นิยาย ดราม่า ดี ฮา หื่น สนุก เลิฟซีนภาษาสวย
Group Blog
 
<<
กันยายน 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
8 กันยายน 2554
 
All Blogs
 
ห้วงเสน่หา ปรารถนาแห่งหัวใจ 25

ตอนที่25 สายใยแห่งรัก

วันรุ่งขึ้นป่านแก้วรีบบึ่งรถออกจากที่ทำงานไปหาท่านที่สโมสร เปิดอกคุยไม่อ้อมค้อมเมื่อสั่งเครื่องดื่มเย็นๆมาแล้ว
“ป่านคิดพาสัจจะมาด้วยเหตุผลนอกเหนือจากเป็นเพื่อนหรือเปล่า”
“ถ้าคุณพ่อรับฟังด้วยความเป็นธรรมป่านจะบอกค่ะ”
ประนาทจ้องมองลูกสาวคนโตอย่างค้นหา เธอใช้หลอดคนแก้วเครื่องดื่มรอผู้เป็นพ่อจะว่าอย่างไร
“ความเป็นธรรมจะมีเมื่อฟังความทั้งหมดแล้วว่าควรจะให้หรือไม่ให้มี”
“ความนั้นอาจจะร้อนจนเกินรับก็ได้ค่ะ ป่านพึ่งทราบเมื่อสามวันก่อนคิดว่าปล่อยไว้ไม่ได้แน่ แต่ไม่ทราบจะเริ่มต้นบอกคุณพ่ออย่างไรดีน้องอยู่แต่ในบ้านพอออกไปทำเก่งก็ได้เรื่อง”
“สัจจะมีส่วน”ประนาทเอ่ยเครียดหากคนพูดไม่ใช่ลูกรักอาจจะไม่นิ่งฟังอยู่อย่างนี้
“เรื่องมันสายเกินแก้แล้วนะคะ แต่ไม่ได้ผิดที่จ๊ะ คุณพ่อต้องเข้าใจก่อนว่า ผู้หญิงที่ไปให้ท่าผู้ชายขนาดนั้นคุณพ่อคิดว่าเขาจะปล่อยหรือ ถ้าจ๊ะรู้ว่าเป็นน้องคงไม่มีเรื่องแบบนี้”
“ปิ๋มเป็นน้องป่าน ทำไมป่านเข้าข้างเพื่อนอย่างนี้”
“ป่านบอกคุณพ่อก่อนแล้วนะค่ะว่าฟังด้วยใจเป็นธรรม ฟังความแล้วคุณพ่อจะโกรธป่านเข้าไปอีก ป่านก็แย่สิคะ ป่านไม่ได้เห็นใครดีกว่าใครนะคะ แต่เห็นคุณพ่อดีกว่าทุกคนต่างหาก”
“ไม่ต้องมายอเลย”
“ไม่ได้ยอสักหน่อย เพราะป่านรู้ค่ะว่าบอกคุณพ่อ คุณพ่อต้องเข้าใจการกระทำของป่านอยู่ดี”
คุณประนาทระบายความหนักอกด้วยการถอนใจยาว ป่านแก้วลูกสาวของท่านเป็นคนดี มีความหวังดีต่อญาติ พี่น้องหรือเพื่อน เมื่อเธอคิดอ่านมาดังนี้แล้ว จึงเป็นจริงที่ว่า ประนาทต้องยอมรับในที่สุด
“จ๊ะมีอะไรล่ะป่าน”
“ขอป่านพูดสักอย่างได้มั้ยคะคุณพ่อ” ประนาทนิ่งฟัง อย่างให้โอกาส
“จ๊ธไม่ใช่คนหลักลอย เขามีบ้านเป็นของตัวเอง เขาเป็นผู้ชายที่สร้างตัวเองมาจากศูนย์ หัวใจที่มั่นคงที่คิดเป็นคนดี เป็นคนรับผิดชอบทั้งที่ไม่ทราบว่าปิ๋มเป็นลูกใคร เหตุผลแค่นี้พอมั้ยคะคุณพ่อ”
“ทำไมฉันถึงต้องมีลูกสาวที่จ้องแต่จะออกนอกกรอบอย่างนี้นะไม่เข้าใจเลย”ในที่สุดเขาก็ระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่ เผือกร้อนที่กำไว้ในมือข้างหนึ่งยังไม่ทันเย็น ลูกสาวอีกคนก็เอามาโยนให้รับอีก
“ลูกปูก็เดินเหมือนพ่อปูนั่นแหละคะ” ป่านแก้วไม่ยอมเงียบ เรื่องอะไรต้องมาโทษเธอคนเดียว หากบ้านมีความรักความเข้าใจแล้วปิ๋มจะเสียได้อย่างไร
“ป่านก็ยังเห็นว่าจ๊ะดีอยู่ ถ้าเป็นผู้ชายอื่นปิ๋มจะไม่เป็นผู้เป็นคนอย่างนี้คุณพ่อจะว่าอย่างไรคะ”
“จะว่าอะไรเจ้าคิดอ่านมาจนถี่ถ้วนแล้วนี่ รู้ว่าถ้าเข้าทางพ่อแล้วเรื่องจะลงเอยแบบนี้”
“นั่นไงป่านคิดแล้วว่าคุณพ่อจะต้องเข้าใจ เอ่อคุณอาคงมาคิดค่าสินสอดมาก จ๊ะไม่มีปัญญาหรอกนะคะ เขาพึ่งสร้างตัว”
