|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ทำไมต้องทำธรุกิจส่วนตัวในเมื่องานประจำสบายกว่าตั้งเยอะ
ย้อนกลับไปเมื่อสัก 2-3 ปีที่แล้วผมได้เข้าทำงานที่บริษัทญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการ ทำหน้าที่ผสานงานระหว่างบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นและสิงคโปร์ รวมถึงค้นหาโอกาสในการขายและขยายธุรกิจในประเทศไทย
แน่นอนว่าบริษัทญี่ปุ่นก็ขึ้นชื่อถึงความมีระเบียบวินัย ทำงานหนัก ตรงเวลา ซึ่งช่วยให้ผมได้ฝึกฝนพัฒนานิสัยตรงนี้ค่อนข้างมากเลยทีเดียว...
แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกอัดอั้นตันใจเป็นอย่างมาก คือการมีกรอบการทำงานเป็นลำดับขั้นตอนจนเกินไป ทำให้ขาดอิสระในการคิด ทดลองทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าจะส่งผลดีต่อบริษัทเอง ไอเดียต่างๆ ที่นำเสนอไปมักจะถูกปัดตก จะทำอะไรสักอย่างก็ต้องขออนุมัติจากผู้ใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ เหมือนคล้าย ๆ แม่ทัพกำลังออกรบที่ทัพหน้า แต่อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่เมืองหลวงซึ่งไม่อาจเข้าใจสถานนะการณ์ในทัพหน้าดีนัก
สถานะการณ์ตอนนั้นทำให้ตัวผมเองเบื่อหน่ายกับสถานะการณ์แบบนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นผลจากนิสัยส่วนตัว
นิสัยส่วนตัวที่เป็นทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวเองคือ "ไม่ชอบให้ใครมาสั่ง" ว่าจะต้องทำอะไร ทำอย่างไร ชอบในการตั้งเป้าหมายและทดลองทำด้วยตัวเองมากกว่า
ถ้าจะให้พูดเข้าใจง่ายคือเป็นหัวหมาดีกว่าเป็นหางราชสีห์ ขอเป็นคนกำหนดทิศทางของชีวิต ถึงแม้สุดท้ายจะพบเจอกับอุปสรรค์ปัญหา หลงทางบ้าง เจอทางตันบ้าง ก็ขอได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง ซึ่งนิสัยแบบนี้ไม่ได้เป็นผลดีต่อการเติบโตในการทำงานงานประจำ แต่อาจเกิดผลดีในการเริ่มต้นธุรกิจ
เมื่อต้นปี 64 ที่ผ่านมาตัวผมเองเลยตัดสินใจลาออกจากบริษัทโดยยังไม่ได้หางานที่ใหม่ และเริ่มก่อการทำธุรกิจซึ่งต่อยอดจากงานอดิเรกที่ทำในช่วงทำงานประจำ...
การเริ่มธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะตอนทำงานประจำมีหน้าที่รับผิดชอบแค่อย่างเดียว กลายมาเป็นต้องทำทุกอย่างที่องค์กรธุรกิจทั่วไปมีเช่น การจัดหาเงินทุน ทำแผนธุรกิจ คุยกับทาง supplier ทำเรื่องทดสอบสินค้า การนำเข้า การทำระบบจัดการหลังบ้าน เว็บไซด์ เรื่องการทำตลาด การขาย คุยตอบปัญหาให้ลูกค้า ทำบัญชี จัดการปัญหาต่าง ๆ
แต่ละวันต้องคอยทำงานหนักและตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ อย่างรวดเร็จ เพราะทรัพยากรณ์ที่จำกัด ต้องทำงานดึกดื่น 7 วันต่อสัปดาห์ ถึงจะเป็นเรื่องที่คาดการไว้แล้วบ้าง แต่ก็ถือว่าหนักหนาเอาการทางด้านร่างกาย แต่ด้านกำลังใจยังดีอยู่
พอจัดการระบบต่างๆ เรียบร้อยระดับหนึ่งแล้ว โดยมีผมเองเป็นหลักในการขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็น CEO จนไปถึงการแพ็คของ ส่งของ...
วันหนึ่งก็มีโอกาสของงานประจำเข้ามาอีกครั้ง และบังเอิญเป็นสิ่งที่ตนเองสนใจที่จะทำประกอบกับสถานะการณ์ธุรกิจยังไม่แน่นอน ยังไม่สามารถจ่ายเงินเดือนในกับตัวเองได้เพราะต้องนำเงินที่ได้ไปลงทุนต่อ
ตอนนั้นเงินเก็บที่มีก็เริ่มร่อยหรอไปเรื่อยๆ และกลัวค้างคาใจกรณีปล่อยโอกาสนั้นหลุดลอยไป เลยตัดสินใจลุยมันทั้งสองอย่าง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจและงานประจำ
หลังจากทำงานประจำแล้วหน้าที่รับผิดชอบต่าง ๆ ความเครียดก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณเพราะตำแหน่งที่เข้าไปทำคือผู้จัดการโครงการ ด้านธุรกิจก็ได้แค่ประคองไปเท่านั้น ไม่สามารถทำให้เติบโตและพัฒนาได้อย่างที่ใจต้องการ.. เรียกว่าไม่ดีสักอย่างก็ได้
ตอนนี้ถึงเวลาต้องเลือกระหว่างงานประจำกันทำธุรกิจ เลือกระหว่างมีเงินใช้สบาย ๆ หรือต้องประหยัดอดออมเพื่อทำตามความฝันที่มีมาตลอดตั้งแต่วัยเด็กจนถึงปัจจุบัน คือเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
จริง ๆ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากเลือกทำทั้งสองอย่างให้ดี ทั้งธุรกิจและงานประจำ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตัดสินใจและปรึกษาใครก็ไม่ได้ด้วย เพราะเส้นทางธุรกิจนั้นถ้าหาที่ปรึกษาที่มีความรู้และประสบการณ์และประสบความสำเร็จที่แท้จริงไม่ได้ การตัดสินใจและรับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องที่ดีที่สุด เพราะผู้อื่นเห็นสถานะการณ์ในมุมมองปัจจุบันแต่ผู้ประกอบการตัดสินใจจากมุมมองในอนาคต
ตัดสินใจยังไงเดี่ยวมาเล่าให้ฟังอีกทีนะครับ...
Create Date : 06 กันยายน 2564 |
Last Update : 6 กันยายน 2564 8:31:52 น. |
|
1 comments
|
Counter : 505 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
กำลังงงๆอยู่เลย
ขอให้กิจการเจริญก้าวหน้านะค่ะ^^