Simple and Smart

Group Blog
 
<<
เมษายน 2565
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
20 เมษายน 2565
 
All Blogs
 
ส่ิงที่ต้องพิจารณาในการทำธุรกิจการลงทุนและการใช้ชีวิต

การทำธุรกิจและการลงทุนมีองค์ความรู้และทักษะที่ต้องใช้คนละแบบ แต่สิ่งที่เหมือนกันที่จำเป็นต้องพิจารณาคือการบริหารจัดการความเสี่ยง

ความเสี่ยงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม เช่นการขับรถก็ต้องคาด safety belt เพื่อลดความบาดเจ็บในกรณีเกิดอุบัติเหตุ เพราะไม่ว่าจะระวังตัวแค่ไหนอุบัติเหตุก็สามารถเกิดขึ้นได้อยู่ดี

หลักการของการลงทุนแบบเทคนิค (Technical Analysis) คือการเก็บข้อมูลในอดีตเพื่อทำนายพฤติกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ จากความโลภและความกลัวของมนุษย์ ที่แสดงออกมาในรูปแบบของราคา จนกลายเป็นวิชาที่ใช้ในการเก็งกำไรแบบมีหลักการ เช่น Elliott Wave

อดีตไม่สามารถทำนายอนาคตได้ 100% ต่อให้มีการคาดการคำนวณโดยใช้วิชาสถิติมารองรับ ก็อาจมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ เราจำเป็นต้องมีอีกวิชาหนึ่งเข้ามาบริหารจัดการความเสี่ยง

เราต้องกำหนดราคาที่ต้องสามารถเสียได้(Stop loss) ไว้ใช้ในกรณีที่คาดการณ์ผิดพลาด โดยทั่วไปจะตั้งไว้ไม่เกิน 1-2% ของพอร์ตการลงทุน

สิ่งที่นำมาปรับใช้กับการทำธุรกิจซื้อมาขายไปของผมก็คือการยอมเสียเงินเล็ก ๆ กรณีสิ่งที่คาดการว่าจะขายดีแต่กลับขายไม่ได้ 

หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ก่อนที่ผมจะนำเข้าสินค้าบางอย่างเข้ามาขาย สิ่งที่ผมจะทำคือมี stock เพียงเล็กน้อยที่พร้อมจะเสียเงินไปได้กรณีที่สถานะการณ์ไม่เป็นไปตามที่คิด สินค้าชุดนั้นอาจจะได้กำไรน้อย(เพราะสั่งจำนวนน้อย) แต่โอกาสที่จะขาดทุนหมดตัวก็ไม่มีเหมือนกัน นี่คือการตั้ง stop loss ในการทำธุรกิจ

ใช้ outsource หรือ freelance. ก่อนที่จะจ้างพนักงานประจำ ก็เป็นวิธีหนึ่งในการลดความเสี่ยงจากรายจ่ายประจำ (fix cost) กรณีการคาดการณ์ของเราไม่เป็นไปตามที่คิดเช่นกัน

แนวคิดในการทำธุรกิจและการลงทุนก็สามารถนำมาใช้กับการใช้ชีวิตโดยการจำกัดความเสี่ยงที่ยอมรับได้ในการตัดสินใจสำคัญในชีวิต เช่น

  1. ผมออกจากงานมาทำธุรกิจหลังจากที่ทำธุรกิจควบคู่กับงานประจำมาได้ 1 ปีและเห็นแนวโน้มความเป็นไปได้ 
  2. ในกรณีที่ทำธุรกิจไปแล้วไม่ประสบความสำเร็จก็ยังมีเงินเก็บสำรองที่อยู่ได้อย่างน้อย 1-2 ปี 
  3. กรณีเงินเก็บใกล้หมดผมสามารถกลับไปทำงานประจำได้เพราะอายุยังไม่เยอะ (35 ปี) และ Hard Skill ที่สะสมมากว่า 10 ปีก็ค่อนข้างหายากในอุตสาหกรรมเพราะต้องใช้เวลาในการสั่งสมประสบการณ์และเครือข่าย(Connection)

ตัวแปรสำคัญอีกอย่างก็คือ ผมยังไม่แต่งงานมีลูก ทำให้ค่าใช้จ่าย Fix Cost ในชีวิตต่ำมาก ๆ จนไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเดือนในตัวเองมากนัก แต่ถ้าสถานะการณ์เปลี่ยนไป จะทำให้อัตตราส่วนของความเสี่ยง (risk ratio) จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ อาจส่งผลให้ถึงขั้นไม่ได้ทำตามความฝันเลยในชีวิตนี้ (ซึ่งคงน่าเศร้ามาก แต่คงถ่วงเวลาได้ไม่นานนักเพราะชีวิตก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ มากมายมากดดัน ^^)

สรุปคือก่อนที่ออกจากงานมาทำธุรกิจเต็มตัว ผมได้คำนวณความเสี่ยงสูงสุด (worst case) และอัตราส่วนความเสี่ยง (risk ratio) ที่เหมาะสมไว้เรียบร้อยแล้ว คือถ้าผิดพลาดชีวิตก็ไม่ต่างจากเดิมมากนัก มันจึงเป็นความเสี่ยงที่ยอมรับได้สำหรับผม

ส่วนตัวไม่ค่อยถูกโฉลกกับกลยุทธ์ “ทุบหม้อข้าว เข้าเมือง” สักเท่าไหร่ แต่จะชอบหลักการ “เสี่ยงได้แต่ต้องไม่ตาย ล้มได้แต่ต้องลุกไหว” ในการตัดสินใจมากกว่า ส่วนอีกกลยุทธ์คือการไม่เสี่ยงอะไรเลยเลยอาจเป็นความเสี่ยงที่มากกว่าก็ได้นะครับ




Create Date : 20 เมษายน 2565
Last Update : 20 เมษายน 2565 7:38:48 น. 0 comments
Counter : 362 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

mr.popsong
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




นอกจากเป้าหมายชีวิตที่ข้าพเจ้าต้องทำให้สำเร็จแล้วสิ่งที่ข้าพเจ้าต้องการมีแค่ "เก้าอี้สบาย ๆ สักตัว หนังสือดี ๆ สักเล่ม และกีต้าร์ไว้เล่นเวลาต้องการพักสายตา พร้อมด้วยจิตใจเบิกบานไร้กังวล"
http://mrpopsong.bloggang.com
New Comments
Friends' blogs
[Add mr.popsong's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.