มีศาลานั่งพักผ่อนชมวิว
อยู่ท่ามกลางสวนหย่อม
ที่ได้รับการดูแลอย่างดี
ตบแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม
ขอตรบมือให้ครับ
ตอนแรก
ที่มาถึงที่นี่ ผมยังไม่เลี้ยวลงไปที่แก่ง แต่ขับเลยไป
เพื่อจะไปให้สุดเส้นทางที่เลยไปอีกประมาณ300 เมตร ถนนเลียบ
เชิงเทือกเขาผาหม่นที่เป็นแนวเดียวกับผาตั้งและภูชี้ฟ้าไปสิ้นสุด
ที่เกือบถึงแม่น้ำโขง เมื่อไปสุดถนนแล้วก็ต้องผิดหวังเพราะปลาย
ถนนหายไปเฉยๆ มีต้นไม้ขึ้นรกจนมองไม่เห็นแม่น้ำ มีป้ายเก่าๆ
ตัวหนังสือลบเลือนจนอ่านไม่ออก
ผมจินตนาการว่าถ้าถนนสายนี้ทำไปจนติดแม่น้ำโขง
แล้วทำป้ายหรือสัญญาลักษณ์สวยๆ ไว้ที่ปลายถนน
เมือ่มองออกไปจะเห็นแม่น้ำ ฝั่งตรงข้ามคือประเทศลาว
ขวามือคือเชิงเขาถัาข้ามไปก็คือประเทศลาวเช่นกัน
น่าจะสร้างความสนใจได้อีกมากทีเดียว....
จากนั้นก็ย้อนกลับมาที่แก่ง ลานจอดรถกว้างขวาง
แต่ไม่ค่อยมีร่มเงาไม้บังแดดตอนเที่ยงครึ่งให้รถเท่าไหร่
และระหว่างที่สองแม่ลูกไปเข้าห้องน้ำกัน เพื่อไมเป็นการ
เสียเวลา ผมจึงออกเดินไปริมตลิ่งหามุมถ่ายภาพไปเรื่อยๆ
หลังจากนั้นก็ลงไปที่แก่งในแม่น้ำ
เดินไป เดินมาหลายรอบแต่ไม่ค่อยได้มุมถูกใจ
และแดดก็ไม่เป็นใจ พลุบๆ โพล่ๆ ตลอดเวลา
เดินอยู่พักใหญ่ๆ ไม่เห็นมีใครตามลงมาเลยสักคน
ภาพในแก่งทั้งหมดจึงไม่มีนางแบบเลย
ภาพแรกที่มองเห็นจากบนตลิ่ง คือเวิ้งน้ำที่เว้าเข้ามากว้างพอสมควร ถ้ากางเต๊นท์นอนที่นี่ได้เล่นน้ำกันสนุก
หรือจะพายเรือไปหลวงพระบางกันดีล่ะ !
ไม่รู้จะถ่ายอะไร เดินวนอยู่รอบเรือนี่ล่ะ!
แอ่งน้ำใสๆ
ในแก่งเกือบจะอยู่กลางลำน้ำ
ส่วนบ้านที่มองเห็นไกลๆนั้น
เป็นร้านอาหาร ที่ชื่อร้าน....
ไม่มีชื่อ....หรือมี จำไม่ได้จริงๆ
แต่ไม่เป็นไร เพราะมีอยู่ร้านเดียว
ส้มตำ อร่อยมาก....สั่งเลย
นี่ก็เป็นอีกแอ่งหนึ่ง น่าลงไปแช่ให้หายร้อน
ตรงนี้เป็นอีกแก่งหนึ่ง แท่งหินโพล่ขึ้นจากน้ำคล้ายหน้าผา จึงเป็นที่มาของชื่อ"แก่งผาได"(หมุนตามไมล์ มั่วเอา)
สายน้ำสุดท้าย...ไหลเรื่อย...จนลับหาย ไปจากสายตาเรา
สามสาวไม่ยอมลงไปที่แก่ง
แต่มานั่งหลบแดดในร้านอาหาร
ที่วันนี้มีลูกค้าเต็มร้าน
ผมขึ้นมาถึงเธอก็สั่งไปแล้ว
ล้วนแต่ของอร่อยทั้งนั้น
ปลาเผา (ได้กินสมใจแล้ว)
อาหารอีกสองอย่างแต่ที่สั่งเป็นอย่างแรก
และหมดก่อนเพื่อน จนต้องมีจานที่สอง
ตำปูปลาร้า....แซ๊ปอีหลีเด้อ
จนเกือบลืมว่าเฮาอยู่เจียงฮายเน้อ
หาดทราย สายน้ำ......