“พ่อออกให้”คุณประนาทประชด “ งามไส้เหลือเกินลูกนายพล”
ป่านแก้วไม่ถือสาอารมณ์ท่านอย่างน้อยสบายใจที่ท่านเห็นด้วย
แม่เมื่อข่าวที่ท่านนายพลนำกลับไปบอกเรวดีอย่างไม่ให้ตั้งตัวว่า ปารมีจะแต่งงานกับสัจจะ ทำให้เรวดีกรีดร้องอย่างสุดทน
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยย” เรวดีกรี๊ดเสียงลั่นปิดหูไม่รับฟังสามีเรื่องจะยกปารมีให้สัจจะ
“หรือคุณคิดจะเอามันใส่ตะกร้าล้างน้ำหรือไงหรือจะให้มันหนีไปหาเขาอีกหรือไง”คุณประนาทกระแทกเสียง
สิ้นรัก สิ้นเอ็นดูและไร้ความเกรงใจ เบื้องหน้าของเขายามนี้เห็นเพียงผู้หญิงที่ล้างความเค็มไม่ออกสักนิดเดียว เค็มอย่างไม่มีวันเจือจาง
เรวดีหอบหายใจแรงขึ้น กายเริ่มสั่น เมื่อได้คิดร้ายไปที่ลูกเลี้ยง ซึ่งนับวันยิ่งเข้ามามีบทบาทในบ้านของนางมากขึ้นทุกที
“ยัยป่านยัยป่านเป็นต้นคิดใช่มั้ย”
“อย่าหาเรื่องเจ้าป่านมันเลยน่าเรวดี มันจะหาพ่อให้ลูกของน้องมัน นี่ยังไม่ดีอีกหรือ”
“ฉันไม่ยอมเด็ดขาดคนกระจอกอย่างนั้นให้มันทำแท้งดีกว่า ฉันไม่ยอม”
“พามันไปทำแท้งเมื่อไหร่ฉันจะเอาตำรวจไปลากคอแม่ใจยักษ์เข้าคุกเสียเลย” ประนาทสวนกลับอย่างไม่มีเยื่อใย
“อ๊าย อ๊าย ฮ๊าย”
เรวดีรู้สึกหน้ามืด ดาวขึ้นระยิบ ก่อนจะหายใจติดขัดแน่นหน้าอก และเป็นลมล้มพับ เด็กรับใช้เข้ามาดูแล ช่วยปฐมพยาบาล เสียงแว่วของประนาทดังเข้ามาในหูว่า
“ฟื้นขึ้นมาคำตอบยังเหมือนเดิม ปิ๋มจะได้แต่งกับคนที่ตนเองรัก ไม่ใช่คนที่แม่มันชอบถ้ากระสันอยากได้ไอ้หมอนั่นเป็นเขยมากนัก ก็แต่งกับมันเสียเอง ส่วนปิ๋มจะแต่งงานกับสัจจะ และ ถ้าอยากเป็นลมต่อก็นอนหลับให้ยาวไปเลย”
เด็กรับใช้ได้เห็นเรวดีหายใจหอบแรง จึงรีบให้สูดยาดมเข้าไปอีก เรื่องส่งโรงพยาบาลนั้นไม่มีใครกล้าร้องขอคุณท่าน เพราะเดินจ้ำอ้าวออกจากห้องไปเสียแล้ว จากนั้นพวกเด็กๆจึงได้รักษาอาการไปตามกำลังเท่าที่มี โดยเชื่อว่า ให้อย่างไร เรวดีก็ต้องกลับมานั่งพูดต่อได้อีกอย่างแน่นอน!!
สัจจะสวมเสื้อกล้ามนั่งวาดภาพนางเงือกซึ่งเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว ขิมหิ้วขวดเหล้าพร้อมกับแกล้มมาถุงใหญ่ ประพันธ์เดินตามมา น้ำตาลรับของไปจัดใส่จานให้
“จ๊ะพี่เขยมาแล้ว” ขิมตะโกนบอกอารมณ์ดี ประพันธ์ซึ่งทราบเรื่องก็พลอยยินดีไปด้วย
“เห็นวันที่มันวิ่งตามผู้หญิงนึกว่ามันกินแห้วเสียแล้ว”
“อานาทใจกว้างว่ะ”
ประพันธ์หัวเราะก๊าก เมื่อเห็นสัจจะตัดผมเรียบร้อย สัจจะรู้ตัวลูบต้นคอรู้สึกโล่งๆ สารภาพเสียงอ่อย
“ผมยาวใหม่ได้ แต่ให้ถูกใจพ่อตาต้องยอมกันหน่อย”
รถของป่านแก้วแล่นเข้ามาจอด ในขณะที่หนุ่มๆสังสรรค์ หากป่านแก้วมากับประนาทขิมแทบสำลักเหล้า เพราะตัวเองแทบจะกินอยู่คนเดียว สัจจะและประพันธ์เพียงจิบๆ เพราะดื่มไม่เก่ง ทุกคนต่างลุกขึ้นต้อนรับผู้อาวุโส
“คุณพ่อว่างเลยอยากมาสังสรรค์ด้วย”
“ขอคุยกับสัจจะตามลำพังหน่อยสิ”
“ในห้องทำงานประนาทสำรวจดูภาพวาดต่างๆ ความอบอุ่นบางอย่างพุ่งผ่านเข้ามาในอกภาพเด็กหญิงป่านแก้วอยู่เต็มไปหมด
“วาดไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“บางภาพก็ตั้งแต่เรียนปีหนึ่งนครับเขาทำให้ผมยืนอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้”
“ปิ๋มแตกต่างจากป่านแก้วมากนะ”คุณประนาทบอกตามจริง “ป่านใจกว้าง แต่ปิ๋มเหมือนเด็กผู้หญิงทั่วๆไป รัก แสนงอน เธอจะดูแลเขาได้ตลอดไปหรือสัจจะ”
“ในชีวิตผมที่ผ่านมาคิดว่าคงจะไม่รักใครนอกจากคนนี้ แต่เมื่อพบปิ๋มครึ่งหนึ่งของความรับผิดชอบคือความรักครับ”
“เธอจะคิดเอาปิ๋มมาทดแทนป่านไม่ได้นะ”
“ไม่มีใครแทนที่ป่านได้หรอกครับอานาท”
ประนาทงุนงงต่อคำตอบกำกวม ตกลงสัจจะมันจะเอายังไงกันแน่
“ผู้หญิงแบบป่านเป็นเพื่อนตายกับผู้ชายได้อานาทว่ายังมีใครเหมือนกับเขาได้อีกหรือครับ”
คราวนี้ประนาทหัวเราะออกมาดังปลอดโปร่งใจ พวกคนข้างนอกที่รอลุ้นอยู่ พลอยโล่งอกไปตามๆกันลูกผู้ชายสองคนกำลังคุยกันอย่างถูกคอ สัจจะพูดน้อยพอประนาทไม่ถามเขาก็เงียบไป
“คงรู้จักเรวดีใช่มั้ย”
“ครับ “สัจจะรับเสียงแผ่วแทบไม่ได้ยิน ก่อนยอมบอกเพิ่มว่า “ผมไม่คิดว่าจะต้องเป็นเขยเขาหรอกครับ แต่ยังดีที่มีอานาทเป็นพ่อตา”
วุ้ย หวานซะ ข้างนอกคิด ป่านแก้วปิดปากหัวเราะ นึกรู้ อย่างนี้คุณพ่อของเธอเสรู้จคำหวานของสัจจะแน่นอน!!
“จัดพิธีซักหน่อย เงินทองไม่ต้องไปพูดถึงมันฉันขอให้รับปากว่าปิ๋มจะเป็นหนึ่งเดียวในชีวิต”
“ถ้าปิ๋มยอมจน โดยไม่บ่นผมจะเป็นพ่อที่ดีของลูกเธอครับ”
“ความจนมันแก้ไขได้ถ้ามานั่งสันหลังยาวจริงมั้ย”
“ครับ”
กลุ่มคนที่ตามมาแอบฟัง รีบกลับไปนั่งล้อมวงดื่มกิน
เมื่อประนาทออกมาอีกทีป่านแก้วหน้าแดงเป็นสีระเรื่อด้วยกระดกเป็นเพื่อนขิมไปหลายแก้ว ประนาทนั่งดื่มเหล้ากับเด็กๆด้วย พอเมาก็ลืมตัวสาวไส้จนหมด
“อยากเป็นใหญ่ให้เป็นไป เราไปหาคนอยากเป็นน้อยก็ได้จริงมั้ย”
“พ่อเมาแล้ว” ป่านแก้วปรามบิดา
“พ่อพูดจริงนะป่าน เรวดีเป็นผู้หญิงน่าเบื่อ จริงมั้ย ขิม จ๊ะ พ่อรู้นะว่าพวกแกไม่ชอบ”
“พ่อตามาเป็นเสียเองลูกเขยจะเอาอย่างนะ” ป่านแก้วเตือนบิดา รู้สึกเริ่มมึนเหมือนกัน
“พ่อทำได้ แต่ถ้าลูกเขยทำตาม มันตายสถานเดียว” ประนาทหยิบปืนออกมาจากซองที่พกมาวางปึงบนโต๊ะ
ในวงแทบแตกกระเจิงป่านแก้วรีบเก็บไว้เกรงจะโป่งป้างออกมา
“ดูท่านนายพลสิไม่เหลือมากเลยทีดื่มที่สโมสรไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลย” ป่านแก้วบ่น
“นี่มันเขย เขยใหญ่ เขยเล็ก แหมถ้าเจ้าปลายเป็นผู้หญิงพ่อจะยกให้เจ้าพันมันอีกคน เหมามันให้หมดก๊กไปเลย” ดูท่านยังอยากสนุกต่อทั้งที่เมามาก ใกล้ใคร คนนั้นต้องหลบเอาเอง
ป่านแก้วเรียกคนขับส่วนตัวมาประคองนายกลับ ส่งเงินพิเศษเป็นสินน้ำใจให้ที่อุตส่าห์รอจนดึกดื่นเที่ยงคืน
“ส่งให้ถึงที่นอนเลยนะพี่หวัด” หญิงสาวสั่งคนขับรถของบิดาซึ่งรับใช้กันมานานลูกเมียจ่าบิดาก็ดูแล
“ไม่ต้องห่วงครับคุณป่านแล้วคุณป่านละครับยังไม่กลับหรือครับ”
“กลับสิจ๊ะ”
ขิมลงมาจากบ้าน
“เดี๋ยวขิมไปส่งเองป่านมานี่ก่อน”
“กลับเองดีกว่า นายอยู่กับจ๊ะกับพันไปเหอะ”
