเรียนที่ใหม่แล้ว สุอยากให้เรียนที่เดียวกับอ้ำค่ะคงต้องใช้เงินอุดหลายแสน ทำไมต้องใช้เงิน เด็กมันได้จับฉลาก ได้สอบเข้าตามขั้นตอน เราเป็นเด็กนอกพื้นที่จะจับฉลากได้ยังไงคะ และยัยด๋าไม่มีทางที่จะสอบได้ สุรู้ ถ้าสอบไม่ได้ก็เรียนประถมใกล้บ้านนี่ล่ะ ทียัยวายังเรียนโรงเรียนแพงแสนแพงได้เลย ปีนี้วาจบ ป.6 แล้วเอาออกจากโรงเรียนเอกชนมาเข้าโรงเรียนใกล้ ๆ นี้ก็ได้นะคะ ชายวัยสามสิบเศษตวัดตาฉับผ่านหน้าภรรยาด้วยความไม่พอใจกับบทสรุปของเธอ สุภารู้ท่าว่าสามีเคืองขุ่นจึงรีบเปลี่ยนคำพูดให้ฟังดูดีกว่าเก่าแต่ความหมายยังคงเดิม สุเพียงแต่คิดว่าโรงเรียนของวาสิฐีไกลกลับบ้านก็เย็นกว่าน้องๆ คุณจะพูดอะไรก็ได้ภา แต่ผมขอเตือนว่าผมมีลูกสามคน ถึงวาสิจะไม่ใช่ลูกคุณแต่ก็ยังเป็นลูกผม วาสิได้ทุนเรียนฟรี ค่าใช้จ่ายอะไรก็ไม่เสียอยู่แล้วผมไม่เห็นจำเป็นต้องออกจากโรงเรียนนี้ สุภาแค้นแสนแค้น ที่แกล้งลูกเลี้ยงของเธอไม่ได้ แต่ก็ต้องปั้นหน้ายิ้ม ก่อนขอตัวไปทำกับข้าว โดยที่สาลิต ออกไปรดน้ำต้นไม้เป็นการค่าเวลารอลูกๆ รถโรงเรียนอนุบาลกลับมาก่อน สาลิตออกไปรับลูกคนเล็ก ลดาวัลย์ให้เขาอุ้ม ซึ่งเขาค้อมกายลงไปอุ้มลูกสาวหอมแก้มแดงสองฟอด ก่อนเอ่ยกลั้วหัวเราะ จะเป็นสาวแล้วยังให้พ่ออุ้มอีกหรือด๋า ด๋ารักคุณพ่อเด็กหญิงทำเป็นกระซิบ รักมากกว่าคุณแม่อีกนะคะ สาลิตหัวเราะชอบใจ บิดปลายจมูกรั้นของลูกคนเล็กนิดหนึ่งก่อนว่า เรามันเอาตัวรอดเก่งนักนะด๋าเด็กหญิงหัวเราะเสียงใส สาลิตวางร่างของ ลดาวัลย์ลง จากนั้นไม่นานรถโรงเรียนของอำภาก็มาถึง ครูเปิดประตูให้อำภาลง เธอยกมือไหว้จากนั้นโบกมือลาเพื่อนซึ่งส่งเสียงเรียกกันดังแจ้วๆ สาลิตยิ้มในสีหน้านึกรู้ว่าอำภามีคนรักมาก คุณพ่ออยู่บ้าน ดีใจจังค่ะอำภาวิ่งไปสวมกอดเอวบิดาด้วยความยินดี จากนั้นสามพ่อลูกจึงพากันเข้าบ้าน สุภานำของกินเล่นมาเสิร์ฟให้อย่างเอาใจ อำภารื้อกระเป๋าหนังสือเพื่อทำการบ้าน ส่วน ลดาวัลย์นั่งห้อยขาเล่นกระทั่งบิดาเตือนถึงเรื่องการบ้าน เด็กหญิงว่า คุณครูให้ด๋าอ่านหนังสือค่ะ ไม่ต้องอ่านแล้วก็ได้ ด๋าอ่านมาจากโรงเรียนแล้ว อยู่บ้านก็อ่านไปด้วยได้นี่ด๋าสุภาเอ่ย พลางทำท่าเหนื่อยใจ ดูสิสอนเคยฟังที่ไหน คุณแม่ไม่เห็นเคยสอนเลย ลดาวัลย์เถียง สุภาถลึงตาแทบถลนโดยที่สามีไม่เห็น ลดาวัลย์จึงค่อยห่อกายลงอย่ากริ่งเกรงจากนั้นจึงเปิดกระเป๋าหนังสือ สาลิตช่วยอีกฝ่ายดูการบ้านที่โดนฟ้องว่า แม่ไม่เคยสอน เย็นมากแล้ว รถของโรงเรียนจิตน้อมเกล้ามาส่ง วาสิฐีเป็นเด็กคนสุดท้ายของรถจึงไม่มีเสียงใครทักหรือร้องขานจากใคร เด็กหญิงมีความสุขกับทุนที่ได้รับ เธอหอบความดีใจเข้าไปในบ้าน สาลิตหันไปมองประตูทางเข้า วาสิฐีทำความเคารพบิดาและแม่เลี้ยงซึ่งสะบัดหน้าไปทางอื่น สาลิตทักลูกสาวว่า ไงวาสิหน้าใสมาเชียวมีอะไรดี ๆ หรือลูก