มองลงไปจากบนร้านอาหาร
เห็นคนเดินเล่นที่หาดทราย
จึงวางช้อนหันมาคว้ากล้อง
บรรทึกภาพไว้ได้
แล้วนึกคำประกอบภาพ
เธอฝากรอยเท้าบนผืนทราย
แล้วเคยฝากใจกับใครหรือยัง
เมื่อผู้หญิงสองคนกลับขึ้นมาแล้ว อีกไม่นานก็มีเด็ก ๆ สามคนลงไปเล่นที่หาดทราย ผมก็ถ่ายอีก พอไม่มีใครแล้วเรามาถ่ายกันเองบ้าง
หลังจากอิ่มอร่อยแล้ว
เมื่อเวลาล่วงเข้าบ่ายเราจึงเดินทางกลับออกมาจากแก่งผาไดมุ่งหน้า
ไปอำเภอเชียงแสน ผ่านถนนที่ก่อนเข้าอำเภอ"เชียงของ"กำลังมีการ
ก่อสร้างขยายเส้นทาง ระยะทางยาวหลายกิโลแล้วแวะซื้อกาแฟสด
ที่ในอำเภอเชียงของ จากนั้นก็เพลิดเพลินกับลำน้ำโขงที่ไหลเลียบ
ไปกับถนน มีจุดน่าจอดรถลงไปถ่ายรูปหลายจุด แต่เวลาไม่อำนวยซะแล้ว
และตั้งใจไว้ว่าจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่"ทะเลสาบเชียงแสน"ให้ทัน
แต่ต้องหาโรงแรมที่เราจองให้เจอก่อน ถ้ามาหาตอนกลางคืนจะลำบาก
เมื่อตะวันชิงพลบ(ไปซะแล้ว)
หลังจากเจอและสำรวจโรงแรมเสร็จแล้ว
ก็รีบออกเดินทาง จากตัวเมืองเชียงแสน
มาไม่กี่กิโลก็ถึง แต่ก็มาไม่ทันดู
ตะวันตกดินจนได้
....เสียดายมาก....
เมื่อถึงถนนเลียบทะเลสาบ
ที่ดูจะเงียบเหงา แทบจะไมมี
นักท่องเที่ยวเลย....
หรือว่าดูพระอาทิตย์ตกแล้ว
เขาก็กลับกันไปหมด !!
เหลือแต่คนมาสาย(น่าละอาย)เท่านั้น
ผมก็ขับรถหาสะพานที่เคยเห็น
ในหนังสือท่องเที่ยวเมื่อหลายปีก่อน
แต่ขับเลียบไปตั้งไกล..ไม่เจอสะพาน?
จึงขับกลับมาที่ลานหญ้าริมทะเลสาบ
ซึ่งตอนนี้แสงสุดท้ายที่ฉาบทาท้องฟ้า
ใกล้จะหมดลงแล้ว....
แต่ถึงแม้ว่าตะวัน
จะลับฟ้าไปแล้ว
ก็ยังทิ้งแสงสุดท้าย
ไว้ปลอบใจคนที่ถือคติ
"มาสาย ดีกว่าไม่มาเลย"
หุ....หุ และ หุ....หุ
ออกจากทะเลสาบแล้วกลับเข้าเมืองอีกครั้ง กินข้าวมื้อค่ำ
ที่ร้านอาหาร "ครัวเชียงแสนริเวอร์ไซด์" ร้านอยู่ห่างจากหน้าอำเภอ
เลียบแม่น้ำโขงมาทางสามเหลี่ยมทองคำประมาณ สาม กม.
ร้านตั้งอยู่ชิดแม่น้ำโขงแต่ไม่ติดริมตลิ่ง ทำให้ไม่เห็นวิวแม่น้ำโขง
อาหารนั้น จัดอยู่ในขั้น พอใช้ได้ แต่บริการดูแล เอาใจใส่ดีมาก
อิ่มแล้วกลับเข้ามาเที่ยวงานปีใหม่ที่"หน้าที่ว่าการอำเภอ" มีเวทีใหญ๋
กำลังมีการแสดงของชนเผ่าพอดี บริเวณริมถนนหน้าอำเภอเป็นร้าน
ค้า ร้านขายของ ปาเเป้า ยิงปืน ฯ เหมือนงานประจำปีนั่นแหล่ะครับ
ขอเดินเที่ยวงานซะหน่อยแล้วค่อยกลับเขัาที่พักกันนะครับ
ร้านขายของในงาน
วันนี้เราจบลงด้วยการเที่ยวงานปีใหม่ที่หน้าอำเภอ ตอนหน้าชมตะวันขึ้น..ที่เชียงแสน
สามเหลี่ยมทองคำ ขากลับไปนอนกว้านพะเยาด้วยกันอีกคืน
สวัสดีครับ
Create Date : 04 มีนาคม 2554 |
Last Update : 16 กรกฎาคม 2556 3:53:43 น. |
|
20 comments
|
Counter : 2462 Pageviews. |
|