“ป่านใจร้าย” เขาต่อว่าราวกับเด็กน้อยกระนั้น ป่านแก้วส่งจูบมาให้ก่อนขึ้นรถไป
ขิมกลับมานั่งร่วมก๊วนสองคนพับคาโต๊ะเพราะคออ่อน เขาส่ายหน้าต้องลากไปนอนทีล่ะคน น้ำตาลจัดเก็บของให้เรียบร้อย ขิมเดินออกมาทัก
“อ้าวยังไม่นอนหรือ”
“คุณจ๊ะเป็นคนสะอาดค่ะต้องเก็บให้เรียบร้อยก่อน”
“ดูแลพันด้วยนะน้ำตาล” คำท้ายคล้ายกับจะล้อเลียนผู้ชายพอเหล้าเข้าปากก็คุยไม่รู้เรื่องอะไรกันหรอก ยิ่งเพื่อนสนิทละก็ในมุ้งในหมอนรั่วไหลออกหมด คนที่มีพันธะมากกว่าอย่างประพันธ์ที่ใจแข็งว่าไม่อยากมีภาระแต่พอถึงเวลาเข้าจริง ก็หนีไม่พ้นความปรารถนาของหัวใจ
ไฟโคมจุดให้สว่างบนทางเดินคนในบ้านคงหลับหมดจึงไม่ได้ยินเสียงกริ่งเรียก ขิมปีนรั้วบ้าน
“ใครลงมาเดี๋ยวนี้” สายตรวจผ่านมา พบตะโกนเรียกชักปืนขู่ คนร่างใหญ่ซึ่งกำลังปียโหย่งๆเขาต้องรีบลงมายืนพิงรั้วประตู
“ขอโทษครับผมจะเข้าบ้านผม” เขาบอกเสียงมึนๆ
“เจ้าของที่ไหนปีนเข้าบ้านตัวเองเอาบัตรมาดูซิ” ตำรวจเข้าประชิดตัว
ขิมกดกริ่งเรียกคนข้างในเพราะเขาเริ่มแย่แล้ว บัวงัวเงียลุกขึ้นมาเปิดม่านดูก่อนจะปิดไฟเห็นตำรวจสองคนกำลังดันตัวขิมเธอรีบออกมา
“คุณขิมอะไรกันคะ”
“พี่บัวบอกคุณตำรวจหน่อยสิเขาว่าผมเป็นขโมย”
บัวศรีรีบขอโทษขอโพยตำรวจ พลางรับรองว่านี่คือบ้านของขิม ขิมส่ายหัวไปมา
“ผมลืมกระเป๋าเงินไว้บ้านจ๊ะบัตรก็อยู่นั่น”
“งั้นผมต้องขอโทษคุณผมทำตามหน้าที่” ตำรวจหนุ่มขอโทษ
“ขอบคุณครับ มีตำรวจดีๆแบบนี้ผมก็อุ่นใจครับ” เขายกมือไหว้เช่นกัน บัวศรีกดรีโมทเปิดประตูรั้วรับรถของขิมเข้าไปจอด หลังจากลงจากรถ บัวศรีกันท่าว่า
“คุณป่านหลับไปแล้ว”
“ผมกลับบ้านไม่ไหวนี่พี่บัว ผมนอนนอกห้องก็ได้” เขาบอกเสียงอ่อนสะลึมสะลือ
“คุณขิมดื่มน้ำมะนาวอุ่นซักแก้วไหมค่ะ”
“ดีครับผมเมาจังครับ” เขานั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกดื่มน้ำมะนาวอุ่น หากเมื่อบัวศรีเข้านอนแล้ว ขิมก็ย่องไปเปิดห้องป่านแก้วซึ่งไม่ได้ล็อกห้องไว้ บัวศรีแอบมองค้อน เธอไม่ได้นอนหรอกจับผิดคนมากกว่า น้ำหน้าอย่างนี้หรือจะนอนห้องรับแขก ถ้าคิดอย่างที่พูดจะดั้นด้นมาทำไมที่นี่!!

รถตู้ของบริษัทขิมนำพาพวกกลับสู่บ้านเกิดเมืองนอน อีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาจากไปนานเกินสิบกว่าปี
วันนี้กับวันวานแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเป็นดินแดนของแหล่งอุตสาหกรรม และแสงสี
บ้านของขิมยังคงเป็นเรือยไทยแฝด หากว่ามีหมู่เรือนเพิ่มขึ้น
“ยังกับพิพิธภัณฑ์ นายเป็นคนเล็กสงสัยตกถึงมือนาย” อมรเอ่ย หลิวตื่นตาตื่นใจกับสถาปัตยกรรมแบบไทยๆใครหนอว่าของต่างชาติสวยกว่า ถึงจะงามจริงก็ดูแข็งไม่อบอุ่นร่มเย็นอย่างนี้
“จะเป็นของคุณขิมหรือคะ”
“ไม่หรอก พี่เขมเขาทำงานหนักมาตลอดต้องให้พี่เขม ส่วนขิมมีแต่ตัวนะป่าน” หันไปหยอดหวานกับคนรักจนเธออยากถองสักโครม
กำนันเขตดูเป็นคนใหญ่คนโตเกินตำแหน่งกำนันเสียอีก