วาสิเดินเข่าไปนั่งพื้นใกล้บิดาซึ่งนั่งบนโซฟาสูงกว่า เปิดกระเป๋าหยิบใบประกาศเกียรติคุณส่งให้ ผู้ให้กำเนิดเปิดอ่านคำประกาศ อย่างชื่นชมยินดี อำภาถลึงตาแทบถลนด้วยความริษยาโดยไม่ให้สองพ่อลูกได้เห็น สาลิตค้อมกายลงมาโอบบ่าลูกสาวเข้าไปแนบอก ก้มจูบลงบนผมนุ่มสลวย ก่อนถามด้วยอารมณ์แจ่มใส เรียนเก่งขนาดนี้อยากเรียนเป็นอะไรดี เป็นหมอค่ะคุณพ่อ สุภาได้ยินเต็มหู ความริษยาทำให้ไม่รู้สึกว่าได้ยินสิ่งที่ดี นางเหยียดปากเหยียดคอหยามหยันลูกเลี้ยง แล้วรีบถอดหน้ากากร้ายออกเมื่อสาลิต หันมามองทางเธอ พร้อมเอ่ย โรงเรียนนี้เขาสอนได้มาตรฐาน ผมจะให้วาสิเรียนจนจบม.ปลาย สุภาระงับใจไม่ได้จึงกระแทกเสียงอย่างสะกดกลั้นไม่อยู่ แล้วเรื่องยายด๋าจะว่าอย่างไรคะ เรื่องเรียนใกล้บ้าน สุไม่เห็นด้วยเด็ดขาด ให้ไปสอบ ถ้าเข้าไม่ได้ก็ไม่ต้องอุด ผมยังยืนยันเรื่องเรียนใกล้บ้าน เอ๊ะคุณลิต พูดยังกับไม่เห็นแก่อนาคตลูก ถ้าสอบไม่ได้ก็ต้องเรียนใกล้บ้าน ผมไม่ใช้เงินในทางที่ผิดแน่ สาลิตสอนทั้งลูกและเมียไปในตัว เริ่มเรียนรู้ในการใช้ชีวิต เด็กก็ได้อวดอ้างแล้วว่าพ่อแม่ต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อที่เรียน ให้เห็นความเป็นครูคอรัปชั่น แล้วต่อไปบ้านนี้เมืองนี้จะหาข้าราชการน้ำดีร่อนตระแกรงได้สักกี่คน เห็นจะมีแต่คุณที่เดือดร้อนเรื่องนี้ เอาเงินที่ผมให้ใช้จ่ายทุกเดือนรู้จักใช้จ่าย คุณยังมีเงินเหลือเก็บหลายหมื่นบาทสุภา สุภาอึ้งไปอย่างสนิทใจ นางจะบอกเขาได้อย่างไรว่าไปพอกหนี้พนันนับค่อนแสน นางหาวิธีนำเงินมาใช้หนี้ ที่รู้ดีว่าโหดมากขนาดตัดแขนขาลูกหนี้รายวันกันเลยทีเดียว พวกเจ้าหนี้ร้ายกาจนี้เรียกกันเฉพาะว่า พวกหมวกกันน็อก สุภายังหาเงินมาใช้หนี้ไม่ได้เลย เป็นเรื่องน่าแปลกที่รู้ว่าพวกหมวกกันน็อก จอมโหดอย่างต้องเรียกว่าจระเข้บก แต่ยังมีคนกล้ายืม แล้วมาเอาเรื่องทีหลังซึ่งต้องเสี่ยงตายหรือพิการกันทีเดียว!! สาลิตยังยืนยันไม่ยอมอุดเงิน ซึ่งเงินที่ว่านี้สุภาต้องการนำไปใช้หนี้จึงโก่งราคาจริงไปค่อนกว่า แต่ยังไม่สัมฤทธิ์ผล คืนนั้นสาลิต นอนไปแล้ว สุภายังนั่งคอตกนึกไม่ออกจะเอาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ สุดท้ายสุภานึกอะไรได้บางอย่างเธอจึงตื่นเต้นกระทั่งระงับไม่อยู่หลุดปากออกมาว่า โง่เอ๊ยโง่อยู่ได้นานสองนาน ของอยู่ในบ้านแท้ๆ คิดได้แล้วสุภาจึงค่อยๆล้มตัวลงนอน ภาพสร้อยทองคำหนักห้าบาทลอยอยู่ตรงหน้า สร้อยของสาลิตซึ่งถอดเก็บไว้ เพราะเขาต้องเดินทางไกลจึงระมัดระวังการสวมใส่ของมีค่าอย่างคนไม่ประมาท โดยเขาไม่รู้เลยว่า ผีพนันนั้นเข้าสิงภรรยาจนแยกแยะหน้าที่ไม่ได้ระหว่างเป็นเมียหรือขโมย!!!
Create Date : 19 มิถุนายน 2555 |
Last Update : 19 มิถุนายน 2555 9:04:45 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1936 Pageviews. |
|
|