วันนี้มีเราราชการที่มียศสูงกว่ามาล้อมมาหาถึงบ้าน ลูกคนโปรดมาเยือนดีใจกว่าถูกหวย ขิมไม่เคยมาบ้านนานปีแล้วจนเขาล่ำลือว่าลืมถิ่นเกิด กำนันเขตชักอยากไล่แขกไป แล้วหันไปรับไปโอ๋ลูกคนเล็ก แขกก็ช่างรู้ใจว่าเจ้าบ้านอยากไล่เต็มที ดังนั้นจึงพากันลากลับ คนเป็นแม่น้ำตาร่วงเมื่อเห็นลูกเข้าไปกอดท่านลูบแขนลูกชายพลางชม
“ขาวขึ้นนะ”
ประพันธ์นินทากับกลุ่มเพื่อน
“ขนาดขาวยังดีกว่าถ่านหน่อยเดียวเอง” ทุกคนซ่อนยิ้มไม่ให้ป้าเรียมได้ยิน
กำนันรับไหว้เป็นผักถั่ว แต่ที่สนใจที่สุดก็คือป่านแก้ว เมื่อขิมแนะนำ
“ยายหนูป่านของแม่ไง”
“นี่หรือหนูป่านแก้ว โอย สวยจริงยัยหนูป่านของป้า” ป้าเรียมกอดรัดรับฝันชื่นอกชื่นใจขิมพูดต่อ
“แต่ตอนนี้เป็นของผม” เขาดึงกลับไปบ้าง
“ฮ้า” กำนันตาโต ป่านแก้วถองสีหน้าเขาทำหน้ายู่ ป้าเรียมเรียกลูกสาวซึ่งเป็นพี่คนรองจากขิมซึ่งไม่ออกเรือน มาพาแขกไปห้องพัก แต่ป่านแก้วขอตัว
“ป่านไปพักกับอาเนืองนะคะ ป้าเรียม”
“เรียกแม่ได้แล้ว” ขิมสนุกปาก
“เอ๊ะขิมเดี๋ยวทุบให้”
“ตกลงยังไงกัน หนูป่านเป็นเมียขิมแล้วหรือลูก” ป้าเรียมพูดตรงตามประสาคนท้องทุ่ง ป่านแก้วหน้าแดงจัดค้อนขิมเขารีบกล่าวแก้ให้
“จะให้พ่อกับแม่ไปขออยู่นี่ละ อานาทเขาติดยศนายพลแล้วนะพ่อ”
“เฮ่ย...สินสอดไม่เกี่ยงให้ได้สะใภ้อย่างยัยหนูป่านก็พอใจแล้ว ก่อนหน้านี้อ่านข่าวหนังสือพิมพ์แล้วใจหายที่ลงว่าแกกับยัยนางแบบโป๊มีอะไรกัน นี่ถ้าแกพามาบ้านละก็พ่อต้องนิมนต์พระมาปัดรังควานเลย”
“ว่าไปโน่น” ขิมกลั้นหัวเราะ
“นี่จ๊ะไงพ่อ” สัจจะไหว้ท่านทั้งสอง ป้าเรียมดึงสัจจะไปกอดสงสารชีวิตของสัจจะที่อาภัพนัก
“แม่แกตายโดยที่ตาไม่หลับหรอกจ๊ะ”
“ผมเรียนจบพอจะมีเงินติดกระเป๋าบ้างก็จะกลับมาหาท่านแต่ไม่ทันครับ”
“ลูกเอ๊ยแม่แกมันผิดจริงๆที่เลือกผีบ้านั่น แทนที่จะเป็นแกถ้ารู้ว่ามันร้ายขนาดนี้ยุให้ขิมไปฟันหัวมันแล้วลูก”
“เอาล่ะๆอย่าพูดเรื่องเก่ากันเลย พูดเรื่องใหม่ๆกันเถอะ นี่คงแก็งค์เก่าละซิ เออแยกไปคนละทาง ยังกลับมารวมกันได้อีกเชื่อเลยในเรื่องความรักของพวกเจ้า นี่ถ้าสายใยรักไม่เหนียวแน่น ไม่มีทางชักใยให้กลับมาเจอกันอย่างนี้หรอกลูก ไม่มีทางจริงๆ ความรักนะลูกเอ๋ย มีแต่สิ่งดีทั้งนั้นถ้าเรารักเป็น อย่าให้ความหลงเข้าครอบงำได้เพียงอย่างเดียว”
ต่างสบตายิ้มให้กันภาคถูมิใจในความรู้สึกแน่นแคว้นในหัวใจของพวกเขา
“ไปเล่นน้ำบ้านอาเนืองดีกว่าไปเก็บบัวกันด้วย” ขิมชวนราวกับยังเป็นเด็กซนอยู่ต่างเฮโลนึกสนุก เมื่อกำนันบอกต่อ
“เขาขุดสระทั้งกว้างทั้งลึกกว่าเดิมน้ำใสยังกับตาตั้กแตนคงเล่นกันสนุก
พวกผู้ชายวิ่งเข้าห้องที่จัดให้พัก พวกผู้หญิงยิ้มละไมตามไป โดยป่านแก้วรออยู่ที่มุข พี่สาวขิมกระซิบถามมารดา
“ตกลงพักกันยังไงล่ะแม่จะได้จัดถูก”
“ตาพันกับเมีย ตามอญกับเมีย”
“ขิมกับจ๊ะให้พักอยู่ห้องเดียวกันไม่เห็นจะน่างง”
“ยัยหนูป่านสวยจังเลยนะแม่ได้เป็นน้องสะใภ้ก็ดีเลย”
“ขิมมันจะไปขออยู่”
“หนูไปด้วยนะแม่นะ” เธอตื่นเต้นเพราะนึกเอ็นดูหนูป่านตั้งแต่เล็ก
ไผ่หลิวหยิบกางเกงว่ายน้ำให้สามี เมื่อเขาบอกว่าจะไปเล่นน้ำ
“ผ้าขาวม้าที่เตรียมมาเฮ้ยผิดงานแล้วอาหมวยน้ำบ่อไม่ใช่สระไหว้น้ำนะเธอ”อมรต่อว่าศรีภรรยาที่อยากเข้ามาร่วมก๊วนกับพวกของเขา
ไผ่หลิวดูมีความสุขยิ่งนัก หลังจากเตรียมตัวกันพร้อมแล้วจึงได้พากับเดินทางสู่บ้านของเนื่อง
ถนนลาดยางตลอดเส้นทางตัดผ่านท้องทุ่งมีป้ายบอกเส้นทางใหม่ๆที่อดีตเด็กท้องนาเองยังไม่รู้ว่า คลองที่พวกตนเคยเทียวเล่นตามประสานั้นชื่ออะไร หรือทุ่งกว้างที่เคยรู้ว่าเป็นพื้นที่ของหลวงเวลานี้มีผู้คนเข้าไปสร้างบ้านเรือนกันอย่างแน่นขนัด
จากพื้นที่ ที่ต้องกูเรียกหากันเพราะพื้นที่กว้างใหญ่ บัดนี้ ผู้คนมากแทบจะเดินหลบกันไม่พ้น ชีวิตท้องทุ่งได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างแท้จริง จะเว้นก็แต่บ้านที่มีรั้วกั้นเป็นสัดส่วน เพราะเมื่อผ่านรั้วเข้าไป ภายในนั้นยังมีกลิ่นอายของความอบอุ่นและความร่มรื่นให้ได้รับ
เนื่องกับบุษยาตื่นเต้นเมื่อหลานรักกลับมาเยี่ยม และถึงกลับสำรวจหนุ่มผิวเข้มหน้าคมเมื่อเห็นเคียงข้างป่านแก้วไม่ห่าง
“ขิมค่ะ นั่นจ๊ะ มอญ พัน”
“โอนี่ตามกันจนเจอเลยสิน่ะเนี่ย ไงหนุมานถวายแหวน” เนื่องตบแขนสัจจะ
ท่าทางเขาดูขรึมผิดวัยเด็กมากเนื่องรับรู้ได้ว่าชีวิตที่ต้องต่อสู้ทำให้บางสิ่งบางอย่างเปลี่ยนไปสัจจะกระพริบตาถี่ เห็นเนืองแล้วนึกถึงย่าปรางปู่เนียม
“พวกผมขอไปไหว้ปู่กับย่าก่อนนะครับอาเนื่อง” ขิมเอ่ยขึ้นอย่างให้สมกับความตั้งใจมาจากบ้าน
“เอาเลยอยู่ทางนั้น” เนื่อง ชายวัยกลางคนผู้ยังมีความดีไม่เปลี่ยนแปลงบอกทาง
“พี่แหวกกับพี่ดวนไปอยู่ไหนครับ” ประพันธ์ถาม
“แยกเรือนไปแล้ว อาอยู่ตามลำพัง มีหลานของบุษมาช่วยดูแลอยู่ น้องๆก็ไปเรียนกันไกลๆหมดทั้งสามคน เหลือคนเล็กไปบ้านเพื่อนเย็นๆคงกลับ จะไปไหว้ย่าก็ไปกันเถอะ”
รูปถ่ายขนาดใหญ่แขวนอยู่บนผนังมีพวงมาลัยดอกไม้แห้งแขวนที่รูป โกฐกระดูกทั้งสองตั้งบนตั่งไม้ พวงมาลัยดอกไม้สดห้อยอยู่อย่างที่ให้รู้ว่าดูแลเอาใจใส่อยู่เสมอ หนุ่มๆสาวๆจุดธูปไหว้คนที่มีความหลังเมื่อมองภาพของท่านทั้งสองก็จะเห็นความปราณีผ่านมาทางแววตา บุญคุณความเมตตาของท่านจดจำใส่ใจอยู่เสมอ
“ฝากตัวเป็นหลานเขยด้วยครับ ย่าปรางปู่เนียม” ขิมบอกเบาๆพอให้ร่างบางที่นั่งข้างได้ยิน สัจจะปักธูปลง
“ผมก็เช่นกันครับปู่ย่า”
ประพันธ์เรียกน้ำตาลไปจุดธูปไหว้เขาบอกคนรักว่า
“พวกท่านมีบุญคุณกับครอบครัวพี่มาก มากที่สุดเลยน้ำตาล”
ไผ่หลิวและน้ำตาลมองภาพผู้ชราสองคน ท่านดูมีความเมตตา ราวกับว่า ดวงตาของผู้ที่ลาลับโลกนี้ไปแล้วยังคงทอดมองมายังกลุ่มหนุ่มสาวที่กราบไหวพวกทานอยู่ รอยยิ้มบนใบหน้าเหมือนกำลังส่งมาให้ด้วยความเมตตา
ผู้ชราผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตาของเด็กๆทุกคน แม้จากไปนานแล้ว ความรัก ความเมตตา และความดีของพวกท่านยังคงประดับอยู่ในใจของพวกเด็กๆเสมออย่างที่เวลาไม่สามารถพรากมันไปได้เลย!!
บทส่งท้าย
เนื่องถึงกับหัวเราะเมื่อรู้ว่าจะมาเล่นน้ำกันบอกอนุญาต แล้วแอบไปด้อมมอง น้ำตาลกับไผ่หลิวนั่งเล่นบนศาลาท่าน้ำ เจ้าป่านของเขาลงไปเล่นน้ำโดยเกาะหลังขิมไปถึงกลางสระ
“ป่านกับขิมคงไม่แคล้วกันใช่มั้ยคะพี่เนือง”
“ชีวิตเด็กพวกนี้เหมือนถูกลิขิตไว้นะ กลมเกลียวกันดีเหมือนเส้นของวงกลม มีระยะห่างกันออกไปแต่สุดท้ายมีอยู่จุดเดียวกันอยู่ดี”
“พรหมลิขิต”
“รักลิขิตต่างหาก ถ้าไม่มีรักให้กันละเวลาสิบกว่าปีมันทำให้ห่างเหินกันได้”
“หนูป่านบอกบุษว่าขิมมาบอกพี่กำนันให้ไปสู่ขอหนูป่านค่ะ แต่เย็นนี้จะให้ขิมมาขอกับพี่ก่อนว่าจะว่าไง”
“นี่เจ้าป่านแอบบอกบุษคนเดียวเหรอ”เนื่องออกน้อยใจที่เรื่องสำคัญของหลานรู้ทีหลังเมีย
“คงอยากให้พี่ตื่นเต้นค่ะบุษว่าจะไม่บอกแต่ก็อดไม่ได้ หนูป่านเขาว่าถึงพ่อนาทอนุญาตแต่พ่อเนื่องไม่ให้ก็จะรับฟังพ่อเนื่อง”
โธ่เจ้าป่านของอา ไม่เสียแรงรักมันเหมือนลูก ดูเถอะไม่เคยลืมอาเลยคนดี!!
พานดอกไม้ธูปเทียน ยกมาวางตั้งขอขมาเนื่องเขาจับพานลูบศีรษะของสองหนุ่มสาวที่ก้มกราบ เนื่องตื้นตันยิ่งนักขิมนั่งพับเพียบหลังตรง
“ผมมาสู่ขอป่านครับอาเนื่อง ตามพิธีการต้องคุณพ่อผมมา แต่ว่าผมเป็นคนแต่งกับหลานรักของอาเนื่องผมควรจะมาขออนุญาตด้วยตัวเองครับ”
“ป่านคือคนที่ย่าปรางปู่เนียมห่วงใยมากที่สุดท่านคงหวังจะเห็นป่านแก้วถึงฝั่งอาเนื่องขอให้ฝั่งที่จะขึ้นเป็นฝั่งที่มั่นคงให้เขาก้าวเดินได้อย่างปลอดภัยและไม่เจ็บปวด”
“ผมสัญญาครับว่าครอบครัวของผมและป่านจะมั่นคงเช่นวันนี้ตลอดไปครับ”
“เช่นนี้อาอนุญาต ดอกไม้ธูปเทียนนี้จะเก็บไว้หิ้งบูชาปู่กับย่าก็แล้วกัน”
ขิมก้มกราบเนื่องอีกครั้งหนึ่ง

กลองยาวแห่นำหน้าขันหมากแบบลูกทุ่งแท้เข้าคฤหาสน์ท่านนายพลตรี นายทหารรุ่นเดียวกันมาเป็นสักขีพยาน เรวดีนั่งคอแข็งด้วยความรังเกียจลูกเขยของตนเอง หากแต่ท่านสั่งจึงจำใจ
ประนาทและนายทหารสามนายพร้อมคุณนายรีบต้อนรับเมื่อคนเดินนำหน้ากำนันเขตเข้ามาเป็นท่านรัฐมนตรีที่มีชื่อเสียงที่สุดในขณะนี้ กำนันเขตซึ่งเป็นหัวคะแนนสำคัญไปเชิญมาเพราะสนิทสนมชอบคอกันเป็นอันดี เขาอยากให้เกียรติประนาทเพราะมียศศักดิ์
ความเกรงใจทำให้ความคอแข็งๆอ่อนมายกมือไหว้รัฐมนตรีและกำนันได้ การเจรจาสู่ขอเป็นไปอย่างเป็นทางการ หากคาดไม่ถึงเมื่อพูดทาบทาม ปารมีให้สัจจะ เรวดีเอ่ยค่าสินสอดมากกว่าป่านแก้วทุกอย่าง
ดังนั้นสินสอดที่สัจจะคิดว่าแค่สิบล้านกระโดดไปอีกสามเท่า ลำพังสัจจะคงหมดทาง แต่ก่อนหน้านี้ป่านแก้วนำเช็คเงินฝากของคุณพ่อไปโอนในบัญชีสัจจะแล้วเปลี่ยนมาเป็นเช็ค สัจจะกรอกตัวเลขลงเกินกว่าที่เรวดีเรียกร้อง เธอตาโตไม่นึกว่าสัจจะจะมีเงินเยอะขนาดนี้
เงินง้างเรวดีได้ เธอรีบให้เด็กไปเรียกป่านแก้วและปารมีเข้มาสู่พิธีหมั้นหมาย คนที่รู้เบื้องหลังแอบหัวเราะในความงกเงิน หากเรวดีรู้ว่าอัฐยายซื้อขนมยายจะทำหน้าอย่างไรหนอ อาจจนช็อกเป็นอัมพาธก็เป็นได้
“ค่าสินสอดนี้จะเก็บไว้ก่อนก็แล้วกัน” เรวดีว่า
“ของป่านผมยกให้ป่านและขิมเอาไว้เป็นทุนรอน” ประนาทขัดคำภรรยาเพราะรู้นิสัยดีว่าต้องเก็บเข้าพกหมด
“ของปิ๋มก็เช่นกันให้เป็นของขวัญของปิ๋มและสัจจะ” เขาสั่ง
“ถ้าอย่างนั้นใส่บัญชีเป็นชื่อน้องก็แล้วกันนะสัจจะ” ลงล็อกพอดีประนาทหัวเราะในคอหึๆเช่นคนอื่นๆ เบื้องหลังพากันนินทาว่าประนาทช่างอยู่กับคนงกอย่างเรวดีได้ยืดยาวเหลือเกิน
เวลาต่อมา
ขิมย้ายตัวเองไปอยู่กับป่านแก้ว ขณะที่ปิ๋มไปอยู่กับสัจจะ
“ดีนะที่ปิ๋มไม่เหมือนคุณเรวดีไม่อย่างนั้นคงลำบาก เหมาะสมกันดีนะคนขี้เหงากับคนช่างเอาใจ ส่วนคนคล่องอย่างขิมก็เหมาะกับคนฉลาดอย่างป่านดูภาพนั่นสิขิมชอบ”
ป่านแก้วดูภาพอิเหนาเข้าหานางบุษบาที่ติดไว้ในห้องหอ หญิงสาวสวมกอดสามีขิมก้มลงจูบหน้าผากกว้างสวยของภรรยาอย่างแสนรัก ป่านแก้วกระซิบบอก
“อย่าให้รักของเราเก่าเร็วไปนักนะคะขิม”
“รักของเราจะไม่มีวันเก่าเลยรับรองคนดี ไปปั้มลูกกันเถอะ”
ป่านแก้วหัวเราเสียงใส กระซิบบอกอีกฝ่ายจากนั้นขิมจึงรั้งอีกฝ่ายล้มลงไปนอนบนเตียงด้วยกัน
เด็กหญิงผมเปียวิ่งนำหน้า ใบหน้าสดใสแจ่มแจ๋ว เด็กชายตัวโตวิ่งตามไล้รียงกันเป็นหาง ท่ามกลางท้องทุ่งเขียวขจีความผูกพันด้วยความจริงใจแก่กัน

รักแท้ ไม่มีวันตาย ไม่มีวันสลายด้วยกาลเวลา ไม่มีคำว่าแก่ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายสิบปีก็ตาม
......................**จบ****

ประนาทรั้บไหว้อย่างคาดการณ์ไว้แล้วว่าสักวันประณตจะต้องเดินกลับมาหาเขาในลักษณะนี้ เขารอมานานแล้ว รอมานับแต่วันที่เขาเผาศพแม่โดยที่น้องชายอกตัญญูคนนี้ไม่ย่างกรายเข้าไปในงาน
“ช่วยผมหน่อยเถอะครับพี่นาทผมถูกโกงจนหมดตัวแล้ว”
“ฉันจะช่วยอะไรแกได้วะณต”ประนาทเอ่ยอย่างไว้ตัว ไร้เยื่อไย “ เสธฯจอนกับฉันเดินคนละทาง ล้ำเส้นกันไม่ได้”
“แต่พี่มีสีเหมือนกัน พี่ช่วยป้อได้พี่คงช่วยผมได้”
“ไอ้ป้อมันเป็นหลาน”
“ผมเป็นน้อง”
“มึงไม่ใช่น้องกูไอ้ณต” ประนาทพูดเสียงดังฟังชัดเป็นประโยคที่รอคอยได้พูดมานับสิบๆปีสาแกใจนักกับคนอย่างนี้”เพราะในหัวใจของมึงไม่มีแม่ แต่กูมี กูมีแม่ให้ได้เผา แล้วมึงล่ะวันที่ผีแม่มึงทำอะไรอยู่ไอ้ณต”
“ถ้าพี่เป็นผมพี่ก็ต้องทำ ถ้าป้อได้สมบัติแทนที่จะเป็นป่านพี่ก็ต้องโกรธเหมือนกัน”
“เปล่าเลยฉันมาไม่คิดอย่างแกแน่ประณต คุณพ่อคุณแม่ยกมรดกให้ป่านเพราะรู้ว่าวันหนึ่งข้างหน้าน้องๆจะพึ่งป่านได้ ในขณะที่ถ้าตกอยู่กับแกคนอื่นจะไม่ได้กินแม้แต่แกลบ”
“ไม่จริง”
“แล้วแกคิดว่าเจ้าป้อได้ประกันเพราะเงินใครล่ะณตเงินหนึ่งล้านที่ประกันป่านไม่เสียดายสักคำ มันไม่ใช้เงินฉันด้วย”
“จะผิดอะไรในเมื่อนั่นมันคือของผม”
“ไอ้เฮงซวย” ประนาทด่าว่ารุนแรง“คนอย่างมึงนะณตแค่โดนโกงยังไม่สะใจกูด้วยซ้ำ อย่างมึงตายลูกหลานไม่เผาผีนั่นแหละ กูว่าเหมาะที่สุด เฮ้ยเด็กๆมาลากไอ้คนเส็งเครงนี่ไปจากบ้านของฉันเร็วๆ”
“พี่นาท ฉันเป็นน้องพี่นะ ฉันเป็นน้องพี่ ฉันหมดตัวแล้วพี่จะทนเห็นฉันตายได้หรือไง”
“ได้ กูทนเห็นได้ เพราะน้ำตาแม่ของกูไหลทั้งที่สิ้นลมไปแล้วไอ้ณต ภาพนั้นกูจำได้ติดตา กูสัญญาเลยว่า กูจะรอให้มึงเข้ามาเพื่อบอกตัดขาดกับมึง มึงไม่ใช่ญาติกูไอ้ณต”
กงกรรมกงเกวียนหมุนเวียนมาบรรจบคนเห็นแก่เงินไม่เห็นค่าของคน วันหนึ่งที่หมดตัวค่าของคนๆนั้น ย่อมไม่เศษ หรือส่วนสิ่งใดให้คนอื่นได้คิดถึง....






























Create Date : 08 กันยายน 2554
Last Update : 8 กันยายน 2554 11:04:41 น. 0 comments
Counter : 893 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นางแก้ว ดาราพร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add นางแก้ว ดาราพร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.